ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อมีหานซั่วคอยสั่งการ และมีอสูรมิติมืดคอยช่วยเหลืออีกหลายตน การตัดต้นไม้เพื่อนำมาสร้างแพจึงแล้วเสร็จในเวลาเพียงครึ่งวัน
แล้วแพไม้ทั้ง 5 แพ พร้อมไม้พายจำนวน 10 อัน ก็ถูกเข็นลงน้ำด้วยแรงของเหล่านักรบโครงกระดูก เมื่อทุกคนขึ้นไปบนแพ พร้อมด้วยกระเป๋าขนาดใหญ่ทั้ง 13 ใบที่พวกเขาดูแลรักษาอย่างดี พวกเขาก็เริ่มล่องแพข้ามแม่น้ำนีโรแลนด้วยไม้พายในมือ
หานซั่ว แฟนนี่ และลิซ่าอยู่ในแพเดียวกัน ซึ่งแฟนนี่อัญเชิญนักรบผีดิบตัวหนึ่งมาช่วยพาย ส่วนพวกเขาทั้งสามคนก็พักผ่อนบนแพ พลางทอดสายตามองวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำนีโรแลนอย่างสบายใจ
เมื่อใกล้พลบค่ำ พระอาทิตย์ส่องแสงรำไรขณะกำลังลาลับขอบฟ้า ท้องน้ำสีน้ำเงินที่ลึกสุดจะหยั่งของแม่น้ำนีโรแลนนั้นช่างสงบนิ่ง ปลาตัวใหญ่บางตัวโผล่ขึ้นจากผิวน้ำจนมองเห็นเป็นเส้นสีเงินตามการเคลื่อนไหวของมันต้นไม้สูงตระหง่านของอีกฟากฝั่งที่เห็นล้วนดำทะมึนเพราะความหนาแน่นของใบไม้ เหล่าแมลงไม่ทราบชนิดกำลังขับขานดนตรีอย่างมีความสุข ทำให้ภาวะจิตของทุกคนทั้งเงียบสงบและผ่อนคลาย
ขณะที่แฟนนี่และลิซ่ากำลังพูดคุยหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน พลางชื่นชมทิวทัศน์รอบด้าน หานซั่วก็นั่งลงบนแพไม้ในท่าขัดสมาธิ บ่มเพาะแก่นมนตราอยู่คนเดียวเงียบ ๆ เขาไม่ละความพยายามแม้เพียงวินาทีที่จะทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น และเริ่มโคจรแก่นมนตราเพื่อ “เบิกทาง” ตามเส้นชีพจรในร่างกายของเขา
ที่จริงแล้ว แฟนนี่และลิซ่ามีคำถามที่อยากจะถามหานซั่วอยู่เต็มไปหมด แต่ก็ไม่กล้ารบกวนเมื่อเห็นเขาหลับตาโดยไม่พูดอะไร และยังรู้สึกประทับใจในความขยันหมั่นเพียรของหานซั่ว พลางคิดว่า ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงพัฒนาร่างกายของตนเองได้เร็วขนาดนี้ ทั้งคู่จึงพูดคุยถกเถียงกันด้วยเสียงแผ่วเบา และหัวข้อที่พูดถึงมักมีหานซั่วมาข้องเกี่ยวด้วยเสมอ
หลังจากนิ่งเงียบไปนานพอสมควร หานซั่วก็ลืมตาตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน เมื่อรู้สึกว่าแพกำลังสั่นอย่างประหลาด ก่อนที่จะพบว่าแพนั่นลอยข้ามแม่น้ำนีโรแลนได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมาถึงยังพื้นที่เขียวชอุ่มแห่งหนึ่ง ที่มีทั้งพุ่มไม้เตี้ย ๆ และต้นไม้ต่าง ๆ ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น
แฟนนี่และลิซ่ากำลังสั่งให้อสูรมิติมืดช่วยกันขนสิ่งของที่ได้จากสงครามลงจากแพและนำขึ้นมาวางบนฝั่ง ในขณะที่จีนและคนอื่น ๆ ก็พึ่งพาตนเองได้เป็นอย่างดี ทุกคนล้วนมีสีหน้าสดชื่น ขณะใช้พลังจิตสั่งการอสูรมิติมืดให้มุ่งหน้าต่อไปยังเมืองบัลธาซาร์ทันทีที่ทราบเส้นทางชัดเจนแล้ว
หลังจากออกเดินทางกันมาตลอด 2 วันเต็ม พวกเขาก็มาถึงเมืองบัลธาซาร์ พวกเขาได้ที่พักเป็นโรงแรมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง จึงรีบจัดแจงอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และอิ่มเอมไปกับอาหารเอร็ดอร่อยมากมายจนพอใจ ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนในยามค่ำคืนอย่างมีความสุข
ในตอนนี้ การปฏิบัติต่อหานซั่วของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก แตกต่างจากช่วงเวลาก่อนเดินทางเข้าสู่ป่าทมิฬอย่างสิ้นเชิง แม้หานซั่วจะมีความสุขที่ได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติแบบนี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพักร่วมห้องกับเขาอยู่ดี ถึงขนาดก่อนเดินทางมาถึงโรงแรม พวกเขาก็รับอาสาที่จะแบกขนกระเป๋าวัตถุดิบใบหนักอึ้งด้วยตัวเอง เพราะไม่มีใครกล้าสั่งให้เขาทำ
———————————————-
เช้าวันต่อมา…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หานซั่วซึ่งพักอยู่ห้องติดกับแฟนนี่ เขารีบไปเคาะประตูห้องเธอทันทีที่ตื่น
“ครายน่ะ…?”
น้ำเสียงงัวเงียของแฟนนี่ดังขึ้นจากในห้อง
“ข้าเองครับ”
หานซั่วตอบ
“โอ้ รอแป๊บนะจ๊ะ เดี๋ยวข้าไปเปิดประตูให้ ขอล้างหน้าล้างตาให้เสร็จก่อน”
หลังจากนั้นไม่นาน แฟนนี่ก็เปิดประตู เธอสวมชุดคลุมผ้าไหมสีขาวผืนบาง ชุดคลุมยาวนุ่มลื่นแนบสนิทกับเรือนร่างเพรียวบาง ผมของเธอดูยุ่งเล็กน้อย สายตาสะลึมสะลือมองใบหน้าของหานซั่ว ก่อนจะหลบไปด้านข้างเพื่อให้เขาเดินเข้ามา
“มาทำอะไรแต่เช้าตรู่ขนาดนี้เนี่ย?”
หลังจากสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาจับจ้องเรือนร่างของแฟนนี่จนพอใจ ทันทีที่ประตูปิด หานซั่วก็นั่งลงที่โต๊ะกลมพร้อมกับยิ้ม
“อาจารย์แฟนนี่ครับ เมื่อคืน ข้ามาลองคิดดูแล้ว การที่จะเทียวหอบหิ้วสมบัติที่พวกเราได้มาจากสงครามไปเรื่อย ๆ ออกจะเป็นที่น่าสังเกตมากเกินไปหน่อย ข้าจึงมาปรึกษาท่านน่ะครับ ว่าพวกเราจะทำยังไงกับพวกมันดี”
“อื้มนั่นน่ะสิ ถ้าพวกเราจัดการกับสมบัติพวกนั้นได้เร็วขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งดี พวกเราไม่ใช่พ่อค้า และถ้าต้องหอบของทั้งหมดถ่อกลับไปถึงโรงเรียนก็ไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่ของพวกนี้มาจากเมืองดรอลทั้งนั้น ถ้าคนอื่นรู้เข้าล่ะก็ ไม่เพียงแต่เราอาจไม่ได้เหรียญทองเลยสักแดง แต่อาจเกิดปัญหายุ่งยากตามมาอีก พวกเราควรทำยังไงดีล่ะ?”
คิ้วโก่งสวยงามของเธอขมวดเล็กน้อย และก็พูดออกมาหลังจากคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง
“ถ้ามีแหวนมิติล่ะก็ คงแก้ปัญหาได้ไม่ยากเลย อาจาร์แฟนนี่ ถึงแหวนมิติจะมีค่ามากก็จริง แต่ก็น่าจะมีหลายราคาใช่มั้ยครับ?แล้วแหวนมิติที่ธรรมดาที่สุด เล็กที่สุดน่ะ วงละเท่าไหร่เหรอ?”
“ตามหลักแล้ว มีเพียงจอมขมังเวทย์สายห้วงมิติเท่านั้นล่ะจ้ะ ที่สามารถสร้างแหวนมิติขึ้นมาได้ และวัตถุดิบที่ใช้ก็มีค่ามากทีเดียว เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นแหวนขนาดไหน ราคาของพวกมันก็ยังสูงอยู่ดี แม้แต่แหวนมิติที่ใช้วัตถุดิบเลวที่สุดยังมีราคาตั้งแต่หนึ่งถึงสองพันเหรียญทองเลย เพราะแบบนี้ล่ะ มันถึงเป็นสิ่งที่ใช่ว่าทุกคนจะหามาครอบครองกันได้ง่าย ๆ ทางที่ดี เจ้าอย่าไปคิดถึงมันดีกว่านะ”
“อาจารย์แฟนนี่ครับ ท่านเป็นถึงนักเวทย์ระดับสูงแล้ว และนักเรียนส่วนใหญ่ในสาขาศาสตร์แห่งความตายก็มาจากตระกูลสูงศักดิ์กันทั้งนั้น แล้วทำไมพวกท่านถึงไม่มีแหวนมิติล่ะครับ
“ฮะ ๆ ๆ ถึงข้าจะเป็นนักเวทย์ระดับสูงก็จริง แต่ในเวลาปกติข้าก็แทบไม่ได้ออกไปจากวิทยาลัยเลย รายได้ของข้า รวมแล้วก็แค่ไม่กี่ร้อยเหรียญทองเอง แล้วข้าจะเอาที่ไหนไปซื้อแหวนมิติได้ล่ะ?สาขาศาสตร์แห่งความตายของเราเป็นสาขาที่อ่อนแอที่สุด ถ้าพวกนักเรียนมาจากตระกูลชนชั้นสูงกันหมดทุกคนจริง คงไม่มีใครเลือกเรียนสาขานี้หรอกจ้ะ แล้วอีกอย่าง พวกเขายังเรียนไม่จบ ครอบครัวของพวกเขาคงไม่มีเหตุผลอะไรต้องซื้อแหวนมิติให้หรอก”
หานซั่วพยักหน้ารับ และจริง ๆ แล้ว เขาก็เข้าใจในสิ่งที่แฟนนี่สรุปความให้เมื่อครู่เป็นอย่างดี ดูเหมือนทั้งนักเรียนและอาจารย์ในสาขาศาสตร์แห่งความตายล้วนยากจน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงตื่นเต้นดีใจกับกองของตอบแทนจากสงครามมากมายขนาดนั้น
“อย่างงี้นี่เอง แหวนมิติวงเดียวก็ปาไปเกือบสองพันเหรียญทองแล้ว หึหึหึ ดูท่าข้าคงต้องหาแหวนมิติมาให้ได้ก่อนซะแล้วสิ”
หานซั่วคิด พลางนึกถึงเหรียญทองจำนวน 2,000 เหรียญทองในตราสารคริสตัลที่มี เขาถูคางไปมาขณะใคร่ครวญอย่างหนักและรำพึงรำพันออกมา
แฟนนี่กลอกตาไปมา เธอพูดอย่างอดรนทนไม่ได้
“ทาสรับใช้อย่างเจ้าจะมีเหรียญทองสักเท่าไหร่กันเชียว และถ้าเจ้ามีเงินมากขนาดนั้นจริง เจ้าจะถูกขายมาเป็นทาสในสาขาศาสตร์แห่งความตายมาได้ยังไงตั้ง 6 ปี?”
หานซั่วหัวเราะเบา ๆ
“เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนครับ ใครว่าข้าจะยอมยากจนไปตลอดล่ะ?อย่าห่วงไปเลยครับ ข้ามีวิธีหาแหวนมิติมาได้ก็แล้วกัน”
ทันทีที่เขาพูดจบ หานซั่วก็มองซ้ายทีขวาทีจนแฟนนี่งุนงง แล้วจู่ ๆ เขาก็หยิบเอาสร้อยคอพลอยโมราที่ประดับด้วยทับทิมออกมาเส้นหนึ่ง สร้อยคอเส้นนั้นส่องแสงสีแดงจาง ๆ ในขณะที่ทับทิมเม็ดงามก็เปล่งประกายระยิบระยับ ดูเป็นอัญมณีที่มีค่ามากอย่างเห็นได้ชัด
“อาจารย์แฟนนี่ ของขวัญสำหรับท่านครับ”
หานซั่วเห็นว่าแฟนนี่กำลังจ้องมองสร้อยคอในมือเขาด้วยความหลงใหล เขาหัวเราะเบา ๆ และยื่นสร้อยคอส่งให้เธอ
เธอดีอกดีใจขึ้นมาทันที แล้วจู่ ๆ ก็หน้าแดงก่ำ เมื่อรวบรวมสติได้ เธอก็รีบถอยหลังไป
“ข้า… ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก จริงสิ เจ้าได้มันมาจากไหนน่ะ?”
“ก็จากในกระเป๋าของพวกออร์คน่ะสิครับ สายตาข้าเฉียบคมและมือก็ไวพอ ตอนที่เห็นว่ากระเป๋าใบนี้มีประกายแสงสีแดงวาบอยู่ข้างใน ก็รีบไปดูแล้วพบมันเข้านี่แหละ แล้วข้าก็คิดว่าท่านเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ถ้าสวมสร้อยเส้นนี้ด้วยแล้วล่ะก็ รับรองยิ่งทำให้ท่านมีเสน่ห์น่าน่าหลงไหลมากขึ้นอีกแน่ ๆ ข้าก็เลยเก็บมันมา และตั้งใจจะเอาให้ท่านโดยเฉพาะเลย”
หานซั่วมีท่าทีปกติ พลางพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“ข – ของชิ้นนี้มันมีค่ามากเกินไป ข้ารับไว้ไม่ได้จริง ๆ จ้ะ เจ้าเก็บไว้เองเถอะนะ”
ดวงหน้างดงามของแฟนนี่แดงเรื่อขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สายตาของเธอยังคงจับจ้องสร้อยคออย่างใกล้ชิด ราวกับว่าเธอชื่นชอบมันมากเสียเหลือเกิน แต่ยังคงมีเหตุผลมากพอที่พยายามหักห้ามใจตัวเอง
“รับไว้เถอะครับ ข้าเป็นผู้ชาย เอาไปทำอะไรไม่ได้หรอก อีกอย่าง ตลอด 3 ปีมานี่ ท่านด็ดูแลข้าเป็นอย่างดี ข้านึกขอบคุณท่านมานานแล้ว ในที่สุดก็มีโอกาสได้ตอบแทนท่านบ้างเสียที และถ้าท่านปฏิเสธไม่รับมันไว้ล่ะก็ ข้าคงเสียใจน่าดู…”
ราวกับว่าหานซั่วคนเดิมที่เคยไร้สาระ บ้าบอไปวัน ๆ ทั้งปัญญาอ่อน และจริงใจ แต่ไม่แม้แต่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ได้จริง ๆ คราวที่แล้ว เจ้าก็ช่วยชีวิตข้าไว้แล้วไง และตลอดทางมานี่ เจ้าก็ช่วยข้าอีกตั้งมากมายก่ายกอง โอ้ ถึงแม้ว่าในสระน้ำนั่น เจ้าจะ…เอ่อ…”
แฟนนี่พยายามอธิบาย เมื่อนึกถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของเขาที่สระน้ำในครั้งนั้น ใบหน้าบอบบางและมีเสน่ห์ของเธอแดงเรื่อขึ้นจนดูราวกับสีแดงเข้ม เธอกวาดสายตาไปมาขณะจ้องมองหานซั่ว
เรือนร่างอันงดงามของเธอช่างมีมนตร์เสน่ห์และเย้ายวนใจจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง ขณะที่ความคิดของหานซั่วกำลังโลดแล่นอยู่นั้น หานซั่วก็กระโดดลุกยืนขึ้น พลางยิ้มและพูดว่า
“ท่านต้องรับมันไว้นะครับ ไม่อย่างนั้นข้าคงรู้สึกแย่และละอายแก่ใจแบบนี้ไปตลอดแน่ ๆ วันนี้ข้ามีเรื่องอื่นต้องทำ ขอตัวก่อนนะครับ”
หานซั่วไม่รอให้แฟนนี่ตอบปฏิเสธเขาอีกครั้ง เขารีบตรงไปเปิดประตูออกไป และเสียงฝีเท้าของหานซั่วก็ค่อยๆ เบาลงเพราะเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ
แฟนนี่ตกตะลึงขณะที่สายตาจับจ้องที่สร้อยคอพลอยโมราประดับทับทิมเส้นนั้น สีหน้าของเธอแปลกเกินบรรยาย สายตาเด็ดเดี่ยวในทีแรก พลันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน แล้วจู่ ๆ เธอก็หน้าแดงเรื่อด้วยความโกรธ แล้วก็สลับเป็นอารมณ์อื่นแบบนี้ไปมา ราวกับอารมณ์หลากหลายรูปแบบล้วนรวมตัวกันแวะเวียนมาปรากฏบนใบหน้าของเธออย่างไม่ขาดสาย
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook : Louktan Translate นิยายแปลไทย
(0 votes) 0/10