I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 58 ความสามารถของนักรบโครงกระดูก

| Great Demon King | 1182 | 2368 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“โอ วิญญาณแห่งทหารกล้าผู้ล่วงลับ จงสดับฟังเสียงเพรียกแห่งสาส์นทมิฬ และปรากฏกายเบื้องหน้าข้า!”

ระหว่างที่กำลังวิ่งลงจากหน้าผาไปสู่ทางเบื้องล่างหานซั่วก็ร่ายเวทย์อัญเชิญทันที

นักรบโครงกระดูกลักษณะธรรมดาทั่วไปตัวหนึ่งปรากฏกายขึ้นกลางพื้นทางเบื้องล่าง ทันทีที่เห็นมัน หานซั่วก็ใช้พลังจิตสั่งการทันที — ปล้นของจากพวกมันมาให้หมด

นักรบโครงกระดูกตัวนี้ ไม่ใช่ตัวเดียวที่หานซั่วหลอมขึ้นมาด้วยแก่นมนตรา เมื่อเทียบกับเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กแล้ว ทั้งความเร็วและพละกำลังช่างแตกต่างยิ่งกว่าฟ้ากับเหว กระดูกของมันเสียดสีกันไปมาและลั่นดังทุกท่วงท่าที่ขยับ

 

 

เจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก ที่มีร่างทั้งร่างเป็นสีดำราวน้ำหมึก และเดือยกระดูก 7 ชิ้นที่หลังนั้น สร้างความวุ่นวายโกลาหลที่วิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนมามากเกินไป หากมีใครรู้เข้าว่าแท้จริงแล้ว คนอัญเชิญเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กนั่นก็คือเขาเอง คงต้องมีปัญหาตามมาแน่ ๆ ดังนั้น หานซั่วจึงไม่กล้าเสี่ยงอัญเชิญมันมาในเวลานี้

“ทุกคน เร็วเข้า ไม่งั้นของทุกอย่างมีหวังโดนคนอื่นฉกไปหมดแน่!”

กลุ่มคนที่ตามมาทีหลังรวมทั้งไอรีนจากสาขาเวทมนตร์ธาตุแสงรีบร้องบอกเมื่อเห็นว่าพวกของหานซั่วและคนอื่น ๆ กำลังกรูกันลงไปเบื้องล่าง จึงรีบตามมาทันที

ด้านสาขาศาสตร์แห่งความตาย แฟนนี่ ลิซ่า และคนอื่น ๆ สะดุ้งเมื่อเห็นหานซั่วอัญเชิญนักรบโครงกระดูกออกมา แต่ไม่นานก็รวบรวมสติได้อีกครั้ง และอัญเชิญนักรบโครงกระดูกออกมาบ้างด้วยท่าทีเบิกบานใจเกินบรรยาย

แล้วนักรบโครงกระดูกกว่า 10 ตัวที่อัญเชิญโดยแฟนนี่ ลิซ่า และคนอื่น ๆ พวกเขาเริ่มใช้พลังจิตสั่งการทันที นักรบโครงกระดูกยื่นแขนเก้งก้างของมันออกไปรวบเอากระเป๋าขนาดใหญ่หลายใบขึ้นมาจากพื้น

สิ่งของในกระเป๋าของหน่วยรบหมาป่าล้วนเป็นสิ่งที่มันเพิ่งขโมยมา และในเมื่อพวกมันล้มตายกันหมดแล้ว กระเป๋าที่ปราศจากผู้เป็นเจ้าของเหล่านี้ จึงกลายเป็นรางวัลแห่งเกมการแย่งชิงของผู้ใดก็ตามที่คว้ามันมาไว้ได้ก่อน ด้านหานซั่ว ในที่สุด นักรบโครงกระดูกที่แทบไร้ค่าในการต่อสู้ ก็ได้ทำตัวมีประโยชน์ได้บ้าง แม้ว่าจะเชื่องช้าอยู่สักหน่อย นักรบโครงกระดูกทุกตัวล้วนมีกระเป๋าอย่างน้อย 1 ใบห้อยอยู่ในมือ

ในฐานะผู้เป็นนาย หานซั่ว แฟนนี่ ลิซ่า และคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้นั่งเฉย ทุกคนต่างมีถือกระเป๋าเต็มไม้เต็มมือเช่นกัน ในขณะที่ลำพังหานซั่วคนเดียวกลับถือกระเป๋าถึง 4 ใบ และมีท่าทีลำพองราวกับแมวที่ภาคภูมิใจกับนกขมิ้นที่มันจับได้

พวกของหานซั่วกวาดของที่หน่วยรบหมาป่าของพวกออร์คทิ้งไว้ไปแล้วกว่า 80% ในขณะที่คนแปลกหน้าอีกกลุ่มหนึ่งก็จัดการกวาดไปอีก  20% ที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ ชุดเกราะ และยาต่าง ๆ จากเมืองดรอล ทุกชิ้นล้วนเป็นของที่มีมูลค่าสูง หากนำกลับไปขายที่จักรวรรดิ จะต้องได้รับการเสนอราคาที่สูงและผลตอบแทนอย่างงามแน่นอน

หลังจากสั่งให้นักรบโครงกระดูกทุกตัวเข้าแถวเรียงกันด้วยความเป็นระเบียนเรียบร้อย หานซั่วก็หันไปยิ้มและมองหน้าแฟนนี่

“อาจารย์แฟนนี่ครับ ด้วยของทั้งหมดนี้รวมกับของที่พวกเราหามาได้จากป่าทมิฬกลับไปถึงวิทยาลัยเมื่อไหร่ ฝ่ายบริหารโรงเรียนต้องมองพวกเราไม่เหมือนเดิมแน่ ๆ เลยล่ะ”

แฟนนี่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มจนลืมพฤติกรรมของหานซั่วที่เธอเคยไม่พอใจไปเสียสนิท ทั้งสีหน้าและแววตาล้วนเปล่งประกายด้วยความสุขจนล้นปรี่ เธอพูดอย่างแผ่วเบาพลางมองหน้าเขา

“อาจจะไม่ก็ได้นะ เพราะของส่วนใหญ่มาจากร้านค้าในเมืองดรอลที่ถูกปล้น ถึงแม้ว่าพวกพ่อค้าเจ้าของร้านจะกำลังหลบหนี หรืออาจจะตายไปแล้วก็เถอะ แต่ถ้าทางจักรวรรดิรู้ที่มาของพวกมันเมื่อไหร่ อาจจะโดนยึดคืนไปทั้งหมดเลยก็ได้”

ความกังวลของแฟนนี่ก็ไม่ไร้เหตุผลเสียทีเดียว หานซั่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และจู่ ๆ ก็นึกถึงเฟเบียน พ่อค้าที่เขาบังเอิญเจอในป่าทมิฬขึ้นมา ก่อนที่ทั้งสองคนจะแยกทางกัน เฟเบียนให้กระดาษจดที่อยู่กับหานซั่วไว้แผ่นหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เขาหาตัวเฟเบียนและเจรจาธุรกิจได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และเฟเบียนเองก็เป็นสมาชิกสมาคิมพ่อค้าตระกูลบูซท์ที่มีอิทธิพลและลู่ทางมากมายในการกำจัดสินค้าทั้งหมดนี้ในรูปแบบที่ถูกที่ควร

เมื่อวิเคราะห์เรียบร้อยหานซั่วก็ยิ้มอย่างมั่นใจให้แฟนนี่

“อาจารย์แฟนนี่ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอกครับตราบใดที่พวกเรากลับไปถึงจักรวรรดิแบบครบ 32 กันทุกคนล่ะก็ข้ามีวิธีกำจัดของพวกนี้อยู่รับรองว่าจะไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยให้ตามสืบเลยล่ะ”

แฟนนี่มองหานซั่วอย่างคลางแคลงใจ ก่อนที่จะส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยอารมณ์

“ไบรอัน ดูเหมือนข้าจะยิ่งรู้จักเจ้าน้อยลงทุกที ยังมีความลับอีกกี่อย่างกันที่ยังปิดบังพวกเราไว้… แล้วคนอย่างเจ้าจะมีวิธีกำจัดของพวกนี้ทั้งหมดได้ยังไง?”

หานซั่วหัวเราะเล็กน้อย

“ไว้คุยเรื่องนี้กันทีหลังดีกว่าครับ ข้าว่าสิ่งแรกที่ต้องทำในตอนนี้คือหาวิธีออกไปจากที่นี่ และกลับไปยังจักรวรรดิให้เร็วที่สุดต่างหาก”

ขณะที่หานซั่วและแฟนนี่กำลังคุยกันอยู่ บีชเชอร์และคนอื่น ๆ รวมทั้งจีน บาค และคนอื่น ๆ จากสาขาศาสตร์แห่งความตายก็กลับมาจากการไล่ล่าพวกออร์ค ดูจากท่าทีโล่งใจของพวกเขาแล้ว หานซั่วรู้ทันทีว่าออร์คทุกตัวคงกลับบ้านเก่ากันไปจนหมดครบทุกตนแล้ว

และก็เป็นจริงตามนั้น เมื่อบีชเชอร์และคนอื่น ๆ เดินมาถึง เขาก็ร้องบอกอย่างภาคภูมิใจทันที

“ทุกท่าน ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ไม่มีออร์ครอดชีวิตเลยสักตน พวกเราน่าจะพักผ่อนอย่างสบายใจไปได้สักพัก…”

บีชเชอร์เพิ่งพูดได้เพียงครึ่งทางขณะที่เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจและร้องอุทาน
“เอ๋? เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

นอกจากกองซากศพของหน่วยรบหมาป่าของพวกออร์คแล้ว กระเป๋าทุกใบถูกกลุ่มคนที่เหลืออยู่ปลดออกไปทั้งหมด โดยเฉพาะฝั่งของหานซั่วแฟนนี่ และนักรบโครงกระดูกที่ยืนเรียงแถวแน่นิ่ง และแต่ละตัวก็ถือกระเป๋าใบยักษ์ไว้ในมือ

แฟนนี่ดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เธออ้าปากแต่กลับไม่กล้าจะพูดอะไร ในที่สุด เธอก็ได้แต่จ้องมองหานซั่วที่แปลได้ว่าหานซั่วควรจะเป็นคนตอบมากกว่า

เขาเดินตรงไปข้างหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สีหน้าของเขาปราศจากความกังวลใจโดยสิ้นเชิง และวางกระเป๋าใบใหญ่ 2 ใบลง ก่อนจะร้องเรียกเหล่าทหารรับจ้าง ทหาร และนักเวทย์ที่เพิ่งเดินกลับมา ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกับใครมาก่อน

“นี่คือผลพลอยได้จากสงครามครั้งนี้ครับ ท่านนักสู้ผู้กล้าหาญ รีบมารับไปเถอะ อีกไม่นานพวกเราคงต้องแยกย้ายกันไป แต่เมื่อกี้ อย่างน้อยพวกเราก็ได้ช่วยกันจัดการพวกออร์คด้วยกัน ขอให้ของพวกนี้เป็นเหมือนที่ระลึกถึงการต่อสู้ในครั้งนี้ของพวกเรานะครับ”

“ได้เลยตกลงตามนั้น!”

แล้วนักผจญภัยราว 10 คนที่เพิ่งมาถึงต่างตื่นเต้นดีใจและวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้นพวกเขารีบรื้อค้นข้าวของที่อยู่ในกระเป๋า

บีชเชอร์และนักเรียนคนอื่น ๆ จากสาขาเวทมนตร์ธาตุแสงกำลังจะเข้าร่วมวงด้วยอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าไอรีนและคนอื่น ๆ ที่เหลือต่างหอบหิ้วกระเป๋ามาได้คนละหลายใบเช่นกัน พวกเขาจึงหยุดและเดินตรงไปหาไอรีนแทน

“พ่อหนุ่ม เจ้านี่เป็นสหายที่น่าทึ่งจริง ๆ ถ้าในอนาคต อยากใช้บริการหน่วยหมาป่าสงครามของพวกเราล่ะก็ บอกมาได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ห้ามแม้แต่จะลังเลเลยเชียวล่ะ!”

“ฮะ ๆ ๆ ข้าก็ดีใจที่ได้เป็นสหายกับพวกท่านครับ ถ้าต้องการยาล่ะก็ มาหาข้าได้ทุกเมื่อเลย”

กลุ่มคนเหล่านั้นต่างพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ขณะรื้อค้นสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋า พร้อมกันกับที่กระดาษจดข้อมูลติดต่อจำนวนมากถูกส่งถึงมือหานซั่ว

“อาจารย์แฟนนี่ ทำไมเราต้องให้ของกับคนพวกนั้นไปด้วยล่ะคะ? ไบรอันทำบ้าอะไรของเขาน่ะ?”

อาธีน่า นักเรียนสาขาศาสตร์แห่งความตายคนหนึ่งพูดขึ้นมา ขณะเฝ้ามองกระเป๋าที่เคยเป็นของหานซั่วถูกรื้อค้นกระจุยกระจายด้วยความเจ็บปวด และถามอย่างอารมณ์เสีย

“วิธีของเขาถูกต้องแล้วล่ะจ้ะ ถ้าพวกเราเหมาของทุกอย่างไว้เองแต่ฝ่ายเดียว ในขณะที่คนกลุ่มนี้ไม่ได้อะไรเลย พวกเขาต้องรายงานเรื่องนี้กับทางจักรวรรดิแน่ หรือบางทีอาจจะวางแผนปล้นเราทีหลังเพราะความโมโหด้วยซ้ำ แล้วพวกเราเองก็ต้องลำบากมากขึ้นไปอีก

ที่ไบรอันให้ไปก็เป็นเพียงของส่วนน้อยเท่านั้น ทั้งยังให้พวกเขาได้เลือกสิ่งที่ต้องการอย่างอิสระ ทำแบบนี้ พวกนั้นก็จะโอนอ่อนผ่อนตามไปกับเรา และปิดปากเงียบ อีกอย่าง พวกเขาก็ไม่มีทั้งแหวนมิติ (แหวนบรรจุสรรพสิ่ง) และอัญเชิญนักรบโครงกระดูกมาใช้งานไม่ได้เหมือนพวกเรา พวกเขาก็หอบหิ้วข้าวของอะไรไปไม่ได้มากอยู่แล้วล่ะจ้ะ และท้ายที่สุดแล้ว เราก็ยังเป็นฝ่ายที่ได้ประโยชน์มากที่สุดอยู่ดี แถมยังชนะใจและได้มิตรภาพของนักผจญภัยพวกนั้นกลับมาอีก ไบรอันในตอนนี้แข็งแกร่งและเติบโตขึ้นมากเลยจริง ๆ นะ”

ดวงตาคู่งามของแฟนนี่จับจ้องไปที่ร่างของหานซั่ว ซึ่งกำลังพูดคุยและหัวเราะร่วนอยู่กับเหล่านักผจญภัยอย่างไม่ละสายตา พลางอธิบายให้อาธีน่าฟัง

“ดูเหมือนเขาจะมีแต่ปริศนามากขึ้นอยู่เรื่อย สงสัยจริงว่าไปเรียนรู้ทุกอย่างพวกนั้นมาจากไหน แต่สิ่งที่เขารู้ก็มีประโยชน์มากจริง ๆ นั่นล่ะ”

ลิซ่าเหม่อมองหานซั่วและพึมพำออกมา พลางนึกถึงตอนที่เขาสอนวิธีเพิ่มขนาดหน้าอกให้เธอ

“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนเลือกของที่ตัวเองต้องการกันครบแล้ว แยกย้ายกันตรงนี้แล้วกันนะครับ และแน่นอน ข้าไม่เขินหรอก ถ้าอนาคตเกิดต้องการความช่วยเหลือจากพวกท่านขึ้นมา ฮ่าฮ่าฮ่า”

หานซั่วพูดคุยอย่างคุ้นเคยและมีความสุข ในขณะที่กระเป๋าทั้งสี่ใบของเขาล้วนว่างเปล่า

ทหารรับจ้างและนักผจญภัยเหล่านี้ล้วนได้ของที่ต้องการรวมทั้งผลตอบแทนกลับไปไม่มากก็น้อย ตอนที่พวกเขามองหานซั่ว ล้วนเต็มไปด้วยความปิติยินดีอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาค่อย ๆ จากไปทีละคน ๆ เมื่อหยอกล้อกันครบวง รวมทั้งบีชเชอร์และนักเรียนคนอื่น ๆ ก็จากไป หลังแวะมาขอบคุณแฟนนี่

ในที่สุด จีนก็โพล่งขึ้นมาด้วยความเสียดายเมื่อเหลือเพียงกลุ่มของหานซั่วในบริเวณนั้น

“รู้งี้ ข้าไม่พุ่งตามพวกนั้นออกไปซะก็ดีหรอก ไม่อย่างนั้น พวกกระเป๋าในมือของพวกสาขาเวทย์ธาตุแสงคงเป็นของพวกเราไปนานแล้วล่ะ”

แฟนนี่ไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ กับความเสียดายของจีน แต่กลับรู้สึกว่า ทั้ง ๆ ที่จีนเองก็อายุมากกว่า แต่สติปัญญากลับเทียบหานซั่วไม่ได้เลย ความรู้สึกรังเกียจวาบขึ้นมาในหัวใจโดยที่เธอไม่รู้ตัว

“เอาล่ะ พวกเราจะทำอะไรกันต่อไปดี?

แฟนนี่มองหานซั่วและถามออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

หานซั่วเงยหน้าขึ้นมองแม่น้ำนีโรแลนอันกว้างใหญ่ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยเสียงแผ่วเบา

“ข้างล่างหุบเขานี้พอมีต้นไม้สูงตระหง่านอยู่บ้าง ในกระเป๋าของพวกเราก็พอมีของมีคมใหญ่ ๆ กับม้วนเชือกอยู่ ถ้าโค่นต้นไม้สักต้นสองต้นมาต่อเป็นแพล่ะก็ น่าจะพอไหวครับ แล้วพวกเราก็จะได้ใช้แพข้ามแม่น้ำนีโรแลนไปจนถึงเมืองบัลธาซาร์ได้”

“เข้าใจล่ะ งั้นทำไมเจ้าไม่บอกคนอื่น ๆ ที่เพิ่งไปเมื่อกี้ด้วยล่ะ?”

จีนถามขึ้นทันทีเมื่อได้ยินหานซั่วพูด

“พวกเขาจะอยากไปไหนมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะครับ? อีกอย่าง พอพวกนั้นไป ก็จะช่วยดึงความสนใจของพวกออร์คให้ไกลไปจากเรา ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับกลุ่มเราได้อีกต่างหาก แบบนี้ไม่ดีเหรอครับ?”

หานซั่วยิ้มเจื่อน ๆ พลางอธิบายข้อเท็จจริง

ทั้งแฟนนี่ จีน และคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงกับคำพูดของหานซั่ว และมองหานซั่วต่างไปจากเดิมแบบสุดขั้วมากยิ่งขึ้นอีก ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ยังพูดคุยหัวเราะร่วนอย่างมีความสุขกับพวกนั้นอยู่แท้ ๆ แต่ในใจกลับตระเตรียมแผนร้ายนี้ไว้อย่างดิบดี

ในขณะที่จีนบาคและเบลล่าต่างมองหน้ากันไปมาและคิดถึงสิ่งที่ตนเองเคยทำไว้กับหานซั่วในอดีตขณะที่จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงความเย็นเยียบบางอย่างวาบขึ้นมาเกาะกินหัวใจ

 


ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook : Louktan Translate นิยายแปลไทย

 

 

(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments