ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปภายในถ้ำนั้นคับแคบกว่าที่หานซั่วคิด แต่เพราะเหล่าคนแคระที่ตัวเตี้ยกว่ามากจึงเดินไปมาในถ้ำนั้นได้อย่างสบาย ๆ ส่วนหานซั่วก็ค่อนข้างลำบากอยู่สักหน่อย แม้จะมีตะเกียงน้ำมันส่องแสงอยู่ตามทาง แต่ภายในถ้ำก็ยังมืดอยู่ดี
หลังจากเดินเข้าไปได้ไม่กี่นาที หานซั่วก็ต้องเริ่มก้มตัวเดิน ยิ่งลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งชื้นแฉะมากขึ้นเท่านั้น เศษหินแตกกระจายเกลื่อนอยู่ตามพื้น และเมื่อเข้ามาถึงจุดที่หานซั่วรู้สึกว่ายากเกินกว่าจะก้มตัวเดินต่อไปไหว คนแคระทั้งสามคนก็หยุดทันที
เบื้องหน้านั้นเอง คนแคระหลายคนต่างถือพลั่วและค้อนโลหะในมือ พยายามขุดเข้าไปให้ลึกที่สุดที่พวกเขาสามารถขุดได้ เสียงกะเทาะหินดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเห็นว่าหานซั่วเดินเข้ามา พวกเขาก็หยุดการเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย และจ้องมองหานซั่วด้วยแววตาเคลือบแคลงสงสัย
“ถ้ำแห่งนี้จะยิ่งกว้างใหญ่มากยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเราสามารถผ่านช่องแคบนี่ไปได้ ข้างในยังมีแร่เหล็กและแร่ทองแดงอีกมาก แต่ตอนที่พวกเรากำลังลำเลียงแร่ออกมา เพดานถ้ำก็ถล่มลงมาเสียก่อน เมื่อสองสามวันก่อนนี้เอง ก็เลยต้องพยายามกันแทบตาย เพื่อเปิดทางตรงนี้ให้ได้อีกครั้ง”
เบนเน็ตต์เอนหลังพิงก้อนหินอย่างอ่อนแรง ขณะจ้องมองหานซั่วและอธิบายให้เขาฟัง
หานซั่วพยักหน้ารับ
“เข้าใจแล้วครับ งั้นขอทางให้ข้าหน่อย ข้าจะอัญเชิญนักรบโครงกระดูกออกมา แล้วค่อยให้พวกมันเข้าไปขุดแร่ข้างใน”
พวกคนแคระรีบถอยออกห่างจากบริเวณนั้นตามคำแนะนำของหานซั่ว แม้แต่คนแคระที่อยู่ห่างไปไกลที่สุด เมื่อไม่มีคนแคระอยู่ภายในถ้ำแล้ว หานซั่วเริ่มร่ายเวทย์อัญเชิญทันที แล้วนักรบโครงกระดูกจำนวน 7 ตัว ก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันยืนเรียงแถวกันจนขวางเต็มทางเดิน
เดิมที หานซั่วสามารถควบคุมนักรบโครงกระดูกได้เพียง 6 ตัวเท่านั้น แต่เมื่อเขาฝึกสมาธิเข้าฌานโดยใช้ประโยชน์จากลูกแก้วปริศนาสีเขียว พลังจิตของเขาจึงเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง และสามารถสั่งการนักรบโครงกระดูกได้พร้อมกันทีเดียวถึง 7 ตัว
“วางพลั่วและค้อนเหล็กของพวกท่านไว้บนพื้นได้เลยครับ ข้าจะสั่งให้นักรบโครงกระดูกใช้อุปกรณ์ของพวกท่านเข้าไปขุดแร่ข้างใน”
เมื่อนักรบโครงกระดูกทั้ง 7 ตัวปรากฏขึ้นมาแล้ว หานซั่วก็หันไปพูดกับเหล่าคนแคระที่ถอยหลังหลบไปไกล
เมื่อได้ยินที่หานซั่วพูด เหล่าคนแคระลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็วางอุปกรณ์ขุดแร่ในมือลงทีละคนตามคำชักชวนของเบนเน็ตต์ ส่วนหานซั่วก็สั่งให้นักรบโครงกระดูกวางกริชกระดูกในมือลง และหยิบอุปกรณ์ขุดแร่บนพื้นขึ้นมาแทน ก่อนที่พวกมันแต่ละตัวจะค่อย ๆ ก้มตัวลงมุดเข้าสู่เบื้องลึกของเหมืองถ้ำแห่งนั้น
นอกจากนี้ หานซั่วยังอัญเชิญ “เจตภูต” อีกตนหนึ่งให้ลอยตามเหล่านักรบโครงกระดูกเข้าไปด้านใน และด้วยความช่วยเหลือของเจตภูตตนนี้ จึงทำให้หานซั่วสามารถสำรวจสิ่งแวดล้อมภายในถ้ำได้ เพราะไม่ว่าเจตภูตจะลอยไปในที่ใด หานซั่วก็สามารถรับรู้และเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เจตภูตตนนั้นเห็น ราวกับเขาไปอยู่ที่นั่นด้วยตนเอง
อย่างที่พวกคนแคระบอก นักรบโครงกระดูกจะต้องค่อย ๆ เข้าไปผ่านช่องแคบเล็กๆ นี่ไปให้ได้ ก่อนจะออกไปเจอช่องทางที่กว้างขึ้น เว้นเพียงแต่ว่า ข้างในไม่มีแสงไฟเลยแม้แต่น้อย ทำให้หานซั่วไม่สามารถมองเห็นสิ่งรอบข้างได้อย่างชัดเจน
ในขณะที่ “เจตภูต” และนักรบโครงกระดูกเริ่มเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่หานซั่วสัมผัสได้ว่าไม่สามารถควบคุมเหล่าอสูรมิติมืดต่อไปได้อีก เขาจึงเริ่มภารกิจขุดแร่ โดยมี “เจตภูต” เป็นสื่อกลางทัศนวิสัย หานซั่วก็รวบรวมพลังจิตสั่งให้นักรบโครงกระดูกทั้ง 7 ตัวเริ่มกะเทาะและขุดแร่รอบตัวทันที
เสียงครืนสะเทือนดังลั่นหลังจากเหล่านักรบโครงกระดูกเริ่มเคลื่อนไหว …ไม่นานนัก หานซั่วก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนผ่าน “เจตภูต” ว่าเป็นเพราะการขุดของเหล่านักรบโครงกระดูก ทำให้หินที่อยู่ด้านบนเพดานถ้ำเคลื่อนตัว จนมีหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งร่วงลงมา ทับนักรบโครงกระดูกตัวหนึ่งจนแหลกละเอียดเป็นเศษกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หานซั่วยืนอยู่เบื้องหน้าเหล่าคนแคระ เขาหลับตา และรวบรวมสมาธิอีกครั้ง คอยสั่งการนักรบโครงกระดูกด้วยความระมัดระวัง เขาส่ง “เจตภูต” ขึ้นไปสังเกตการณ์ด้านบนเพดานถ้ำ และเฝ้ามองก้อนหินที่มีทีท่าจะร่วงลงมาอีกอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะได้ส่งนักรบโครงกระดูกให้รีบหลบไปด้านข้างได้ทันเวลา
หลังจากเฝ้าทำเช่นนี้ไปได้สักพัก นักรบโครงกระดูกอีกตัวหนึ่งก็ถูกก้อนหินขนาดใหญ่อีกก้อนหนึ่งร่วงลงมาทับจนร่างแตกละเอียด พลังจิตของหานซั่วก็หมดไปเป็นปริมาณมากจนเริ่มรู้สึกเวียนหัวและทรงตัวลำบาก เขารู้ทันทีว่าเขากำลังใช้พลังจิตมากเกินไป จึงรีบสั่งให้นักรบโครงกระดูกอีก 5 ตัวที่เหลือหยุดขุดแร่ และโกยหินแร่ที่พวกมันขุดได้ถอยกลับมาทันที
เมื่อนักรบโครงกระดูกทั้ง 5 ตนเริ่มส่งหินแร่ผ่านช่องแคบที่เป็นทางเข้าโดยวางบนพื้นทีละก้อน ๆ เหล่าคนแคระที่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเบนเน็ตต์ต่างดีอกดีใจ และรีบเดินเข้าไปช่วยส่งต่อหินแร่โดยไม่รีรอ แล้วพวกเขาก็ขนหินแร่เหล่านั้นมายังฝั่งที่หานซั่วอยู่ได้อย่างปลอดภัย
หลังจากผ่านไปได้ไม่กี่นาที หานซั่วก็รู้สึกว่าพลังจิตของเขาไม่เพียงพอต่อการสั่งการนักรบโครงกระดูกอีกต่อไปแล้ว เขาจึงร่ายเวทย์อีกครั้งทันที เพื่อส่งนักรบโครงกระดูกที่เหลืออยู่ รวมทั้ง “เจตภูต” อีกตนกลับไปยังอีกมิติหนึ่งทันที
ในตอนนั้นเอง ปากทางเข้าที่อยู่ตรงหน้าหานซั่วก็เต็มไปด้วยหินแร่ก้อนใหญ่จำนวนมาก เหล่าคนแคระต่างโห่ร้องอย่างดีใจ และรุมล้อมเข้ามาเก็บหินแร่มาใส่ไว้ในกระเป๋าที่หลังของพวกเขาด้วยความกระตือรือร้น
“โอ สหายรัก เพราะความช่วยเหลือของท่านแท้ ๆ หินแร่ที่เก็บได้ครั้งนี้มากกว่าจำนวนที่พวกเราเก็บมาทั้งสัปดาห์รวมกันเสียอีก แร่เหล็กและแร่ทองแดงที่น่าดูชมเหล่านี้สามารถนำไปหลอมเป็นอาวุธที่งดงามได้หลังจากนำไปถลุงให้บริสุทธิ์แล้ว ช่างน่ายินดีจริง ๆ!”
แม้เบนเน็ตต์จะอ่อนแรงเพราะอาการบาดเจ็บ แต่เขาก็ปิติยินดีเป็นที่สุดเมื่อเห็นพวกพ้องต่างกำลังกะเทาะเศษหินส่วนเกินออกและเก็บแร่ไป พร้อมทั้งแสดงความซาบซึ้งที่มีต่อหานซั่วด้วยความตื่นเต้น
ในขณะที่เหล่าคนแคระคนอื่น ๆ กำลังเก็บหินแร่ด้วยความเบิกบานใจ พลางหัวเราะร่วนขณะหยิบถุงหนังที่พวกเขาพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลาออกมา และกรอกเบียร์ลงคอหลายอึกใหญ่อย่างเปรมปรีด์
“คุณพระช่วย อะไรน่ะ? นี่มันคืออะไรกัน?”
คนแคระคนหนึ่งร้องอุทานขึ้นจนทุกคนหันมา และกรูกันเข้าไปหาเขา
แม้แต่หานซั่วเองก็ประหลาดใจเช่นกันและเหลือบมองไปทางคนแคระผู้นั้น แต่เพราะถูกคนแคระคนอื่น ๆ รุมล้อมอยู่ จึงถูกบดบังจนมองอะไรไม่เห็น จึงต้องเดินมาดูด้วยตนเองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ขณะที่ในหัวของหานซั่วกำลังเต็มไปด้วยความสงสัย จู่ ๆ เบนเน็ตต์ก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาถึงกับโยนถุงหนังใส่เบียร์ขึ้นฟ้า และกระโดดโลดเต้นไปมารอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นดีใจสุดขีด ก่อนจะตะโกนด้วยเสียงดังลั่น
“เหล็กสีนิล ให้ตายเถอะ เหล็กสีนิลจริง ๆ ด้วย ข้ามั่นใจ โอ….สวรรค์ช่วย มีเหล็กสีนิลอยู่ข้างในแบบนี้ หัวหน้าเผ่าต้องคลั่งแน่ ๆ ถ้าเขารู้ว่าพวกเราค้นพบอะไร!”
แม้แต่คนแคระคนอื่น ๆ ต่างดีใจจนหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินสิ่งที่เบนเน็ตต์พูด และเต้นรำไปมา พลางชูค้อนเหล็กในมือขึ้นสูงและกระหน่ำทุบใส่กำแพงระรัวทุกด้านอย่างบ้าคลั่ง จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวทำเอาหานซั่วรู้สึกกลัว
หานซั่วแอบถอนหายใจด้วยความโล่งใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เบนเน็ตต์พูด และเข้าใจว่าพวกคนแคระคงเจอโลหะดี ๆ เข้า ถึงได้ตื่นเต้นดีใจกันเป็นบ้าเป็นหลังถึงขนาดนี้ จนแม้แต่เขาเองก็ยังรู้สึกดีใจไปด้วย
ไม่นานนัก หานซั่วก็เริ่มถามเหล่าคนแคระที่ดูเหมือนเริ่มจะสงบสติอารมณ์ลงบ้างแล้ว
“เบนเน็ตต์ เหล็กสีนิลคือแร่ประเภทไหนเหรอครับ? มันมีค่ามากเลยเหรอ?”
เบนเน็ตต์พยักหน้ารัว ๆ ราวกับไก่ที่กำลังจิกเมล็ดข้าว และพูดด้วยความตื่นเต้น
“แน่นอน! มันมีค่ามาก… มากถึงมากที่สุด ความหนาแน่นและความแข็งแกร่งของมันมีค่าสูงที่สุดในหมู่หินแร่ทั้งมวล แต่กลับมีน้ำหนักเบากว่าโลหะใด ๆ และไม่มีวันขึ้นสนิม สามารถเปลี่ยนสีได้ตามวัตถุดิบอื่นที่ผสมเพิ่มเติมลงไป มันเป็นแร่วัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับการตีเป็นอาวุธ ถือเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้เราเลยก็ว่าได้!”
หานซั่วกำลังจะร่วมแสดงความยินดีกับพวกคนแคระอยู่แล้ว แต่ทันใดนั้นเอง บางอย่างก็วาบขึ้นในหัว ตามมาด้วยความทรงจำส่วนหนึ่งที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาเป็นสาย ทำให้เขารู้ทันทีว่าคุณสมบัติของเหล็กสีนิลนี้ ตามความทรงจำของชูชางหลานแล้ว มันคือวัตถุดิบที่มีค่ามากอย่างหนึ่งที่ใช้สำหรับหลอมขุมพลังมนตรา เรียกว่า — โลหะอาถรรพ์
“น่าเสียดายที่มันมีขนาดเล็กไปหน่อย น่าจะพอตีให้เป็นมีดสั้นได้แค่เล่มเดียวเอง”
หลังจากที่เบนเน็ตต์ตื่นเต้นดีใจไปแล้ว เขาก็จ้องมองเหล็กสีนิลในมือของคนแคระอีกคนด้วยความนึกเศร้าใจเล็กน้อย
“เบนเน็ตต์ อย่าเพิ่งรีบหดหู่อย่างนั้นสิ ข้างในนั่นต้องมีเหล็กสีนิลอยู่อีกมากแน่ ๆ บางทีครั้งหน้า พวกเราอาจจะขุดได้ก้อนใหญ่กว่านี้ก็ได้ แล้วเราก็จะได้ตีอาวุธที่คมกริบที่สุดเท่าที่เคยสร้างกันมาเลย!”
คนแคระที่ชื่อเบนสันร้องบอก
“สหายข้า ขอบคุณในความช่วยเหลือของท่านจริง ๆ เรายินดีแบ่งปันเหมืองนี่กับท่าน ท่านช่วยเราต่อไปได้มั้ย? พร้อมแบ่งหินแร่ที่พวกเราขุดกันได้ให้ท่านด้วย”
เบนเน็ตต์มองหานซั่วด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าหลังจากได้ยินที่เบนสันพูด
“ข้าดีใจที่พวกท่านไว้วางในตัวข้าครับ และข้าก็ยินดีช่วยเหมือนกัน แต่วันนี้ข้าเพลียมากเกินไป คงต้องพักสักคืน แล้วข้าจะกลับมาช่วยท่านขุดแร่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ตกลงมั้ยครับ?”
หานซั่วแอบหัวเราะในใจ และตอบเบนเน็ตต์ด้วยความสุภาพนอบน้อม
“แน่นอน แน่นอน พรุ่งนี้พวกเราจะมากันตั้งแต่เช้าพร้อมกับหัวหน้าเผ่า หวังว่าท่านจะแวะมาอีกครั้งนะ!”
เบนเน็ตต์รีบตอบทันที
หานซั่วยิ้มและพยักหน้ารับ
“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ!”
เมื่อพูดจบ หานซั่วก็จากไปโดยไม่ได้หยิบหินแร่กลับไปสักชิ้นเดียว เขาเดินออกไปด้วยท่าทีสบาย ๆ จนถึงปากถ้ำ ทิ้งเหล่าคนแคระที่ยังคงตื่นเต้นดีใจและซดเบียร์อึกใหญ่อย่างต่อเนื่องไว้เบื้องหลัง
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook : Louktan Translate นิยายแปลไทย
(0 votes) 0/10