ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อพลังจิตของเขาหมดลง แต่ก็ได้รับกลับคืนมาจากการเข้าฌาณซึ่งเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับการฝึกแบบปกติ เมื่อหานซั่วกลับมายังสุสานแห่งความตายและเข้าฌาณตลอดทั้งคืน พลังจิตของเขาก็เต็มปริ่มขึ้นอีกครั้ง หานซั่วจึงได้ข้อสรุป
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักเวทย์ผู้ใช้ความตายแล้ว จะไม่สามารถใช้เวทย์ใด ๆ ได้เลยหากปราศจากพลังจิต ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่ทำให้พวกเขาตกที่นั่งลำบากมาก เช่นนั้นแล้ว ปกติจึงไม่มีนักเวทย์คนใดที่ใช้พลังจิตของตนจนหมดในครั้งเดียว
ตั้งแต่ที่พวกคนแคระบอกว่ายินดีจะแบ่งปันเหมืองให้หานซั่วใช้ร่วมกัน จึงช่วยไม่ได้ที่หานซั่วจะวางแผนการอีกอย่างหนึ่งขึ้นมา ดูเหมือนว่าภายในส่วนลึกของถ้ำจะมีแร่โลหะและแร่ทองแดงอยู่อีกมาก ทำให้ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าพวกคนแคระจะขุดค้นถ้ำได้ทั้งหมด
แต่ด้วยความช่วยเหลือของหานซั่ว ที่สามารถสั่งการอสูรที่อัญเชิญมาที่ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการขุดแร่ได้มาก และหากนำแร่ทองแดงและแร่เหล็กพวกนี้กลับไปขายที่จักรวรรดิ ต้องได้รับผลตอบแทนอย่างงามแน่นอน โดยเฉพาะเหล็กสีนิล ซึ่งตามความเข้าใจของหานซั่วและท่าทีของเหล่าคนแคระในวันนี้แล้ว เหล็กสีนิลเป็นแร่วัตถุดิบที่มีค่ามาก และบางทีอาจจะขายได้ในราคาที่น่าตกใจมากเลยทีเดียว
ในป่าทมิฬแห่งนี้น่าจะมีหมู่บ้านของเผ่าคนแคระอยู่ไม่กี่แห่ง และแต่ละเผ่าก็มีจำนวนคนไม่มาก ต่อให้รวมกันทุกหมู่บ้านแล้ว พวกเขาอาจจะไม่ได้ต้องการแร่โลหะและแร่ทองแดงมากมายอะไรขนาดนั้น และในเมื่อเป็นเช่นนี้ หานซั่วจึงวางแผนการอีกอย่างไว้ในใจ
หลังจากหยดเลือดของตัวเขาเอง และถ่ายเทแก่นมนตราลงไปใน “โพรงปีศาจปฐมภูมิ” แล้ว หานซั่วก็เดินทางออกจากสุสานแห่งความตายแต่เช้าตรู่ และรีบไปที่เหมืองทันที
หานซั่วคิดว่าตนเองมาถึงก่อนเวลา แต่แล้วก็พบว่าพวกคนแคระมาถึงที่ปากทางเข้าเหมืองพร้อมกันกับเขาอย่างพอเหมาะพอเจาะ วันนี้พวกคนแคระมากันเยอะกว่าวันที่ผ่านมาเป็นเท่าตัว และดูจากท่าทีของพวกเขาแล้ว คงจะตื่นเต้นจนหลับไม่ลงกันมาตลอดคืน
คนแคระหนึ่งในนั้นมีเคราสีเทาและถือไม้เท้าช่วยพยุงตัว เขากำลังถ่ายทอดคำแนะนำอย่างเป็นจริงเป็นจังอยู่ท่ามกลางเหล่าคนแคระคนอื่น ๆ รวมทั้งเบนเน็ตต์ ทุกคนต่างตั้งใจฟังด้วยความเคารพ
หานซั่วตั้งใจก้าวเท้าให้ได้ยินจนพวกคนแคระต่างพากันหันมามอง เบนเน็ตต์รีบชูค้อนเหล็กในมือขึ้นสูง และร้องเรียกทันทีที่เห็นหานซั่วปรากฏตัว
“สวัสดี สหายรัก พวกเรามารอเจ้าตั้งนานแน่ะ!”
เมื่อหานซั่วเดินเข้าไปใกล้ คนแคระชราผู้มีเคราสีเทาโค้งให้หานซั่วตามมารยาทของมนุษย์เพื่อแสดงความขอบคุณ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา
“สหายผู้แข็งแกร่งและกล้าหาญ ขอบคุณที่ท่านมาช่วยพวกเราอีกครั้ง ข้าคือ หัวหน้าคาลวินแห่งหมู่บ้านคนแคระ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบท่าน”
“ข้าชื่อหานซั่ว เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากพวกท่านเช่นกันครับ”
เพราะที่นี่อยู่ห่างไกลจากวิทยาลัย และไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา หานซั่วจึงบอกชื่อจริงของตนกับพวกคนแคระ
“ท่านหานผู้กล้า นามของท่านประหลาดยิ่งนัก ข้าไม่เคยได้ยินใครใช้ชื่อนี้มาก่อน ฮ่า ๆ ๆ พวกลูกบ้านของข้าบอกว่าท่านคือชายที่สมควรได้รับความไว้วางใจ หมู่บ้านของพวกเราจึงยินดีแบ่งปันความลับแห่งเหมืองนี้กับท่าน ข้าเพียงหวังว่าพวกเราจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเช่นนี้ต่อไปในอนาคตนะ”
ทีแรกคาลวินมองหานซั่วด้วยความประหลาดใจเพราะรู้สึกสนเท่ห์ในชื่อแปลก ๆ นั้น แต่แล้วใบหน้าของเขาก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะพูดกับหานซั่วต่อไป
“ถ้าอย่างนั้น ข้าคิดว่าพวกเรามาเริ่มงานกันเลยมั้ยครับ”
แม้ว่าคาลวินจะไม่ได้รีบร้อนหรือนิ่งนอนใจแต่อย่างใด หากแต่เป็นสายตาของคนแคระทุกคนที่ต่างจ้องมองไปยังถ้ำเบื้องหลังพร้อมกันเป็นตาเดียว ซึ่งบ่งบอกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขากำลังกระเหี้ยนกระหือรืออยากเข้าไปมากแค่ไหน หานซั่วจึงไม่ได้พูดอะไรมาก พร้อมกับเชิญชวนให้เริ่มงาน
“ไม่ต้องรีบหรอก”
คาลวินคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางจ้องมองไปที่หานซั่ว
“หาน ทำไมท่านถึงช่วยเราเช่นนี้ล่ะ? ในเมื่อพวกเราแบ่งปันเหมืองนี้ร่วมกัน แต่เหตุใดแล้ว เมื่อวานท่านถึงไม่เอาแร่เหล็กและแร่ทองแดงครึ่งหนึ่งในส่วนของท่านกลับไปด้วยเลย?”
ผู้เฒ่าวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และดูเหมือนพวกคนแคระคนอื่น ๆ ก็คิดเช่นเดียวกัน หานซั่วมองหน้าคาลวินและเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไป
“ในครั้งแรก ข้ามีเรื่องกับพวกโทรลล์ป่าอยู่ก่อนแล้ว ยังไม่รวมถึงที่ข้าประทับใจในจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่เอาความตายเป็นเดิมพันของเบนเน็ตต์และคนอื่น ๆ ที่แสดงให้ข้าเห็นในวันนั้น ก็เลยเป็นเหตุผลที่ข้าช่วยเหลือพวกเขาเป็นครั้งแรกครับ
“นอกจากนี้แล้ว พวกเขาก็ช่วยข้าสู้กับพวกหมาป่าคมวายุ ซึ่งจริง ๆ พวกมันก็เป็นเหยื่อของข้าอยู่แล้วด้วย การช่วยพวกท่านขุดแร่จึงเป็นเรื่องเล็กมากครับ ข้าเองก็ไม่รู้วิธีตีอาวุธ และข้าก็ไม่คิดว่าตัวข้าเองจะใช้ประโยชน์อะไรได้ต่อให้เอาทั้งแร่เหล็กและแร่ทองแดงพวกนี้กลับไป ข้าถึงไม่ได้เอาอะไรกลับไปเลย ท่านผู้เฒ่าคาลวิน ได้โปรดเชื่อข้าครับครับ ข้าไม่มีเจตนาน่าสงสัยอื่นใดอีกจริง ๆ ครับ”
“ใช่ครับ หัวหน้า หานเป็นสหายที่ยอดเยี่ยม และไม่เหมือนมนุษย์คนอื่นเลยจริง ๆ”
เบนเน็ตต์รีบโพล่งบอกคนแคระชราทันที
คาลวินพยักหน้ารับ โค้งให้หานซั่วและกล่าวอย่างนอบน้อม
“อภัยให้ข้าด้วย หาน ข้าแก่มากแล้ว และประสบพบเจอมนุษย์จอมเจ้าเล่ห์มากมายเหลือเกิน ทำให้ถามท่านออกไปเช่นนั้น หวังว่าท่านจะไม่ถือสานะ”
“สิ่งที่ท่านทำถูกต้องแล้วครับ ข้าเข้าใจในความกังวลของท่าน”
“ลำพังพลังของพวกเราเองแล้ว ก็ลำบากยากเย็นเกินไปหากจะขุดแร่ที่อยู่ลึกไปกว่านี้ แต่ในเมื่อพวกเราแบ่งปันความลับร่วมกันแล้ว ก็ยินดีที่จะแบ่งปันทุกสิ่งทุกอย่างที่หาได้ข้างในนั้นกับท่านด้วย รวมถึงเหล็กสีนิลที่พระเจ้าประทานมาให้ พวกเรายินดีแบ่งปันทุกสิ่งอย่างด้วยความเท่าเทียมและหวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ มิเช่นนั้นแล้ว พวกเราคงรู้สึกละอายใจมากทีเดียว”
คาลวินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวคำมั่นนี้อย่างจริงจัง
เมื่อได้ยินที่คาลวินพูด หานซั่วก็คิดว่า แม้คนแคระจะทั้งหัวแข็งและอารมณ์ร้าย พวกเขาก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่ควรค่าแก่การคบหามากเลยทีเดียว คำมั่นของคาลวินทำให้หานซั่วถึงกับละอายแก่ใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความตั้งใจจริง ๆ ของตัวเอง เขาใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนก่อนจะตอบออกไป
“วางใจเถอะครับ ท่านผู้เฒ่า ข้ายอมรับข้อตกลงของท่านครับ และหลังจากนี้ ถ้าข้ารวบรวมเหล็กสีนิลได้มากพอ ข้าขออนุญาตขอร้องพวกท่านให้ตีมันเป็นอาวุธให้ข้าจะได้มั้ยครับ?”
“ไม่มีปัญหาเลย หาน วางใจได้ หากรวบรวมเหล็กสีนิลได้เพียงพอ ข้าจะจัดการสร้างอาวุธที่คู่ควรกับท่านด้วยตัวของข้าเองเลยทีเดียว”
คาลวินให้คำมั่นพร้อมกับรอยยิ้ม
“ตกลงครับ งั้นพวกเราเริ่มงานกันเลยเถอะ!”
หานซั่วพับแผนการต่าง ๆ ของเขาเองเก็บไป พลางคิดว่าในที่สุด การได้มาซึ่ง “คมมีดพิชิตมาร”* ก็กำลังเป็นไปตามแผน เขายิ้มไม่หุบขณะเดินเข้าถ้ำนั้นไปกับพวกคนแคระ
*เดิมแปลว่า คมมีดปราบปีศาจ เปลี่ยนเป็น คมมีดพิชิตมาร
หลังจากขุดแร่กันมาครึ่งวัน พลังจิตของหานซั่วก็ใกล้หมดลงอีกครั้ง เขาออกมาจากถ้ำด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ และผลผลิตของวันนี้ก็มากกว่าวันที่ผ่านมาเสียอีก นอกจากแร่เหล็กและแร่ทองแดงจำนวนมากแล้ว พวกเขาก็ได้เหล็กสีนิลมาอีก 2 ก้อน เป็นก้อนเล็กหนึ่งก้อน และก้อนใหญ่อีกหนึ่งก้อน เขายื่นก้อนใหญ่ส่งให้หัวหน้าเผ่าทันที ในขณะที่เก็บก้อนเล็กของเขาเองไว้ในแหวนมิติ
ณ ปากทางเข้าถ้ำ พวกคนแคระต่างเก็บข้าวของด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย และแบกกระเป๋าที่มีหินแร่อยู่เต็มขึ้นพาดไหล่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส เตรียมขนของกลับหมู่บ้าน
“หาน ท่านปรารถนาจะสร้างอาวุธประเภทใดรึ?”
คาลวินถามขึ้นก่อนจะจากไป
หานซั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบมีดออกมาวาดภาพร่างของคมมีดพิชิตมารขึ้นบนพื้นดิน เขาชี้ไปที่ภาพนั้นและอธิบายกับคาลวิน
“ถ้าได้อาวุธรูปร่างแบบนี้คงดีมากเลยครับ ข้าอยากได้ชนิดที่ดีเยี่ยมที่สุด และคมกริบมากที่สุด ไม่ทราบว่าท่านพอจะทำได้รึเปล่าครับ?”
คาลวินหรี่ตาและก้มลงมองพินิจพิจารณาภาพร่างของคมมีดพิชิตมารอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้าไม่เคยเห็นอาวุธหน้าตาแบบนี้มาก่อน น่าสนใจจริง ๆ การสร้างอาวุธน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าท่านต้องการให้มันดีเยี่ยมและคมกริบที่สุด เราต้องหาวัตถุดิบมาเพิ่มอีกสักหน่อย ซึ่งที่หมู่บ้านของเรามีเก็บตุนไว้ไม่เพียงพอเสียด้วยสิ”
ความคิดของหานซั่วโลดแล่นด้วยความรวดเร็วทันที พลางนึกถึงสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ด้วยคิดว่าจะทุ่มเทกับคมมีดพิชิตมารอย่างสุดกำลัง
“ได้โปรดบอกข้าเถอะ ท่านผู้เฒ่า ว่าท่านจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบอะไรอีก แล้วข้าจะหาวิธีรวบรวมวัตถุดิบที่ขาดไปมาให้ได้ เพราะข้าต้องการอาวุธระดับสูงจริง ๆ”
“ท่านมีกระดาษกับปากการึเปล่าล่ะ?”
“มีแน่นอนครับ”
หานซั่วเอากระดาษกับปากกาที่เตรียมพกมาด้วยตั้งแต่ก่อนเดินทางมายังสุสานแห่งความตายออกมาจากแหวนมิติ และยื่นให้คาลวิน
“ไม่ต้องห่วงเรื่องวัตถุดิบที่ยังขาดหายไปนะครับ ข้าจะหาวิธีรวบรวมพวกมันมาให้ครบโดยเร็วที่สุดเลย”
“ตกลงตามนั้น”
คาลวินพยักหน้า และเริ่มจดรายการวัตถุดิบทั้งหมดลงบนกระดาษ เมื่อเสร็จแล้วเขาก็ยื่นให้หานซั่ว
“หาน ตราบใดที่ท่านหาวัตถุดิบพวกนี้มาได้ครบถ้วน ขอยืนยันเลยว่าข้าจะสร้างอาวุธคมกริบอย่างที่ไม่มีอาวุธใดเทียบได้ให้แก่ท่านได้แน่นอน”
“ข้าคงต้องขุดเหล็กสีนิลให้ได้มากพอต่อการสร้างอาวุธชิ้นนี้ก่อนล่ะครับ ข้าถึงค่อยคิดหาวิธีรวบรวมวัตถุดิบพวกนี้ แล้วพรุ่งนี้เช้าข้าจะรีบกลับมาช่วยขุดแร่ต่อนะครับ”
เมื่อพูดจบ หานซั่วก็ออกจากเหมืองไปทันที
แล้วหานซั่วก็ทำเช่นเดิมเรื่อยมา โดยร่วมขุดแร่กับเหล่าคนแคระเป็นเวลาติดต่อกันถึง 10 วัน
เมื่อหานซั่วรวบรวมเหล็กสีนิลได้มากพอ และเหล่าคนแคระต่างก็ได้หินแร่กลับไปเป็นจำนวนมาก คาลวินก็เสนอให้หยุดการขุดแร่ไว้ก่อนชั่วคราว และเริ่มหลอมหินแร่ที่ได้มานำไปตีเป็นอาวุธ แล้วพวกเขาจะกลับมายังเหมืองแห่งนี้อีกครั้งเมื่ออาวุธเริ่มขาดแคลน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หานซั่วได้รับความไว้วางใจจากเหล่าคนแคระ รวมทั้งตอบรับคำเชิญของคาลวินเพื่อไปยังหมู่บ้านของพวกเขาและดื่มเบียร์ฉลองกันจนหนำใจ ทำให้เขารู้ตำแหน่งที่แน่นอนของหมู่บ้านคนแคระ
เมื่อหานซั่วหยดเลือดและถ่ายเทแก่นมนตราลงไปใน “โพรงปีศาจปฐมภูมิ” เหมือนอย่างเคย เขาก็ใช้มิติเวทมนตร์เคลื่อนย้ายเพื่อออกจากสุสานแห่งความตาย
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook : Louktan Translate นิยายแปลไทย
(0 votes) 0/10