ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อดวงตะวันลับขอบฟ้า คบเพลิงถูกจุดขึ้นทั่วทั้งหุบเขา ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมัวเหล่าชายหนุ่มและหญิงสาว ที่มีคุณสมบัติผ่านการทดสอบ พวกเขาก็ได้เป็น ผู้รับใช้ ของหุบเขา – พยัคฆ์ขาว
ซึ่งถือเป็น สมาชิกส่วนหนึ่งของหุบเขา – พยัคฆ์ฯมีแต่ ‘หวัง หลิน’ และ ‘ชูเฟิง’ ที่ยังไม่ออกมาจากภายในเต็นท์ จนทำให้ชายตัวใหญ่และชายชรา เริ่มเป็นกังวล
หลังจากที่เห็นฉากเมื่อกี้ที่ผู้เฒ่าปฏิบัติต่อ’ชูเฟิง’ พวกเขาที่เอาแต่เยาะเย้ย ‘ชูเฟิง’ ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกอับอายขายหน้าที่คิดว่าเขาเป็นแค่ไอ้บ้านนอกคนหนึ่ง และเริ่มกงวัลว่า ‘ชูเฟิง’ จะทำอะไร ‘หวัง หลิน’พวกเขาทุกคนที่อยู่รอบๆสามารถบอกได้ว่า ผู้จัดการ ‘จาง’ มีความประทับใจต่อ ‘ชูเฟิง’
ไม่งั้นเขาคงไม่ยอมฝ่าฝืนกฏ ยอมให้คนนอกโจมตีคนจากหุบเขา – พยัคฆ์ฯเป็นแน่
” ลุง จ้าว ลุง หลิว อย่างไรก็ตาม เมื่อหวัง หลิน ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา ความกังวลก็พัดหายไปเหมือนก้อนเมฆ”
” คุณหนู ท่านผ่านแล้ว!!! “
ชายตัวใหญ่ก้มมองสัญลักษณ์ผู้รับใช้บนหน้าอกของ ‘หวัง หลิน’ พวกเขาแสนจะดีใจและตื่นเต้น หลังจากที่คนที่ได้รับชุดคนของหุบเขา – พยัคฆ์หมายถึงการฝึกฝนทักษะพลังวิญญาณก็จะราบรื่น
” ไร้สาระ คุณหนูของเราเก่งกาจจะตาย ไม่มีเหตุผลที่นางจะไม่ผ่าน “
ชายชราหัวเราะ เพราะเขารู้สึกมีความสุขกับ’หวัง หลิน’ จากก้นบึ้งของหัวใจแม้ว่าสถานการณ์ของตะกูล’หวัง หลิน’ จะดีระดับที่ว่ามีกินมีใช้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับการได้เป็นคนของ หุบเขา – พยัคฆ์
หากนางได้กลายเป็น ผู้รับใช้ นางก็พอจะมีสถานะตำแหน่ง อยู่ในระดับหนึ่งดังนั้น พวกเขาจึงไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะต้องอายและไม่คิดว่าตัวเองต้อยต่ำเปรียบเหมือนกับเป็นทาส แต่พวกเขากับรู้สึกภาคภูมิใจ เหมือนกับได้เป็นศิษย์จากสำนักคนหนึ่งมากกว่า
” หวัง หลิน ดูเหมือนว่าข้ากับท่านต้องจากกันตรงนี้ ข้าขอขอบคุณที่นำทางมาส่งข้าถึงนี่ “
ในตอนนั่น ‘ชูเฟิง’ เดินเข้ามา
” อย่าได้กล่าวเยี่ยงนั้น หากข้าไม่ได้ท่าน ข้าคงไม่อาจผ่านการสอบในวันนี้ “
‘หวังหลิน’ ทำหน้าอายนิดๆ
” ตกลง ท่านไม่ต้องสุภาพกับข้าก็ได้ ตอนนี้เราอยู่ในหุบเขา – พยัคฆ์ บางทีเราอาจจะได้พบกันอีก “
‘ชูเฟิง’ยิ้มพร้อมกับโบกมือลา ก่อนที่จะหันหลังจากไป ตรงบริเวณที่ผู้จัดการ ‘จาง’ ยืนรอ อยู่เมื่อชายชราและชายตัวใหญ่เห็นสัญลักษณ์ผู้รับใช้ บนหน้าอกของ ‘ชูเฟิง’ พวกเขาที่ยืนอยู่ต่างมองไปอย่างไร้จุดหมายและความประหลาดใจปรากฏทั่วทั้งใบหน้าของพวกเขา
หลังจากคิดดีๆ พวกเขาก็คิดตามความรู้สึกที่เห็นและกล่าว
” ที่เขาผ่านได้เป็นผู้รับใช้ และสามารถเอาชนะ ผู้รับใช้พวกนั่นได้เขาคงมีพลังวิญญาณอย่างน้อย อยู่ในระดับ 4 ห้วงวิญญาณใช่ไหม ? “
” เอ๋ๆ “
‘หวัง หลิน’ ยิ้มเบาๆและกล่าว
” ถูกต้อง หินสีดำขนาดใหญที่ใช้ในการทดสอบ แตกละเอียดด้วยเพียงการชกในครั้งเดียว แม้แต่ผู้จัดการ จาง ยังถอนหายใจด้วยความชื่นชม “
” ข้าคิดว่าในอนาคตเขาต้องมีสถานะตำแหน่งไม่ธรรมดาแน่ๆ หากยังคงอยู่ใน หุบเขา – พยัคฆ์ คราวนี้ เราจะไปตัดสินและดูถูกใคร จากภายนอกมิได้แล้ว “
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ ‘หวัง หลิน’ ชายตัวใหญ่และชายชราเริ่มรู้สึกอับอายมากกว่าเก่า พวกเขาคิดว่าที่’ชูเฟิง’ทำ อาจจะรนหาที่ตาย แต่ถูกอย่างกลับตาลปัดในตอนนี้ ด้วยความสามารถพิเศษของ ‘ชูเฟิง’ ไม่เพียงทำให้เขาสามารถเข้าไปยังหุบเขา – พยัคฆ์ฯได้สำเร็จ แน่นอนว่าเขาต้องกลายเป็นคนชื่อเสียงและมีสถานะตำแหน่งในอนาคต
มันจะเกิดขึ้นในตอนไหนนั้นก็เป็นเรื่องของเวลาดังนั้น การกระทำของพวกเขาในตอนนี้นั้นถือว่าทำผิดต่ออนาคตของพวกเขาอย่างมหันต์ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเสียมิตรสหาย อย่าง ‘ชูเฟิง’ พวกเขายังกลัวว่า ‘ชูเฟิง’ จะกลับมาแก้แค้นในอนาคต
” ไม่ต้องกังหรอกพวกท่าน เขาไม่ใช่คนใจแตบ “
เห็นความกังวลของพวกเขา ‘หวัง หลิน’ จึงได้แต่ปลอบใจ
” นั่นสินะ ดูเหมือนว่าคนเราจะตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้จริงๆ “
ในตอนนั้นชายชรา กับ ชายตัวใหญ่ ต่างมีท่าทีสงบเสงี่ยมลงลำไส้ของพวกเขาในตอนนั้นแสนจะปั่นป่วน ด้วยความสำนึก พวกเขาไม่คิดว่า ‘ชูเฟิง’ จะเป็นอัจฉริยะขนาดนี้ พวกเขาที่ไปดูถูกเยาะเย้ย’ชูเฟิง’
ตอนนี้พวกเขาก็พร้อมน้อมรับกับผลที่จะตามมาพวกเขาพบว่า ‘ชูเฟิง’ อยู่ในระดับ 4 ห้วงวิญญาณ นั่นเพราะ’ชูเฟิง’ ปกปิด พลังที่แท้จริงของเขาเอาไว้ พลังจริงๆของเขาอยู่ในระดับ 1 กำเนิดวิญญาณ หากมีใครรู้พวกเขาจะต้องสงสัยและสืบความเป็นมา
หลังจากที่อำลา ‘หวัง หลิน’ ‘ชูเฟิง’ และอีกกลุ่มได้ถูกนำทางไปยังภายในหุบเขา – พยัคฆ์ แต่เนื่องจากสถานะตำแหน่งที่ต่างกัน แน่นอนว่าสถานที่พักอาศัยของพวกเขาก็แตกต่างกันไป
ภายในหุบเขา – พยัคฆ์ฯ ภายใน เต็มไปด้วย ตำหนัก อาคาร มากมาย นับไม่ถ้วน มีบ้านพักหลังเล็กๆ เป็นที่พักอาศัยของเหล่า ผู้รับใช้ นี่เป็นสถานที่พักสำหรับ ‘ชูเฟิง’ ในคืนนี้
” ข้าไม่เคยนึกเลยว่าจะแอบเข้ามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ “
‘ชูเฟิง’ นั่งไขว้ขาอยู่บนเตียง พร้อมกับเหลือบมองสัญลักษณ์ผู้รับใช้บนหน้าอก ในนั่นมีคัมภีร์อยู่เล่มหนึ่ง
มันคือ ทักษะการต่อสู้ ระดับ 2 โดยถูก ผู้จัดการ ‘จาง’ นำมาใส่ไว้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ แม้แต่ผู้รับใช้ของหุบเขา-พยัคฆ์ การที่จะได้รับอนุญาติให้สามารถฝึกฝนทักษะการต่อสู้ ต้องมาเป็นผู้รับใช้ในระยะเวลาหนึ่งหาได้ยากมากที่คนจะพึ่งเข้ามาเป็นผู้รับใช้แล้วจะได้รับทักษะการต่อสู้
แบบ ‘ชูเฟิง’ ที่พึ่งเข้ามาในหุบเขา-พยัคฆ์โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบความเป็นมาแต่ ‘ชูเฟิง’ นั้นไม่ต้องการฝึก ทักษะระดับ 2 ในตอนนี้ เพราะปัจจุบันเขาก็เหนื่อยแสนเหนื่อย เขาทิ้งตัวลงบนเตียง จากนั้นก็เผลอหลับไป
จากนั้น ‘ชูเฟิง’ ก็พยายามปกปิดตัวเอง อยู่ในหุบเขา – พยัคฆ์ ภายไปแล้ว 10 วัน แม้ว่าเขาจะมีสถานะ เป็น ผู้รับใช้ แต่เขาก็ถูกจัดอยู่ในระดับสูง
‘ชูเฟิง’ ไม่ต้องมาทำงาน เหมือนอย่างคนส่วนใหญ่ คนที่ทำงานมีแค่ผู้รับใช้ระดับ กลาง และ ผู้รับใช้ระดับ ล่าง
‘ชูเฟิง’ จึงเอาเวลาส่วนใหญ่ไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับความลับของหุบเขา – พยัคฆ์ขาว เป็นเวลา 10 วัน ‘ชูเฟิง’จึงได้ข้อมูลมาส่วนหนึ่ง และเข้าใจความเป็นมาของ หุบเขา – พยัคฆ์ขาวหุบเขาพยัคฆ์ขาว มีประวัติความเป็นมามากว่า 500 ปี ในเรื่องของอำนาจ ไม่ได้แย่ไปกว่าเหล่าสำนักต่างๆ
ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จัดว่าไม่ธรรมดา มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนอาศัยอยู่ แต่เนื่องจากมันเป็นสถานที่ค่อนข้างไกล คนในอาณาจักรมังกรฟ้าจึงน้อยมาก ที่จะรู้ว่าสถานที่นี้เป็นยังไง มีแต่ผู้ที่อาศัยอยู่ในที่นี้เท่านั้นที่รู้ในช่วงเวลา 500 ปีก่อน ยังไม่มีเมืองที่เรียกว่า หุบเขาพยัคฆ์ฯ
ในตอนนั้น ผู้คนจำนวนมากเดินทางไปทั่วทุกสารทิศบริเวณเทือกเขารอบๆอาณาจักร ที่ๆมีทรัพยากรหลงเหลือ และอยู่มาวันหนึ่งพวกเขาก็พบปัญหาในการเดินทางพวกเขาไม่สามารถเดินทางออกจากเทือกเขาได้เลย พวกเขาจึงต้องปักรากฐานอยู่ที่แห่งนี้ในตอนนั้น ของช่วงภูเขาพยัคฆ์ขาวมีอยู่ครอบครัวหนึ่งมีบุคคลที่สามารถใช้พลังวิญญาณได้
โดยที่ครอบครัวธรรมดาๆไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยหากไม่ได้รับการส่งต่อจากตะกูลที่เป็นผู้ครอบครองทักษะยุทธเขาก็คือผู้สร้าง หุบเขา – พยัคฆ์ขาว ‘มู่หรง เสียวเหยา’ ที่เกิดในครอบครัวของชาวบ้านธรรมดา ในตอนที่เขาโตเป็นหนุ่ม เขาไม่อาจทนอยู่กับการใช้ชีวิตที่ไร้ค่าแบบนี้ต่อไปได้
เขาจึงแอบเข้าไปเป็นคนใช้ของตะกูลที่ครอบครองทักษะยุทธ เขาแอบคบกับหญิงสาวจากตะกูลนั้น จากนั้นนางก็ยอมสอนทักษะการต่อสู้และยังถ่ายทอดทักษะลับให้กับเขาอีก
แต่เมื่อความลับของ ‘มู่หรง เสียวเหยา’ ถูกเปิดเผย ตะกูลนั้นก็ส่งคนตามล่าตัวเขา ในตอนท้าย เขาถูกบังคับให้หนีเข้าไปยังพื้นที่ต้องห้ามตอนนั้นทุกคนต่างคิดว่า ‘มู่หรง เสี่ยวเหยา’ ได้ตายไปแล้ว
ใน 5 ปีต่อมา จู่ๆเขาก็เดินออกมาจากพื้นที่ต้องห้ามและได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ร้ายกาจที่สุดในยุคนั้น ที่ๆเขาไปก็คือภายในพื้นที่ต้องห้ามของหุบเขา – พยัคฆ์ขาวเมื่อ ‘มู่หรง เสียวเหยา’ ออกมาจากที่นั้น และพบว่าคนรักของเขาได้ถูกฆ่าตายโดยฝีมือของคนในครอบครัว
ด้วยความโกรธเขาจึงฆ่าพวกนั้นทั้งหมด จากนั้นเขาก็เดินทางกลับมา สร้าง หุบเขา – พยัคฆ์ขาวหลังจากที่หุบเขา – พยัคฆ์ขาว ได้ถูกก่อตั้ง เขาก็ได้กลายเป็นประมุขของหุบเขานั้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจากโลกภายนอกยังเข้าร่วมกับ หุบเขา – พยัคฆ์ขาว
จากนั้น ‘มู่หรง เสียวเหยา’ ได้กระจายข่าวเรื่องจะสอนทักษะการต่อสู้ให้กับคนธรรมดาเพื่อเปลี่ยนแปลงหุบเขา – พยัคฆ์ขาวให้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเส้นทางแห่งการต่อสู้ เพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตาที่ต้องเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ทำนา ทำไร่
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . . . . . . . . . .
ที่มา: