ตอนต่อไปแปลไทย : XiaoeyuGao
“ เมื่อสองปีก่อนข้าได้บอกเจ้าแล้วนะ ว่าเจ้าเป็นกายนักปราชญ์บุพกาล มีแต่ต้องฝึกวิชา<กลืนฟ้า> เท่านั้นแหละ ถึงจะปลุกพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวเจ้าได้ ”
“ ขอเพียงเจ้าฝึกวิชานี้ ขั้นหลอมกายของเจ้าก็จะมีพลังกายอย่างต่ำที่สุดหนึ่งแสนชั่ง ! ”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งหนึ่งขึ้นที่ข้างหูของมัน ‘เต้าหลิง’แทบจะหัวร่อออกมาในทันทีที่ได้ยิน ขั้นพลังหลอม กายหนึ่งแสนชั่ง ? หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปคงได้ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะตายเลย เพราะว่าขั้นพลัง หลอมกายแค่หนึ่งหมื่นชั่งก็นับว่าแข็งแกร่งสุด ๆแล้ว
ในขณะที่มันกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของหญิงสาวอยู่นั้น“ ปัง !”
ปรากฏเสียงหนึ่งดังลั่นขึ้นบนโต๊ะ ใจของ’เต้าหลิง’เต้นสั่นระรัวขึ้นทันทีด้วยความตกใจ มันตื่นออกมาจากความฝันนั้นทันทีและก็ยืนขึ้นตามสัญชาติญาณของมัน สายตาจับจ้องไปที่สาวสวยคนหนึ่งซึ่งใบหน้าของนางตอนนี้ก็แดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ
ที่นี่ก็คือสำนักชิงซานและ’เต้าหลิง’เองก็เป็นศิษย์ของที่นี่ ส่วนสาวสวยที่อยู่ตรงหน้ามันก็คืออาจารย์ของมันนั่นเอง
‘เยว่อวิ้น’สวมกำไลหยกสีเขียวที่ข้อมือของนาง ฟันสีขาวของนางขบกัดริมฝีปากสีแดงแน่น เจ้าขยะคนนี้มันหลับในห้องฝึกอีกแล้ว !ศิษย์คนอื่น ๆในห้องฝึกพากันหัวเราะกันใหญ่ เจ้า’เต้าหลิง’มันเป็นขยะที่มีชื่อเสียงโด่งดังเลยทีเดียวในสำนักชิงซาน มันอยู่ที่สำนักนี้มาได้สองปีแล้ว ทว่ากลับไม่มีการพัฒนาใดๆเลย วันๆมันเอาแต่นอน ไม่ว่าจะนอนมากแค่ไหนก็ไม่เคยพอสำหรับมัน ดังนั้นมันจึงมีฉายาว่า ‘ เทพแห่งการนอน ’
‘เต้าหลิง’ไม่มีกระจิตกระใจที่จะชื่นชมใบหน้าที่ชวนหลงเสน่ห์ของสาวสวยที่ยืนตรงหน้าแม้แต่น้อยหรือแม้แต่ท่าทีที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของนางมันก็เมินเฉยราวกับเป็นเรื่องสนุก
ขณะนี้ในใจของมันตอนนี้กำลังตกตะลึงเป็นอย่างมาก เพราะว่าเสียงที่กระซิบในความฝันเมื่อสองปีก่อน ได้หวนกลับมาอีกครั้ง
เมื่อสองปีก่อนมันเคยได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นในขณะที่มันกำลังเป็นลมล้มไปจากการฝึก ทั้งนี้มันยังได้เรียนรู้ขั้นตอนการฝึกวิชากลืนฟ้าอีกด้วยตอนแรกมันก็คิดว่ามันนั้นคิดไปเอง มันคิดว่าจะต้องมีใครมาหยอกล้อมันแน่ เพราะว่าหากมันทำตามคำแนะนำในการฝึกจริง ๆหละก็ มันจะต้องตายแน่นอน !
ข้ามีร่างกายที่พิเศษอย่างนั้นหรือ ? ‘เต้าหลิง’ยิ้มเยาะออกมาทันที ทุก ๆวันมันเอาแต่นอน นอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอสำหรับมัน แล้วมันจะไปมีร่างกายที่พิเศษตามคำบอกเล่าของนางได้อย่างไรเล่า ?
ทว่า สองปีผ่านไป เสียงประหลาดนั้นก็หวนกลับมาอีกครั้ง ทั้งยังให้มันฝึกวิชากลืนฟ้าอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้มันรู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง หรือว่ามันจะไม่ได้คิดไปเอง ? หากเป็นเช่นนั้นแล้วนางเป็นใครกัน
ขณะนี้แก้มทั้งสองข้างของ’เยว่อวิ้น’กลายเป็นสีแดงก่ำ ในใจของนางร้อนรุ่มดั่งไฟแผดเผา โมโหโกรธายิ่งกว่าเดิม เจ้า’เต้าหลิง’มันถูกข้าจับได้ว่าแอบหลับแล้วไม่ขอโทษยังพอทน แต่มันกลับทำท่าเหมือนกับกำลัง ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มันคิดจะทำอะไรกันแน่นะ ? หรือเป็นเพราะข้าปล่อยมันมากเกินไป ตอนนี้มันถึงได้ไม่สนใจข้า !
‘เต้าหลิง’สะดุ้งโหยงทันทีที่สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออก มันมองไปที่สายตาของ’เยว่อวิ้น’ที่จ้องมองมาที่มัน ก่อนที่มันจะกล่าวเสียงอ่อยๆว่า
“ อาจารย์ ข้าขอโทษ ”
‘เยว่อวิ้น’ส่งเสียงหึในลำคออย่างเยือกเย็น ก่อนที่จะมองไปที่หินสีดำขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่อย่างเย็นชา ยังไงวันนี้ต้องทำให้มันขายขี้หน้าให้ได้ ! หลังจากนี้ข้าจะไม่สนใจมันอีกแล้ว
“ ทดสอบพลังกายต่อได้ เฉียนหลินไปทดสอบพลังกายของเจ้าซะ ”
ทันทีที่’เยว่อวิ้น’กล่าวจบ สายตาของเหล่าศิษย์ทั้งหลายก็จ้องไปที่เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งด้วยความริษยา มันผู้นั้นเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะยันกายขึ้นด้วยใบหน้าที่เย่อหยิ่งและก้าวขายาวมุ่งหน้าไปที่หินสีดำใหญ่
“ ย๊าก ! ”
‘เฉียนหลิน’เปล่งเสียงออกมา ก่อนที่หมัดของมันจะพุ่งทะยานออกไป กล้ามเนื้อส่วนแขนของมันบีบรัดกันแน่น พริบตาเดียวหมัดก็พุ่งทะยานเข้าปะทะกับหินยักษ์สีดำ
“ ปัง ! ”
ทันทีที่เสียงดังสนั่นขึ้น พลันเกิดคลื่นพลังแตกกระจายออก ก่อนที่หินใหญ่ทั้งก้อนจะสั่นไหว อยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของเหล่าศิษย์ต่างแข็งทื่อด้วยความตะลึง หากถูกหมัดนี้ซัดเข้าไป ร่างก็คงจะต้องแหลกเหลวเป็นแน่แท้
สายตาของศิษย์โดยรอบที่จ้องมองมาด้วยความหวาดกลัว ทำให้ใบหน้าของ’เฉียนหลิน’ดูภูมิใจมากขึ้น ก่อนที่มันจะหันกายไปมอง’เยว่อวิ้น’ด้วยสายตาที่เร่าร้อน
‘เยว่อวิ้น’นั้นนับได้ว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งสำนักชิงซานเลยก็ว่าได้ แน่นอนย่อมต้องมีบุรุษเพศคอยตามจีบนางอยู่มากมาย แต่ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดที่สามารถพิชิตใจนางได้เลย อีกทั้งประวัติของนางเองก็ไม่ธรรมดาอีกด้วย ซึ่งก็เป็นที่สงสัยแก่คนจำนวนมากที่ว่านางมาที่สำนักชิงซานเพื่อเหตุผลใดกันแน่
จากนั้นสายตาของ’เฉียนหลิน’ก็จ้องไปที่’เต้าหลิง’อย่างเหยียดหยาม หากเทียบกับมันแล้ว แม้แต่อุจจาระของมัน’เต้าหลิง’ก็ไม่คู่ควร
“ เฉียนหลิน พลังกายหนึ่งหมื่นจิน ! ”
‘เยว่อวิ้น’กล่าวด้วยน้ำเสียงพอใจเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งห้องฝึกจะเกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นลั่นห้อง
พลังกายหนึ่งหมื่นจิน ! นี่ถือว่าเป็นพลังที่แข็งแกร่งเอามาก ๆ ทั้งนี้อีกครึ่งเดือนข้างหน้านี้ก็จะเป็นวันรับสมัครศิษย์ใหม่แห่งสำนักเฉินแล้ว คาดว่า’เฉียนหลิน’จะต้องเป็นดาวเด่นแน่นอน
ขั้นหลอมกายนั้นเป็นหนึ่งในขั้นพลังที่มีอยู่ในโลกนี้ ซึ่งจะเกี่ยวโยงถึงความแข็งแกร่งของร่างกาย ยิ่งร่างกายแข็งแกร่งเท่าใดขั้นพลังก็จะยิ่งสูงขึ้นจนกระทั่งถึงหนึ่งหมื่นจินก็จะสามารถฝึกวิชาที่มีระดับสูงขึ้นไปได้อีก
“ หนึ่งแสนจิน ? ”
‘เต้าหลิง’กำหมัดแน่น มันจะเชื่อได้จริงๆอย่างนั้นหรือ ขั้นหลอมกายหนึ่งแสนจิน ? ในสำนักชิงซานคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีพลังกายแค่สองหมื่นจิน อีกทั้งคนที่เป็นอัจฉริยะที่สุดในทวีปชิงอย่าง’ชิงอี้เฟย’ ขั้นพลังของมันก็อยู่ที่ขั้นหลอมกายห้าหมื่นจินซึ่งถือได้ว่าแข็งแกร่งสุดๆ
“ วิชากลืนฟ้า มันจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องลวงกันแน่ ? ”
มันนั้นได้ศึกษาวิชานี้มาหลายรอบแล้ว ซึ่ง หากมันทำตามขั้นตอนการฝึกที่เขียนเอาไว้ด้านหน้า มันนั้นจะต้องตายแน่อย่างไม่ต้องสงสัย !
‘เยว่อวิ้น’มองไปที่หินใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะใช้สายตากดต่ำมองมาที่’เต้าหลิง’ แล้วก็พบว่า’เต้าหลิง’ยังคง แสดงท่าทีไม่สนโลกเช่นเคย อีกทั้งลมหายใจของมันยังกระชั้นถี่ขึ้น สีหน้าของนางพลันขึงขังก่อนจะถอยหลังออกไปสามก้าว
“ นี่เจ้าเทพแห่งการนอน ! ”
นัยน์ตาของ’เยว่อวิ้น’ฉายแววทั้งโกรธและอายในเวลาเดียวกัน เมื่อซักครู่ข้าเข้าใกล้มันเกินไป หรือว่าเจ้าขยะนี่จะบังเกิดความคิดอกุศลขึ้นกับข้า ? มันจะต้องเช่นนั้นแน่ ๆ !
ขณะนี้สายตาอาฆาตได้จ้องมองมาที่’เต้าหลิง’อย่างกินเลือดกินเนื้อ ‘เยว่อวิ้น’นั้นเป็นดั่งสาวงามในฝันของเด็กหนุ่มทั้งสำนัก ทว่าเจ้าขยะนี่กลับกล้ายั่วยุให้นางโมโหอย่างนั้นหรือ !
‘เต้าหลิง’ไม่ได้สนใจสายตาที่จ้องมาที่มันแต่อย่างใด ในใจมันยังคงลังเลอยู่ว่าจะฝึกวิชากลืนฟ้าดีหรือไม่นัยน์ตาคู่สวยของ’เยว่อวิ้น’พลันฉานแววโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง มันกำลังคิดอะไรอยู่นะ หรือว่ามันกำลังละเมอ ? นางคิดได้ดังนั้นก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า
“ เต้าหลิง เจ้าไปทดสอบพลังกายเดี๋ยวนี้ ! ”
ได้ยินดังนั้น ในใจของ’เต้าหลิง’พลันเต้นระรัว กำหมัดแน่นก่อนจะลอบมองสีหน้าของ’เยว่อวิ้น’ที่กำลังโกรธจัดอยู่ในตอนนี้ ในใจมันคิดขึ้นอย่างขมขื่นว่า
‘ ซวยละ ข้าต้องทำให้อาจารย์โมโหหนักกว่าเดิมแน่ ’
ทันใดนั้นศิษย์โดยรอบต่างหัวร่ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ‘เต้าหลิง’มันซวยแน่ จะให้มันไปต่อยหินอย่างนั้นหรือ ให้มันไปต่อยฝ้ายยังพอสูสีกว่าเลย !
‘เต้าหลิง’ก้าวออกไปด้วยท่าทางที่แข็งทื่อ ขาของมันแทบจะก้าวไม่ออกเลยทีเดียว มันนั้นอยู่ที่สำนักชิงซานมาสองปีแล้ว อาจารย์ทุกคนที่นี่ต่างเอามันมาเป็นตัวตลกเพื่อสร้างความบันเทิงเท่านั้น ทว่า’เยว่อวิ้น’ไม่ใช่ สงสัยว่าครั้งนี้มันจะทำให้นางโมโหจริง ๆเสียแล้ว มิเช่นนั้นนางจะไม่ทำเช่นนี้แน่
“ หวังว่าการเจ็บตัวของข้าครั้งนี้จะทำให้ท่านหายโกรธ ”
สายตามันจับจ้องไปที่หินขนาดใหญ่ มันยิ้มแห้ง ๆออกมา ทันใดนั้นมันขบกรามแน่นก่อนจะพุ่งหมัดเข้าใส่หินขนาดใหญ่
ทันทีที่’เยว่อวิ้น’เห็นหมัดของ’เต้าหลิง’ใกล้จะปะทะกับหินขนาดใหญ่ ขนตาของนางก็สั่นไหวเบา ๆ ฟันสีขาวสวยขบกับริมฝีปากสีแดงแน่น นางกระทืบเท้าด้วยความเจ็บใจก่อนที่จะใช้ฝ่ามือของนางพุ่งออกไปด้วยความเร็วจนเกิดลมหมุนขึ้นที่ฝ่ามือ จับเข้าที่ตัวของ’เต้าหลิง’และดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว
ทำให้หมัดของ’เต้าหลิง’ลอยเคว้งกับอากาศพลาดเป้าไป ใบหน้าของ’เต้าหลิง’ตอนนี้ดูเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม ท้ายที่สุดนางก็ใจอ่อนยอมปล่อยมันไปจนได้
พวกคนที่ตั้งท่ารอหัวเราะเยาะ’เต้าหลิง’ล้วนต้องงุนงงไปตามๆกัน อาจารย์ให้อภัยมันแล้วอย่างนั้นหรือ ดูท่าอาจารย์คงจะใจดีเกินไปจริง ๆ ขยะเช่นมันต้องให้หลั่งเลือด มันถึงจะรู้สำนึก !
‘เต้าหลิง’ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะมองไปยังสายตาของ’เยว่อวิ้น’ที่เต็มไปด้วยความผิดหวังเป็น อย่างมาก สิ่งนี้ทำให้หัวใจของมันเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดเข้าไป มือทั้งสองกำหมัดแน่นจนเกิดเสียบกรอบกรอบดังออกมา แน่นเสียจนเล็บมือที่แหลมคมแทงเข้าไปในเนื้อมือของมัน
ที่มันเจ็บปวดที่สุดก็คงจะเป็นสายตาที่ผิดหวังในตัวมันเป็นอย่างมากนั่นแหละ ส่วนเสียงเยาะเย้ยเหยียดหยามคงไม่เท่าไหร่เพราะมันชินชาไปเสียแล้ว
“ อาจารย์ ข้าขอโทษ ”
เพียงเห็นใบหน้าที่เย็นชาของ’เยว่อวิ้น’ที่เดินมายืนข้างกายมัน ในใจของมันก็แทบจะทนไม่ได้
“ กลับไปที่ของเจ้าซะ ”
‘เยว่อวิ้น’ส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้ ในใจนางนั้นผิดหวังเป็นอย่างมาก ทุกๆวันมันเอาแต่นอนอย่างเดียว ไม่สนใจจะทำอะไรเลย อีกครึ่งเดือนข้างหน้านี้ก็จะเป็นวันรับสมัครศิษย์สำนักเฉินแล้ว หากพลังกายของมันยังคงเป็นศูนย์ เห็นทีว่าคงต้องถูกไล่ออก แล้วชีวิตของมันในภายภาคหน้าคงจะต้องลำบากมากแน่ๆ
ในโลกใบนี้คนที่เป็นจอมยุทธ์ไม่ได้ ก็คงไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่ง
‘เต้าหลิง’สูดลมหายใจลึก ก่อนที่จะเดินไปยังที่นั่งของมันท่ามกลางสายตาดูถูกเหยียดหยามของคนโดยรอบ มันยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะของมันไม่ยอมพูดยอมจา ในใจของมันยังคงครุ่นคิดอย่างหนักว่า มันจะต้องไม่ถูกไล่ออกเด็ดขาด มิเช่นนั้นบิดาที่พิการของมันคงต้องลำบากมากแน่
“ วิชากลืนฟ้า ! ”
สองมือของมันกำแน่น ใบหน้าที่ขาวใสของมันฉายแววความมุ่งมั่นออกมา มันจะต้องทำให้ได้ !
“ สู้เพื่ออนาคต ยังไงข้าก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ! ”
มันกล่าวพร้อมขบกรามแน่น ทุกๆวันมันมักจะหลับไปโดยที่มันเองก็ไม่รู้ตัว ต่อไปนี้มันจะไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปแน่ มิเช่นนั้นในภายภาคหน้าแม้แต่เลี้ยงชีพตัวเองก็คงทำไม่ได้ มันจะไม่ยอมให้บิดาพิการของมันเลี้ยงมันไปตลอดชีวิตแน่
นัยน์ตาของมันฉายแววความมุ่งมั่นออกมาเต็มเปี่ยม นี่คือการเดิมพันหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน !
ที่มา :
(0 votes) 0/5