I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 2 เจตนารมณ์แห่งสวรรค์

| GSDZ (盖世帝尊) | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

แปลไทย : XiaoeyuGao

‘เต้าหลิง’มองไปยังคนสุดท้ายที่พึ่งออกจากห้องฝึกไป มันถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะใช้มือควานหาบางสิ่งที่อยู่ในลิ้นชัก ครู่เดียวมันก็หยิบบางสิ่งซึ่งห่อด้วยผ้าสีดำออกมา ใบหน้าของมันปรากฏยิ้มบาง ๆ ขึ้น ก่อนจะเดินออกจากห้องฝึกมุ่งหน้าไปป่าขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ในสำนัก มันเดินหาหินก้อนหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่พอเหมาะและนั่งลงไปรอคอยใครบางคนอย่างสงบนิ่ง

“ พี่เต้าหลิง ”

ปรากฏเสียงอ่อนหวานดังขึ้น ก่อนที่เด็กสาวสวมอาภรณ์สีฟ้าสวยจะเดินเข้ามา นางมีใบหน้าที่งามหยดย้อย ผมเผ้าสีดำสนิท รอยยิ้มดูอ่อนหวานน่ารัก สายตาเป็นประกายราวกับเฝ้ารอวันนี้มาเนิ่นนาน

“ หวังย่า เจ้ามาแล้ว ”

‘เต้าหลิง’ยืนขึ้นพร้อมยิ้มให้เด็กสาวผู้นั้น ในใจของมันรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้พบนาง นางคือหวังย่าเพื่อนสมัยเด็กที่เติบโตมาด้วยกันในเขตผู้ยากไร้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองนับว่าแน่นแฟ้นยิ่ง แม้ว่าเมื่อหนึ่งปีก่อน’หวังย่า’ได้ย้ายออกจากเขตผู้ยากไร้ ทว่าพวกมันทั้งสองก็ยังพบปะกันอยู่บ่อยครั้ง

ไม่ให้พูดคงไม่ได้จริง ๆแล้ว’เต้าหลิง’นั้นมีความรู้สึกดีๆให้แก่’หวังย่า’เป็นอย่างมาก นางไม่ได้สนใจเลยว่าตัวมันจะเป็นขยะและก็ไม่เคยดูถูกเหยียดหยามมันเลยแม้แต่น้อย จนถึงขั้นนางพูดว่าหากมันเข้าเป็นศิษย์สำนักซิงเฉินได้ นางจะยอมเป็นผู้หญิงของมัน !

‘เต้าหลิง’นั้นชอบนิสัยของนางที่บริสุทธิ์ผุดผ่องและเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริง เพราะว่าในสำนักมันต่างโดนคนอื่นดูถูกเหยียดหยามสารพัด ราวกับว่ามันนั้นใช้ชีวิตอยู่ในสำนักที่เงียบเหงาเพียงลำพัง ทว่านางกลับคอยเป็นที่พักพิงให้แก่มัน มันรู้สึกว่าตัวมันนั้นช่างโชคดีเหลือเกินที่มีนางอยู่ข้าง ๆ ดังนั้น’หวังย่า’จึงได้เข้าไปครอบครองหัวใจของมันทั้งดวงอย่างไม่ต้องสงสัย

“ พี่เต้าหลิง พี่นำของมาหรือไม่ ? ”

‘หวังย่า’ยิ้มหวานออกมา รอยยิ้มของนางช่างอ่อนหวานเสียจริง ก่อนที่นางจะแอบใช้สายตาลอบมองไปที่ตัวของ’เต้าหลิง’และก็พบว่าในมือของมันมีห่อผ้าสีดำอยู่ในมือ เมื่อเห็นดังนั้นในใจของนางก็กระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันใด

“ เอามาแล้ว ของสิ่งนี้ข้าให้เจ้ายืมเล่นได้สองสามวันเท่านั้นนะ นานกว่านั้นไม่ได้แน่ ไม่เช่นนั้นพ่อข้าต้อง โกรธข้าแน่ ”

‘เต้าหลิง’กล่าวพร้อมเกาหัวไปด้วย บิดาของมันนั้นไม่สมประกอบ ทั้งนี้ยังตกงาน แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังสู้ชีวิตหาเงินอย่างสุดกำลังเพื่อส่งให้’เต้าหลิง’เข้าเป็นศิษย์ในสำนักชิงซานให้ได้

ส่วนสิ่งของที่อยู่ในห่อผ้าสีดำนั้นก็คือ หินตกผลึกโปร่งแสงก้อนงามก้อนหนึ่ง ซึ่งมีขนาดเท่ากำปั้นมือเห็น จะได้ รูปร่างของมันบิดขึ้นไปนิดหน่อย ทั้งยังส่องประกายแวววาวสีฟ้าสวยงามชวนน่าหลงใหล

สายตาของ’เต้าหลิง’ดูลังเลเล็กน้อย มันตะกุกตะกักไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ของสิ่งนี้ที่มันให้’หวังย่า’ยืมไปเล่นมันก็ไม่ได้ติดใจอะไรหรอก เพียงแต่หินนี้มันเป็นหินที่บิดามันใช้ขัดเท้าหนะสิ !

‘เต้าหลิง’นั้นสงสัยมาตลอดว่าบิดาของมันเอาหินที่ส่องแสงเหล่านี้มาจากไหน ทั้งยังกำชับอีกว่าห้ามเอาออกมาข้างนอกโดยเด็ดขาด เมื่อไม่นานมานี้พอ’หวังย่า’ได้เห็นมัน นางก็รบเร้าอยากจะยืมเอาไปเล่นในทันที

‘เต้าหลิง’เองก็มีนางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเพื่อน จะให้มันใช้ข้ออ้างเหล่านั้นบอกปัดไม่ให้นางยืมได้อย่างไร ? ยังไงมันก็ไม่อยากเสียเพื่อนเพียงคนเดียวของมันไปจริง ๆ

“ หวังย่า จำไว้นะภายในสองสามวันนี้เจ้าต้องเอามาคืนข้า ”

มันกล่าวก่อนจะส่งผลึกหินสีฟ้าให้นางไปด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไรนัก
‘หวังย่า’จับจ้องไปที่หินสีฟ้าแวววาวเขม็ง หัวใจนางเต้นระรัวอย่างรวดเร็ว มือที่สั่นเทาค่อย ๆหยิบหินสีฟ้ามาเชยชมอย่างช้าๆ นางใช้เวลาในการพิจารณามันอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่า

“ พี่หวังหริ่ง พี่มาดูหน่อยมันใช่ผลึกหินฟ้าหรือไม่ ข้าคิดว่ามันต้องใช่ผลึกหินฟ้าแน่ ๆ ! ”

‘หวังย่ากล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุด ๆ ‘เต้าหลิง’ขมวดคิ้วขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อ’หวังหริ่ง’ !

‘หวังหริ่ง’คืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักชิงซานนั่นเอง ขั้นพลังกายของมันนั้นสูงถึงสองหมื่นจิน ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว มีหรือที่’เต้าหลิง’จะไม่รู้จักมัน แต่ที่น่าแปลกคือเหตุใด’หวังย่า’ถึงรู้จักกับ’หวังหริ่ง’เล่า ? ทั้งนางยังเรียกมันว่าพี่อีกด้วย หรือว่ามันจะอยู่ที่นี่ !?

‘เต้าหลิง’ขมวดคิ้วขึ้น มันเริ่มรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ มันใช้สายสาดส่องไปทั่วทิศ จนไปสะดุดเข้ากับชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีขาวคนหนึ่งซึ่งขณะนี้กำลังเดินออกมาจากด้านหลังของต้นไม้ใหญ่

‘หวังหริ่ง’รีบเดินออกมาในทันที บุคลิกของมันดูองอาจผึ่งผาย ผมยาวลงมาประบ่า ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ในขณะที่มันกำลังพิจารณาผลึกหินฟ้าอยู่นั้น ดวงตาของมันแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ใบหน้ามันผันเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นปีติ ก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่ผลึกหินฟ้าพร้อมกล่าวลั่น

“ ใช่แล้ว นี่คือผลึกหินฟ้าจริง ๆ ! ”

‘หวังหริ่ง’ตื่นเต้นเสียจนแทบจะเป็นลมล้มไป มันค่อย ๆเดินเข้าหาผลึกหินฟ้าราวกับคนขาดสติ

“ หวังย่า นี่มันหมายความว่ายังไง ? ไหนว่าเจ้าตกลงกับข้าแล้วไงว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น ! ”

‘เต้าหลิง’กล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก บิดามันเคยบอกมันว่า ผลึกหินนี้ห้ามให้คนอื่นรู้เด็ดขาด แต่ครั้งนี้ด้วยความที่’หวังย่า’ขอร้องมัน มันก็เลยยอมเอาผลึกนี้ออกมาให้ ทว่ามันกลับไม่คิดเลยว่าเรื่องราวจะบานปลายมาถึงขั้นนี้ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน ?

‘หวังหริ่ง’ไม่สนใจคำพูดของ’เต้าหลิง’แม้แต่น้อยราวกับมันเป็นอากาศธาตุ สายตาของมันยังคงพิจารณาผลึกหินฟ้าด้วยความตื่นเต้นสุดๆ

‘ ผลึกหินฟ้านี้น่าจะหนักประมาณห้าจิน นี่มันสมบัติล้ำค่าชัด ๆ ไม่คิดเลยว่ามันจะมาอยู่ในมือข้าแล้ว ฮ่า ๆๆ ’

‘หวังหริ่ง’คิดขึ้นในใจ

“ คนนอก ? ”

สายตาของ’หวังย่า’พลันฉายแววเยาะเย้ยออกมาในทันที ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มหวานของนางที่มอบให้ นางยิ้มเยาะออกมาก่อนจะกล่าวเยาะเย้ยว่า

“ พี่หวังหริ่งไม่ใช่คนอื่นหรอกนะ หึหึ ยังไงข้าก็ต้องขอบใจเจ้าสำหรับผลึกหินฟ้านี้ด้วยนะ ”

“ นี่มันหมายความว่ายังไง ? ”

‘เต้าหลิง’กำหมัดทั้งสองข้างแน่น จนเส้นเลือดปูดโปนออกมาจากท่อนแขนทั้งสอง เล็บที่แหลมคมแทงทะลุเข้าไปในเนื้อฝ่ามือเล็กน้อยจนเกิดความเจ็บปวดที่สุดแสนจะทนขึ้น มันขบฟันกันแน่นพร้อมตะโกนออกไป

“ เจ้าหลอกใช้ข้า ! ”

“ ข้ามิได้หลอกเจ้านะ ข้าแค่เพียงอยากได้ผลึกหินฟ้านี้นี่ เจ้าจะใจร้ายไม่ให้ข้าได้ลงคออย่างนั้นหรือ ”

‘หวังย่า’กล่าวพลางยิ้มเยาะ

“ ข้าไม่ให้เจ้าหรอก ผลึกหินนี้มันเป็นของพ่อข้า ! ”

‘เต้าหลิง’กล่าวด้วยใบหน้าเจ็บปวดอย่างสุดแสนราวกับหัวใจกำลังถูกคว้านออก หมัดทั้งสองของมันกำจนแน่น มันไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ คนที่คอยเป็นที่พักพิงให้แก่มันท่ามกลางโลกที่เงียบเหงา คนที่คอยให้คำปรึกษาต่างๆนาๆ กลับเป็นคนเดียวกันกับคนที่กำลังหลอกมันอยู่ในขณะนี้ ! มันรู้สึกเหมือนกับว่าโลกของมันในตอนนี้ช่างมืดมนไร้ซึ่งแสงสว่างใด ๆ

ในใจมันคิดว่าผลึกหินฟ้านี่เป็นของล้ำค่าจริงอย่างที่บิดามันกล่าวอย่างนั้นหรือ ความจริงแล้วที่บ้านของมันยังมีอีกตั้งหลายก้อนเลยนะ !

“ นี่เป็นสมบัติที่สืบทอดกันมาของตระกูลข้า ข้าไม่ให้เจ้าหรอก ! ”

ได้ยินดังนั้น มุมปากของ’หวังย่า’พลันฉีกยิ้มเยาะ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามว่า

“ เจ้าไม่ให้ยังไงก็ต้องให้ พี่หวังหริ่งจะดูแลสมบัติของเจ้าให้เป็นอย่างดี ข้าว่านั่นก็ถือว่าเป็นวาสนาของเจ้าแล้วนะ อีกอย่างข้าก็ยังยอมลดตัวไปพูดคุยกับเจ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับไอ้ขยะเช่นเจ้า ข้าจะถือว่าผลึกหินนี่เป็นค่าตอบแทนของข้าแล้วกัน ”

‘เต้าหลิง’จ้องเขม็งไปที่นัยน์ตาคู่สวยของนางที่มองมาอย่างเย่อหยิ่ง ขณะนี้นางเหมือนกับนางฟ้าที่สูงส่งกำลังเมินเฉยมดตัวเล็กๆตัวหนึ่งเช่นมัน ทั้งท่าทางที่วางอำนาจเช่นนี้ ราวกับว่านางเป็นนางเซียนที่จุติลงมาเกิดใหม่บนโลกก็มิปาน

ทั่วร่าง’เต้าหลิง’พลันสั่นสะท้านด้วยความแค้น หมัดทั้งสองกำแน่นจนเกิกเสียงดังกรอบกรอบออกมา นี่หรือคนที่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ?ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะชั่วร้ายได้ถึงเพียงนี้ แค่ปีเดียวนางก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน ซ้ำยังเป็นเพราะหินเพียงก้อนเดียว

“ ที่แท้เจ้าก็หลอกข้ามาโดยตลอด เพียงเพราะหินเพียงก้อนเดียว ”

“ หึ เจ้าช่างกล้าพูดอย่างไม่ละอายปาก ! ”

ใบหน้า’หวังย่า’พลันเปลี่ยนเป็นเขียวปัด พร้อมชี้ไปที่’เต้าหลิง’แล้วกล่าว

“ เมื่อก่อนข้าเคยบอกเจ้าว่าข้าอยากได้ผลึกหินฟ้านี่เจ้าก็ไม่ให้ข้า ตอนนี้เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกหรอว่าทำไม? หากข้าไม่บอกเจ้าว่าจะยอมเป็นผู้หญิงของเจ้า เจ้าจะยอมยกผลึกหินฟ้านี่ให้ข้ารึไง ? ”

“ มารยาของเจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก ”

‘เต้าหลิง’ยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด มันไม่รู้เลยว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ผลึกหินสีฟ้าที่บิดามันใช้ขัดเท้าถูกนางแย่งชิงไปเป็นของตนเรียบร้อย

“ เจ้าไม่มีค่าพอให้ข้าต้องหลอกเจ้าหรอกนะ แต่เป็นผลึกหินฟ้านี่เล่าที่มีค่า ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อหรอกนะว่ามันจะเป็นผลึกหินฟ้าจริง ๆ แต่ตอนนี้ข้าเชื่อแล้วหละ ”

ใบหน้าของ’หวังย่า’เต็มไปด้วยความปีติสุข ก่อนจะกล่าวต่ออย่างเย็นชาว่า

“ ขยะเช่นเจ้าอยากจะได้ข้าไปเป็นผู้หญิงของเจ้างั้นหรอ อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย ! ”

‘หวังย่า’กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียด ๆ แม้ว่าในตอนเด็กนางจะรู้สึกดีกับ’เต้าหลิง’ก็ตามที แต่ทว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ‘เต้าหลิง’มันก็เป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้นแหละ หากนางยอมไปเป็นผู้หญิงของมันก็คงต้องใช้ชีวิตแบบสามัญชนคนธรรมดาไปตลอดชีวิต

ทว่านางกลับคิดใฝ่สูงอยากเป็นใหญ่เป็นโต ขยะกระจอกๆ เช่นมันคิดจะกินเนื้อหงส์อย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ !

ในใจของ’หวังย่า’รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เมื่อไม่นานมานี้นางกับ’หวังหริ่ง’ได้ไปเข้าร่วมการประมูลสินค้ามา แล้วนางก็ได้เห็นผลึกหินสีฟ้าชิ้นหนึ่งขนาดเพียงแค่เล็บมือเท่านั้น แต่กลับมีมูลค่าสูงถึงหนึ่งล้านเหรียญทอง !แทบไม่อยากจะคิดเลยว่าผลึกหินฟ้าก้อนนี้จะขายได้ท่าไหร่

สายตาของ’หวังหริ่ง’เอาแต่จ้องมองผลึกหินฟ้านี้อย่างหลงใหล ก่อนจะสูดดมกลิ่นของมันเข้าไป ทันใดนั้นมันก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นเหม็นอะไรบ้างอย่าง มันขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะกล่าว

“ ข้ารู้สึกว่าจะมีกลิ่นเหม็นเท้าอยู่นะ ”

“ จะเป็นไปได้อย่างไร ? ”

นางเข้าไปสูดดมบ้าง ก่อนจะกล่าวอย่างขบขัน

“ นี่อาจจะเป็นกลิ่นเฉพาะของผลึกหินฟ้าก็ได้นะ ก้อนนี้น่าจะหนักประมานห้าจิน ล้ำค่า ! มันเป็นสมบัติล้ำค่าจริงๆ ”

“ ฮ่า ๆ น้องพี่เจ้าช่างหลักแหลมยิ่งนัก ”

‘หวังหริ่ง’พยักหน้าอย่างพอใจเบา ๆ ก่อนที่จะสูดดมมันอย่างหลงใหลต่อและดึงหวังย่าเข้ามากอดในอ้อมอกของมันก่อนจะกล่าวต่อว่า

“ ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าขยะเช่นเจ้าจะมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ได้อย่างไร แต่ตอนนี้ข้าเชื่อละ ฮ่าๆ ! ”

สายตาของ’เต้าหลิง’จ้องเขม็งไปที่ผลึกหินฟ้า หมัดทั้งสองกำไว้แน่น จะให้มันไปยื้อแย่งผลึกหินฟ้าที่บิดามันใช้ขัดซอกเท้าคืนอย่างนั้นหรือ? ก็คงต้องฝันเอาแล้วแหละ

ทันทีที่’หวังหริ่ง’เห็นสายตาของ’เต้าหลิง’ที่จ้องมองมาที่ผลึกหินฟ้า ใบหน้าของมันพลันขึงขัง ก่นอจะกล่าวว่า

“ มองอะไรวะไอ้ขยะ เจ้าคิดว่าผลึกหินฟ้านี่ยังเป็นของเจ้าอย่างนั้นหรอ ข้าจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้มันเป็นของข้าเว้ย ! ”

‘หวังหริ่ง’เดินเข้ามากระชากคอเสื้อเต้าหลิง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า

“ บอกข้ามานะ เจ้าไปเอาผลึกหินฟ้านี่มาจากไหน ? ”

“ ข้าบอกไปแล้วว่ามันเป็นสมบัติของตระกูลข้าและข้าหวังว่าเจ้าจะคืนมันให้แก่ข้าเสียที ”

‘เต้าหลิง’กล่าวอย่างไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย สายตามันยังคงจ้องเขม็งหวาดหวั่นไม่

‘หวังหริ่ง’ไม่โกรธแต่กลับยิ้มออกมา มันอยากได้คืนอย่างนั้นหรือ ?คิดว่ากำลังฝันอยู่หรือไง ?’หวังหริ่ง’ยกตัว’เต้าหลิง’ขึ้นสูง ก่อนจะทุ่มมันลงกับพื้นอย่างรุนแรง ปรากฏเสียงดังปังขึ้น เศษดินบนพื้นต่างกระจายแตกออกเป็นวงกว้าง ทั่วร่าง’เต้าหลิง’พลันสั่นเทา มันรู้สึกว่ากระดูกในร่างมันกำลังแตกหัก

ทันใดนั้นปรากฏโลหิตสายหนึ่งค่อยหลั่งไหลออกมาจากมุมปากของมัน หมัดทั้งสองข้างกำแน่นจนสั่นสะท้าน ริมฝีปากถูกขบแน่นด้วยความเจ็บปวด

พลังกายของ’หวังหริ่ง’นั่นช่างน่าหวาดหวั่นยิ่ง เพียงแค่หมัดเดียวก็สามารถทลายหินขนาดยักษ์ลงได้ มีหรือที่’เต้าหลิง’จะสามารถต่อกรกับมันได้

‘หวังย่า’มองไปที่’เต้าหลิง’ที่กำลังนอนร้องครวญครางออกมา นางก็ลูบไปที่คางของตนก่อนจะกล่าว

“ พี่หวังหริ่ง หากมีคนอื่นรู้เรื่องนี้ คงจะกระทบต่อชื่อเสียงของพี่ไม่น้อย ข้าว่าฆ่ามันทิ้งเสียจะดีหรือไม่ ? ”

“ เป็นคนที่โหดเหี้ยมจริงๆเลยนะ ”

เมื่อ’เต้าหลิง’ได้ยินดังนั้น หมัดทั้งสองของมันพลันกำแน่น จนปรากฏ เส้นเลือดปูนโปนขึ้นตามลำแขน มันจะต้องตายด้วยน้ำมือของหญิงสารเลวเช่นนี้จริง ๆอย่างนั้นหรือ ?

‘หวังหริ่ง’พยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะกล่าวต่อว่า

“ ก็คงต้องทำให้มันสมจริงหน่อยละนะ มิเช่นนั้นหากถูกอาจารย์จับได้คงต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ ”

“ ใช่แล้ว ”

“ เจ้าขยะนี่คงไม่ยอมเลิกราง่ายๆแน่ ข้าจะให้มันกินเลือดสัตว์อสูรเข้าไปโดยตรงเลย จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีใครกล้ากินมันเข้าไปตรงๆเลยนะ เจ้าว่าแผนนี้ดีหรือไม่ ? ”

“ โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว ความคิดของพี่นี่ใช้ได้เลยนะ ”

หวังย่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าและกล่าวต่อว่า

“ เช่นนั้นใช้วิธีนี้แล้วกัน ”

‘หวังหริ่ง’ส่งเสียงหึในลำคอออกมาอย่างเยือกเย็น ก่อนที่จะใช้มือของมันหยิบขวดหนึ่งออกมา หากมองเข้าไปภายในขวด ก็จะพบกับโลหิตสีแดงฉานอยู่ถายในนั้น

“ ขวดนี้เป็นเลือดของกิเลน แค่มันไปอยู่ในร่างของเจ้าก็นับว่าสิ้นเปลืองมากแล้ว แต่ว่าหากเทียบกับมูลค่าของผลึกหินฟ้า ก็ถือว่าข้ายังเป็นหนี้เจ้าอยู่มากโขเลย ”

“ สวรรค์คงลิขิตมาให้เป็นเช่นนี้สินะ ”

‘หลิงเต้า’รู้สึกสับสนเป็นอย่างยิ่ง มันนึกถึงคำพูดปริศนาที่ดังขึ้นในหัว ในใจมันพลันเศร้าสร้อย และนี่ก็คงเป็นเจตนารมณ์ของสวรรค์ที่ลิขิตออกมาว่าการจะเริ่มฝึกวิชากลืนฟ้าได้ จำเป็นต้องดื่มเลือดสัตว์อสูรเข้าไปเสียก่อน !

ตอนแรกที่มันได้อ่านคำแนะนำการฝึก มันก็คิดว่าคนที่คิดค้นวิชานี้ขึ้นมาต้องบ้าแน่ๆ เพราะว่าพลังของสัตว์อสูรที่แฝงอยู่ในโลหิตนั้นรุนแรงเอามากๆ หากดื่มเข้าไปมันจะเข้าไปฉีกร่างจนแหลกเป็นผุยผง

ทันใดนั้น’หวังหริ่ง’ก็นำโลหิตกิเลนกรอกเข้าไปในปากของ’เต้าหลิง’จนหมด มันปัดมือสองสามทีก่อนจะกล่าวพลางยิ้มออกมา

“ ไปกันเถอะ ปล่อยให้มันตายตรงนี้แหละ ”

“ เต้าหลิง เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ สมบัติล้ำค่านี้อยู่ในมือเจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับมุกเปื้อนฝุ่นหรอก หากแต่มา อยู่ในมือข้ามันก็จะส่องสว่างขึ้นมา เจ้าคงไม่รู้ละสิว่ามูลค่าของผลึกหินฟ้านี้สูงเพียงใด ”

‘หวังย่า’กล่าวพลางหัวเราะออกมา ก่อนจะเดินจากไป

‘เต้าหลิง’ได้แต่มองพวกมันค่อยๆเดินจากไป หัวใจมันเจ็บปวดสุดแสนราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ทันใดนั้นเปลือกตามันก็ค่อยๆปิดลงอย่างช้า ๆ ในหัวมันเอาแต่คิดถึงขั้นตอนการฝึกวิชากลืนฟ้าอยู่ตลอดเวลา

ขณะนี้มันรู้สึกได้ว่าทั่วร่างของมันร้อนรุ่ม พลังในร่างของมันกำลังพรั่งพรูออกมาอย่างบ้าคลั่งเป็นระยะๆ ทว่าในขณะนั้นเองพลันปรากฏเส้นพลังลึกลับกำลังสั่นไหวในร่างของมัน โลหิตของกิเลนกำลังโลดแล่นทะลวงไปตามมวลกล้ามเนื้อของมันอย่างคลุ้มคลั่ง ก่อนจะค่อยๆผันเปลี่ยนเป็นกระแสน้ำสีแดงเข้ม พุ่งทะยานกระจายไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

ก่อนที่มันจะเริ่มรู้สึกเจ็บปวดจนสุดแสนจะทน

ที่มา : http://my.dek-d.com/Xiaoeyugao/writer/viewlongc.php?id=1482468&chapter=2

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments