I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 55 หอพระคัมภีร์

| GSDZ (盖世帝尊) | 1007 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บทที่ 55 หอพระคัมภีร์

หอพระคัมภีร์มันเป็นสถานที่สำคัญของสำนักดารา อุดมไปด้วยพระคัมภีร์มากมาย สะสมมาแต่ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงตอนนี้ มันยังมีความหลากหลายของพระคัมภีร์ที่หาได้ยากและเก่าแก่ และแม้กระทั่งคำภีร์มหัศรรย์ที่หายากอยู่ที่นั่น

นี่คือห้องโถงที่เต็มไปด้วยกลุ่มของแสงดาราผนังทุกตรางนิ้วล้วนมีกล่นอายโบราณ กล่าวว่านี้เป็นสมบัติล้ำค่า สามารถย้ายพลังงานดวงดาวได้ ผู้แข็งแกร่งบางคนคิดจะขโมยคำภีร์

เต้าหลิงเข้าไปใน จิตใจอึดอัดของมันผ่อนคลายลงมาก เกลียดชังไปมันไร้ประโยชน์หรือไม่

มีแถวของชั้นหยกที่เต็มไปด้วยคำภีร์โบราณทุกชนิด, แผ่นหยกและแผ่นหนังสัตว์อสูร ด้านบนทั้งหมดเป็นรายชื่อวิชาล้ำค่าต่างๆ

เพียงมองภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า เต้าหลิงก็ตกตะลึงทันที ด้านในกว้างใหญ่มาก อีกทั้งนี่ยังเป็นแค่ชั้นแรกด้วย เดาว่าจะต้องมีม้วนตำราอยู่หลายพันแผ่นแน่

หอพระคัมภีร์มีทั้งหมดห้า, บันทึกบางอย่างยิ่งสูงยิ่งล้ำค่ามาก นี้เป็นวิหารของดาวของมรดกทางวัฒนธรรมที่อุดมสมบูรณ์มาก ทำให้ผู้สืบทอดตระกูลขนาดใหญ่มีความอิจฉามาก

“หือ?”ด้านหน้าห้องมีชายแก่คนหนึ่งผมบาง เมื่อมันเห็นเต้าหลิงดวงตาของมันส่องประกายสีที่แตกต่างกันนี้ชายหนุ่มคนนี้มีความรู้สึกบางอย่างที่แข็งแกร่ง **

ชายแก่ที่จ้องมองมัน เต้าหลิงรู้สึกสยองขวัญ ราวกับว่าร่างกายมันถูกมองทะลุ

“ท่านแข็งแกร่งมาก คาดว่าจะมีผู้ดูแลของหอคัมภีร์!”เต้าหลิงแปลกใจที่จะเห็นสิ่งที่เขา ** ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งในระดับโลกแน่ถึงทำแบบนี้ได้

“เจ้าหนู เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

“ข้ามาที่นี่เพื่อเลือกพลังมหัศจรรย์”เสร็จแล้วมันก็ส่งมอบป้ายสถานะ

“ไปได้ แต่เจ้าอยู่ได้แค่หนึ่งวันเท่านั้น แต่ถ้าหากเจ้าขึ้นไปที่ชั้นสองได้ก็อยู่ได้สองวัน ถ้าชั้นสามก็อยู่ได้สามวัน “

“ข้าทราบ”เต้าหลิงพยักหน้า สายตามองสำรวจไปรอบๆ หอคัมภีร์ในชั้นที่หนึ่งนั้นมีคนอยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะมาศึกษาตำราโบราณและหนังสัตว์อสูรกัน ในนั้นจะมีการเขียนถึงประสบการณ์การในการฝึกฝนจำนวนมาก ซึ่งคุ้มค่าแก่การศึกษาจริงๆ

“ไม่อยากจะเชื่อว่าจะปลุกจิตได้แล้ว ใช้ได้ๆนานแล้วที่ไม่ได้เจอเด็กที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้ .”ซวนหยวน ตกตะลึงยิ้มในหัวใจของเขาที่รู้ว่าจิตวิญญาณเป็นเรื่องยากมากที่จะปลุกให้ตื่นมักผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่จะทำได้เต้าหลิงในขณะนี้ไม่สามารถเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญ

ตำราโบราณในชั้นหนึ่งมีเยอะมาก และก็ยังไม่เป็นระเบียบอีกด้วย มันมองเห็นประสบการณ์การฝึกฝนที่ล่องลอยอยู่เต็มไปหมด มีของนักหลอมโอสถที่เขียนเอาไว้ มีขั้นตอนในการบ่มเพาะของต่างๆ และก็ยังมีภาพประกอบของล้ำค่าที่หายากส่วนหนึ่ง สุดท้ายก็จะเป็นเรื่องราวประหลาดต่างๆของแต่ละบุคคล

การมองเห็นของเต้าหลิงเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะตำราในการบ่มเพาะของต่างๆนี้มันศึกษามากเป็นพิเศษอยู่พักหนึ่ง ในตัวของมันก็มีแร่หินอยู่ไม่น้อย ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหลอมสมบัติชีวิตของตนเองขึ้นมา

เต้าหลิงยิ่งมองก็ยิ่งใจสั่น อาเป๋ให้แร่หินกับมันมา และก็มีอยู่หลายชิ้นที่เป็นแร่หินศักดิ์สิทธิ์ !! มูลค่าของมันมิอาจประเมินค่าได้ หากเรื่องนี้หลุดรั่วออกไปคงทำให้ตาแก่หลายคนล้วนต้องตาร้อนผ่าว

มันตกใจพักหนึ่ง จากนั้นก็มองสำรวจไปยังของล้ำค่าต่างๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจซักเท่าไหร่ ของเหล่านี้ล้วนเป็นของที่ธรรมดามากๆ เดาว่าพวกมันจะต้องไม่ได้ผ่านกรรมวิธีการหลอมที่ดีเยี่ยมมาแน่

จากนั้นมันก็ไม่สนใจของพวกนั้นอีก จนมาถึงวิชาโบราณหลากหลายชนิด แม้ว่าที่บันทึกเอาไว้จะเป็นระดับที่ต่ำที่สุด ทว่าการฝึกก็ไม่ใช่แบบนั้น จะต้องเริ่มจากง่ายไปยาก จากนั้นก็จากยากไปง่าย ถึงจะรวมเป็นหนึ่ง

ดูคำเตือนการฝึกเต้าหลิงอดหัวเราะไม่ได้ บางคนในเขตแดนซึมซับวิญญาณเพราะกินสมบัติมากเกินไป ** ร่างทนไม่ได้นำไปสู่ร่างกายระเบิด!

เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น ดังนั้นถึงได้มีการเขียนเตือนคนรุ่นหลังเอาไว้ว่าต้องหลอมรวมร่างกายในขั้นพลังกายให้มากเสียก่อน, การวางรากฐานสำหรับเส้นทางในภายหลัง

ซึมซับวิญญาณก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดโลกใบเล็กใบหนึ่ง ร่างกายของคนก็เหมือนกับถุงใบหนึ่งของโลกใบนี้ ยิ่งถุงขยายมากขึ้นเท่าไหร่โลกใบนี้ก็จะใหญ่มากขึ้นเท่านั้น ทว่าหากโลกใบนี้ไม่มั่นคง ซักวันหนึ่งมันก็จะอัดล้นจนระเบิดออก !

“หืมเจ้าเด็กนี่ไม่เลว.”สายตาของซุนหยวนหัวลอบมองไปยังเต้าหลิง มันพยักหน้าเบาๆ แม้ว่าประสบการณ์การฝึกฝนต่างๆในชั้นที่หนึ่งนี้จะไม่ได้พิเศษอะไร ทว่ามันก็สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ อย่างน้อยก็ยังมีทางเลือกให้มันเดินมากขึ้น

มันพึ่งจะเข้าสู่เส้นทางแห่งยุทธ์ได้ไม่นาน จึงทำให้มันต้องศึกษาตำราโบราณอย่างลึกซึ้ง และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปหนึ่งวันแล้วซุนหยวนหัวก็ยังไม่เรียกเตือนมัน มันรู้สึกว่าเต้าหลิงได้เข้าสู่ท่วงทำนองแห่งการฝึกฝนแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีครั้งหนึ่งเลย

ภายในร่างของเต้าหลิงแผ่คลุมไปด้วยแสงสว่าง เมฆที่มีแสงเรืองรองไหลเวียนไปทั่ว ภายในกล้ามเนื้อของมันเอ่อทะลักพลังงานออกมาอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็ระเบิดออกมาเป็นพลังทำลายล้างที่แข็งแกร่งที่สุด มันขยับร่างกายพลังแฝงที่อยู่ใกล้ที่สุดพลันระเบิดออกมา ** น่ากลัวจริงๆ!

หลายวันมานี้เต้าหลิงได้ทำการศึกษาขั้นซึมซับวิญญาณ ได้รู้และเข้าใจถึงหลักการของขั้นซึมซับวิญญาณมากขึ้น จนกระทั่งสามวันผ่านไปมันถึงจะตื่นขึ้นมา

“ข้าคิดว่าข้าควรจะหาวิชาโจมตีที่ใช้ร่างกาย ** แบบนี้จะได้ใช้ความถนัดของข้าด้วย.”เปลือกตาทั้งสองเปิดออก ครุ่นคิดขึ้นในใจ มันคิดว่าแบบนี้จะสามารถใช้ร่างกายของมันให้เป็นประโยชน์ได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการฝึกฝนซึมซับวิญญาณในขั้นพลังนี้ด้วย

เต้าหลิงคิดว่าในเมื่อขั้นพลังนี้ให้กำเนิดพลังงานขึ้นมาในร่างกายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นก็ต้องควบคุมพลังงานชนิดนี้ให้ใช้ออกมาได้อย่างใจนึก ถึงจะนับได้ว่าสมบูรณ์แบบ

สายตามองไปรอบๆ ก็สังเกตเห็นซุนหยวนหัว มันจึงเดินเข้าไปขอคำแนะนำอย่างจริงจัง เพราะว่าหากพึ่งตนเองก็จะใช้เวลานานเกินไป และบางเรื่องก็ไม่ใช่ว่าจะโชคดีเสมอไปด้วย

ซุนหยวนหัวค่อนข้างที่จะสนใจในตัวมัน มันตั้งใจฟังที่เต้าหลิงพูด ก่อนบนใบหน้าเหี่ยวย่นของมันจะปรากฏรอยยิ้มชมเชยขึ้น จากนั้นจึงพูดว่า “ ไม่เลว ดูท่าเจ้าคงจะเก็บเกี่ยวมาได้ไม่น้อย เดิมทีผู้ฝึกฝนอย่างพวกเราก็มีชีวิตที่ยืนยาวกันอยู่แล้ว และการฝึกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเจ้าเองก็พึ่งจะเข้ามาสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝน แต่ก็สามารถละพวกของสวยๆงามๆไปได้ อีกทั้งยังเลือกฝึกวิชาร่างกายที่ยากจะฝึกฝนได้อีก นี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ”

นานๆครั้งจะเห็นซุนหยวนหัวออกปากชม มันอยู่ที่หอคัมภีร์ลับนี่มานาน ได้พบเจอกับคนจำนวนมากที่เลือกหาแต่ของสวยงาม หรือไม่ก็วิชามหัศจรรย์ที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ ความสำเร็จของคนพวกนี้ล้วนไม่ยิ่งใหญ่กันทั้งสิ้น

“ชี้แนะด้วย.” เต้าหลิงพูดอย่างตั้งใจ คิดจะหาวิชามหัศจรรย์ที่เหมาะสมกับตนเองให้ได้

มันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนพูดว่า “ วิชามหัศจรรย์ที่เจ้าพูดถึงล้วนแล้วแต่ค่อนข้างหายากทั้งสิ้น ข้าจำได้ว่าบนชั้นสามด้านตะวันตกน่าจะมีอยู่ เจ้าลองไปดูมันหน่อยเถอะ ”

เต้าหลิงรีบขอบคุณ ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปยังชั้นสาม หวังว่าจะเจอวิชาที่เน้นร่างกายเป็นหลักซักวิชาหนึ่ง

ในตอนที่เดินมาถึงปากทางเข้าชั้นสองนั้น มันก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันระดับหนึ่ง ทว่าก็ไม่ระแคะระคายผิวมันแม้แต่น้อย ก่อนฝ่าเท้าจะเดินมุ่งหน้าไปยังชั้นสาม

ในชั้นที่สองนี้ปรากฏคนที่ทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณแล้วส่วนหนึ่ง เพียงเห็นเด็กหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่งที่เดินขึ้นมาพวกมันต่างก็มองด้วยแววตาสนุกสนาน จนมีคนเห็นว่ามันเดินมุ่งหน้าไปยังชั้นสาม จึงหัวเราะเยาะออกมาว่า

“ ไม่ผิด แรงกดดันในชั้นสามสูงสุดๆ ก็ขนาดสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ในขั้นซึมซับวิญญาณบางตัวยังขึ้นไปไม่ได้เลย ”

“ คิดจะได้วิชามหัศจรรย์ชั้นดีมาก็ต้องแข็งแกร่ง รอก่อนเถอะเจ้าเด็กนั่นได้เจ็บตัวแน่ ”

ผู้คนส่วนหนึ่งล้วนอยากขึ้นไปบนชั้นสามให้ได้ เพราะว่าชั้นสามนั้นมีวิชามหัศจรรย์หลากหลายชนิดอยู่ เทียบกับชั้นสองแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นวิชาระดับสูง น้อยนักที่จะหาวิชามหัศจรรย์เจอ

ทว่าแรงกดดันบนชั้นสามนั้นสูงมาก ทำให้บาดเจ็บเอาได้ง่ายๆ เต้าหลิงเองก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันขนาดมหึมาที่กดทับลงบนร่างของมันได้เหมือนกัน แรงกดดันนี้กับของหอคอยทงหลิงมีส่วนคล้ายกันอยู่เล็กน้อย

คิ้วของมันกระตุกเล็กน้อย พลังภายในร่างเอ่อทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายก็ตื่นตัวตามขึ้นมา ร่างกายกับพลังได้เชื่อมต่อกันเป็นแผ่นเดียวกัน ปรากฏท่วงทำนองที่น่ากลัวบางอย่างโอบล้อมเอาไว้

มีคนตกตะลึง คนที่มองดูอยู่ด้านข้างชั้นสามก็ตกใจสะดุ้งเช่นเดียวกัน พวกมันคิดว่ากำแพงเทพปีศาจที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าจะกดทับร่างกายของมันจนสั่นสะท้าน

ผู้คนล้วนตะลึง ร่างกายนี่มันแข็งแกร่งในระดับไหนกัน พวกมันรู้สึกราวกับเห็นเด็กหนุ่มเบื้องหน้าเป็นสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ สายตามองฝีเท้าของเด็กหนุ่มที่เดินขึ้นไป จิตใจก็ว้าวุ่นไปหมด ส่วนกลุ่มคนที่หัวเราะเยาะมันเมื่อครู่ล้วนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปด้วยความอับอายจริงๆ

ชั้นสามนั้นห่างจากชั้นสองอยู่มาก มวลอากาศในชั้นนี้อบอวลไปด้วยพลังอันน่าเกรงขาม หนังสัตว์อสูรโบราณวางอยู่บนชั้นวางตำราบางแห่ง แผ่นหยกที่อัดแน่นไปด้วยแสงล้ำค่าดูดคายพลังที่น่ากลัว ตำราโบราณบางเล่มโอบล้อมไปด้วยท่วงทำนองและความหมาย พลังเหล่านี้รวมเข้าด้วยกัน ทำให้มวลอากาศในนี้เต็มไปด้วยความน่ากลัว

“ชั้นที่สี่จะมีอะไรหรือไม่”เต้าหลิงตกตะลึง มันอ่านตำราโบราณที่อยู่ด้านข้างอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบว่าเนื้อหาที่เขียนบันทึกเอาไว้นั้นลึกล้ำยากจะเข้าใจอย่างยิ่ง ตอนนี้มันยังไม่อาจจะหยั่งถึงได้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าชั้นสี่จะมีวิชามหัศจรรย์แบบไหนอยู่

“มันเป็นเจ้า!”คนที่อยู่บนชั้นสามค่อนข้างน้อย ขณะนี้ปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่งมองไปยังเด็กหนุ่มที่เดินขึ้นมา นัยน์ตาของมันขึงขังเล็กน้อย มันไม่คิดเลยว่าเด็กใหม่คนนี้จะขึ้นมาที่นี่ได้ นี่จึงทำให้มันรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

“ เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ อีกครึ่งเดือนก็จะเป็นวันแย่งชิงเขาวิญญาณแล้ว หากข้าไม่สามารถล้มเจ้าได้ในสามกระบวนท่า ข้าจะขอยอมแพ้ด้วยตัวเอง ! ”

คำพูดของหลินมู่นั้นดูอวดดียิ่งนัก ทว่ามันก็มีความสามารถพอที่จะให้อวดดีได้ แม้ว่าเต้าหลิงจะขึ้นมาบนชั้นสามได้ ทว่ามันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของหลินมู่แม้แต่น้อย มันมั่นใจว่าแค่กระบวนท่าเดียวก็ล้มเจ้าเด็กนี่ได้แน่นอน

“ดีฉันรอ.”“ เช่นนั้นก็ดี ข้าจะรอ ” เต้าหลิงพยักหน้า ก่อนเดินไปทางด้านตะวันตก

“เวเลานั้นจะได้เห็นดีกัน!”เพียงเห็นท่าทางที่ดูไม่ค่อยหวาดกลัวของมัน หลินมู่ก็ค่อนข้างจะไม่พอใจซักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรตอนนี้ตนเองก็อายุเยอะแล้ว เจ้าเด็กคนนี้ไม่รู้จักเคารพกันบ้างเลย

ตำราแต่ละชนิดในด้านตะวันตกนี้ค่อนข้างบางตา ตำราโบราณจำนวนมากล้วนผุพัง เดาว่าคนจำนวนมากคงมิอาจศึกษาวิชามหัศจรรย์บนชั้นนี้ได้แน่

เต้าหลิงมองผ่านๆไปเรื่อย เพื่อหาวิชามหัศจรรย์ที่เหมาะสมกับตนเองเป็นหลัก จนเวลาล่วงเลยผ่านไปอีกครึ่งวัน ฝ่ามือเรียวยาวของมันก็หนังสัตว์อสูรสีทองอันหนึ่งขึ้นมา

“สามทิศกายทองคำ 三转金身!”ดวงตาเต้าหลิงเห็นอักษรด้านบนตาของมันหรี่ลงเล็กน้อย

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments