I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 54 เส้นทางของผู้แข็งแกร่ง

| GSDZ (盖世帝尊) | 1217 | 2368 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เทพอสูรกลืนฟ้า – บทที่ 54 เส้นทางของผู้แข็งแกร่ง

ภายในห้องหลอมยา อันเงียบกริบ ดวงตาของเต้าหลิงเปล่งประกายแสงอันเย็นยะเยือก อุณหภูมิของมวลอากาศลดลงอย่างรวดเร็วที่เกิดความหนาวเย็นเป็นน้ำแข็ง ที่ผู้คนล้วนหนาวสั่น

ในวันนี้ความสับสนได้กระจ่าง แต่ในใจของเต้าหลิงไม่สามารถปล่อยวางลงไปได้ มันไม่คิดว่ามันจะได้มาเจอเรื่องระยำแบบนี้

มันเงียบเป็นเวลานานในที่สุดก็พึมพำ :. “ขโมยต้นกำเนิดพลังของข้า ทำให้ครอบครัวข้าแตกแยก สักวันข้าจะไปหาพวกเจ้าไม่ช้าก็เร็ว.”

เต้าหลิงค่อยๆกำหมัดแน่น สายตาแน่วแน่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รวมทั้งความกดดันได้แผ่ซ่านออกมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

อู๋ตี้เป็นคนที่น่ากลัวมาก แลมันกับเต้าหลิงไม่เหมือนกัน แต่ก่อนเต้าหลิงมีครอบครัวที่ดี แต่เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลง จนถึงขณะนี้มันยังไม่ได้พบหน้ามารดาอขงมันมัน แม้ความทรงจำก่อนหน้าก็ยังเลือนลาง

แม้ว่าเต้าหลิงจะค่อนข้างอ่อนต่อโลกนี้ ทว่ามันก็พอจะรู้ถึงความน่ากลัวของขุมพลังอำนาจขนาดใหญ่อย่างวิหารยุทธ์ พวกมันสามารถใช้ทรัพยากรชั้นเลิศในการบ่มเพาะให้แก่อู่ตี้ได้ และยิ่งมันได้จุดกำเนิดพลังของเต้าหลิงไปก็ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงเลย มันนั้นเดินทิ้งห่างออกไปไกลมาก จนได้กลายเป็นอันดับหนึ่งแห่งแดนลึกลับไป

ทว่าด้วยแรงศรัทธาในเส้นทางแห่งยุทธ์ของเต้าหลิงที่สูงส่งยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในวันนี้ ทำ ให้มันเชื่อมั่นว่าจะต้องก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในเส้นทางแห่งยุทธ์ให้ได้ !

และนี่ก็คือแรงศรัทธาในเส้นทางแห่งยุทธ์ของมัน จะต้องไม่หวาดกลัวผู้ใด คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือตนเอง !

หากยังไม่มีความศรัธทรา แล้วจะฝึหกยุทธ์ได้อย่างไร

ผู้ฝึกยุทธ์ยอมตายดีกว่ายอมกัมหัวให้ใคร!

หากฟ้าต้องการจะถล่มทับมัน มันก็จะพังทลายฟ้าให้พินาศก่อน!

“อู๋ตี้” เต้าหลิงยันกายขึ้น นัยน์ตากลับมาเป็นปกติ ทว่าก็ยังปลดปล่อยไอสังหารออกมา มันกำหมัดแล้ว พูดว่า “ ข้าเสียจุดกำเนิดพลังไป แต่กลับยืนอยู่บนจุดสูงสุดในขั้นพลังกายได้ คนจากวิหารยุทธ์คงคิดไม่ถึงกัน หรือไม่ก็คิดว่าข้าตายไปแล้ว ”

“ กายนักปราชญ์บุพกาล จุดกำเนิดพลังของมันไม่ได้น่ากลัวแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีพลังแฝงในคุณสมบัติร่างกายนี้ด้วยที่น่ากลัว ! ”ดวงตาของมันเปล่งแสงสว่างไสว ราวกับดวงอาทิตย์สองดวงก็มิปาน ก่อนมันจะตะโกนออกมาอีกว่า “ แม้ข้าจะไม่มีจุดกำเนิดพลัง ทว่าข้าก็สามารถฝึกฝนจนถึงระดับนี้ได้ตามปกติ มันจะต้องมีซักวันที่ข้าจะทำให้พวกมันต้องชดใช้ !

สองสามมาวันนี้ มันรู้สึกว่าร่างกายของมันซ่อนพลังงานลึกลับบางอย่างเอาไว้ ทว่ามันก็ยังปลุกพลังนี้ขึ้นมาไม่ได้เสียที ตอนนี้เต้าหลิงรู้แล้วว่าจุดกำเนิดพลังยังอยู่ ทว่าก็หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น จะต้องใช้ขั้นตอนพิเศษบางอย่างถึงจะฟื้นฟูกลับมาได้

ในช่วงสองสามปีมานี้เต้าหลิงก็มักจะหลับสนิทอยู่เป็นประจำ ในตอนนี้มันเข้าใจถึงสาเหตุแล้ว นี่ก็เป็น เพราะว่าจุดกำเนิดพลังกำลังฟื้นฟูด้วยตนเองอยู่ ทว่าหากอยากจะฟื้นฟูให้แข็งแกร่งในระดับเดียวกับมันในตอนขวบกว่าๆนั้น ยังยากเกินไป

“ด้วยจุดกำเนิดพลังของข้า ข้าจะชิงอันดับหนึ่งแห่งขั้นพลังกายมาดูกันว่าใครจะแข็งแกร่งที่สุดในขั้นพลังนี้!”ดวงตาเต้าหลิงส่องประกายแสงหนาวเย็นออกมา ในตอนนี้มันมีเป้าหมายแล้ว คือเขี่ยชื่อของอู่ตี้ลงจาก ศิลามหาเทพยุทธ์ให้ได้ !!

อู่ตี้นั้นแข็งแกร่งมาก เต้าหลิงไม่เคยดูถูกมันแม้แต่น้อย มันได้รับการสนับสนุนจากวิหารยุทธ์ จนได้ชื่ออู่ตี้มา เพียงเท่านี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าวิหารยุทธ์คาดหวังในตัวของมันมากขนาดไหน ทรัพยากรที่มันได้รับล้วนเป็นของล้ำค่าที่ผู้คนในโลกนี้มิอาจจินตนาการได้

ในตอนที่มันสิบขวบก็ติดอันดับหนึ่งบนศิลามหาเทพยุทธ์ได้แล้ว ผู้คนจำนวนมากที่อายุพอๆกับมันในตอนนั้นยังไม่เริ่มฝึกฝนกันเลย อีกทั้งมันยังนำหน้าคนที่อยู่ในรุ่นเดียวกับมันไปไกลมากอีกด้วย เพียงแค่ก้าวแรกของมันก็ไปได้ไกลมากแล้ว

เต้าหลิงรู้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของพวกเขามีช่องว่างขนาดใหญ่แค่ไหนระหว่างมันกับเขา เขาได้รับการฝึกนานเท่าไหร่?เวลาเพียงแค่สองเดือน!

อู๋ตี้ ครอบครองทรัพยากรมากมาย สมบัติทุกชนิด ไม่รู้ว่าตอนมันอยู่ขั้นพลังกายมันได้ศึษาตำราไปแล้วเท่าไหร่ความรู้สะสมมากมาย หากทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณ พลังของมันจะต้องเพิ่มขึ้นจนมิอาจรับมือได้แน่ ! !

นี่คือศัตรูความเป็นและความตายที่ไม่เคยมีมาก่อน!

เต้าหลิง อยากจะรู้สิ่งต่างๆมากมาย,แม่ กับ หลิงเยี่ยตอนนี้อยู่ที่ไหน ตระกูลเต้าเป็นอย่างไร

มันยันกายลุกขึ้นและเดินออกไป มันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าหัวใจกระสับกระส่ายของเขาค่อย ๆ สงบลง

ประสบการณ์ในปีนั้นให้เขารู้ว่าโลกนี้โหดร้ายคนที่มากพรสวรรค์ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะมันทำให้ตระกูลอื่นๆเกิดความอิจฉา

เต้าหลิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมนานพอสมควร ก่อนขยับกายอย่างช้าๆ ตอนนี้เมืองชิงโจวก็เต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่มารวมตัวกัน มันเตรียมตัวที่จะใช้ช่วงเวลานี้ไปทดสอบพลังในขั้นพลังกายอีกครั้งว่าจะอยู่ในระดับไหนแล้ว

ทว่ามันนั้นก็มิใช่คนที่ทำอะไรมุทะลุ มันไม่ยอมเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในแดนอันตรายในตอนนี้แน่ มิเช่นนั้นภายภาคหน้าคงมีเรื่องให้ทำอีกมาก

“ไปดูที่หอพระคัมภีร์ข้าต้องการ วิชามหัศจรรย์!” เต้าหลิงกำหมัด ฝ่ามือหยินหยางจะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ มิเช่นนั้นภัยพิบัติคงได้มาเยือนแน่ อีกทั้งประสบการณ์ของมันก็ยังน้อย จะต้องฝึกฝนวิชามหัศจรรย์ให้ได้จำนวนมากเข้าไว้ เพื่อจะได้มีตัวช่วยให้รอดชีวิตมากขึ้น

นี่เป็นครั้งแรกของเต้าหลิงจึงกระตือรือร้นที่มันต้องการอำนาจและกลายกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง เขาต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเอง!

ขณะที่เขาเดินหอพระคัมภีร์ ได้ปรกฏแขกไม่ได้รับเชิญอยู่ตรงหน้า

สีหน้าของหวังย่าดูเคร่งเครียด นางไม่คิดว่าเต้าหลิงจะได้รับการปฏิบัติที่ดีเยี่ยมจากคนระดับสูงของ ร้านค้ามหาคลังสมบัติ นี่ทำให้นางหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มในตอนนี้ไม่ใช่คนที่นางจะสามารถกดขี่ข่มเหงได้ตามอำเภอใจอีกแล้ว

พอเรื่องนี้แล่นไปถึงหูของหวังจวิ้นอี้ มันก็สงสัยและประหลาดใจในทันที เตรียมสืบข่าวว่าช่วงนี้มันได้รับความเอ็นดูจากคนใหญ่คนโตคนไหนหรือไม่ อีกทั้งยังรวมถึงผลึกหินฟ้าด้วยที่มันจะต้องแย่งมาให้ได้

หวังจวิ้นอี้เดินเข้ามา นัยน์ตาจ้องไปยังเต้าหลิง ก่อนกล่าวอย่างเย็นเรียบว่า “ พวกเราเจอกันอีกแล้ว ”

เต้าหลิงเหลือบมองพวกมันแวบหนึ่ง ก่อนจะมองไปที่หวังย่า แล้วกล่าวว่า “ เจ้านี่ตายยากเสียจริง ข้าไม่ไปหาเจ้า แต่เจ้ากลับมาหาข้า ”

ได้ยินดังนั้น สีหน้าหวังย่าดูย่ำแย่ ทว่านางก็มิกล้าตอบโต้ เพราะว่าตำแหน่งของเต้าหลิงในตอนนี้ ทำให้นางหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

หวังจวิ้นอี้ขมวดคิ้วขึ้น เจ้าเด็กนี่ไม่มองตนแม้แต่หางตา นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน ?เมินข้ารึ ?

“ บางคนก็คิดว่าตนเองดูดีในสายตาคนอื่น ดวงดีเล็กๆน้อยๆ ก็คิดไปเองว่าเป็นมังกรผู้ยิ่งใหญ่ ทว่าจุดจบของคนพวกนี้ก็มักจะน่าอนาถเสมอมันยิ้มเยาะก่อนพูดต่อว่า “ เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆหนะหรือว่าคนชั้นต่ำอย่างเจ้าจะมีคุณสมบัติพอที่จะสู้กับข้าได้ ? ”

“ บางคนก็คิดว่าตนเป็นเช่นนั้น คิดว่าสถานะตัวเองสูงส่ง ทว่าคนพวกนี้ก็มักจะตายอนาถเหมือนกัน ” เต้าหลิงเหล่สายตามองไปยังมันแวบหนึ่งก่อนยิ้มเยาะกล่าว

“บัดซบ!”หวังจวิ้นอี้พลันกำหมัดแน่นสีหน้าเขียวปัด คำรามเสียงต่ำออกไปว่า “ ไอ้เดรัจฉาน ไม่ว่าใครที่คอยช่วยเหลือเจ้าอยู่ก็ตาม แต่วันนี้เจ้าก็หนีไม่พ้นความตายแน่ ! ”

“ ไอ้ขยะ ยังไม่รีบคุกเข่ารับผิดอีกรึ มิเช่นนั้นใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้ ” คนสองคนที่ถูกเต้าหลิงอัดไปเมื่อหลายวันก่อนระเบิดเสียงตะโกนดังออกมาคนสองคนที่ถูกเต้าหลิงอัดไปเมื่อหลายวันก่อนระเบิดเสียงตะโกนดังออกมา

“คราวก่อนยังไม่เข็ดอีกรึ ตอนนี้ถึงได้มาส่งเงินอีก ? ” สายตาเต้าหลิงมองไปยังพวกมัน ก่อนยิ้มเยาะกล่าว

“เจ้า ..”” หวังเฟยไป๋โกรธจนตัวสั่น ชี้ไปยังเต้าหลิงพร้อมคำรามว่า “ นายน้อย เจ้าคนนี้มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ต้องรีบกำจัดมัน ! ”

“ข้าพูดว่า เจ้าคิดหรือว่าข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้?”หวังจวิ้นอี้กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์

“พูดมากน่ารำคาญ”เต้าหลิงสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าตอนนี้อยากจะหาที่ระบายกับใครซักคน ก่อนฝ่าเท้าจะเริ่มย่ำเดินมุ่งไปด้านหน้า

“ปากดี!”นัยน์ตาทั้งสองของหวังจวิ้นอี้ระเบิดแสงอันหนาวเยือกออกมา มิอยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะออกมือก่อน นี่ทำให้จิตใจของมันลุกโชนด้วยความโทสะ ทั่วร่างปลดปล่อยคลื่นพลังที่ดุร้ายออกมา ต้นไม้ขนาดใหญ่โดยรอบล้วนสั่นไหว

มันพลันกำหมัด เหนี่ยวนำพลังบริสุทธิ์โดยรอบก่อนปล่อยหมัดออกไป ปรากฏเป็นพิมพ์หมัดพุ่งทะยานออกไป อบอวลไปด้วยคลื่นพลังที่แกร่งกล้า สามารถทำให้ก้อนหินแตกได้อย่างง่ายดาย

หวังจวิ้นอี้นั้นขาดอีกแค่สามขั้นพลังย่อยก็จะทะลวงเข้าสู่จุดสูงสุดของขั้นซึมซับวิญญาณ ตอนนี้มันอายุเพียงสิบสองปีเท่านั้น ภายภาคหน้าจะต้องยิ่งใหญ่แน่

ในขั้นซึมซับวิญญาณนั้น คนส่วนใหญ่ใช้เวลาครึ่งปีในการทะลวงไปหนึ่งขั้นพลังย่อย แม้แต่อัจฉริยะก็ยังไม่เว้น เพราะว่าการจะทะลวงไปได้นั้นจำเป็นต้องใช้พลังจำนวนมาก เว้นเสียแต่จะมีของล้ำค่าชั้นเลิศบางชนิดที่ทำให้สามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้

ทั่วร่างเต้าหลิงโอบล้อมไปด้วยคลื่นพายุ ผมยาวสีดำปลิวไสว นัยน์ตาของมันเรียบนิ่งไร้ซึ่งความหวาดกลัว สายตามองไปยังกลุ่มพลังที่พุ่งเข้ามา ก่อนง้างหมัดแล้วพุ่งปะทะเข้าไป พิมพ์หมัดพลันแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆทันที ก่อนจะพุ่งต่อไปยังหน้าอกของหวังจวิ้นอี้

หมัดของหวังจวิ้นอี้น่ากลัวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มันปล่อยพิมพ์หมัดออกไปราวกับภูเขาขนาดเล็กก็มิปาน ผืนปฐพีสั่นสะเทือนจนปริแตกออก ก่อนจะปะทะเข้ากับหมัดสังหารที่พุ่งเข้ามา

“แหลกไปซ่ะ!” เต้าหลิงคำรามลั่น ภายในร่างระเบิดแสงสว่างออกมา พลังโคจรไปทั่วร่างราวกับน้ำป่าเชี่ยวกราด ฝืนปฐพีสั่นสะเทือน หินขนาดใหญ่จำนวนมากล้วนระเบิดแตกอก ก่อนระเบิดเงาลางภูเขาขนาดใหญ่ส่งเสียงดังตูม พุ่งทะลวงเข้าไปยังหน้าอกของหวังจวิ้นอี้

“อะไรกัน”หวังจวิ้นอี้ตกใจสะดุ้ง สีหน้าดูหวาดผวา พลันเรียกหอกนักรบขึ้นในมือทันที

ทว่าเต้าหลิงรวดเร็วกว่า ราวกับอินทรีสายฟ้าที่พุ่งทะยานไปตามท้องนภาด้วยความเร็วสูง พริบตาเดียวเต้าหลิงก็มายืนอยู่ด้านหลังของมัน แขนท่อนหนึ่งสั่นไหวโอบล้อมพลังมหาศาล ก่อนหมัดพุ่งอัดเข้าใส่หลังของมันอย่างดุดัน

เสียงกระดูกหักดังขึ้น หวังจวิ้นอี้พ่นโลหิตกองใหญ่ออกมา พร้อมกับกระเด็นลอยออกไป หอกนักรบในมือพลันล่วงหล่นลงพื้น

“แย่แล้ว”.หวังเฟยไป๋และอีกคนสีหน้าเปลี่ยนไปมาก ฝ่าเท้าย่ำถอยหลังไป คนคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้แต่หวังจวิ้นอี้ก็ยังเป็นลูกไก่ในกำมือมัน เพียงไม่กี่กระบนท่าก็พ่ายแพ้ซะแล้ว

“ไปให้พ้น!”แขนเสื้อเต้าหลิงสั่นไหว ปรากฏอักขระสีทองเต็มท้องฟ้า ราวกับแม่น้ำขนาดใหญ่สีทองเส้นหนึ่ง พุ่งอัดเข้าใส่ร่างของหวังเฟยไป๋และอีกคนจนกระเด็นลอยออกไป ก่อนฝ่าเท้าจะย่ำเดินมายืนอยู่เบื้องหน้าของหวังย่า

“อย่าฆ่าข้า.”นางตกใจจนฝ่าเท้าเย็นเฉียบ หันหลังแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับร้องเสียงสูงออกมา อย่างต่อเนื่องว่า “ มันจะฆ่าข้า ใครก็ได้ช่วยด้วย ”

ฝ่ามือเรียวยาวของเต้าหลิงยืดออกไป ดึงคอเสื้อของหวังย่ากลับมา ก่อนฝ่ามือสีทองจะฟาดไปยังใบหน้าสวยของนางดัง ‘เพี๊ยะ’

“อั่กก ..”หวังย่ากระเด็นออกไป แก้มของนางปรากฏโลหิตซึมออกมา ฟันทั่วทั้งปากล้วนหลุดร่วง พริบตาเดียวใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางก็ปูดขึ้นเป็นหัวหมู นอนตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น

หวังจวิ้นอี้ยันกายขึ้นมาอย่างช้าๆก็เห็นฉากนี้พอดี มันรีบหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีทันที คิดไม่ออกเลยจริงๆว่าเหตุใดมันถึงแข็งแกร่งขึ้นได้ขนาดนี้

เต้าหลิงจะปล่อยมันไปได้อย่างไร พุ่งเข้ามาจับตัวหวังจวิ้นอี้ไว้อีกครั้ง เพียงเห็นสีหน้าที่หวาดกลัวของมัน เต้าหลิงก็ส่งเสียงหึดังขึ้น มือควานหาของในตัวของมันอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบกับกระเป๋าหนังสัตว์อสูรใบหนึ่ง ก่อนจะถีบมันให้กระเด็นลอยออกไป

“ไอ้บ้า!”หวังจวิ้นอี้แผดเสียงคำรามในใจ แม้ว่าของในกระเป๋าหนังใบนั้นจะไม่ได้ล้ำค่าอะไรมากมาย ทว่าหากคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า มันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มันแผดเสียงคำรามในใจอย่างบ้าคลั่งว่า “ ข้าไม่ยกโทษให้เจ้าแน่ไอ้เดรัจฉาน รอข้าก่อน ! ”

เต้าหลิงสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อครู่ได้ระบายอารมณ์ออกไปมันรู้สึกดีขึ้นมาก ทว่าในใจก็ยังคงมีบางสิ่งอยู่ หรือบางทีมันอาจจะเป็นความกดดันก็ได้

“ล้านเหรียญทอง.”ของที่อยู่ในกระเป๋าหนังสัตว์อสูรทำให้มันต้องตกตะลึง มันเก็บเข้าไปก่อนเดินไปยังหอคัมภีร์ลับ ตอนนี้มันยังขาดอะไรอีกหลายอย่าง ขาดเงิน ขาดวิชามหัศจรรย์ ขาดของล้ำค่า

ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้เต้าหลิงยังไม่แม้แต่จะเหลียวมองนาง นากหอบหายใจอย่างแรก รู้สึกสำนึกผิดไม่มีที่สิ้นสุดตอนแรกหากนางยังคงรักษาความสัมพันธ์กับเต้าหลิงต่อ คงจะไม่มีเหตุการณ์ในวันนี้ขึ้น?แต่น่าเสียดายที่ทุกสายเกินไป

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments