I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Reverend Insanity / Gu Daoist Master ตอนที่ บทที่ 18 ปล่อยให้อดีตล่องลอยไปเหมือนกับหมอกหรือควัน

| Reverend Insanity / Gu Daoist Master | 1098 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 18 ปล่อยให้อดีตล่องลอยไปเหมือนกับหมอกหรือควัน

TL. Coffee Prince

 

เผชิญหน้ากับคำถามของน้องชาย ฟางหยวนกลับไม่ตอบคำและเพียงกินอาหารเช้าของเขาต่อไปเท่านั้น เขารู้จักตัวละครน้องชายฝาแฝดของเขา ฟางเจิ้ง เป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นบางคนที่ไร้ความอดทนอย่างสิ้นเชิง

เป็นดังที่ฟางเจิ้งคาด พี่ชายของเขาไม่แยแสเขาราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามออกไปอีกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันเกรี้ยวโกรธอีกครั้ง “พี่ใหญ่ ท่านทำสิ่งใดกับเฉินซุ้ย? ตั้งแต่เธอออกมาจากห้องของพี่ใหญ่เมื่อวานนี้ เธอเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ เมื่อข้าปลอบโยนเธอ เธอกลับยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก”

ฟางหยวนเงยศีรษะขึ้นมองน้องชายอย่างไร้อารมณ์ ขณะเดียวกันฟางเจิ้งก็จ้องเขม็งกลับมายังฟางหยวนเพื่อขอคำอธิบาย

บรรยากาศเริ่มมืดครึ้มลงเรื่อยๆ

แต่เพียงชั่วครู่ฟางหยวนก็ก้มหน้ากลับไปทานอาหารเช้าของเขาต่อ

ฟางเจิ้งกลายเป็นหายใจติดขัดขึ้นมาทันที การแสดงออกของฟางหยวนทำให้เขารู้สึกรังเกียจอย่างแท้จริง ด้วยความอับอาย เขาใช้มือฟาดลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง “ผู้ใช้วิญญาณฟางหยวน เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร? เฉินซุ้ยเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาที่อ่อนแอ เธอกระทั่งดูแลเจ้าเป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอทั้งอ่อนโยนและห่วงใยเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังท้อแท้ ข้าเข้าใจความรู้สึกแย่ๆเหล่านั้น แม้ว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถระบายความโกรธของเจ้ากับผู้อื่นเนื่องจากความโชคร้ายของเจ้าเองได้ นี่มันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ!”

เพียงเมื่อฟางเจิ้งกล่าวจบคำ ฟางหยวนก็ผุดลุกขึ้นและยกมือตบไปยังใบหน้าของฟางเจิ้งในทันที

“ปัง!”

เสียงปะทะดังสนั่นเมื่อเขาประทับฝ่ามือลงบนใบหน้าข้างซ้ายของฟางเจิ้ง

ใบหน้าของฟางเจิ้งถูกเหวี่ยงไปด้านขวาจากแรงตบก่อนที่เขาจะก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวพร้อมกับความตื่นตระหนก

“คนโง่ เจ้ากล้าใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับพี่ชายของตนเองเช่นนั้นหรือ? เพียงเพราะสาวใช้ไร้ค่าเฉินซุ้ย เจ้ากลับหลงลืมว่าข้าคือพี่ชายของเจ้าเลยเชียวหรือ?” ฟางหยวนตำหนิเสียงต่ำ

ฟางเจิ้งสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ปะทุขึ้นบนใบหน้าของเขาได้ในที่สุด เขาขมวดคิ้วลึกและหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนจะกล่าวออกไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “พี่ใหญ่ ท่านตบข้า? ตั้งแต่เด็กท่านไม่เคยใช้ความรุนแรงกับข้าแม้เพียงครั้ง! ใช่ ข้าถูกค้นพบว่ามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง ส่วนท่านเพียงนภาที่สาม แต่ท่านก็ไม่สามารถตำหนิข้าได้ เพราะนี่คือลิขิตแห่งสวรรค์…..”

“ปัง!”

ฟางเจิ้งไม่สามารถกล่าวจนจบประโยคเมื่อหลังมือของฟางหยวนตบไปที่ใบหน้าซีกขวาของเขาเป็นครั้งที่สอง

ศีรษะของฟางเจิ้งสะบัดไปทางซ้ายอีกครั้งอย่างมิอาจควบคุม

เขาตะลึง!!

“โง่นัก ตั้งแต่เด็กเจ้าจำได้หรือไม่ว่าข้าดูแลเจ้าเยี่ยงไร หลังจากท่านพ่อท่านแม่ของเราตายไป ชีวิตของพวกเรายากลำบากเพียงใด ในเวลานั้นลุงกับป้าได้มอบเสื้อคลุมชุดใหม่ให้พวกเราสองคนเพียงชุดเดียว แล้วข้าได้สวมใส่มันหรือไม่? ผู้ใดคือผู้ที่ข้ามอบชุดใหม่ของข้าให้? เมื่อเจ้ายังเด็ก เจ้าชอบกินโจ๊กหวาน เป็นข้าหรือไม่ที่ต้องคอยบอกแม่ครัวให้ทำให้เจ้ากินทุกวัน เมื่อเจ้าถูกผู้อื่นรังแก ผู้ใดพาเจ้ากลับบ้าน? ยังมีอีกมากมายหลายสิ่งที่ข้าไม่อยากจะพูด แต่ตอนนี้เพียงสาวใช้ผู้หนึ่ง เจ้ากลับกล้าพูดเช่นนี้กับข้างั้นหรือ?”

ใบหน้าของฟางเจิ้งแดงก่ำ ริมฝีปากของเขาสั่นสะท้าน เขาทั้งโกรธ ทั้งอาย ทั้งประหลาดใจในขณะเดียวกัน แต่เขาก็ไม่สามารถโต้เถียงสิ่งใดออกไปได้แม้เพียงครึ่งค่ำเดียว

เพราะทุกสิ่งที่ฟางหยวนพูดเป็นความจริงทั้งหมด!

“อย่างไรก็ตาม” ฟางหยวนยิ้มเยาะ “เมื่อเจ้าหลงลืมพ่อแม่ของตนเองและยอมเรียกผู้อื่นว่าท่านพ่อท่านแม่ แล้วข้าจะมีความหมายใด เพราะข้าเป็นเพียงพี่ใหญ่ของเจ้าเท่านั้น”

“พี่ใหญ่ ท่านกล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร? ท่านก็รู้ว่าข้าปรารถนาครอบครัวที่อบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก…..” ฟางเจิ้งกล่าวปกป้องตนเองอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนโบกมือบอกให้เขาหยุด “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ใช่น้องชายของข้าและข้าก็ไม่ใช่พี่ใหญ่ของเจ้าอีกต่อไป”

“พี่ใหญ่!” ฟางเจิ้งกลายเป็นหวาดกลัวและพยายามจะกล่าวบางคำ

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ฟางหยวนกลับกล่าวออกมาอีกว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบเฉินซุ้ยเช่นนั้นหรือ? ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้ามิได้ทำสิ่งใดกับเธอ เธอยังเป็นหญิงบริสุทธิ์ที่มิเคยถูกแตะต้อง มอบหินวิญญาณให้ข้าหกก้อนแล้วข้าจะมอบเธอให้กับเจ้า หลังจากนี้เธอจะเป็นสาวใช้ส่วนตัวของเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”

“พี่ใหญ่ เหตุใดท่าน…..” ความในใจของฟางเจิ้งถูกเปิดเผยออกมาอย่างกะทันหัน มันจึงช่วยไม่ได้ที่ฟางเจิ้งจะรู้สึกตระหนกเพราะเขาไม่เคยคาดคิดว่าผู้ใดจะรู้เรื่องนี้

อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกโล่งใจเพราะสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดมันไม่ได้เกิดขึ้น

ไม่นานมานี้ เฉินซุ้ยได้ช่วยเขาอาบน้ำ แม้มันจะไม่ได้เกิดสิ่งใดขึ้น แต่ฟางเจิ้งก็มิอาจลืมค่ำคืนที่พิเศษเช่นนั้นได้ และทุกครั้งที่เขาคิดถึงเฉินซุ้ย เขาก็จะคิดถึงวิธีการที่มืออันอ่อนนุ่มของเธอสัมผัสร่างกายของเขาอย่างอ่อนโยน  ริมฝีปากสีเชอร์รี่ที่อยู่เบื้องหน้าเขา และลมหายใจอันแผ่วเบาที่ปะทะเข้ากับใบหูด้านในของเขา เพียงเมื่อเขาคิดถึงสิ่งเหล่านี้ หัวใจของเขาก็จะเกิดอาการสั่นไหวขึ้นมาอย่างรุนแรงเสมอ

ความรู้สึกลุ่มหลงของหนุ่มสาวได้ผลิบานอยู่ในหัวใจของเขามาเนิ่นนานแล้ว

ดังนั้นเมื่อเขาพบสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับเฉินซุ้ยเมื่อวานนี้ ความโกรธเกรี้ยวจึงได้ปะทุขึ้นภายในหัวใจของเขาอย่างฉับพลัน ในเวลานั้นเขาหลงลืมเรื่องการปรับแต่งวิญญาณแสงจันทร์ของเขาและออกตามหาฟางหยวนด้วยความร้อนใจในทันที

อย่างไรก็ตามเวลานี้เมื่อฟางเจิ้งไม่ได้ตอบรับเงื่อนไข ฟางหยวนจึงกล่าวต่อ “ความรักเป็นเรื่องปกติธรรมดามา ไม่จำเป็นต้องปิดบัง แน่นอนว่าหากเจ้าไม่ต้องการแลกเปลี่ยน ก็ลืมมันไปซะ!”

ฟางเจิ้งรู้สึกกังวลขึ้นมาในทันที “ข้าจะแลกเปลี่ยนกับท่าน! เหตุใดข้าจะไม่ต้องการ แต่ตอนนี้ข้าเหลือหินวิญญาณไม่ถึงหกก้อน”

ขณะกล่าวคำเขาก็หยิบกระเป๋าใส่เงินออกมาพร้อมกัน

 ฟางหยวนรับกระเป๋าใส่เงินไปและพบว่ามีหินวิญญาณหกชิ้นอยู่ในนั้น แต่มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่มีขนาดเพียงครึ่งเดียว เมื่อเห็นเช่นนี้ฟางหยวนตระหนักได้ทันทีว่าฟางเจิ้งต้องดูดซับพลังงานจากมันเพื่อใช้ในการปรับแต่งวิญญาณแสงจันทร์ของเขา เพราะหลังจากผู้ใช้วิญญาณดูดซับพลังงานจากมันไป หินวิญญาณก้อนนั้นก็จะหดเล็กลงไปเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามเขาแน่ใจว่านี่คือหินวิญญาณทั้งหมดที่ฟางเจิ้งมีในขณะนี้ เดิมทีฟางเจิ้งไม่มีเงินออม สำหรับหินวิญญาณหกก้อนนี้ มันก็เป็นสิ่งที่ลุงกับป้าพึ่งมอบให้ไม่นานมานี้

“เอาหล่ะ ข้าจะรับมันไว้ ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” การแสดงออกของฟางหยวนยังคงเย็นชาในขณะที่เขาหยิบหินวิญญาณไป

“พี่ใหญ่…..” ฟางเจิ้งอยากจะพูดบางคำ

ฟางหยวนหลี่ตามองเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมาอย่างช้าๆ “จะดีที่สุดหากเจ้าจากไปก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนความคิด”

หัวใจของฟางเจิ้งรู้สึกราวกับถูกบีบรัด เขากัดริมฝีปากก่อนจะก้าวออกไปจากโรงเตี้ยมด้วยความรู้สึกไม่สบายใจราวกับพึ่งสูญเสียบางสิ่งที่สำคัญมากไป

แต่มันก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกเร้าร้อนอย่างรวดเร็วเมื่อเขาคิดไปถึงเฉินซุ้ยและค่ำคืนที่เฝ้าฝัน “ในที่สุดข้าก็สามารถอยู่กับเจ้าได้อย่างชอบธรรม” เขาไม่ได้หันหน้ากลับในขณะที่เดินหายไปจากมุมมองสายตาของฟางหยวน

สีหน้าของฟางหยวนยังไม่เปลี่ยน แต่เขายังคงยืนนิ่งอยู่เป็นเวลานานก่อนจะค่อยๆนั่งลงอีกครั้ง

แสงแดดทะลุผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาปะทะกับใบหน้าที่ทำให้ผู้คนต้องหนาวสั่นด้วยความไม่แยแสต่อโลกหล้าของเขา

ภายในโรงเตี้ยมเงียบสงัด แต่บนถนนกลับคึกคักขึ้นเรื่อยๆ เสียงดังมาจากผู้คนที่กำลังเดินทางอยู่บนท้องถนนดังเข้ามาถึงสถานที่แห่งนี้และยิ่งทำให้มันดูเงียบเหงามากยิ่งขึ้น

อาหารเช้าของฟางหยวนเริ่มเย็น เสี่ยวเอ้อจึงเดินเข้ามาถามว่าต้องการอุ่นอาหารหรือไม่?

แต่ฟางหยวนกลับไม่ได้ยิน เพราะเขากำลังจมอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำเก่าๆ เสี่ยวเอ้อยืนรออยู่ชั่วครู่ เมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ เขาจึงทำได้เพียงใช้มือถูจมูกก่อนจะเดินจากไปเท่านั้น

หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน ฟางหยวนจึงได้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์อีกครั้ง ความทรงจำที่ผ่านมาของเขาราวกับหมอกหรือควันที่มันได้ล่องลอยแยกย้ายกันไปเรียบร้อยแล้ว

เขากลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง ในขณะที่แสงแดดสาดส่องทาทับลงมาบนโต๊ะ ไอร้อนของอาหารกระจัดกระจายแยกย้ายกันออกไปหมดสิ้นแล้ว ในขณะที่สรรพเสียงจากภายนอกยังคงดังเข้ามาในหูของฟางหยวน

เขาเอื้อมมือไปหยิบชุดคลุมของเขาขึ้นมาและใช้มืออีกข้างตบลงไปยังหินวิญญาณห้าก้อนกับอีกครึ่งหนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ทั้งขมขื่นและเย้ยหยันขึ้นบนใบหน้าในขณะเดียวกัน

“เสี่ยวเอ้อ เอาอาหารเหล่านี้ไปอุ่นมาให้ข้า!” ฟางหยวนมองไปที่ชามอาหารก่อนจะตะโกนออกไปพร้อมกับดวงตาที่เย็นชาเหลือใจ

 

“อันใด? พี่ชายของเจ้ากล่าวเช่นนั้นจริงหรือ?” ลุงขมวดคิ้วกล่าวเสียงเย็น ในขณะที่ป้านั่งอยู่ข้างๆจ้องมองรอยแดงบนใบหน้าของฟางเจิ้ง

“ถูกต้อง ข้าพบพี่ใหญ่ที่โรงเตี้ยม และเรื่องทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้” ฟางเจิ้งตอบกลับไปอย่างสุภาพ

ลุงจอมปลอมของเขายิ่งขมวดคิ้วลึกเข้าไปอีก

ผ่านไปชั่วครู่เขาจึงได้ถอนหายใจออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ฟางเจิ้งลูกข้า จำไว้ว่าเฉินซุ้ยไม่ได้สมบัติส่วนตัวของฟางหยวน เธอไม่ใช่สิ่งของที่ฟางหยวนจะใช้ค้าขายได้ หากเจ้าต้องการเธอ เจ้าควรจะบอกกับพวกเราตรงๆมาตั้งแต่แรก พวกเราจะได้มอบเธอให้กับเจ้า”

“อา…” ฟางเจิ้งตะลึงงันเมื่อได้ยินเช่นนี้

ลุงโบกมือก่อนจะกล่าวต่อ “ในเมื่อเจ้ามอบหินวิญญาณให้กับฟางหยวนไปแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะมอบหินวิญญาณอีกหกก่อนให้กับเจ้า จงใช้พวกมันในการปรับแต่งวิญญาณและคว้าที่หนึ่งมาให้พวกเราได้ภูมิใจ”

“ผู้บุตรรู้สึกละอายใจยิ่ง…” ฟางเจิ้งรู้สึกราวกับน้ำตากำลังจะไหลออกมา

ลุงถอนหายใจอีกครั้ง “เอาหล่ะ เจ้ารีบกลับไปปรับแต่งวิญญาณเถิด เจ้าเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”

เมื่อฟางเจิ้งเดินจากไป ใบหน้าของลุงจอมปลอมจึงได้เผยความโกรธแค้นออกมา

“ปัง”

เขาตบฝ่ามือลงไปบนโต๊ะอย่างแรง “บัดซบ! เจ้าสารเลวนั่น มันเอาคนของเราไปค้าขาย จริงๆแล้วมันฉลาดมาก”

ป้าหน้าย่นเร่งกล่าว “สามี อย่าได้รุนแรงเช่นนั้น มันก็แค่หินวิญญาณหกก้อนเท่านั้น”

“เจ้าเป็นผู้หญิง เจ้าจะรู้เรื่องอันใด? ฟางหยวนมีพรสวรรค์นภาที่สาม หากเขาต้องการปรับแต่งวิญญาณ เขาจะต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมาก เดิมทีเขามีหินวิญญาณหกก้อน ด้วยพรสวรรค์อันน้อยนิดและไม่มีประสบการณ์ หกก้อนยังไม่เพียงพอ แต่ตอนนี้เขาได้ไปอีกหกก้อน รวมเป็นสิบสองก้อน นี่มันมากพอสำหรับเขาแล้ว!” ชัดเจนว่าเขาโกรธจัด

ลุงยังกล่าวเสริมอีกว่า “การบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณจะก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วหากมีทรัพยากรอย่างพอเพียง ในสองสามปีตระกูลจะสามารถผลิตผู้ใช้วิญญาณระดับสองคนใหม่ขึ้นมาได้ หากการบ่มเพาะของฟางหยวนต่ำตม ความหวังที่เขาจะได้รับมรดกในปีหน้าก็จะลดน้อยลง ตอนนี้มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะเท่านั้น หากพวกเราสามารถขัดขวางไม่ให้เขาเติบโตไปมากกว่านี้ได้ ตระกูลก็จะไม่เห็นคุณค่าของเขาและจะไม่ยินดีมอบทรัพยากรให้กับเขา ด้วยวิธีการนี้สุดท้ายแล้วเขาจะไม่มีสิทธิรับสืบทอดมรดกในอีกหนึ่งปีข้างหน้า!”

ป้าพยักหน้าก่อนจะกล่าว “แม้ว่าพวกเราจะไม่หยุดยั้งเขา แต่เขาก็มีพรสวรรค์เพียงระดับกลางเท่านั้น สามี ท่านเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง เหตุใดท่านจึงต้องกลัวเขา?”

ลุงกลายเป็นยิ่งโกรธเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ผู้หญิงก็มีเพียงผมยาวอยู่บนศีรษะเท่านั้น! ข้าเป็นผู้อาวุโส แล้วข้าจะไปต่อสู้กับผู้เยาว์ได้อย่างไร? หากเขาต้องการรับมรดก มันก็เป็นเรื่องที่ชอบธรรม พวกเราไม่สามารถขัดขวางเขาได้โดยตรง ข้าสามารถเพียงต้องอาศัยกฎของตระกูลเข้าช่วยเท่านั้น กฎของตระกูลระบุไว้ว่า ผู้ที่จะรับมรดกได้ ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีอายุสิบหกปีและมีการบ่มเพาะอยู่ในระดับหนึ่งขั้นกลางขึ้นไป หากไม่เป็นไปตามนั้น ฟางหยวนก็จะไม่ได้รับมรดก ข้าพูดเช่นนี้ เข้าใจหรือยัง?”

ป้าหน้าย่นเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาในทันที

ลุงหลี่ตามองเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาและส่ายศีรษะเล็กน้อย “ฟางหยวนฉลาดเกินไป เขาสามารถมองเห็นแผนการของพวกเราได้ทั้งหมด แม้เขาจะยังเด็กแต่เขากลับเจ้าเล่ห์และมองการณ์ไกล นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ ข้าวางแผนรับเขาเป็นบุตร เขาก็ปฏิเสธทันที ข้าให้เฉินซุ้ยไปยั่วยวนเขา แต่เขาก็เตะส่งเธอออกมา และกระทั่งขายเธอเพื่อแลกกับหินวิญญาณหกก้อนอีกด้วย”

“เฮ้อ…หากเขาโง่เขลาเช่นเดียวกับฟางเจิ้งก็คงจะดี โอ้ ใช่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะต้องทำดีกับฟางเจิ้งให้มากขึ้น เขามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง นอกจากนั้นมันยังเห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจฟางหยวนซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา ข้ามีความรู้สึกว่าเขาจะกลายเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการกำจัดฟางหยวนของพวกเรา”

 

สองวันผ่านไปในพริบตา

ในห้องพักชั้นสองของโรงเตี้ยมไร้ซึ่งแสงสว่างจากเปลวเทียน มีเพียงแสงจันทร์อันบางเบาที่เล็ดลอดเข้ามาแต่งแต้มความมืดมิดในค่ำคืนนี้เท่านั้น

ฟางหยวนนั่งไขว้ขาปิดตาอยู่บนเตียงและส่งพลังวิญญาณเข้าไปปรับแต่งหนอนสุราที่ยังคงดิ้นรนขัดขืนอยู่อย่างต่อเนื่อง

การปรับแต่งวิญญาณของฟางหยวนไม่ได้ราบรื่นนัก ตรงข้ามมันค่อนข้างลำบากเป็นอย่างมาก

“ข้าใช้เวลาสองวันสองคืน หยุดพักเพียงสองชั่วโมงต่อวัน และกระทั่งใช้หินวิญญาณไปแล้วถึงสิบสองก้อน แต่ข้ากลับสามารถปรับแต่งมันได้เพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น หากคำนวณเวลาแล้ว ข้าคิดว่าอาจมีบางคนปรับแต่งวิญญาณได้สำเร็จในไม่กี่วันนี้”

ฟางหยวนมองเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามด้วยพรสวรรค์ที่ไม่มากนักของเขา รวมทั้งเจตจำนงอันแรงกล้าของหนอนสุรา เหตุการณ์เช่นนี้จึงถือเป็นเรื่องปกติ

“เสร็จทีหลังแล้วอย่างไร ข้าเพียงต้องการหนอนสุราตัวนี้” หัวใจของฟางหยวนยังคงกระจางใสเหมือนกระจก ไม่มีความวิตกกังวลและความท้อแท้แม้แต่น้อย

แต่ทันใดนั้น…

หนอนสุรากลับขดร่างของมันจนกลายเป็นไข่มุกแสงอีกครั้ง

“โอ้ คิดกบฏงั้นหรือ?” ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ

เมื่อเหตุการณ์กลายเป็นเช่นนี้เขาจึงตัดสินใจเดิมพันด้วยทุกสิ่งที่เขามี

อย่างไรก็ตามขณะนี้ฟางหยวนกลับรู้สึกถึงเจตจำนงอันแข็งกร้าวจากหนอนสุราที่แผ่พุ่งเข้าไปในทะเลวิญญาณของเขา

การตอบโต้สวนกลับของวิญญาณเป็นสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก มีเพียงวิญญาณที่แข็งแกร่งและเอาแต่ใจเท่านั้นที่จะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายโต้กลับอย่างสุดความสามารถของมันเช่นนี้

หากเป็นผู้ใช้วิญญาณฝึกหัดคนอื่นที่พบเจอสถานการณ์เดียวกันนี้ พวกเขาจะต้องตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามสำหรับฟางหยวน แม้เขาจะประหลาดใจ แต่ไม่มีความตื่นตระหนกใดเกิดขึ้นในหัวใจของเขา ในความเป็นจริงเขาค่อนข้างยินดี “ความพยายามครั้งสุดท้ายของมันเป็นสิ่งที่ดี ตราบเท่าที่ข้าสามารถกำหราบการตอบโต้ครั้งนี้ของมันได้ มันจะอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก แต่ข้าก็ต้องมุ่งมั่นตั้งใจและไม่สามารถให้สิ่งใดมารบกวนข้าในเวลานี้ได้”

ฟางหยวนปิดเปลือกตาลงและมุ่งมั่นต่อสู้กับหนอนสุราด้วยหัวใจที่แน่วแน่

แต่แล้วความผิดปกติบางอย่างก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

วิญญาณบางดวงส่องประกายขึ้นเหนือทะเลวิญญาณของฟางหยวนอย่างกะทันหัน

“บึม!”

เจตจำนงอันยิ่งใหญ่ปะทุขึ้นมาจากวิญญาณลึกลับดวงนั้น

ประกายดาราส่องแสงระยิบระยับราวกับทางช้างเผือกที่เผยตัวขึ้นเหนือน่านฟ้าแห่งมหาสมุทรสีครามอันกว้างใหญ่ไพศาล ภายใต้ความงามอันเป็นนิรันดร์ราวกับมีสัตว์อสูรดึกดำบรรพที่เร้นกายอยู่ภายในกำลังคำรามออกมาด้วยความขุ่นเคืองเมื่อมีบางสิ่งบุกรุกเข้าไปในอาณาเขตของมัน

“วิญญาณกาลเวลา!!” ฟางหยวนตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

 


ติดตามความเคลื่อนไหวที่เร็วกว่าได้ที่เฟสบุ๊ค นิยายฆ่าเวลา >>


 

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้ว
comments