I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Reverend Insanity / Gu Daoist Master ตอนที่ บทที่ 17 เริ่มต้นปรับแต่งวิญญาณสุรา

| Reverend Insanity / Gu Daoist Master | 1034 | 2339 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 17 เริ่มต้นปรับแต่งวิญญาณสุรา

TL. Coffee Prince

 

“ด้วยพรสวรรค์นภาที่สามของข้า มันจึงทำให้ทะเลวิญญาณของข้ามีเพียงสี่ในสิบส่วน นอกจากนั้นความเร็วในการต่อต้านของวิญญาณก็มีระดับการกู้คืนที่สูงล้ำกว่าข้า หากข้าต้องการปรับแต่งวิญญาณ ข้าต้องหยิบยืมความช่วยเหลือจากภายนอกซึ่งก็หมายความว่าข้าต้องสูญเสียหินวิญญาณ”

“วิญญาณที่มีเจตจำนงอ่อนแอกว่า การต่อต้านของมันก็จะน้อยกว่าและทำให้ปรับแต่งได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามวิญญาณทุกดวงต่างมีเจตจำนงเป็นของตัวมันเองเสมอ ในการปรับแต่งวิญญาณแสงจันทร์ ข้าต้องใช้หินวิญญาณห้าก้อนเป็นอย่างน้อยและอาจต้องใช้มากถึงแปด” จากประสบการณ์ในการบ่มเพาะอันยาวนานของฟางหยวนทำให้เขาสามารถคาดเดาได้ค่อนข้างแม่นยำ

“แต่ตอนนี้หากข้าต้องการปรับแต่งวิญญาณสุรา ข้าต้องใช้หินวิญญาณอย่างน้อยสิบเอ็ดก้อนและอาจมากถึงสิบหกก้อน แม้ว่าวิญญาณสุราจะเป็นวิญญาณระดับหนึ่งเช่นเดียวกับวิญญาณแสงจันทร์ แต่มันก็หายากกว่าและมีเจตจำนงที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ดังนั้นมันจึงมีความยากมากขึ้น”

หากกล่าวให้ชัดเจนกว่านั้น ขณะนี้ฟางหยวนมีหินวิญญาณอยู่ทั้งสิ้นสิบเจ็ดก้อน หากเขาปรับแต่งหนอนสุรา เขาจะเหลือหินวิญญาณอย่างมากหกก้อนหรืออาจเหลือเพียงก้อนเดียวเท่านั้น

ยามดึกของคืนเดือนเสี้ยว แสงจันทร์ยังคงอ่อนโยนบริสุทธิ์ดุจดั่งอ้อมแขนแห่งหญิงสาวที่โอบกอดหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลเอาไว้

ภายใต้การนำพาของแสงจันทร์ ฟางหยวนจึงสามารถกลับไปถึงโรงเตี้ยมได้โดยไม่ยากลำบากมากนัก

แต่ขณะนี้โรงเตี้ยมได้ปิดแล้ว!

ฟางหยวนเคาะประตูเสียงดัง “ปัง ปัง ปัง” และอย่างต่อเนื่อง “ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง”

“มาแล้ว! มาแล้ว! ผู้ใดมาเคาะประตูในยามวิกาลเช่นนี้?” เสี่ยวเอ้อบ่มพึมพำก่อนจะเปิดประตูโรงเตี้ยมออกไปพร้อมกับดวงตาครึ่งปิดครึ่งเปิด

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นฟางหยวน ความไม่พอใจต่างๆจึงได้อันตรธานหายไปในทันที เขาก้มศีรษะและยิ้มอย่างขมขื่น “เป็นนายน้อยนี่เอง เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เปิดประตูให้กับนายน้อย”

ฟางหยวนพยักหน้าและเดินเข้าไปในทันที

การแสดงออกของฟางหยวนทำให้เสี่ยวเอ้อเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสก่อนจะเอ่ยถามออกมาว่า “นายน้อยหิวหรือไม่ ท่านต้องการให้ข้าจัดเตรียมอาหารให้ท่านตอนนี้หรือไม่?”

“ไม่จำเป็น” ฟางหยวนส่วนศีรษะ “เตรียมน้ำอุ่นให้ข้าล้างหน้า”

“ได้ขอรับ” เสี่ยวเอ้อเร่งพยักหน้า “นายน้อยเชิญกลับไปรอที่ห้องของท่าน แล้วข้าจะยกอ่างน้ำอุ่นไปให้ท่านอย่างรวดเร็ว”

“อืม” หลังจากจบการสนทนา ฟางหยวนจึงได้เดินขึ้นไปยังห้องพักชั้นสองของเขาในทันที

ขณะที่เสี่ยวเอ้อมองแผ่นหลังของฟางหยวนที่กำลังเดินขึ้นบันไดไป ใบหน้าของเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“นี่คือผู้ใช้วิญญาณ โอ้ หากเพียงแต่ข้ามีพรสวรรค์ มันคงจะดีไม่น้อย” เมื่อกล่าวจบคำ เขาจึงได้ถอนหายใจออกมา

ประโยคเหล่านี้ดังไปถึงหูของฟางหยวน แต่เขาก็ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น

ผู้ใช้วิญญาณมีอำนาจพิเศษและจะกลายเป็นชนชั้นสูงของสังคม อย่างไรก็ตามมันยังมีราคาที่ต้องจ่ายสูงมาก

ปัญหาแรกคือเงินทุน

ผู้ใช้วิญญาณต้องใช้หินวิญญาณในการบ่มเพาะและยังต้องใช้มันในการปรับแต่งวิญญาณอีกด้วย

หากไร้ซึ่งหินวิญญาณ แม้จะเป็นผู้ใช้วิญญาณก็ยากนักที่จะบ่มเพาะได้

นี่เป็นความยากลำบากที่คนธรรมดามิอาจเข้าใจ

เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเย็น ผู้ใช้วิญญาณเจียงหยาระบายความโกรธกับเหล่านักล่า เมื่อพวกเขากล้าทิ้งหินวิญญาณจำนวนมากไปกับสุราไผ่เขียวเพียงไหเดียว เพราะแม้แต่ตัวผู้ใช้วิญญาณเจียงหยาเองแท้จริงกลับยังไม่กล้าทำเช่นนี้

ผู้ใช้วิญญาณมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เมื่อเทียบกับมนุษย์ธรรมดา แต่ราคาของมันก็สูงขึ้นตามไปด้วย หลายต่อหลายครั้งการใช้หินวิญญาณจะต้องคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้วิญญาณระดับต่ำ ดังนั้นคนผู้หนึ่งจึงไม่สามารถประเมินคนอีกผู้หนึ่งได้ด้วยเพียงรูปลักษณ์หรือสิ่งที่แสดงออกภายนอกเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงผู้คนส่วนใหญ่มักจะเครียดกับปัญหาด้านการเงินเสมอ

“นอกจากนี้หากระดับของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น ความต้องการใช้หินวิญญาณก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย หากไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีพอ มันก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากและน่าเศร้าสำหรับผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางการบ่มเพาะ” ด้วยประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้า แน่นอนว่ามันทำให้เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้

ทันทีที่ฟางหยวนกลับไปถึงห้องพักของเขาและจุดโคมไฟขึ้นมา เสี่ยวเอ้อก็ได้นำอ่างน้ำอุ่นมาถึงที่อย่างรวดเร็ว

นอกจากอ่างน้ำอุ่น มันยังมีผ้าเช็ดตัวและสิ่งจำเป็นอื่นๆในการล้างหน้าอย่างครบครันอีกด้วย

ฟางหยวนไล่เสี่ยวเอ้อออกไปก่อนจะปิดประตูลง ล้างหน้า และขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียง

แม้ร่างกายของเขาจะค่อนข้างเหนื่อยล้าแต่ในใจของเขายังคงรื่นเริง “ในที่สุดข้าก็ได้วิญญาณสุรามาแล้ว วิญญาณสุราหายากกว่าวิญญาณแสงจันทร์มากนัก นอกจากนั้นมันยังมีความสามารถพิเศษในการเพิ่มพลังให้กับผู้ใช้วิญญาณอีกด้วย”

ฟางหยวนนำหนอนสุราตัวน้อยออกมาและแน่นอนว่ามันยังหลับสนิทอยู่อย่างไม่รู้เรื่องราว ร่างกายของมันใหญ่กว่าผลึกจันทร์เสี้ยวเล็กน้อยและมีสีขาวบริสุทธิ์ราวกับปุยหิมะที่อ่อนนุ่ม

ภายใต้แสงจากโคมไฟ ร่างกายของมันยังคงเรืองแสงสีขาวออกมาอย่างแผ่วเบา มันมีตาเล็กๆสีดำที่คล้ายกับเมล็ดงาสองเม็ดติดอยู่บนหัวที่อ้วนกลมของมันซึ่งทำให้มันดูโง่เง่าเล็กน้อยแต่ถึงกระนั้นมันก็ยังดูน่ารักน่าเอ็นดูไปด้วยในเวลาเดียวกัน

นอนอยู่ในมือของฟางหยวน เขาแทบจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมัน แต่หากต้องเปรียบเทียบ มันก็มีน้ำหนักเท่ากับไข่นกกระทาใบเล็กๆเท่านั้น และเมื่อผู้ใดเข้าใกล้ พวกเขาก็จะได้สัมผัสกลิ่นหอมของสุราชั้นดีจากตัวมัน มันไม่ใช่กลิ่นของสุราไผ่เขียว แต่เป็นกลิ่นสุราเฉพาะตัวของมันเอง นอกจากนั้นมันยังดูสะอาดบริสุทธิ์และมีเพียงกลิ่นหอมอ่อนเท่านั้นที่รายล้อมอยู่รอบๆตัว

เมื่อฟางหยวนสูดกลิ่นสุราของมันเข้าไป โดยไม่จำเป็นต้องบังคับหรือควบคุม กลิ่นหอมเหล่านั้นได้เคลื่อนที่เข้าไปยังทะลวิญญาณของเขา ในขณะที่ทะเลวิญญาณของเขาราวกับกำลังตื่นเต้นดีใจและดูดซับกลิ่นสุราอันหอมหวนชวนฝันนี้เข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นทะเลวิญญาณของเขาก็ถูกสกัดกลั่นให้บริสุทธิ์มากขึ้นและทำให้เขาก้าวขึ้นสู่ขอบเขตผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลางในทันที

เมื่อสัมผัสได้ว่าทะเลวิญญาณของเขายกระดับขึ้นแล้ว รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางหยวนอย่างช่วยไม่ได้ “รากฐานการบ่มเพาะของข้าเดิมทีอยู่ในระดับหนึ่งขั้นต้น แต่เพียงเมื่อมันได้ดูดซับกลิ่นหอมของหนอนสุราเข้าไป ทะเลวิญญาณของข้ากลับสามารถยกระดับขึ้นและทำให้ข้ากลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลางไปเรียบร้อยแล้ว นี่ไม่ใช่บางสิ่งที่สามารถอธิบายได้ด้วยเพียงหนึ่งหรือสองประโยคจริงๆ”

เมื่อทุกอย่างมาถึงจุดนี้เขาจึงไม่มีความลังเลอีกต่อไปและส่งพลังวิญญาณจากทะเลวิญญาณของเขาเข้าปกคลุมหนอนสุราเอาไว้ทั้งหมดก่อนที่จะเริ่มบุกรุกเข้าไปในร่างกายของมันทีละเล็กทีละน้อย

ในจังหวะนี้เองที่หนอนสุราพลันรู้สึกถึงสิ่งคุกคามและตื่นขึ้นมาในที่สุด มันเริ่มต่อสู้อย่างดุเดือดโดยใช้พลังของมันผลักพลังวิญญาณของฟางหยวนให้ออกไป

“หนอนน้อยตัวนี้แข็งแกร่งจริงๆ” การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งเครียด เมื่อเขาตระหนักว่าการต่อต้านของมันรวดเร็วกว่าวิญญาณแสงจันทร์ถึงเท่าตัว

“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องปรับแต่งหนอนสุราตัวนี้ให้ได้” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายด้วยความมุ่งมั่นและส่งพลังวิญญาณเข้าไปในร่างของหนอนสุราอย่างไม่ลดละ

ภายในห้องพัก เทียนบนโต๊ะยังถูกแผดเผาอย่างเงียบๆและส่องสว่างอยู่กลางห้องพัก ในขณะที่ละเลยมุมห้องให้มืดสลัว แสงสีทองสาดส่องกระทบลงบนใบหน้าของฟางหยวนในขณะที่เขาปิดเปลือกตาและมุ่งสมาธิทั้งหมดไปยังหนอนสุราตัวน้อยที่อยู่ในมือ

พลังงานสีทองแดงทอประกายขึ้นมาราวกับเมฆหมอกที่ปกคลุมร่างกายของฟางหยวนเอาไว้ในขณะเดียวกันมันก็ถูกชักนำให้ไปรวมกันที่มือของเขาเพื่อปราบปรามวิญญาณตัวน้อย

หนอนสุราลอยอยู่บนมือของเขาและพยายามดิ้นรนขัดขืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มก้อนพลังวิญญาณสีทองแดงเหล่านั้น

เวลาได้โบยบินไปอย่างเงียบๆ

เทียนขี้ผึ้งหลอมละลายจนไม่เหลือ เพียงเพื่อดับแสงสีทองอันริบหรี่ จันทร์เสี้ยวเคลื่อนคล้อยลอยเปลี่ยนที่ เมื่อสุรีย์วันใหม่ย้อนมาเยือน

แสงอรุณแทรกตัวผ่านซอกขุนเขา พุ่งทะยานลอดเข้าสู่ช่องหน้าต่าง เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วเป็นพยาน ว่าราตรีกาลผ่านพ้นแล้วโดยพลัน

ฟางหยวนเปิดเปลือกตาและจ้องมองไปยังหนอนสุราเบื้องหน้า ร่างกายของหนอนสุราเปลี่ยนเป็นสีฟ้าคราม และนี่ก็คือผลของความพยายามและการทำงานหนักมาตลอดทั้งคืนของฟางหยวน

อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงจุดสีฟ้าที่ยังไม่ถึงหนึ่งในร้อยส่วนจากร่างกายทั้งหมดของหนอนสุรา (-_-”)

“มีความเป็นไปได้สูงว่าหนอนสุราตัวนี้จะเป็นวิญญาณหลักของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ และเมื่อเขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า ดังนั้นหนอนสุราตัวนี้ก็สมควรอยู่ในระดับห้าเช่นกัน อย่างไรก็ตามหลายปีที่มันขาดแคลนอาหาร ระดับของมันจึงได้ลดลง ตอนนี้มันเป็นเพียงวิญญาณระดับหนึ่ง แต่มันกลับมีเจตจำนงที่แข็งแกร่งราวกับหิน!”

ฟางหยวนคาดเดาได้ถูกต้อง

หนอนสุราตัวนี้เคยเป็นวิญญาณหลักของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ มันได้รับการบ่มเพาะโดยนักบวชปีศาจและออกเดินทางท่องเที่ยวผจญภัยไปในโลกกว้างพร้อมๆกับเขา

หลังจากนักบวชปีศาจเสียชีวิตลง เจตจำนงทั้งหมดของนักบวชปีศาจจึงได้ถูกทิ้งไว้กับหนอนสุราตัวนี้ ดังนั้นเมื่อฟางหยวนต้องการปรับแต่งวิญญาณสุรา มันก็เหมือนว่าเขากำลังต่อสู้กับเจตจำนงของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้นั่นเอง

นี่เป็นสิ่งที่ยากกว่าการปรับแต่งวิญญาณอิสระมากมายนัก

เพราะโดยทั่วไปแล้วเจตจำนงของมนุษย์จะแข็งแกร่งกว่าวิญญาณ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตายในเวลานั้นมนุษย์อาจยังสามารถระเบิดพลังความแข็งแกร่งออกมาได้ด้วยเจตจำนงแห่งชีวิต โดยเฉพาะเมื่อนักบวชปีศาจเป็นบางคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของเส้นทางสายปีศาจ และเขาก็ยังออกเดินทางผจญภัยไปในโลกกว้างโดยลำพังอย่างไร้ซึ่งความหวั่นเกรง ดังนั้นเจตจำนงของเขาย่อมต้องเหนือล้ำกว่าคนธรรมดาหรือกระทั่งผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกันของฝ่ายธรรมะอย่างแน่นอน

“เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะปรับแต่งมันได้สำเร็จภายในหนึ่งเดือน เว้นแต่ว่าจะมีผู้ใช้วิญญาณระดับสองหรือสามช่วยกดดันเจตจำนงของหนอนสุราตัวนี้เอาไว้ ข้าจึงจะสามารถเอาชนะมันได้” เมื่อคิดได้เช่นนี้มันจึงช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะถอนหายใจออกมา

พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตทั้งหมด ลุงกับป้าก็คิดไม่ซื่อต่อเขา เขาไม่มีผู้ใดให้การสนับสนุน แล้วเขาจะหาผู้ช่วยเช่นนั้นได้อย่างไร

มันจะง่ายขึ้นหากเขามีพรสวรรค์ในนภาที่หนึ่ง แต่ความจริงก็คือเขามีพรสวรรค์นภาที่สาม ไม่มีผู้ใดในตระกูลเห็นคุณค่าของเขา แล้วผู้ใดจะเต็มใจใช้พลังของพวกเขาเพื่อบางคนที่ไม่มีค่าใดเช่นนี้

แต่อย่างไรก็ตามฟางหยวนก็ไม่สามารถเปิดเผยการคงอยู่ของหนอนสุราได้เช่นกัน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้

เพราะปกติแล้วไม่เคยมีหนอนสุราปรากฏขึ้นในบริเวณหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล หากฟางหยวนไม่สามารถอธิบายที่มาของมันได้ สุดท้ายพวกเขาอาจสามารถเชื่อมโยงไปถึงนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ได้ในที่สุด

“ด้วยความจริงข้อนี้ หินวิญญาณจำนวนสิบเจ็ดก้อนจึงไม่เพียงพอ ข้าต้องการอย่างน้อยสามสิบก้อน นี่ไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบดอกไม้จริงๆ มันกระทั่งยากลำบากเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ยังต้องการปรับแต่งหนอนสุราตัวนี้ให้ได้” ฟางหยวนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแน่วแน่

กล่าวได้ว่าวิญญาณดวงแรกของผู้ใช้วิญญาณจะมีอิทธิพลต่ออนาคตและทิศทางแห่งการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณคนนั้น แม้ว่าวิญญาณสุราจะไม่ใช้ตัวเลือกที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ แต่มันก็ยังดีกว่าวิญญาณแสงจันทร์ ดังนั้นมันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบันของฟางหยวนนั่นเอง

“โครก…”

กะเพราะอาหารของฟางหยวนส่งเสียงประท้วงออกมาอย่างดุเดือดหลังจากทำงานอย่างหนักมาตลอดทั้งคืนโดยไม่ได้หลับไม่ได้นอน

“ข้าคิดว่าข้าควรไปเติมเต็มกะเพราะของข้าเป็นอันดับแรกและค่อยคิดหาวิธีการให้ได้หินวิญญาณมาในภายหลัง” ฟางหยวนลูบท้องของตนเองก่อนจะเดินออกจากห้องพักไป เขาลงไปที่ห้องอาหารด้านล่างและเริ่มสั่งอาหารสองสามอย่าง

แต่ในขณะที่เขากำลังจะตักอาหารเข้าปาก โดยไม่คาดคิด ฟางเจิ้งกลับปรากฏตัวขึ้น

“พี่ใหญ่ เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่? แล้วเหตุใดจึงไม่กลับไปนอนที่บ้าน?” ฟางเจิ้งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ต้องการคำตอบ

 


ติดตามความเคลื่อนไหวที่เร็วกว่าได้ที่เฟสบุ๊ค นิยายฆ่าเวลา >>


 

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments