ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘ซูเหม่ย’ นางสวมชุดกีเพ้าสีชมพูลายดำ ผมยาวๆสลวยของนางปกคลุมไหล่
บนศีรษะของนางมีปิ่นปักผมขนาดใหญ่ปักอยู่ เสื้อผ้าของนางบวกกับใบหน้าที่แสนจะอ่อนหวาน
ทำให้นางดู งดงาม บริสุทธิ์ เหมือนกับว่าเค้าได้พบกับเทพธิดา
” ที่รักมีอะไรงั้นหรอ ? หลักจากที่แยกย้ายกัน เจ้าก็อดคิดถึงข้าไม่ได้สินะ “
‘ชูเฟิง’เห็น’ซูเหม่ย’แต่งตัวเช่นนั้น เค้าอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเธอ
” เจ้าเชื่อไม๊ ถ้าเจ้ายังเรียกข้าว่าที่รัก ข้าจะฉีกปากของเจ้า “
‘ซูเหม่ย’กัดฟัน ใบหน้าที่อ่อนหวานกลายเป็นหน้าดุ
หลังจากที่เห็น ‘ซูเหม่ย’ ทำท่าทางน่ารักเช่นนี้
เค้าหัวเราะและพูดว่า
” ทำไมเจ้าไม่ให้ข้าเรียกว่า ที่รัก ล่ะ ในเมื่อข้าเป็นคนรักของเจ้า “
” ไอ้บ้า ! “
มือของซูเหม่ยที่ขาวเหมือนกับหิมะ หยิกไปที่แขนของชูเฟิง แล้วนางก็ชูสองนิ้วขึ้นมา
แล้วยัดไปที่ปากของ ชูเฟิง แล้วฉีกออก ทันใดนั้น ชูเฟิงก็ตะโกนร้องด้วยเสียงโอดครวญ
” โอะโอ๊ะโอ้ยยย ~~~~~~~~~~~~~~~ “
หลังจากนั้น พวกเค้าทั้งคู่ก็เดินไปบนถนนของเมืองโบราณ
มีคนมากมายมาชุมนุมกันอยู่ที่นี่ บางคนเห็นโอกาสในการหาเงิน
และขณะที่พวกเค้ากำลังรอข่าวของสุสาน พวกเค้าจึงนำของแปลกๆและสมบัติต่างๆของพวกเขาออกมาขาย
เมื่อ’ซูเหม่ย’เห็นที่นี่ นางคิดที่จะหาอะไรทำข้ามเวลา นางจึงลาก’ชูเฟิง’มาด้วย
ในช่วงเวลาที่พวกเค้าทั้งสองเดินอยู่บนถนนเมืองโบราณ เหมือนกับไอ้โง่ เดินกับ สาวงาม
ทั้งคู่ต่างเป็นที่ดึงดูด ผู้ชายหลายคนต่างชื่นชมความงามของนางพร้อมกับอิจฉา’ชูเฟิง’
‘ชูเฟิง’ ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ เค้าก้มเป็นมองแขนของเค้าที่เป็นรอยช้ำ ‘ชูเฟิง’กล่าวด้วยความคับข้องใจ
” ยัยบ้า เจ้าจะโหดร้ายกับข้าเกินไปแล้ว ดูสิแขนข้าช้ำไปหมด”
” สม!!! ถ้าเจ้ายังกล้าแหย่ข้าเจ้าจะโดนอีก !!! “
‘ซูเหม่ย’กัดริมฝีปาก จริงๆแล้วนางรู้สึกดีจากส่วนลึกในจิตใจ ตอนนี้นางรู้สึกมีความสุข
นางมองไปรอบๆ และคว้ามือของ’ชูเฟิง’และวิ่งเข้าไปดูร้านเล็กๆบนถนน
ที่ร้านแผงลอยนั้น มีเครื่องประดับต่างๆสำหรับผู้หญิง ของแต่ละชิ้นไม่เหมือนกันและยังมีสีสันมากมาย
แต่ส่วนใหญ่นางก็มีแทบจะหมดแล้ว ‘ซูเหม่ย’รู้สึกเพลิดเพลินที่ได้ดูของพวกนี้นางคุกเข่าและเลือกดูสินค้าอย่างใจจดใจจ่อ
หญิงชราที่เปิดร้านรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก นางเริ่มแนะนำสินค้าให้แก่’ซูเหม่ย’
ผู้หญิงคนนี้มีรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยมยิ่งนัก แต่’ชูเฟิง’ ก็เป็นต่อรองที่มีฝีมือร้ายกาจเช่นกัน
เค้าสามารถประเมินสินค้าต่างๆได้เป็นอย่างดี
‘ชูเฟิง’เค้ารู้สึกเบื่ออย่างมากที่ดูของผู้หญิง เค้าจึงมองดูร้านข้างๆ เค้าเห็นชายชราคนหนึ่งนอนอยู่บริเวณใกล้เคียง
ชายชราคนนั้นค่อนข้างมอมแมม ไม่รู้ว่าเค้าไม่อาบน้ำสระผมมากี่วันแล้ว ผมเค้าเป็นก้อนๆกระจุกอยู่ที่หัว
ใบหน้าเค้าเต็มไปด้วยฝุ่น เสื้อผ้าของเค้าดูสกปรกยิ่งกว่าชายคนนั้นมีถุงสกปรกๆใบหนึ่งตั้งอยู่ข้างๆ
เค้าสวมกางเกงขายาวขาดๆ รองเท้าที่เค้าใส่เปิดออกแทบจะไม่มีพื้นรองเท้าจนส้นเท้าเค้าโผล่ออกมา
แผงของเค้าแตกต่างจากคนอื่นๆเค้าไม่ได้ตะโกนเรียกลูกค้า เค้านอนอยู่กับพื้นพร้อมกับกระดิกขา
เหมือนกับขอทานซะมากกว่าพ่อค้า เขาไม่ได้สนใจลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมา
ถึงแม้ว่าชายชราคนนั้นจะไม่ได้ขายของมีค่า แต่กองหนังสือที่อยู่ตรงหน้าเค้าดึงดูดความสนใจของ’ชูเฟิง’อย่างมาก
ดูจากพื้นผิวแล้ว หนังสือเหล่านั้นไม่ได้ดูวิเศษอะไรมากมาย ส่วนใหญ่จะเก่า โทรม เหมือนกับจะขาด
และมีฝุ่นเกาะอยู่เต็มไปหมด จนไม่สามารถบอกได้เลยว่ามันคือ หนังสืออะไร
แต่ ‘ชูเฟิง’ สัมผัสถึงพลังวิญญาณที่อยู่ในกองหนังสือเหล่านั้น มันช่างแปลกประหลาด
” ท่านผู้เฒ่า ท่านขายหนังสือพวกนี้หรือป่าว ? “
‘ชูเฟิง’ ถามชายชรา
ชายชราไม่ได้ยกหัวขึ้นมาตอบ เขายกแค่นิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
” หนึ่งตำลึง ทองแดง งั้นหรอ? “
‘ชูเฟิง’ ถาม
” ฮ่าๆๆๆ หนึ่งตำลึง ทองแดงงั้นหรอยังไม่พอสำหรับค่าอาหารของขอทานเลยไอหนุ่ม “
ชายชรา ลุกขึ้นนั่งพร้อมพูดด้วยความโกรธ
” ผู้เฒ่าท่านก็พูดมาสิว่าต้องการเงินกี่ตำลึง ? “
แม้ ‘ชูเฟิง’จะดูสุภาพ จริงๆแล้วเค้าด่าในใจ
” ดูจากลักษณะของเจ้าบอกได้เลยดูยังไงก็ขอทาน “
” ลูกแก้ววิญญาณ 1 ลูกหรือใช้ทุกอย่างที่เจ้ามี “
ชายชราพูดอย่างชัดเจน
” บ้าเอ๊ยย!!! ทำไมท่านไม่ปล้นข้าเลยล่ะ ท่านจะให้จ่ายราคาขนาดนั้นกับหนังสือพวกนี้หรอ ? “
ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ โมโหอย่างมาก
แต่ชายชราก็ไม่สนใจ เขากลับลงไปนอนบนพื้นอีกครั้งและพูดขึ้นว่า
” เจ้าไม่อยากซื้อก็ไม่เป็นไร”
หลังจากนั้นชายชราก็พึมพำกับตัวเองว่า
” หนังสือของข้าสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ บางเล่มก็มีที่ซ่อนสมบัติ แต่คนทั่วไปคงมองไม่เห็นคุณค่าของมัน ถ้าหากข้าไม่ตกทุกข์ได้ยาก ข้าคงไม่นำหนังสือพวกนี้ออกมาขาย “
” บรรพษุรุษ ? ท่านเพ้อเจ้อไปเองมากกว่า บรรพบุรุษท่านเป็นใคร “
ในตอนนั้น’ซูเหม่ย’ก็เข้ามา
” บรรพบุรษของข้าเป็นคนที่สามารถเชื่อมต่อโลกวิญญาณ !!! “
ชายชรากล่าวอย่างภาคภูมิใจ
” โลกวิญญาณ ? ท่านอย่ามาโกหก!!! “
‘ซูเหม่ย’นางไม่เชื่อคำพูดชายชรา
” เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ ในที่สุดก็ต้องมีคนมาซื้อหนังสือพวกนี้ไปอยู่ดี “
ชายชราพูดแล้วก็หลับตาลง
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา ในใจของ’ชูเฟิง’ร้อนรนเป็นอย่างมาก ถ้าหากที่เค้าพูดเป็นความจริง
แล้วอีกอย่าง’ชูเฟิง’ก็รู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของ โลกวิญญาณ
” ซูเหม่ยเจ้ามี ลูกแก้ววิญญาณให้ข้ายืมก่อนได้ไม๊!!! “
‘ชูเฟิง’กัดฟันพูดพร้อมกับถาม ‘ซูเหม่ย’
” เจ้าจะเอาไปทำอะไร ? เจ้าเชื่อที่ชายชราคนนี้พูดจริงๆหรอ เห็นๆอยู่ว่าเค้าโกหก “
เห็นได้ชัดว่า’ ซูเหม่ย’ไม่เต็มใจ
” ถ้าเจ้ามี ได้โปรดให้ข้ายืมเถอะ!!! “
‘ชูเฟิง’ ยื่นมือไปหาซูเหม่ย
” เจ้าโง่ ข้าไม่เคยเห็นใครโง่เช่นเจ้ามาก่อน “
แม้ว่าปากนางจะบ่น ‘ซูเหม่ย’ก็หยิบลูกแก้ววิญญาณในกระเป๋าข้างเอวออกมา ให้กับ ‘ชูเฟิง’
” แต้งกิ้วว “
ชูเฟิงหยิบลูกแก้ววิญญาณยื่นให้กับชายแก่
“ผู้เฒ่าข้าจะซื้อหนังสือของท่าน!!! “
” ว้าวว!!! ใช่ลูกแก้ววิญญาณจริงๆ เจ้าคงจะรวยมากสินะ สาวน้อย “
ชายชราหยิบลูกแก้ววิญญาณและตรวจสอบมัน หลังจากที่เค้ารู้ว่ามันคือของจริงเค้ากอดมันอย่างดีอกดีใจ
” มันเป็นครั้งแรกใช่ไม๊ที่ท่านเคยเห็นลูกแก้ววิญญาณ ? “
เห็นชายแก่ตื่นเต้นดีใจ ‘ซูเหม่ย’ไม่พอใจอย่างมาก
จากนั้น’ชูเฟิง’ ก็ไม่พูดอะไร เค้าเอาผ้าห่อหนังสือหลายสิบเล่มที่ปูอยู่บนแผงลอย จากนั้นเค้าก็แบกไว้ที่ไหล่ของเค้า
” ฮ่าๆ น้องชายเจ้านี่ช่างตาถึง ข้าชื่นชมเจ้าจริงๆ ข้าจะมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้กับเจ้า”
ขณะที่ชูเฟิงกำลังเดินไป ชายแก่หยิบของบางอย่างออกมาจากถุงผ้าเน่าๆของเค้า
มันมีลักษณะเป็นแผ่นไม้สีม่วง มันถูกสร้างด้วยไม้ชนิดพิเศษ ทั้งสี่ด้านมีตัวอักษรทิศต่างๆ
เหนือ ใต้ ตะวันออก และ ตะวันตก และด้านซ้ายและขวา มีอีกษรเขียนไว้ว่า ชีวิต ความตาย โชคดี และโชคร้าย
สลักอยู่ตรงนั้น และมีสัญลักษณ์ลูกศรแปลกๆติดอยู่ตรงกลางแผ่นไม้
” นี่คืออะไร ? “
‘ซูเหม่ย’คว้ามันและซอกแซกถาม
” นี้ สาวน้อย สิ่งนี้สำคัญสำหรับ ผู้เชื่อมต่อ โลกวิญญาณ “
” มันสามารถทำนายชีวิต ความตาย โชคดี และ โชคร้าย มันเรียกว่า เข็มทิศโลกวิญญาณ “
ชายชรากล่าวเหมือนกับรู้จักวิธีใช้
” โห ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก แล้วมันใช้ยังไง ? “
‘ซูเหม่ย’เข้าไปถามใกล้ๆ
” นี่ . . . เป็นสิ่งที่ ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณเท่านั้นที่ใช้ได้ ? ฮ่าๆ เจ้าก็ลองศึกษามันด้วยตัวเองแล้วกัน หวังว่าเราจะได้พบกันอีก “
ชายชราจับเคราของเค้า ดวงตาของเค้าสั่นไหว ราวกับว่าเขาจะกลัว ‘ชูเฟิง’ จะเอามันคืน
ทันใดนั้นเค้าก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปในทันที
” นี่ !!! ข้าคิดไว้แล้วว่าเค้าเป็นพวกหลอกลวง “
เห็นการกระทำของชายชรา ‘ซูเหม่ย’ กระทืบเท้าด้วยความโมโห
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . .
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ อยากให้แปลก็คอมเม้น!!!
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคับ
ที่มา: