ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” ชูเฟิง เจ้ามีอำนาจพลังวิญญาณ ? เจ้าไม่ควรล้อเล่นเช่นนี้ “
‘ไป๋ ตง’ทำหน้าตาจริงจัง เสียงของเค้าก็เต็มไปด้วยความสงสัย
” เขาพูดความจริง เขาเป็นคนหนึ่งในหมื่นที่มีพลังนั้น “
‘ซูเหม่ย’พูดขึ้นมา
” ซูเหม่ย เรื่องจริงงั้นหรอ “
เมื่อได้ยินคำพูด’ซูเหม่ย’ ทุกคนต่างอ้าปากค้าง
” นั้นคือเหตุผลว่าทำไมพี่สาวข้าถึงได้เชิญเค้าเข้าร่วมพันธมิตรปีกฯ ครั้งแล้วครั้งเล่า “
‘ซูเหม่ย’ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ นางรู้ว่าหากเมื่อไหร่ที่’ชูเฟิง’เปิดเผยพลังนี้ ทุกคนจะมองเค้าใหม่
ในเวลานั้น ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจ พวกเขามองที่ ‘ชูเฟิง’ พวกเค้าต่างมีท่าทีแสดงออกด้วยความนับถือ และชื่นชม
แม้แต่ ‘เจีย หยุนเฟิง’ ที่ไม่ค่อยชอบหน้า’ชูเฟิง’ ก็ยังเปลี่ยนท่าทีการแสดงออก เห็นได้ชัดว่าเค้ารู้สึกเสียใจเรื่องก่อนหน้านี้
บุคคลที่มีอำนาจพลังวิญญาณอาจจะไม่ปรากฏหนึ่งในหมื่น แต่อาจจะเป็นหนึ่งในแสนคน
จนถึงทุกวันนี้ มีแค่ 2 คนเท่านั้น ที่มีอำนาจพลังวิญญาณในโรงเรียนมังกรฟ้า
หากนับ’ชูเฟิง’เข้าไป เค้าจะเป็นคนที่ 3 ที่มีอำนาจพลังวิญญาณ
คนเหล่านี้จะมีพลังวิญญาณแบบพิเศษตามธรรมชาติพวกเค้าจะสามารถฝึก
ทักษะต่างๆได้อย่างรวดเร็วและสัมผัสทั้ง 5 ของเค้าจะเฉียบคมกว่าคนอื่นๆ
ถึงแม้พวกเค้าจะยังไม่ได้ฝึก การเชื่อมต่อกับโลกวิญญาณก็ตาม
แต่ในด้านการฝึกทักษะของพวกเค้ามีโอกาสที่จะสำเร็จสูงมาก
คนแบบพวกเค้าหากทำผิดใดๆก็จะได้รับการยกเว้น พวกเค้าเกิดมาโดยถูกกำหนดไว้เช่นนั้น
เป็นธรรมดาที่ ‘เจีย หยุนเฟิง’ จะรู้สึกกลัว ‘ชูเฟิง’
” ชูเฟิง ได้โปรดยกโทษด้วย กับการกระทำก่อนหน้านี้ของข้า “
” เพื่อเป็นการขอโทษ ข้าจะจ่ายส่วนของเจ้าในการซื้อแผนที่สุสาน “
‘เจีย หยุนเฟิง’ ขอโทษและแสดงความจริงใจ ต่อ’ชูเฟิง’
ทุกคนต่างตกใจกับการกระทำของเขาที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
แต่พวกเขาก็เข้าใจหากเป็นพวกเค้าก็คงจะทำแบบเดียวกัน
” เห๋ ? งั้นก็ขอบใจ “
‘ชูเฟิง’ยินดีที่จะรับน้ำใจ
หญ้าวิญญาณฯจำนวน 10 ต้นก็ถือว่าไม่มาก แต่หากมีคนเต็มใจจ่ายให้เค้า เป็นธรรมดาที่’ชูเฟิง’จะยอมรับด้วยความเต็มใจ
หลังจากสิ้นสุดการสนทนา พวกเค้าก็เข้าไปยังเมืองโบราณ ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ สัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งของเมืองโบราณ
มีคนมากมายซ่อนอยู่ที่เมืองโบราณ ‘ชูเฟิง’เห็นคนจากโรงเรียนต่างๆส่วนใหญ่จะสวมชุดของโรงเรียน
เค้าเคยเห็นชุดของโรงเรียนพันลม ที่ชูซุนคนในตะกูลเป็นคนสวม
” ดูเหมือนว่าข่าวของสุสานแห่งนี้จะเป็นที่สนใจของคนจำนวนมาก “
‘ชูเฟิง’ถอนหายใจและพูด
” แน่นอนสิ ข่าวเกี่ยวกับสุสานนี้รั่วไหลออกไปทั่วทุกที่ดังนั้นพวกเขาจึงส่งคนเก่งๆมาที่นี่ ไม่ช้าก็เร็ว ต้องเกิดการปะทะขึ้น “
‘ซูเหม่ย’กระซิบบอกเบาๆ
” เจ้าจะบอกว่าโรงเรียนมังกรฟ้าก็ส่งคนมาที่นี่งั้นหรอ ? ชูเฟิงถามนางใกล้ๆ เพราะระยะห่างของทะเลทรายแห่งนี้กับโรงเรียนไม่ไกลกันเท่าไหร่”
” แน่นอน โรงเรียนที่อยู่บริเวณรอบๆป่าทะเลทรายได้ยินข่าว โดยเฉพาะโรงเรียนพันลมและโรงเรียนมังกรฟ้า พวกเค้าต้องส่งคนออกมาอยู่แล้ว”
” นอกจากนี้ พวกเค้าจำเป็นต้องใช้คนมีฝีมือ ดังนั้นโรงเรียนของเราจึงต้องส่ง ลูกศิษย์หลักและเหล่าอาวุโสออกมา บางทีตาแก่จูเกออาจจะมาด้วยตัวเอง “
‘ซูเหม่ย’กล่าว
” มันจะไม่กลายเป็นสงครามระหว่างโรงเรียนมังกรฟ้ากับโรงเรียนพันลมงั้นหรอ “
‘ชูเฟิง’ถาม
” นั้นแหละคือเหตุผลที่เราถึงสวมชุดนอกและแกล้งทำตัวเป็นนักเดินทาง นี้คือวีธีที่สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะโดยไม่จำเป็น เราจะใช้ประโยชน์จากการปะทะของพวกเค้า”
” พวกเขาสามารถเปิดทางให้เรามีโอกาสเข้าไปแย่งสมบัติ อย่างน้อยพวกเราก็คงได้อะไรมาบ้าง ” ใบหน้าที่งดงามของซูเหม่ย เต็มไปด้วยความชั่วร้าย นี้เป็นแผนที่นางเตรียมการไว้ทั้งหมด”
หญิงสาวที่อายุแค่ 14 ปี กับวางแผนได้ขนาดนี้ ‘ชูเฟิง’หมดหนทางได้แต่ส่ายหน้า
เค้าไม่อยากจะคิดหากนางโตขึ้น นางคงเป็นจอมวางแผนไม่แพ้ ‘ซูรู่’
เนื่องจากตำแหน่งของสุสานยังไม่เปิดเผย ‘ชูเฟิง’และคนอื่นๆ อาจจะต้องอาศัยอยู่เมืองโบราณชั่วคราวเพื่อรอข่าว
เมื่อพวกเค้าถึงโรงเตี๊ยม ‘ชูเฟิง’ก็เข้าห้องพักของเค้าและปิดประตูทันที
‘ชูเฟิง’ใจร้อนอย่างมากที่จะได้ฝึกวิชาลับ เค้าหยิบคัมภีร์ ‘ วิชากำหนด ลมปราณ ‘ ออกมา
ทักษะลับ แบ่งออกตามลำดับขั้น มีขั้นแรก ขั้นกลาง และขั้นสุดท้าย
แม้ว่า วิชากำหนด ลมปราณจะเป็นทักษะลับขั้นแรก แต่มันก็คุ้มค่าที่จะฝึก
ไม่งั้น ‘ซูเหม่ย’ นางคงไม่แข็งแกร่งขนาดนี้ทั้งๆที่อายุยังน้อย แม้แต่ ‘ชูเฟิง’ก็ยังกลัวการพัฒนาของนาง
หลังจากที่ศึกษาคัมภีร์ ‘ชูเฟิง’ ก็เริ่มเข้าใจ วิชากำหนด ลมปราณ เล็กน้อย
ส่วนที่สำคัญของมันคือการควบคุมพลังวิญญาณขณะที่กำหนดลมหายใจ พลังจะถูกย้ายไปส่วนต่างๆของร่างกาย
ขั้นสุดท้ายคือการกำหนดพลังไว้ที่จุดนั้นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งที่มากเกินกว่าคนปกติ
แม้ว่าพูดจะง่ายก็กว่าลงมือ หากเป็นคนอื่นๆคงเป็นเช่นนั้น
แต่สำหรับ ‘ชูเฟิง’ มันไม่ยากเท่าไหร่ เมื่อเค้าศึกษามันอีกครั้งก็เข้าใจความหมายซึ่งมันบอกไว้ตรงตัว
‘ชูเฟิง’ ไม่ได้มีความเข้าใจพลังวิญญาณมาตั้งแต่เกิด ‘ชูเฟิง’พึ่งจะมาเข้าใจมันก็ตอนที่ได้รับอำนาจพลังวิญญาณ
สมองเค้าจึงทำงานได้อย่างรวดเร็ว
” ฟู่ว ฟู่ว ฟูว่ “
หลังจากที่เข้ายืนขึ้นเค้าก็เริ่มกำหนดลมหายใจ ‘ชูเฟิง’พยายามที่จะทดสอบวิชา กำหนด ลมปราณ
ขณะที่เค้าเริ่มกำหนดลมปราณ ‘ชูเฟิง’ รู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณในร่างกายของเค้า
เป็นเหมือนกับมังกรที่พรุ่งพร่านร้องคำรามภายในร่างกาย พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่ในจุดศูนย์กลาง
ของร่างเค้ามันเป็นพลังแบบพิเศษ ‘ชูเฟิง’สัมผัสถึงพลังที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า
” พลังนี้แข็งแกร่งจริงๆ!!! “
เมื่อเค้ากำหมัดเค้ารู้สึกถึงพลังวิญญาณที่มากมาย ‘ชูเฟิง’มีความสุขเป็นอย่างมาก
เหตุผลที่ว่าทำไม ‘ชูเฟิง’ถึงแข็งแกร่งกว่าคนปกติที่ฝึกวิชาเดียวกัน
มันเป็นเพราะสายฟ้าศักดิ์สิทธ์ในร่างกายของเค้า ซึงทำให้พลังของเค้าเพิ่มขึ้นมากกว่าคนอื่นๆ
พลังของทักษะลับ อีกวิชาหนึ่งของเค้าก็เป็นแบบพิเศษที่เปลี่ยนพลังวิญญาณในร่างกายและทำให้แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป
วันนี้ ‘ชูเฟิง’ ครอบครองถึงสองทักษะ มันจึงทำให้พลังของเค้าไปไกลเกินกว่าคนปกติ ขณะนี้เค้าสามารถสู้กับ ‘ซูเหม่ย’ได้ไม่ยาก
แต่ ‘ซูเหม่ย’นางอยู่ในระดับ 8 ห้วงวิญญาณและยังฝึกทักษะลับมาก่อน แต่’ชูเฟิง’อยู่แค่ในระดับ 6 ห้วงวิญญาณ
ด้วยระดับที่ห่างกัน เค้าจึงทำได้เพียงสูสี
” นี้ ข้าควรจะเข้าร่วมการทดสอบเป็นศิษย์หลักในปีนี้ดีไม๊ ? “
หลังจากประเมินความแข็งแกร่งของตัวเอง ‘ชูเฟิง’ เริ่มที่จะตื่นเต้น
การสอบศิษย์หลักจะจัดขึ้นในโรงเรียนมังกรฟ้าทุกๆปี วันที่สอบก็ใกล้เข้ามาแล้ว
เทียบกับการสอบเข้าฝ่ายใน ศิษย์หลักจะมีข้าจำกัดของอายุ คนที่เข้าสอบอายุต้องไม่เกิน 18 ปี
ไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรือมีความสามารถขนาดไหนก็ตาม หากอายุเกินที่จำกัด ก็จะไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าสอบ
จากที่ ‘ชูเฟิง’ ประเมินหากมีพลังถึงระดับ 8 ห้วงวิญญาณในการสอบศิษย์หลัก ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะผ่านการทดสอบมากขึ้น
ศิษย์หลักของโรงเรียนมังกรฟ้าจะเน้นพัฒนาความสามารถของพวกเค้าเป็นหลัก
แม้แต่ตะกูลที่มีลูกหลานเป็นศิษย์หลักก็จะได้รับการปกป้องจากโรงเรียนมังกรฟ้า
ตราบใดที่ ‘ชูเฟิง’ ได้กลายเป็นศิษย์หลัก ไม่เพียงแต่จะเพิ่มความสามารถของเค้า ยังช่วยเรื่องภายในตะกูลของเค้าได้อีกด้วย
เค้านึกไปถึงใบหน้าที่มีความสุข ของชูหยวนและตะกูลหากเค้ากลายเป็นศิษย์หลัก ‘ชูเฟิง’เค้ามักจะมองไปข้างหน้าอยู่เสมอ
* ป๊อก ป๊อก ป๊อก!!! *
ในตอนนั้น’ชูเฟิง’ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู
หลังจากที่เค้าเปิดประตู ‘ชูเฟิง’ก็พบใบหน้าที่อ่อนหวานและมีเสน่ห์ของ’ซูเหม่ย’
นางมองเค้าพร้อมกับรอยยิ้มขณะที่เอามือสองข้างไว้ข้างหลัง
โปรดติดตามตอนต่อไป…………
ที่มา: