ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” ศิษย์น้องเหม่ย เจ้า . . . “
สาวงาม อกใหญ่ ดูเหมือนนางจะกลัว ‘ซูเหม่ย’ จนไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ
” ข้าบอกให้ท่านลุกขึ้นไง!!!”
‘ซูเหม่ย’ ตะโกนเสียงดัง
เสียงนั้นทำให้ สาวอกใหญ่ รู้สึกกลัว ความงามบนใบหน้าน้อยๆของนางเริ่มซีดลง ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่กล้าพูดอะไร
” . หืมม. . “
‘ซูเหม่ย’ที่ดูเย็นรู้สึกโกรธ’ชูเฟิง’อย่างมาก ขณะที่เดินมานั่งที่แม่นางอกใหญ่ข้างๆ’ชูเฟิง’ จากนั้นนางก็ชี้นิ้วไปที่ ที่อยู่ถัดจาก ‘ซือตูยู’ และพูด
” ไปนั่งตรงนั้น “
” อืม . . . . . . “
สาวงาม อกใหญ่ ไม่กล้าที่จะรอช้า นางก้มหน้าลงขณะที่รีบเดินไปที่นั่งข้างๆของ ‘ซือตูยู๋’ เมื่อนางเดินไปถึง นางไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นนางก็นั่งลง ทำให้’ชูเฟิง’อดดื่มนม
ทุกคนในตอนนั้น ถึงกับตาเบิกกว้าง ขากรรไกรค้าง พวกเขาต่างอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในสายตาพวกเขาสามารถบอกได้เลยว่า ‘ซูเหม่ย’ หึงหวง
ตอนนั้นใครๆก็ต่างอิจฉา ‘ชูเฟิง’!!! คนนับไม่ถ้วนที่มอง’ซูเหม่ย’แทบไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากพวกเขาเคยจีบ’ซูเหม่ย’ แต่ก็ไม่สำเร็จ หญิงงาม # 1 ของฝ่ายใน กลับมาหึงหวง’ชูเฟิง’ ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจยิ่งนัก
หลังจากที่ค่อยๆทบทวนเรื่องราวต่างๆ พวกเขาทั้งสองเดินอยู่ด้วยกันอีกทั้งใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างมากทั้งๆที่รู้จักกันมาได้ไม่นานแต่กับมีข่าวลือที่ว่า ‘ซูเหม่ย’ แอบหลงรัก ‘ชูเฟิง’
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น พวกเขาก็ไม่อยากจะยอมรับมัน แต่สำหรับพวก ‘ไป๋ ตง’ และคนอื่นๆ ค่อนข้างที่จะรู้เรื่องนี้ดีพวกเขาจึงไม่ตกใจ เพราะพวกเขาเคยเห็นเหตุการณ์ที่’ซูเหม่ย’เคยกระทำไว้ ตอนที่’ชูเฟิง’หายตัวไปจากสุสาน
ยังไงก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบใบหน้าของ’ไป๋ตง’และพักพวก กับใบหน้าของ ‘ซือตูยู’ แม้ว่าเขาจะพยายามปกปิดอารมณ์ของตัวเองไว้ แต่บอกได้เลยว่าเขาไม่พอใจ และอิจฉา’ชูเฟิง’
” เจ้าอารมณ์รุนแรงจริงๆ เจ้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้นกับนางเลยก็ได้ ? “
‘ชูเฟิง’หัวเราะและกล่าว
” ข้าจะทำในสิ่งที่ข้าพอใจและเจ้าจะทำไม!!! “
‘ซูเหม่ย’ ถลึงตาใส่ ‘ชูเฟิง’ ก่อนที่นางจะสบัดหน้าหนี เมินใส่’ชูเฟิง’
หลังจากเรื่องนั้นผ่านไป การประชุมก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ คนที่จะเข้าร่วมในการสอบเป็นศิษย์หลัก มี 12 ได้แก่ ‘ชูเฟิง’ ‘ซูเหม่ย’ และ ‘ซื่อตูยู’
และอีก 9 คนที่มีพลังวิญญาณในระดับ 8 ห้วงวิญญาณ ซึ่งก็ไม่ยากที่จะผ่านการสอบศิษย์หลักด้วยพลังวิญญาณระดับนี้ ดังนั้น ทุกคนเลยลงความเห็นให้ทั้ง 12 คน เป็นตัวแทนของพันธมิตรปีกฯในการเข้าสอบ
ยังไงก็ตาม การเผชิญหน้ากับสถาการณ์ขับขัน ‘ซือตูยู’ ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากน้องชายของเขาไม่ได้เข้าร่วมศิษย์หลักในปีนี้ ดังนั้น ‘ซือตูเหลียง’ จึงต้องพาคนอื่นๆไปหลบในฝ่ายใน ซือตูยูถือว่าทำหน้าที่ได้สมกับเป็นผู้นำพันธมิตรปีกฯ
มีอีกเรื่องหนึ่งที่ ‘ซือตูยู’ แนะนำ ว่าหลังจากที่สมาชิกได้เป็นศิษย์หลักแล้ว พันธมิตรปีกฯต้องซ่อนตัวเอาไว้ อย่าให้ใครเปิดเผยตัวเด็ดขาด
‘ซือตูยู’ หากสอบผ่านเราจะกลายเป็นอดีตสมาชิกพันธมิตรปีกฯ เพราะว่าศิษย์หลักนั้นไม่สามารถมีพันธมิตรได้ ต้องสร้างกลุ่มใหม่ขึ้นมาภายในศิษย์หลัก แน่นอนว่าพวกเขาไม่ยอม
ปัญหาใหญ่ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา พวกเขาต้องการที่จะสร้างกลุ่มพันธมิตรปีกฯ ในดินแดนของศิษย์หลักด้วยจำนวนสมาชิกในปัจจุบัน กับการดำเนินเรื่องราวต่างๆของพันธมิตรปีกฯ จึงจำเป็นต้องเลือกผู้นำพันธมิตรที่ตั้งใหม่ในดินแดนหลัก นั้นคือหัวข้อการสนทนาขณะนี้
” พี่ ยู ทำไมต้องสนทนาเรื่องนี้ขึ้นมา ? หรือว่าท่านไม่เต็มที่จะนำพาเราอีกต่อไป ตำแหน่งผู้นำพันธมิตร เป็นที่นั่งของท่านอยู่แล้ว เหตุใดต้องเลือก “
” ใช่แล้ว ภายในพันธมิตรปีกฯ ของเรา ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าท่านอีกแล้ว? “
สมาชิกต่างๆ เสนอให้ ‘ซือตูยู’ นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำ
” อ๊ะ!!! ทุกคนในที่นี่เป็นเหมือนฝูงมังกรที่รวมตัวกัน และข้ามั่นใจว่าไม่มีใครด้อยไปกว่าใคร ดังนั้น มันจะดีกว่าถ้าหากเราเลือกอย่างยุติธรรม ทุกคนมีโอกาสแสดงความคิดเห็นหรือจะเสนอตำแหน่งให้ใครก็ได้เราจะยอมรับมันอย่างเต็มใจ”
‘ซือตูยู’ แกล้งบ่ายเบี่ยงโดยใช้คำพูดหว่านล้อม ที่ฟังดูยุติธรรม เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำมากที่สุด
เห็นท่าทางของ ‘ซือตูยู’ ‘ชูเฟิง’จึงทนฟังไม่ไหว
” เสแสร้ง “
ดังนั้น’ชูเฟิง’จึงไม่สนใจสิ่งที่พวกเขากำลังคุยกัน จากนั้นเขาก็มุ่งความสนใจไปที่ ‘ซูเหม่ย’
นางไม่ได้คุยกับ’ชูเฟิง’มาสักพักใหญ่ๆแล้ว มือนางเท้าคางเอาไว้หัวของนางเอียงขึ้นนิดหน่อย เหมือนกับว่านางกำลังฟังอยู่ แต่จริงๆแล้วนางไม่ได้สนใจสิ่งที่’ซือตูยู’และคนอื่นๆกำลังพูดเลย
” นี่ เจ้าโกรธหรอ ? “
‘ชูเฟิง’ถามไปหัวเราะไป
” ใครโกรธ โกรธใคร เจ้ามีค่าขนาดที่ทำให้ข้าต้องโกรธด้วยหรอ ? “
‘ซูเหม่ย’ พูดโดยไม่หันหน้ามามอง
” ถ้าเจ้าไม่ได้โกรธ งั้นเจ้าเป็นอะไร? “
‘ชูเฟิง’ถามอย่างสงสัย
” ข้ากำลังฟังซือตูยู “
‘ซูเหม่ย’กล่าว
” งั้นเจ้าบอกได้ไม๊ ว่าซือตูยูพูดอะไรอยู่ “
‘ชูเฟิง’หัวเราะนิดหน่อย
” เขาพูดว่า . . . . . . . ว่า “
‘ซูเหม่ย’พูดอะไรไม่ถูก เพราะจริงๆแล้วนางไม่ได้ฟังเลยสักนิด
นางจึงหันกลับมามองที่’ชูเฟิง’ ใบหน้าของ’ชูเฟิง’เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เอาแต่ใจ นางจึงรู้ว่านางถูก’ชูเฟิง’หลอกให้หันมา นางกัดริมฝีปากด้วยความโกรธ เนื่องจากนางอยากจะเอาปากไปกัด’ชูเฟิง’
” เอาล่ะ หายโกรธได้แล้ว ข้าจะเล่าเรื่องให้เจ้าฟัง ? “
‘ชูเฟิง’กล่าวอย่างสนุกสนาน
” เรื่องอะไร ? ถ้าเจ้าอยากเล่าก็เล่ามา”
‘ซูเหม่ย’ขดริมฝีปากของนาง พร้อมกับมอง อย่างใจจดใจจ่อ
” กระต่ายขาวน้อยสามตัวกับเห็ด ” .
” กระต่ายขาว2ตัวที่เป็นพี่ บอกให้น้องเล็กไปหาผักป่ามาให้กิน “
กระต่ายขาวน้อยตัวนั้นกล่าวว่า
” ข้าไม่ไป หากข้าไป เจ้าทั้งสองก็จะกินเห็ดของข้า “
” ทั้งสองตอบว่า เราไม่กินของเจ้าหรอก ไม่ต้องห่วง ดังนั้น กระต่ายขาวน้อย จึงออกไป ~ ~ ~ “
” แต่หลังจากผ่านไปสักพัก กระต่ายขาวน้อยก็ยังไม่กลับมา หลังจากที่กระต่าย 2 ตัวคุยกัน พวกเขาทั้งสองก็ตัดสินใจว่าจะไม่รอ และจะกินเห็ด”
” ในตอนนั้น กระต่ายขาวน้อยตัวนั้น ก็กระโดดออกมาจากพุ่มไม้บริเวณใกล้เคียงและกล่าวอย่างโมโห .. ข้า เห็นนะว่าเจ้าสองตัวกำลังจะกินเห็ดของข้า “
” ฮ่า ฮ่า ฮ่า งั้นก็แปลว่า เจ้ากระต่ายขาวน้อยไม่เคยออกไปหาอาหารสินะ “
” เจ้าคิดว่าไง ? “
” ฮ่าๆ ก็ดูน่ารักดีนะ ทั้งยังตลกอีกด้วย . . . .”
‘ซูเหม่ย’หัวเราะ’ชูเฟิง’เสียงดัง ขณะที่นางหัวเราะ’ชูเฟิง’รู้สึกว่านางช่างงดงามยิ่งนัก ยามที่นางตั้งใจฟังก็ดูน่ารักดี ในเวลานั้นเสียงของเขาดังออกมาในเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะทำให้ดึงดูดความสนใจของทุกคน
” นี่ ข้าจะทำอะไรให้เจ้าดู “
เห็น’ซูเหม่ย’ยิ้ม ‘ชูเฟิง’ ก็กระตือรือร้น เค้าทำให้แขนของเค้าขยับได้ โดยการดึงแขนเสื้อของตัวเอง จากนั้นเค้ากำลังจะแสดงมายากลให้’ซูเหม่ย’ดูอีกครั้ง
การกระทำของทั้งสองทำให้ ‘ซือ ตูยู’ ไม่พอใจอย่างมาก เห็นคนที่เขาชอบ ไปหัวเราะกับชายคนอื่น โดยที่ไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดมันทำให้เขาค่อนข้างที่จะเจ็บปวด
* ปั้งงง*
ในตอนนั้น ‘ซือตูเหลียง’เอามือกระแทกโต๊ะ ชี้หน้าของ’ชูเฟิง’และกล่าว
” พี่ชายข้ากำลังพูดอยู่ เจ้าควรเงียบไปซะ “
ได้ยินคำพูดพวกนั้น สีหน้าของ’ชูเฟิง’ก็ยังคงปกติ เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆจากนั้นเขาก็เดินไปหา ‘ซือตูเหลียง’
จู่ๆ ‘ชูเฟิง’ ก็ยกฝ่ามือฝาดเข้าไปที่หน้า ของ’ซือตูเหลียง’อย่างรุนแรง
ด้วยพลังที่รุนแรงทำให้ซือตูเหลียงกระเด็นไปที่พื้น ปากของเขามีเลือดหยดลงมาพร้อมกับฟัน อีก 3 ซีก
เห็นเช่นนั้นทุกคนต่างหวาดกลัว’ชูเฟิง’ แต่ชายตรงหน้าที่เขาตบเป็นน้องชายของผู้นำพันธมิตรปีกฯ ในอนาคตจะกลายเป็นศิษย์หลัก ‘ซูตูยู’ เหมือนว่า’ชูเฟิง’มันจะไม่มีสมอง
‘ชูเฟิง’ไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ขณะที่’ซือตูเหลียง’เขากำลังลุกขึ้น ทุกคนก็ต้องตกใจ เมื่อ’ชูเฟิง’ชี้หน้าของเขาและพูดว่า
” เจ้าควรเงียบไปซะในขณะที่ข้าพูด!!! “
โปรดติดตามตอนต่อไป. . . . . . . .
ที่มา: