I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

My Wife is a Beautiful CEO ตอนที่ 1 ผู้ชายขายแพะ

| My Wife is a Beautiful CEO | 2537 วันที่แล้ว
ตอนต่อไป
                

ตลาดตะวันตกของเมืองซงไห่ เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ขณะรถวิ่งผ่านฝูงชล ยามสนธยา อาหารหลากหลายวางเรียงราย พร้อมหยดน้ำสกปรกเจิ้งนองทุกหนแห่ง สินค้าในตลาดแห่งนี้เดินทางมาจากหลายสถานที่ แสงไฟกระพริบระยิบระยับจากบ้านเรือน คนทำงานหรือนักเรียนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน ฝูงชนเดินอย่างหมองหม่นเหน็ดเหนื่อย ยิ่งทำให้ฟ้ามืดลงกว่าเดิม

ในเมืองที่มั่งคั่งแห่งนี้ พื้นที่ส่วนนี้ค่อนข้างที่จะอดสู ดังนั้นคนรวยบางกลุ่มจึงอยากให้พื้นที่ปลิวหายไปกับสายลม ใกล้ ๆ นั้นมีเงาร่างท่าทางเกียจคร้านให้ความรู้สึกไม่น่ามองคนผู้นี้ขายแพะทอด สวมผ้ากันเปื้อนสีขาว ใส่เสื้อเชิ้ตเปื้อนคราบน้ำมัน สวมกางแกงสีกาแฟ และรองเท้าสีน้ำเงิน

เขาค่อนข้างสกปรก แต่ใบหน้านั้นค่อนข้างหล่อทีเดียว ถ้าสังเกตดีล่ะก็คุณจะพบว่าเขาไม่แคร์สายตาใครทั้งนั้น และแน่นอนว่าสาวๆไม่มีทางเหลือบมองคนขายแพะทอด  ชายหนุ่มกำลังจัดวางชิ้นเนื้อแพะที่เพิ่งทอดเสร็จใหม่ มันค่อนข้างร้อนทีเดียว การทอดเนื้อแพะนั้นง่ายมาก แต่การจะขายมันนี่สิ ถึงแม้ว่ามันแค่เพียงชิ้นละ 5 เซ็นต์

วันนี้เขาได้เงินมา 12 ดอลลาร์ ซึ่งเพียงพอกับค่าอาหารสองมื้อ ถึงจะมีรายได้แค่นี้ แต่ใบหน้าเขานั้นไม่ได้เศร้าหมองแต่อย่างใด ชายหนุ่มค่อนข้างที่จะผ่อนคลายสบายใจด้วยซ้ำ เขานั่งลงบนเก้าอี้พับมองดูฝูงชนที่แอดันอย่างยิ้มแย้มราวกำลังมองดูทิวทัศน์อันงดงาม

“ตาแก่ลี ! แกสัญญาว่าจะคืนเงินภายในสองวันก่อนไม่ใช่รึ”

เสียงแหบแห้งดังออกมา จากชายหนุ่มสามคนที่รูปร่างหน้าตาการแต่งตัวบอกยี่ห้อนักเลงเต็มตัว   แผงลอยของ’ลุงลี’อยู่ถัดจากของชายหนุ่มขายแพะทอด เขาไม่สามารถที่จะขายได้มากนัก เพราะสภาพอากาศที่ร้อนมากในช่วงนี้ เขานั่งลงพร้อมใบหน้าที่หม่นหมอง

“เอ่อ… คือ”

“หลานชาย เข้าใจลุงด้วยเถอะ อากาศช่วงนี้ร้อนมากลุงขายไม่ได้เลย ลุงจะเอาเงินมาให้ได้ยังไง”

“จะบอกอะไรนะไอ้แก่ อย่าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้น่ะ แกรู้มั้ยถ้าไม่ใช่เพราะลูกพี่เฟิ่งล่ะก็ ป่านนี้แผงลอยแกไม่ได้เปิดหรอก…..”

ระหว่างที่หนึ่งในนักเลงกำลังใช้สกิลข่มข่ม ผู้ชายที่ชื่อ ‘ลูกพี่เฟิ่ง’ก็ปรากฏตัวตรงหน้า’ลุงลี’ด้วยความห้าวทันที่

“นี่ลุง ข้าไม่สนหรอกนะว่าลุงจะขายได้หรือเปล่า และถ้าข้าไม่ได้อะไรกลับไปล่ะก็ ข้าจะพังแผงลอยนี่ทิ้งซะ”

หลังจาก’ลูกพี่เฟิ่ง’พูดจบ ก็เอาไส้กรอกสองชิ้นหักกลางแล้วโยนลงพื้นไปในทันใด ‘ลุงลี’ตะลึงงันไปในทันทีไม่รู้จะทำอย่างไร เขาต้องนำเงินไปรักษาภรรยาที่ป่วย จะให้เขานำเงินที่ได้มาอย่างยากลำบากให้พวกกุ๊ยได้อย่างไร

บัดซบบบ….

ขณะที่’ลุงลี’คิดอยู่นั้น

“ฉันจ่ายแทนเอง”

ชายหนุ่งขายแพะทอด ปรากฏตัวต่อหน้าเหล่านักเลงกระจอกพร้อมยื่นเงินร้อยดอลลาร์ให้ พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นเหยียบว่า

“ฉันมีเท่านี้แหละ ลุงลีจำเป็นต้องใช้เงิน พวกแกก็ใช้กรรมเถอะ”

เหล่านักเลงหัวเราะลั่น นักเลง’เฟิ่ง’รีบหยิบเงิน แล้วโยนให้ลูกน้องด้านหลัง พร้อมพูดว่า

“หยางเฉิน แกจะเป็นพระเอกหรือไง อย่าลืมว่าแกเองก็ยังไม่ได้จ่ายค่าคุ่มครอง จริงมั้ย?”

‘หยางเฉิน’ขมวดคิ้วพร้อมถอนหายใจ เด็กพวกนี้ไม่ยอมไปโรงเรียน วันๆมีแต่เที่ยวแต่เที่ยว ‘หยางเฉิน’ไม่ใช้พ่อพวกมัน จึงไม่อยากพูด เขาไม่อยากก่อปัญหาใดๆ อีกด้วย ได้แต่ตอบไปว่า

“พรุ่งนี้ฉันจะจ่าย”

“ดีมาก! พวกข้าไม่ใช้เป็นคนไร้อารมณ์ขัน แน่นอนเราทำธุรกิจกัน พวกแกตั้งแผงลอย พวกข้าเก็บค่าคุ้มครอง win win ทั้งสองฝ่าย เอาล่ะ พวกข้าจะมาเก็บเงินอีกทีพรุ่งนี้…. พวกเราไปเว้ย”

นักเลง’เฟิ่ง’เดินไปแผงลอยต่อไปพร้อมสมุนอีกสองคนในทันที

“หลายชายหยาง ไม่น่าทำเช่นนี้เลย ลุงขอโทษนะ”

“ลุงลี ลุงไม่ต้องพูดอะไรแล้วหละ ตอนผมมาที่นี่ใหม่ๆ ลุงช่วยผมไว้หลายอย่างจริงๆ ถ้าไม่มีลุงผมคงไม่รู้จะทำอะไรดี ลุงเป็นทั้งเพื่อนและผู้มีพระคุณ แน่นอนว่าผมจะต้องตอบแทนลุงบ้าง”

“เด็กเอ้ย รู้มั้ยว่าพูดอะไรออกมา”

‘ลุงลี’ถอนหายใจอย่างปลงตก เขารู้ว่าไม่สามารถห้ามอะไรชายหนุ่มผู้นี้ได้ ‘หยางเฉิน’หัวเราะออกมาทันที เสียงหัวเราะนั้นมีความนุ่มและจริงใจอย่างยิ่ง

“เอ่อ ใช่ อาการป้าลีเป็นอย่างไรบ้างล่ะลุง”

‘ลุงลี’ตอบด้วยน้ำเสียงตื้นตัน

“ลุงขอบคุณมากสำหรับเงินค่าผ่าตัด ตอนนี้ป้าเค้าดีขึ้นมากแล้วล่ะ อีกไม่กี่วันก็จะหายเป็นปกติดี”

“โหววลุง มันดีมาก ขอให้ป้าหายเร็วๆครับ”

‘หยางเฉิน’พอใจกับข่าวดีนี้มาก ‘ลุงลี’หัวเราะเศร้า

“หยางน้อย เงินที่ให้ลุงยืม ถ้าลุงยังมีชีวิตอยู่ลุงจะใช้คืนแน่นอน แต่ถ้าลุงตายไปล่ะก็ ลูกสาวลุงจะใช้คืนแทนลุงเอง อ่าา ถ้าไม่ใช้เพราะลุงล่ะก็ ด้วยจำนวนเงินขนาดนั้น หลานสามารถไปเปิดร้านดีๆ ได้สบาย ไม่ต้องมานั่งขายเนื้อทอด พร้อมจ่ายค่าคุ้มครองนี่อีกต่อไป….”

‘หยางเฉิน’เม้มปากพลางตอบว่า

“ผมชอบอยู่แบบนี้มากกว่าน่ะลุง ขายแพะทอดก็ไม่ได้แย่อะไร มันสามารถทำให้ผมอยู่รอดได้”

“เอ็งนี่มัน….”

‘ลุงลี’ดูเหมือนจะขุ่นมัวเล็กน้อย

“ปีนี้เอ็งอายุ 23 แล้วนะ ถึงแม้จะไม่มีใบปริญญา แต่เอ็งยังหนุ่ม แฟนก็ยังไม่มี เอ็งจะขายแพะทอดนี้ตลอดไปหรือไง ถึงเอ็งไม่ห่วงเรื่องอนาตต แต่ข้าห่วง”

ดูเหมือนว่า’ลุงลี’จะเป็นกังวลแทน’หยางเฉิน’เป็นอันมาก

‘หยางเฉิน’สะอึก ไม่ใช่เพราะเขาไม่รีบ เขาแค่พยายามลืมเรื่องนั้นไป ค่ำคืนผ่านพ้นไป ‘หยางเฉิน’ทำความสะอาดแผงลอยพร้อมเข็นรถเข็นกลับอพาทเม้นซอมซ่อ  ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่สร้างเมื่อไหร่ แต่ค่าเช้านั้นถูกแสนถูก เพียงสองดอลลาร์ต่อเดือน ไม่มีใครอยากอยู่ในสถานที่เช่นนี้แต่ไม่ใช้’หยางเฉิน’

เขาไม่สนความสะดวกสบาย แค่ได้ยินราคาค่าเช่าเขาก็รีบมาในทันที ห้องของเขามีของตกแต่งหลายอย่าง เฟอนิเจอร์เก่าๆ ที่คนโยนทิ้ง เตียงผุพังเตียงหนึ่ง ทีวีเล็กๆ ที่ดูได้เพียงช่องธรรมดา เขานำรถเข็ญไปเก็บไว้ด้านหลังอพาทเม้น พร้อมเหลือบมองปฏิทิน

ทันใดนั้นดูเหมือนว่าเขาจะลืมเรื่องสำคัญบางอย่าง เขารีบวิ่งไปห้องอาบน้ำทันที  ห้านาทีต่อมา ‘หยางเฉิน’เผยเรือนร่างอันหยายกร้าน ส่วนเว้าโค้ง กล้ามเนื้อซิกแพ็กเป็นมัดกระชับได้สัดส่วน นับได้ว่าเป็นรูปร่างอันเฟอเฟค แน่นอนว่าหากพิจารณาแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเอามากๆ

เขาเดินไปที่ตู้เก่าๆ ข้างเตียงเสยผมที่เปียกอย่างลวกๆ คว้าชุดชั้นในสตรีสีเหลืองอ่อน กางเกงยีนต์สีเทา และ รองเท้าแตะพลาสติดเก่าๆ ที่เขามักสวมใส่อยู่เสมอ ‘หยางเฉิน’เดินทางไปยังสถานที่ซึ้งมั่งคั่งที่สุดในเมือง นั่นคือ ไวน์สตรีท (wine street)

ชีวิตที่หรูหรามั่งคั่ง พร้อมแสงสีหลากหลายสีสัน ชุุดเดรทสุดสวย พร้อมสูทสุดหรู เพียงแค่ก้าวเข้ามาในไวน์สตรีท กลิ่นน้ำหอมก็ฟุ้งโชยเข้าจมูก ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

‘หยางเฉิน’ต่างจากชายหนุ่มทั่วไปที่สนใจสาวสวนสุดฮอทนุ่งสั้น เขารีบเดินไปในบาร์ที่ชื่อ โรส ภายในแสงไฟสลัว ให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ภายในประดับด้วยดอกกุหลาบอันเป็นสัญลักษณ์ ‘หยางเฉิน’เดินตรงไปที่มุมหนึ่งด้วยความเคยชิน

“พี่เฉิน ในที่สุดพี่ก็มา”

บาร์เทนเดอร์หนุ่ม สังเกตุเห็น’หยางเฉิน’เดินเข้ามาพลางยิ้มเล็กน้อยจากนั้นยื่น แก้วน้ำให้

“พี่สาวเจียงเว้ยรอพี่มาซักพักแล้ว”

‘หยางเฉิน’ยิ้มเล็กน้อยขณะจิบของเหลวในแก้ว

“เจียงเว่ยโกรธฉันหรือเปล่า วันนี้ฉันกลับบ้านช้าไปหน่อย เลยรีบมาที่นี่ทันที”

“เธอไม่โกรธหรอกพี่ ไม่เลย”

‘เสี่ยวเฉา’ตอบ ตาของเขาเหมือนยิ้มให้’หยางเฉิน’

“พี่เฉิน สอนผมหน่อยเถอะ ทำยังไงให้พี่สาวเจียงเว่นตกหลุ่มรักพี่น่ะ คนตามจีบเธอทั้งเมือง เธอไม่เคยสนใจ แต่เดี๋ยวนี้สิ เธอเพิ่งมาถึงก็เรียกหาแต่พี่ ห้าหกรอบแล้ว”

“อย่าพูดไร้สาระน่า ฉันกับเจียงเว่ยไม่ใช่แบบที่แกคิด”

‘เสี่ยวเฉา’เม้มปาก

“ให้ตายยังไงผมก็ไม่เชื่อพี่”

‘เสี่ยวเฉา’ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“พี่…. พี่รู้ตัวมั้ยว่าพี่เป็นผู้ชายที่เฮียมาก พี่ได้หัวใจนางฟ้าเจ้าของบาร์แห่งนี้ของพวกเราไป ผู้ซึ่งชายมากหน้าได้แต่ฝันถึง แล้วดูพี่ทำสิ ทุกวันๆ เธอเอาแต่บ่นว่าทำไมพี่ไม่มา อย่างนุ้นอย่างนี้ พี่ไม่ควรจะทำให้เธอเสียใจพี่รู้มั้ย พี่ต้องทำให้เธอมีความสุข”

ขณะที่’เสี่ยวเฉา’กำลังเทศนา’หยางเฉิน’อยู่นั้น เงาร่างทรงสเน่ห์ ปรากฏพร้อมเสียงใสหวาน

“เสี่ยวเฉา ด้วยภาระหน้าที่ของนาย ดูเหมือนว่าเงินเดือนนายกำลังจะลดนะ”

‘เสี่ยวเฉา’หน้าซีดรีบยืนขึ้นทันที ทำท่าทางเสิร์ฟ แกล้งเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทันที ร่างในชุดกี่เพ้าสีดาวหางภายใต้เลือนร่างที่เย้ายวน ขนาดหน้าอก เอว สะโพกล้วนเฟอเฟก ผมปลิวสไว ราวกับนางฟ้าร่อนลงจากสรวงสวรรค์ ปรากฏอยู่ตรงหน้า’หยางเฉิน’

‘หยางเฉิน’ยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านต่อความงามตรงหน้า กล่าวเสียงนุ่มนวลว่า

“คุณสวยมากเจียงเว่ย สุขสันต์วันเกิด”

ที่มา:

ตอนต่อไป
comments