I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Nine Yang Sword Saint ตอนที่ 004 สืบทอดความเป็นผู้นำของนิกาย

| Nine Yang Sword Saint | 997 | 2359 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

Chepter 004 สืบทอดความเป็นผู้นำของนิกาย

 

แต่ชายชราก็ยังหลับตาลงเหมือนเดิมทำให้หยางติงเทียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ราวกับว่าเขาไม่ได้รับแม้คำชมจากพ่อแม่หลังจากทำคะแนนสอบได้ดีน้อยราวกับว่าเขาไม่ได้รับการยกย่องจากพ่อแม่หลังจากได้คะแนนดี

 

หลังจากเดินทางมาถึงกระบวนท่าที่ห้า มันก็ทำให้ความภูมิใจที่ผ่านมาของหยางติงเทียนนั้นเริ่มหมดลง เนื่องจากความเร็วในการฝึกของเขานั้นช้าลงเป็นอย่างมาก มันเป็นเหมือนดังศิลปินวาดภาพขึ้นจากจุดต่อจุด

 

กระบวนท่าที่ห้านั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะต้องใช้การผสานพลังลมปรานไปพร้อมกับการซัดหมัดออกไป แล้วต่อด้วยการหมุนเวียนโคจรลมปรานรวบรวมจากภายในกล้ามเนื้อส่งลงสู่ทะเลลมปราน ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป ความต้องการของกระบวนที่ห้าคือการหมุนวนโคจรอย่างน้อย3รอบต่อเนื่อง

 

สามเดือนผ่านไป หยางติงเทียนยังคงไม่สามารถฝึกมันได้สำเร็จ หลังจากซัดหมัดออกไปแล้ว เขายังคงต้องใช้เวลาในการโคจรประสานพลังปรานอย่างน้อยครึ่งนาที

 

ความคืบหน้าเช่นนี้ทำให้เขาเริ่มรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามหยางติงเทียน ก็ยังคงมีจิตวิญญานที่มุ่งมั่นแม้ว่าเขาจะหมดหวังก็ตาม กระนั้นเขาจึงยังพยายามที่จะฝึกมันอย่างต่อเนื่อง ทุกๆวันหลังจากสามชั่วโมงเสร็จสิ้น เขาก็จะใช้ความคิดกลั่นกรองมันอย่างเต็มกำลัง แม้กระทั่งในเวลาหลับฝัน

 

สามเดือน  สี่เดือน ……ต่อมา..

 

ฤดูร้อนผ่านไป ฤดูหนาวกลับมาเยือนอีกครั้ง (แผ่นดินในทางเหนือนั้น เหมือนคล้ายจะเป็นฤดูหนาวตลอดทั้งปี แต่เพื่อให้เห็นความแตกต่างของฤดูกาล ความแตกต่างของมันคือฤดูร้อนจะมีอากาศที่หนาวน้อยกว่า ส่วนที่มีอากาศหนาวจัดนั่นคือฤดูหนาว)

 

ฤดูหนาวที่หนาวจัดกลับมาอีกครั้ง ขณะที่หิมะตกอย่างหนักหน่วง หยางติงเทียน ยังคงทุ่มกำลังฝึกหมัดเจิ้งหยางต่ออย่างเต็มที่และนอกจากนั้นเขาก็ใช้เวลาหลังจากฝึกสร้างบันไดน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง

 

เพราะนอกเหนือจากการฝึกวิชาต่อสู้แล้ว เขายังมีเรื่องที่สำคัญกว่า นั่นคือการพาชายชราและตัวเขาออกจากสถานที่อันเลวร้ายแห่งนี้

 

ในที่สุดหลังจากที่หิมะตกอย่างหนักถึงสิบครั้ง หยางติงเทียนก็สร้างบันไดน้ำแข็งเสร็จไปถึง 99.99% ระยะทางห่างจากด้านบนเหลือเพียงแค่ 3 ถึง 4 เมตร เท่านั้น

 

ตราบเท่าที่มีหิมะตกลงมาอีกครั้ง หยางติงเทียนก็จะเสร็จสิ้นภาระกิจการสร้างบันไดน้ำแข็งของเขาในทันที ซึ่งมันก็เป็นเวลากว่าหนึ่งปีตั้งแต่เขาเริ่มและในที่สุดเขาจะสามารถพาชายชราออกจากสถานที่ถูกสาปแห่งนี้ได้

 

เขาถูกขังอยู่ในถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้มานานกว่าหนึ่งปี และตอนนี้เขาก็กำลังจะได้ออกไปแล้ว

 

หยางติงเทียนที่อยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น เมื่อเขารู้สึกว่าเหมือนมีอะไรเย็นๆมาสัมผัสใบหน้าของเขา มันก็ทำให้เขาก็เปิดตาขึ้นทันที

 

หิมะ มันคือหิมะจริงๆ! นอกจากนี้มันยังมีปริมาณที่มากพอที่จะสร้างบันไดขั้นที่เหลือต่อจนเสร็จ

 

หยางติงเทียน ไม่ได้สร้างบันไดน้ำแข็งในทันที่ เขาเริ่มต้นด้วยการฝึกฝนวิชาประสานฟ้าดินเป็นเวลา 1 ชั่วโมงด้วยการนั่งลงและการผสานลมหายใจ จากนั้นก็ฝึกฝนกระบวนท่าที่ห้าของวิชาหมัดเจิ้งหยางเป็นเวลา 3 ชั่วโมง

 

ขณะนี้ หลังจากที่เขาโจมตีออกด้วยพลังปราน เส้นสายใยลมปรานภายในกล้ามเนื้อของเขาต้องการเวลาถึง 15 วินาทีในการรวบรวมพลังขึ้นมาอีกครั้ง มันจึงจะพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป ด้วยเหตุนี้ จึงไม่สามารถกล่าวได้ว่าเขาได้สำเร็จทั้ง 3 ขั้นตอน; เขายังไม่แม้แต่สำเร็จในขั้นตอนที่ 1ด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงจุดนี้หยางติงเทียนได้ละเลยกับความถูกต้องแล้วเพิ่มเติมจินตนาการลงไป เขาเริ่มเตรียมตัวที่จะออกหมัดอย่างอยู่เป็นเวลานาน

 

อย่างไรก็ตาม …… เหมือนกับสวรรค์เล่นตลก

 

เช้านี้ขณะที่เขาฝึกกระบวนท่าที่ห้าของหมัดเจิ้งหยาง ตามปกติ

 

“ปั้ง …… ” เมื่อหมัดถูกซัดออก หิมะที่อยู่ข้างต่างกระจัดกระจาย

 

“ปัง……”

 

“ปัง……”

 

“ปัง……”

 

…………

 

โดยไม่กล่าวสิ่งใด หยางติงเทียน ซัดหมัดที่เปี่ยมไปด้วยลมปรานออกไปอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ตระหนักว่าเขานั้นได้โจมตีติดๆกันได้โดยที่ไม่ต้องหยุดเพื่อรวบรวมลมปรานเลย กล้ามเนื้อเส้นลมปรานภายในร่างกายของเขามันสกัดกลั่นเติมเต็มลมปรานใหม่ได้ในทันที

 

หลังจากการค้นพบนี้ ทำให้หยางติงเทียน ถึงกับประหลาดใจ ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้? ก่อนหน้านี้เขาใช้เวลา 4 เดือนแต่ก็ไม่สามารถทำสำเร็จได้แม้แต่หนึ่งในสามของกระบวนท่าที่ห้าและเขาก็ได้เตรียมใจไว้แล้วว่าคงต้องใช้เวลาปีหรือสองปีเพื่อให้บรรลุกระบวนท่านี้ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าการจู่โจมแบบพรวดพราดออกมาตรงๆ นี้มันจะสำเร็จได้ นอกจากนั้นแล้วความต้องการของกระบวนท่าที่ห้าก็คือการโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่องถึง 3 รอบ แต่ทว่า เขากลับทำมันได้อย่างต่อเนื่องในจำนวนที่มากกว่านั้น

 

หยางติงเทียน กลัวว่านี่จะเป็นภาพลวงตาหรือบางสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความบังเอิน ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะใช้ออกด้วยกระบวนท่าที่ห้าของหมัดเจิ้งหยางอีกครั้ง

 

แล้วเขาก็สามารถโจมตีออกด้วยพลังปรานอีกครั้งได้อย่างง่ายดาย! หลังจากที่โจมตีออกไปถึง 13ครั้ง ดูเหมือนว่าเส้นลมปรานภายในกล้ามเนื้อของเขาจำเป็นต้องดูดซับสะสมพลังปรานใหม่อีกครั้ง

 

หยางติงเทียนประหลาดใจเป็นอย่างมาก มากจนเขาลืมแม้กระทั้งความรู้สึกตื่นเต้นดีใจในความสำเร็จ

 

แต่ในขณะนั้นชายชราก็เปิดตาของเขาขึ้นและกล่าวว่า “ใช่แล้ว วิชายุทธแห่งเต๋ามันก็เป็นเช่นนี้แหละ บางครั้งมันก็ทำให้เจ้ารันทดหดหู่ แต่บางครั้งจะทำให้เจ้าประหลาดใจอย่างไม่คาดฝัน และแน่นอนว่าความน่าประหลาดใจทั้งหมดนั้นมันก็มาจากการรับรู้ ความเข้าใจและมันก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของเจ้า “

 

แล้วชายชราก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!”

 

หยางติงเทียน มองไปที่กำปั้นของเขาแล้วก็กำหมัดของเขาซึ่งมันถูกห่อหุ้มไปด้วยเกล็ดหิมะ: “ท่านปู่ ข้าฝึกวิชาหมัดเจิ้งหยางสำเร็จแล้ว และนอกจากนี้ข้าก็สร้างบันไดน้ำแข็งเสร็จแล้วด้วย เราสามารถที่จะออกไป  ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว …… “

 

“ท่านปู่เราสามารถออก …… ” หยางติงเทียนได้แต่ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น

 

ปกติเขามักจะไม่ตะโกนออกมาเช่นนี้ แต่ตอนนี้ที่เขาตะโกนหลายครั้ง เพราะแต่เดิมผลที่อาจจะได้รับคือการจะถูกดุจากชายชรา แต่ภายใต้ความตื่นเต้นเนี้เขาไม่สามารถที่จะหยุดมันได้ เข้าเอาแต่ตะโกนตัวอักษรของคำว่า ‘ท่านปู่’ และหลังจากนั้นเขาก็เฝ้ารอการตำหนิของชายชรา

 

ชายชราค่อยๆเปิดตาและเงยหน้าขึ้นมองหิมะที่ตกอย่างหนัก จากนั้นเขาก็มองไปที่ หยางติงเทียน ที่กำลังตื่นเต้นอีกครั้ง เขาไม่ได้โกรธหรือดุด่าเหมือนเช่นปกติ เขาได้ยิ้มให้แล้วถอนหายใจและกล่าวว่า “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”

 

“ใช่!  เราก็สามารถออกไปข้างนอกได้แล้ว” หยางติงเทียน กล่าวอย่างตื่นเต้น

 

“เด็กดี เจ้านั่งลงก่อน” ชายชรากล่าว

 

หยางติงเทียน นั่งลงอย่างรวดเร็ว แล้วรีบถามว่า: “วันนี้เรากำลังจะเรียนอะไรดี?”

 

“วันนี้เราจะไม่เรียนอะไร” ชายชราหัวเราะ: “เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าข้านั้นเป็นใครมาจากไหน? และทำไมข้าถึงต้องมาติดอยู่ที่นี่? แม้ว่าเจ้าจะไม่เคยถามข้ามาก่อนก็เถอะ

 

หยางติงเทียนทำหน้า งงเล็กน้อยแล้วพยักหน้า

 

“มันไม่มีเวลาแล้ว หากไม่พูดมันตอนนี้ มันคงจะไม่มีโอกาสที่จะพูดเกี่ยวกับมันอีกแล้ว.” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

 

“ชื่อของข้าคือ ตงฟางเนี่ยเมี่ย ,เป็นประมุขแห่งนิกายหยินหยาง”

 

หยางติงเทียน ไม่ทราบถึงขนาดของนิกายหยินหยางว่ามันใหญ่เพียงใด แต่เขาก็เป็นถึงประมุขผู้นำของนิกายดังนั้นหยางติงเทียนจึงถามกลับไปในทันที: “ก่อนหน้านี้ท่านเคยยิ่งใหญ่มากใช่มั้ย?”

 

ตงฟางเนี่ย รู้สึกประหลาดใจอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ยิ้มออกมา “ใช่ข้าเคยยิ่งใหญ่มาก”

 

ชายชราหัวเราะ: “เจ้าต้องแปลกใจมากแน่ๆ ในเมื่อข้านั้นมีอำนาจและก็ยิ่งใหญ่มากแล้วทำไมข้าถึงได้มาอยู่ที่นี่? “

 

หยางติงเทียน พยักหน้า หงิ๊กๆ

 

“เด็กดี ข้าไม่สามารถที่จะบอกเหตุผลกับเจ้าได้ในขณะนี้ ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นยังไม่เพียงพอที่เจ้าสามารถรู้ได้และอีกอย่างความลับนี้มันก็จะไม่ผลดีกับตัวเจ้าด้วย แต่กลับกัน มันจะเป็นอันตรายต่อเจ้าแทน “ชายชรากล่าวว่า”

ข้าถูกแช่แข็งในสถานที่ถูกสาปที่ลึกลับซับซ้อนแห่งนี้ ซึ่งมันมีระยะทางมากกว่า1,000ลี้ “

 

“ข้าเคยคิดว่า ข้าคงจะถูกแช่แข็งไปชั่วนิจนิรันดร์ในสถานที่แห่งนี้ ข้าไม่เคยคิดว่าข้าจะได้เห็นแสงตะวันอีกครั้ง แต่ใครจะรู้เล่าว่าเจ้าซึ่งมาจากโลกอื่นนั้นจะมาปรากฏตัวต่อหน้าข้า จริงๆแล้วมันคงเป็นการแทรกแซงของสวรรค์! “

 

“ดังนั้นเมื่อเจ้าช่วยข้าจากภายใต้การถูกแช่แข็งแล้วนั้น  แต่ข้าก็ยังคงถามว่าใครกันที่มันเป็นคนส่งเจ้ามา ว่าเจ้าถูกส่งมาจากศัตรูคนไหนของข้า ข้ายังคงต้องการที่จะรู้ถึงแผนการของมัน แต่อย่างว่าแหละถึงแม้ว่าข้าจะมีปฎิภานไหวพริบดีแค่ไหน ข้าก็คงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจริงแล้วเจ้ามาจากโลกอื่น “

 

“เด็กดี เจ้าทำให้ข้า ที่ทำได้เพียงแค่เฝ้ารอคอยวันตายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เจ้าทำให้ความฝันที่สิ้นหวังของข้ากลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง สวรรค์ได้ส่งเจ้ามาหาข้า ให้เจ้าสืบทอดภาระกิจที่ข้าไม่สามารถทำให้มันเสร็จได้ “

 

“สิ่งที่ข้าไม่อาจทำได้ แต่เจ้าสามารถที่จะทำมันได้ ศัตรูที่ข้าไม่สามารถเอาชนะ แต่เจ้าสามารถเอาชนะได้! เพราะเจ้าเป็นผู้ที่มีเส้นลมปรานเก้าหยางชีพจร “

 

เส้นลมปรานเก้าหยาง? เอ๋!  นักบวชลัทธิเต๋าบนโลก ก็เคยพูดถึงสิ่งนี้เหมือนกัน  เขาได้กล่าวว่าหยางติงเทียนนั้นมีร่างกายเก้าหยาง

 

“เจ้าเคยถามข้า ก่อนหน้านี้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าเป็นเช่นไร ใช่หรือไม่?” ชายชราหัวเราะ: “พรสวรรค์ของเจ้านั้นคือสิ่งที่สามารถพบเจอเพียงแค่ในล้านล้านคนเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมากจะพบเจอในชีวิตของคนนนึง!”

 

“ร่างกายเก้าหยางมันไม่มีค่าอันใดในโลกของเจ้าและกลับกันมันจะนำไปสู่ปัญหามากมาย แต่ในทวีปสวรรค์ลึกลับแห่งนี้มันกลับเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่เพียงแค่ในตำนานเท่านั้น “

 

“หญิงสาว ที่เกิดมาพร้อมกับร่างกายเก้าหยินนั้นอาจพบเจอในรอบพันปี แต่ชายคนหนึ่งที่จะเกิดมาพร้อมกับร่างยางเก้าหยางนั้นกลับไม่อาจพบเจอได้ในรอบพันปี “ชายชรากล่าวว่า”

เมื่อเจ้าฝึกปรือ ‘วิชาฟ้าดินประสาน’ และ ‘หมัดเจิ้งหยาง’  วิชาซึ่งเป็นพื้นฐานทั้งสอง ตอนแรกข้าก็คาดเดาเอาไว้แล้วว่าเจ้าน่าจะทำมันออกมาได้ดี แต่อย่างไรก็ตามข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าการฝึกของเจ้านั้นมันจะไปไกลเกินกว่าจินตนาการของข้าซ๊ะอีก “

 

“ผู้ฝึกยุทธในโลกนี้จะเริ่มต้นฝึกวิชาการต่อสู้กันก่อนอายุ 7 หรือ 8 ขวบ พวกเขาทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 3 ถึง 4 ปีในการสำเร็จวิชาพื้นฐาน แต่เจ้ากลับใช้เวลาเพียง 7 เดือนกับอีก 18 วันเท่านั้น” ชายชรากล่าว

หยางติงเทียน กล่าวอย่างอับอายว่า “พวกเขาก็สำเร็จกันตั้งแต่ตอนอายุ 7 หรือ 8 ปี แต่ข้าอายุถึง 20 ปีแล้ว, มันน่าอายซ๊ะมากกว่า.”

 

“ไม่ใช่อย่างงั้น การที่เริ่มต้นช้ากว่า ไม่ได้แปลว่าจะคนนั้นจะอ่อนด้วยกว่า “ชายชรายิ้มแย้ม แล้วกล่าวว่า” การที่เจ้าเริ่มต้นตอนอายุ 20 นั้นมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง “

 

“เด็กน้อย เดิมทีนั้นพรสวรรค์ของข้านั้นสูงมาก แต่ก็ยังแย่กว่าเมื่อเทียบกับเจ้าแล้ว” ชายชรากล่าวว่า “ตอนแรกข้าคิดว่าความฝันและเจตนารมของข้านั้นได้พังทะลายไปแล้ว แต่แล้วสวรรค์ก็กลับเล่นตลก สวรรค์ได้ส่งมอบเจ้ามาให้กับข้า ”

 

“ชีวิตของข้านั้นมันทั้งล้มเหลวและพ่ายแพ้ มันจะดีกว่าหากข้านั้นตายแทนที่จะอยู่แบบนี้ แต่ตอนนี้เจตนารมและจิตวิญญาณของข้าสามารถที่จะฝากฝังให้เจ้าสานต่อได้แล้ว “

 

“เด็ก ดี !” ชายชราจ้องที่ไปดวงตาของหยางติงเทียน: “เจ้าเต็มใจที่จะกราบไหว้ข้าในฐานะอาจารย์ของเจ้าหรือไม่?  เจ้ายินดีที่จะสืบทอดภาระกิจของข้าหรือไม่? “

 

หยางติงเทียน ไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดของชายชรา แต่หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของชายชรา เขาก็ตอบกลับไปด้วยสัญชาตญาณว่า “แน่นอนข้ายินดีท่านคือคนเดียวที่เป็นเหมือนครอบครับของข้าภายในโลกใบนี้ ท่านคือคนที่ข้าสนิทที่สุด “

 

“คุกเข่าลง!” ชายชราตงฟางเนี่ยเมี่ย กล่าว

 

หยางติงเทียน ลุกขึ้นแล้วคุกเข่าลงข้างหน้าของชายชรา แล้วกราบไหว้ ด้วยการคำนับสามครั้ง

 

“ดี ดี! ตั้งแต่วันนี้เจ้าคือศิษย์สายตรงของข้าตงฟางเนี่ยเมี่ยผู้นี้ และเจ้าก็คือประมุขลำดับที่ 29 ของนิกายหยินหยางเป็นทายาทผู้สืบทอดต่อจากข้า”

ตงฟางเนี่ยเมี่ย หงายฝ่ามือของเขาขึ้นและพลันลูกไฟสองลูกก็ปรากฎบนนิ้วของเขาแล้วมันก็กลายเป็นแหวนที่ปรากฏอยู่บนนิ้วของเขา

 

มันเป็นแหวนที่สวยงามมาก มันมีลักษณะเหมือนเปลวไฟตีเกลียววนไปรอบๆ สายหนึ่งเป็นเปลวไฟสีแดง และอีกอันเป็นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้ม

 

ตงฟางเนี่ยเมี่ย ถอดแหวนเปลวอัคคีออกมาและค่อยๆสวมมันไว้บนนิ้วของ หยางติงเทียน เมื่อแหวนถูกสวมใส่บนนิ้วของ หยางติงเทียน เปลวไฟบนวงแหวนก็เริ่มจางหายไป

 

ตงฟางเนี่ย กล่าวว่า “นี่คือแหวนสั่งการของนิกายหยินหยาง ตอนนี้แหวนที่อยู่บนนิ้วของเจ้านั้นจะไม่สามารถที่จะเปล่งประกายเปิดเผยรูปแบบที่แท้จริงของมันได้ในตอนนี้ แต่เมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้นในระดับหนึ่งแล้วแหวนเปลวอัคคี ก็จะเปิดเผยตัวตนของมันเองและเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็จะกลายเป็นประมุขของนิกายหยินหยาง อย่างแท้จริง “

 

ทันที ที่ได้ยินหยางติงเทียนตกใจเป็นอย่างมาก: “ท่านปู่, ไม่สิ  ท่านอาจารย์,ข้านั้นจะเป็นประมุขได้อย่างไร? ข้านั้นอ่อนแอขนาดนี้ “

 

“ทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมาของนิกายหยินหยาง ประมุขจะต้องเป็นศิษสายตรงจากประมุขคนก่อน ดังนั้นถ้าเจ้าไม่ได้เป็นแล้วใครจะเป็น?” ตงฟางเนี่ยเมี่ย กล่าว

“หลังจากที่เจ้าไปที่นิกาย ห้ามเจ้าแพร่งพรายข่าวเกี่ยวกับการตายของข้า เจ้าต้องทำให้ทุกๆคน คิดว่าข้ายังเป็นอยู่ในตำแหน่งประมุข หลังจากเวลาผ่านไป บางทีซักประมาณ 20 ปีเมื่อเจ้าแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้เปลวอัคคีที่แหวนบนนิ้วมือของเจ้าเปล่งประกายรัศมีที่แท้จริงได้ แล้วเจ้าค่อยประกาศถึงการเสียชีวิตของข้าและประกาศต่อสาธารณชนว่าเจ้าคือประมุขคนใหม่ของนิกาย “

 

หลังจากนั้น ตงฟางเนี่ย ก็ถอดสร้อยบางอย่างออกจากคอ มันถูกร้อยไปด้วยหยกที่มีรูปร่างของเปลวไฟ หยกสีแดงแห่งไฟมันช่างดูสวยงามยิ่งนัก

 

จี้หยกอันนี้ มันเป็นของหมั้นหมายระหว่างข้ากับอาจารย์หญิงของเจ้า ชื่อของมันคือ ‘หยกผีเสื้อระเริงไฟ ข้าและอาจารย์หญิงของเจ้ามีมันอยู่คนละครึ่ง ข้ามีฝั่งที่เปลวไฟ อีกครึ่งที่อยู่กับนางจะเป็นผีเสื้อ เจ้าต้องนำจี้หยกชิ้นนี้ไปหานาง และนางจะเชื่อเจ้าเมื่อนางได้เห็นมัน “

 

“หลังจากที่หยกแห่งเปลวไฟมันผสานเข้ากับหยกผีเสื้อของนาง นางจะได้เห็นบันทึกการตายของข้า ที่ข้าส่งถึงนาง …… “

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments