I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Nine Yang Sword Saint ตอนที่ 003 เริ่มต้นฝึกวิชา

| Nine Yang Sword Saint | 941 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

Chapter 003 เริ่มต้นฝึกวิชา

 

“ข้ามีพลังลมปราณ?” หยางติงเทียนประหลาดใจยิ่งนัก

 

“เจ้าไปฝึกวิชาหมัดของเจ้าเถอะ, จงฝึกมันเป็นเวลาสามชั่วโมง” ชายชรากล่าวว่า

“สำหรับการฝึกวิชาหมัดนั้นความถูกต้องของกระบวนท่าการเคลื่อนไหวนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่จงฝึกมันไปพร้อมกับการโคจรลมปราณไปในเวลาเดียวกัน การทำเช่นนี้จะทำให้แต่ละกระบวนท่าการต่อสู้และพลังลมปราณของเจ้านั้นเชี่ยวชาญมากขึ้น และเจ้าจะต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานพลังลมปราณที่ภายในช่องท้องของเจ้า เจ้าจะไม่เพียงแค่ต้องโคจรพลังปราณผ่านเส้นลมปรานภายในของกล้ามเนื้อเพื่อให้มันมาบรรจบกันที่จุดตันเถียนเท่านั้นแต่เจ้ายังจะต้องเรียนรู้วิธีการใช้จุดตันเถียนในการแพร่กระจายพลังปราณไปเส้นลมปรานภายในกล้ามเนื้อด้วย ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้เจ้าสามารถทำให้มันมีส่วนสนับสนุนสำคัญในการต่อสู้ของเจ้าได้ “

 

“แล้วข้าจะไปควบคุมหรือใช้งานมันได้อย่างไร?”  หยางติงเทียน ถาม

 

“ใช้ความรู้สึก!” ชายชราตอบ

 

หลังจากที่เขาพูดจบ ชายชราก็หลับตาลง

 

หยางติงเทียน เริ่มฝึกการเคลื่อนไหวแต่ละกระบวนท่าของหมัดเจิ้งหยางกระบวนท่าแรก ในทันทีที่เขาเริ่มต้น เขาก็ยังคงเปิดตาฝึกมันด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ ผลที่ได้คือพลังลมปราณภายใต้ทะเลลมปราณที่อยู่ภายในช่องท้องที่ลึกลับของเขาไม่มีการตอบสนองใดๆเลย หลังจากผ่านการฝึกซ้อมมาหลายสิบรอบพลังลมปราณของเขา ยังคงไม่มีการตอบสนองใดๆ ดังนั้นหยางติงเทียน จึงคิดได้ว่าบางที่เขาอาจจะต้องหลับตา สงบสติของเขาแล้วก็ใช้ความรู้สึกสัมผัสให้ถึงมัน นอกจากนี้เขาก็เลิกกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องของกระบวนท่าการเคลื่อนไหวไป แล้วเริ่มตั้งจิตให้สัมผัสรู้สึกถึงเส้นสายของพลังลมปราณของเขา ผลที่ได้มันทำให้เขาพึงพอใจกับมันมาก มันเกินกว่าที่เขาคาดหวังไว้; เจ้าหนูเล็กๆ ตัวเล็กๆ ตัวนั้นมันก็เริ่มก่อกวน แต่มันก็เป็นเพียงการก่อกวนเล็กๆ ดูเหมือนว่าเจ้าหนูนั่นมันยังคงไม่แข็งแรงพอ เขาไม่สามารถชักนำมันไปตามเส้นลมปรานและกล้ามเนื้อของเขาได้

 

หยางติงเทียนเก็บหมัดของเขา  ด้วยดวงตาของเขาที่ปิดสนิทเหมือนเดิมเขาใช้ความรู้สึก ของเขาในการทำความเข้าใจกับเจ้าหนูตัวน้อย เขาพยายามเข้าใกล้เพื่อเรียกมัน ใครจะรู้ว่ายิ่งเขาเข้าไปใกล้กับมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำตัวห่างเหินออกไปเท่านั้น มีเพียงแค่ในตอนแรกเท่านั้นที่มันเริ่มที่จะก่อกวน แต่หลังจากนั้นมันกลับนิ่งเฉยและไม่ให้ความสนใจกับเขา

 

หยางติงเทียนเปิดตาขึ้นอีกครั้งเขาเลิกสนในเจ้าหนูลมปราณของเขาเและหันกลับมาให้ ความสำคัญกับการฝึกในกระบวนท่าที่ถูกต้อง เขาฝึกมันเป็นจำนวนหลายสิบครั้ง หลังจากนั้นเขาก็หลับตาลงอีกเพื่อที่จะสัมผัสถึงเจ้าหนูลมปราณตัวเล็กของเขา

 

ใครจะรู้ว่าเมื่อเขาหลับตาลงเพื่อฝึกวิชาการต่อสู้โดยใช้จิต เจตนาของเขาในการทำความเข้า ใจกับเจ้าหนูตัวเล็กๆตัวนี้  แต่จู่ๆ เจ้าหนูตัวน้อย กลับกระโดดเข้าไปภายในเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ แล้วก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่าง อย่างกระทันหัน

 

หยางติงเทียนมีความสุขมาก เจ้าหนูลมปราณตัวเล็กๆของเขา ดูเหมือนว่ามันจะมีชีวิต ถ้าเขาต้องการที่จะใกล้ชิดกับมันก็จะไม่ให้ความสนใจกับเขา แต่เมื่อเขาไม่ใส่ใจกับมันกลับมาหาเขาเอง  นั่นแสดงว่าเขาก็มาถูกทางแล้ว

 

หยางติงเทียน รีบหลับตาของเขาเพื่อฝึกวิชาหมัดอีกครั้ง เขาต้องการที่จะรู้สึกเส้นทางของ ลมปรานอีกครั้ง ทักษะวิชาการต่อสู้แห่งเต๋าของโลกใบนี้มันน่ามหัศจรรย์เกินไปและ หยางติงเทียนก็เริ่มเริ่มหลงใหลไปกับมัน

 

“พอแค่นี่แหละ สำหรับวันนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องฝึกอีกแล้ว” ชายชราพูดขึ้นอย่างฉับพลัน

 

“แต่ตอนนี้เจ้าหนูขนาดเล็กนั้นจะกระโดดเคลื่อนที่อย่างบ้าคลั่งแล้ว ข้าว่า ข้าอาจจะบรรลุและเข้าใจในอีกไม่ช้า” หยางติงเทียน กล่าว

 

“ถ้ามันกระโดดรุนแรงกว่านี้ กล้ามเนื้อเส้นเลือดและเส้นลมปรานของเจ้าอาจจะ ถูกทำลายได้ การก้าวข้ามช่วงที่ผ่านมานั้น มันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วของวันนี้ หากยังฝึกมากกว่านี้มันก็อาจจะเป็นอันตรายได้ ” “ชายชราตอบ”

 

“เอ้อ! เจ้าเด็กเหลือขอนี่! เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ “ชายชราถอนหายใจแล้วค่อยๆปิดตาลง

 

หยางติงเทียน ไม่ได้เชื่อในความคำแนะนำเหล่านั้นและยังคงแอบฝึกต่อไป แต่เขาก็ได้ตระหนักถึงความจริงตามที่ชายชรากล่าว เขาไม่เพียง แต่ไม่ก้าวหน้า แต่เขากลับกำลังก้าวถอยหลัง ความมีชีวิตชีวาความกระปรี้กระเปล่าของเจ้าหนูลมปรานมันเริ่มน้อยลงจนกระทั่งในที่สุดก็กลายเป็นขี้เกียจและนิ่งเฉย และหมดเรี่ยวแรง

 

วันรุ่งขึ้นหยางติงเทียนยังคงฝึกฝนบ่มเพาะพลังปราน เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเหมือนเคย เขารู้สึกว่าหนูลมปราณตัวเล็กๆของเขามันเริ่มโตและมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง

 

แต่หลังจากสามชั่วโมงในการฝึกซ้อม หมัดเจิ้งหยาง ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถจะทำให้หนูลมปรานตัวเล็กของเข้ากระโดดไปทั่วได้ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเรียกมันออกมาจากห้วงทะเลลมปรานได้ ราวกับว่าทะเลลมปราน ของเขานั้นมีอะไรบางอย่างที่คอยขวางกั้นไม่ให้มันสามารถที่จะออกไปข้างนอกได้

 

วันที่สาม วันที่สี่ วันที่ห้า!

 

และในที่สุด หยางติงเทียน ก็สามารถดึงเจ้าหนูลมปราณของเขาออกมาจากห้วงทะเลลมปราณภายในจุดตันเถียนออกมาได้ในที่สุด มันเหมือนกับหนูที่มีชีวิตจริงๆ มันวิ่งพร่านไปทั่วทั้งร่างกายของเขาเหมือนราวกับมันได้หลุดออกมาจากพันธนาการอย่าง สมบูรณ์ ทุกๆที่ ที่มันวิ่งผ่านทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกทุบตีให้เจ็บปวดอย่างรุนแรง จนหยางติงเทียนต้องร้องครวญครางออกมา

 

ชายชราลืมตาขึ้นและเฝ้ามองพฤติกรรมของหยางติงเทียนแบบผ่านๆ เขาถอนหายใจและส่ายหัว: “เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ ” เขารู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก

 

สิ่งที่คนอื่นจะต้องใช้เวลาถึงสามเดือนในการเรียกรวมลมปรานผ่านห้วงทะเลลมปรานไปยัง เส้นลมปรานและกล้ามเนื้อต่างๆ แต่เจ้าหยางติงเทียนนี่ใช้เวลาเพียงแค่ห้าวัน เท่านั้น

 

“นั่งลงและหลับตา ผสานเข้ามันกับลมหายใจของเจ้า ด้วยวิธีนี้ลมปราณของเจ้า จะหมุนเวียนกลับไปยังทะเลลมปราณ ของเจ้าด้วยตัวมันเอง “ชายชรากล่าวว่า” การร่ายรำหมัดเจิ้งหยางนั้นมีบทบาทสำคัญในการ “ดึงดูด พลังลมปรานให้หมุนวน” ใช้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นส่งผ่านมันเข้าไปในทะเลลมปรานของเจ้า จากจุดเล็กน้อยก่อเกิดมากมายขึ้นรวมกัน สรรสร้างเป็นพลังที่น่าหวาดหวั่น

หลังจากนั้นเชื่อมต่อเส้นสายจากทะเลลมปรานและโคจรหมุนมันกลับเข้าไปตามเส้นสายกล้ามเนื้อ “

 

“กระบวนท่าแรกของการฝึกฝนนั้นสำเร็จแล้ว”  “ส่วนกระบวนท่าที่สองนั้นคือการควบคุมและโคจรลมปราน วิธีการที่จะควบคุมและส่งมันไปยังส่วนต่างๆ โคจรมันไปยังตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง ให้ได้ดั่งใจ”

 

“กระบวนท่าที่สามคือการใช้ออกของพลังลมปราน การใช้ลมปรานนั้นมันไม่จำเป็นต้องใช้ออกด้วยพลังทั้งหมด บางครั้งแค่การสั่งสอนบทเรียน มันก็ไม่จำเป็นจะต้องฆ่า เจ้าก็ใช้ออกแค่ส่วนหนึ่งแค่นั้นพอ. “

 

“กระบวนท่าที่สี่คือการให้เจ้าได้เรียนรู้วิธีการดึงพลังลมปราณออกจากทะเลลมปรานของเจ้าและใช้มันเป็นการโจมตีเมื่อยามต้องเผชิญกับศัตรู แต่ก็สามารถที่หยุดลงตรงกลางคัน นอกจากนี้ยังจะสอนวิธีที่จะทำให้เจ้ากักเก็บพลังไว้ที่ไหนสักแห่งที่อยู่ภายในกล้ามเนื้อของเจ้าและนำมันออกเมื่อยามจำเป็น “

 

“กระบวนท่าที่ห้าคือการใช้โจมตีด้วยพลังลมปรานและในขณะเดียวกันก็รวบรวมมันขึ้นมาอีกครั้ง โคจรไปตามส่วนต่างเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป”

 

“เหมือนว่า ขั้นที่ห้าเป็นขั้นที่สำคัญที่สุดหน๊ะสิ นะ” หยางติงเทียนเอ่ยขึ้นในทันที

 

“ใช่แล้วขั้นที่ห้านั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและก็เป็นขั้นที่ยากที่สุดด้วย

“เส้นลมปรานภายในกล้ามเนื้อของร่างกายมนุษย์นั้นเหมือนดั่งสายธารเล็กๆมากมาย พลังลมปรานนั้นก็เหมือนกับน้ำ ทะเลลมปรานภายในจุดตันเถียนของเจ้าก็เป็นเหมือนดั่งมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ จากสายธารเล็กๆไหลลงสู่ลำห้วย จากลำห้วยไหลลงสู่แม่น้ำจากแม่น้ำไหลลงสู่ มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ พลังลมปรานนั้นมาจากทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างสวรรค์และโลก ทุกรูขุมขนในร่างกายมนุษย์ ทุกตารางนิ้วของตัวเจ้าสามารถดูดซับพลังลมปราณได้ เมื่อพลังลมปราณจากทะเลลมปรานออกไปยังเส้นลมปรานภายในกล้ามเนื้อ  ในเวลาเดียวกันนั้นทุกๆตารางนิ้วบนบนร่างกายก็จะดูดซับพลังลมปราน จากสวรรค์และโลกกลับเข้าสู่ทะเลลมปราณ กระบวนการทั้งหมดจะวนเวียนอยู่ตลอดเวลาไม่มีที่สิ้นสุด บางครั้ง “เร็ว” บางครั้ง “ช้า” หากเจ้าใช้ออกด้วยวิชาหมัดเพียง สิบหมัดด้วยพลังลมปราน สำหรับคนที่มีพรสวรรค์ที่ดีแล้วจะต้องใช้เวลาประมาณสองนาทีเพื่อรวบรวมลมปรานกลับมาอีกครั้ง แต่ในตอนนั้นเจ้าน่าจะตายไปแล้วแปดถึงสิบครั้งก่อนจะรวบรวมลมปรานได้ “

 

จากนั้นชายชราก็เริ่มวาดกระบวนท่าที่สอง, สาม, สี่และห้าของวิชาหมัดเจิ้งหยาง

 

“ฤดูร้อนกำลังจะมาถึงเร็ว ๆนี้และปริมาณน่าหิมะจะลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้นเจ้าต้องจดจำส่วนที่เหลือทั้งหมดของกระบวนท่าการเคลื่อนไหว ในหลังจากนี้ข้าจะไม่สามารถให้คำแนะนำเจ้าอีก ดังนั้นเจ้าจะต้องเรียนรู้มันด้วยตัวเจ้าเอง จำคำพูดของข้าไว้ ฝึกลมปราณหนึ่งชั่วโมง และฝึกวิชาหมัดสามชั่วโมง “ชายชรากล่าว

 

“ท่านจะไม่ชี้แนะข้าจริงหรือ?”

 

“หมัดเจิ้งหยาง และ ‘ประสานฟ้าดิน’ เป็นวิชาการพื้นฐานสำหรับการฝึกวิชายุทธการต่อสู้พวกมันเป็นอะไรที่เรียบง่ายที่สุดและเหมาะสำหรับสร้างพื้นฐานของเจ้า แต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่ยากและสำคัญที่สุด ทุกวิชาการต่อสู้จะต้องเริ่มฝึกจากวิชาหมัดเจิ้งหยางและวิชาประสานฟ้าดินก่อน แล้วค่อยก้าวเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปของการฝึกวิชายุทธแห่งเต๋าผู้เป็นอาจารย์ไม่อาจจะละเลย และข้ามขั้นตอนพื้นฐานไปเพราะมันไม่มีทางที่จะข้ามพื้นฐานแห่งวิชายุทธไปสู่ความสำเร็จ ได้ ผู้ฝึกวิชายุทธล้วนแล้วแต่มีความเข้าใจในวิชาที่ต่างกันและการโคจรแลกเปลี่ยนของพลังลมปรานก็ไม่เหมือนกัน คำชี้แนะไม่เพียงแต่ไม่เป็นประโยชน์แล้ว แต่มันยังทำให้การเรียนรู้ของผู้ฝึกยุทธนั้นไม่ก้าวหน้า และยังถอยหลังลงคลองอีก “

 

“ดังนั้นวิชาหมัดเจิ้งหยางและวิชาประสานฟ้าดินนั้นเป็นถนนสายแรกของโลกแห่งวิชาการต่อสู้ที่ทุกคนต้องเดิน แม้กระทั่งอาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จในการเข้าใจและบรรลุในวิชาหมัดเจิ้งหยางและวิชาประสานฟ้าดินนั้นก็คือเป้าหมายสูงสุดของผู้ฝึกยุทธทุกคน

 

ดังนั้นการที่เจ้าจะเข้าใจหรือบรรลุมันหรือไม่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับการรับรู้และอารมณ์ความรู้สึกของตัวเจ้าเองเท่านั้น”

 

หลังจากที่หยางติงเทียน ได้ยินว่าวิชาหมัดเจิ้งหยางและวิชาประสานฟ้าดินเป็นจุดเริ่มต้น ที่สำคัญมากเขาก็ไม่สามารถที่กล่าวอะไรได้อีกอาจพูดได้ว่า”มันอาจเป็นไปได้ว่าคนที่ สำเร็จในวิชาทั้งสองนี้ได้อย่างรวดเร็วนั้นความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาอยู่ก็ในระดับสูงขึ้นด้วย”

” โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นเช่นนี้ แต่มันก็ยังมีข้อยกเว้นบางประการ ประเด็นสำคัญก็คือขึ้นอยู่กับความเข้าใจและการบรรลุในพลังลมปราณ สิ่งเหล่านี้ต่างหากเป็นสิ่งที่จะตัดสินความสำเร็จในอนาคตของผู้ฝึกยุทธ “ชายชรากล่าวว่า” แน่นอนว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับเรื่องลึกลับพิศดารของเส้นลมปราณซึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธแต่ละคนนั้นจะมีเส้นลมปรานลึกลับและมีพรสวรรค์ในในดูดซับพลังระหว่างโลกและสวรรค์ที่ต่างกัน ทะเลลมปรานของพวกเขาจะมีขนาดใหญ่โดยธรรมชาตินั้นมันก็แตกต่างกัน มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในความเข้าใจพลังลมปรานของพวกเขา “

 

“โดยทั่วไปแล้ว ภายใต้สภาพแวดล้อมเดียวกันความสำเร็จของผู้ฝึกยุทธนั้นเจ็ดส่วนขึ้นอยู่กับความพิเศษของเส้นลมปราน, สภาวะแห่งจิตสามส่วนและแน่นอนว่าถ้าหาก ว่าเส้นลมปรานพิเศษและความเข้มแข็งแห่งจิตของพวกเขาเท่ากันแล้วนั้น ความสำเร็จเจ็ดส่วนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความมั่งคั่งและสมบัติที่จะเป็นเครื่องมือสนับสนุน ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนนั้นขึ้นอยู่กับโชคของแต่ละคน แน่นอนว่าในท้ายที่สุด ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับเส้นลมปรานลึกลับของใครคนนั้น

 

“เส้นลมปรานของข้าล่ะเป็นอย่างไร?” หยางติงเทียน ถามขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

ชายชราแสดงท่าทางแปลก ๆ แล้วก็ปิดตาลง

 

หยางติงเทียนเกิดความสงสัยในทันทีกับการแสดงออกที่แปลกๆของชายชรานั้น มันหมายถึงอะไร? หรือว่าพรสวรรค์ของเขานั้นแย่มาก?  มันคงไม่เป็นเช่นนั้นใช่มั้ย? หยางติงเทียน เป็นคนที่หลงตัวเองมากเขารู้สึกว่าเขานั้นเก่งมากในทุกๆด้าน

 

หลังจากนั้น เขาก็ยังคงฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง

 

กระบวนท่าแรกนั้น เขาใช้เวลาในการฝึกมันแค่ห้าวันเท่านั้น

 

แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังใช้เวลาถึงสิบห้าวันในการฝึกกระบวนท่าที่สองเพื่อที่จะ ควบคุมลมปรานไปที่หมัดของเขา เส้นใยลมปรานแผ่กระจายออกและสร้างขึ้นเป็นชั้นๆ เหมือนเกล็ดหิมะก่อนที่จะเริ่มระบายออก สิ่งนี้ทำให้หยางติงเทียนรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก มันได้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกวิชาการต่อสู้แห่งนี้ไปแล้ว

 

จากนั้นเขายังคงฝึกอยู่ในกระบวนท่าที่สองต่อ เขาฝึกฝนเกี่ยวกับการปลดปล่อย เกี่ยวเก็บและควบคุมการไหลของลมปรานอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เขาใช้เวลาไปถึง 25 วันเขาก็สามารถที่จะควบคุมและใช้งานมันได้ดั่งใจ

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เขาได้ใช้เวลาถึงสี่สิบวันในการฝึกกระบวนท่าที่สอง และอีกหลายต่อครั้งที่เขาต้องใช้เวลาในการทบทวนกระบวนท่าแรก มันทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจยิ่ง เขาสงสัยว่าตัวเองนั้นมีพรสวรรค์เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นหรือ?

 

แน่นอนหากว่าถ้าชายชรา ร่วงรู้ในคำพูดเหล่านี้ เขาคงได้แต่สบถออกมา:  “เจ้าเด็กเหลือขอนี่” และมันคงทำให้เขายิ่งขุ่นเคืองใจ

 

อย่างแรกเขาควรต้องรู้ บุคคลที่โดดเด่นที่สุดในโลกนี้ใช้เวลาเกือบครึ่งปีเพื่อให้สำเร็จในกระบวนท่าที่สอง

 

จากนั้นในกระบวนท่าที่สาม มันทำให้หยางติงเทียน ยิ่งเศร้าและหม่นหมองเข้าไปอีก เพราะเขาใช้ต้องเวลาทั้งหมด สองเดือนในการสำเร็จในกระบวนนั้น

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมาชายชราไม่ได้ลืมตาขึ้นมาสำหรับยาอัคคีคำรามนั้นชายชราได้มอบมันไว้ ให้แก่หยางติงเทียนแล้ว ทุกๆ สิบห้าวันเขาจะกินมันหนึ่งเม็ดนอกจากการบ่มเพาะลมปราน และหมัดเจิ้งหยางแล้ว หยางติงเทียนยังคงสร้างขั้นบันไดน้ำแข็งต่อ ในช่วงเวลาที่มีหิมะตก ส่วนเจ้าหนูภายในลมปรานของเขานั้นดูเหมือนกับว่ามันโตขึ้น ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะสามารถทนต่อความหนาวเย็นได้มากขึ้นกว่าเดิม กระทั่งร่างกายของเขาก็แข็งแรงขึ้นและสุขภาพดีขึ้นเรื่อย ๆอีกด้วย

 

เมื่อหยางติงเทียน ฝึกกระบวนท่าที่สามเสร็จสมบูรณ์ฤดูใบไม้ผลิก็ได้ผ่านพ้นไป ฤดูร้อนเริ่มย่างกลายเข้ามาถึง และระยะเวลาของฤดูร้อนได้ผ่านไปแล้วครึ่งทาง

 

ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในทางตอนเหนือที่หนาวเย็น ที่แม้แต่ฤดูร้อนก็ยังมีหิมะให้เห็นอยู่ แต่อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่หิมะตกลงมามันก็มีจำนวนที่ไม่มาก ดังนั้นความคืบหน้าของหยางติงเทียนในการสร้างบันไดน้ำแข็งจึงล่าช้าลงเรื่อยๆ

 

หยางติงเทียนได้แต่ รอการสิ้นสุดของฤดูร้อนอย่างใจจดใจจ่อเพื่อที่ฤดูหนาวจะได้มาถึงอย่าง รวดเร็ว

 

การฝึกของหยางติงเทียนยังคงมีอย่างต่อเนื่องในวิชาหมัดเจิ้งหยางกระบวนท่าแรกเขาใช้ เวลาห้าวันกระบวนท่าที่สองเขาใช้เวลาสี่สิบวันและในกระบวนท่าที่สามเขาใช้เวลาไปถึงสองเดือนเต็ม ดังนั้นในการฝึกในกระบวนท่าที่สี่นั้นเขาได้เตรียมจิตใจและเพิ่มความมุ่งมั่น ให้มากยิ่งขึ้นเขากำหนดเส้นตายเพื่อที่จะให้บรรลุสำเร็จในเวลาประมาณสี่เดือนเท่านั้น

 

แต่ผลของมันกลับทำให้หยางติงเทียนนั้นดีใจเป็นอย่างมากเมื่อเขาใช้เวลาฝึกฝนกระบวนท่าที่สี่ได้ในเวลาเพียงแค่สามวัน มันเป็นเหมือนการทำลายเป้าหมายขอบเขตที่เขาตั้งไว้ หยางติงเทียนตื่นเต้นเป็นอย่างมากจนตัวเขาเองต้องตะโกนออกมา ตอนนี้เขาหันมองไปทาง ชายชราที่กำลังลืมตาขึ้น เพราะเสียงร้องตะโกนของหยางติงเทียนด้วยความแปลกใจ

 

แต่ชายชราก็หลับตาลงเหมือนเดิมทำให้หยางติงเทียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ราวกับว่าเขาไม่ได้รับแม้คำชมจากพ่อแม่หลังจากทำคะแนนสอบได้ดี

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments