ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปภายในพื้นที่หลักบริเวณสวนดอกไม้เป็นที่อยู่อาศัยของ ‘เล้ง วู่ซุย’ ปัจจุบันเขาได้นำสัตว์ร้ายนั้นมาเลี้ยง
มันเป็นสัตว์ร้ายระดับ 9 ขนาดใหญ่เท่าช้าง รูปร่างคล้ายลิง แต่มีฟันที่แหลมคมดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก แต่สำหรับ ‘เล้ง วู่ซุย’ มันกับดูน่ารักในสายตาเขา
เขาคอยให้อาหารมันอยู่เสมอๆแต่มันก็ไม่เคยเข้ามาทำร้าย ‘เล้ง วู่ซุย’ เลยสักครั้ง ขณะที่เขาลูบขนของมัน มันดูไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ไม่ใช่แค่มันสูญเสียความเป็นสัตว์ป่าไปเพียงอย่างเดียวมันยังสูญเสียสัญชาตญาณของมันไปอีกด้วย หรือมันอาจจะยอมสยบเพราะพลังของ ‘เล้ง วู่ซุย’ มันถึงได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา
” ศิษย์พี่เล้ง เราพบคนที่ท่านอยากเจอแล้ว “
‘เกาหลี่’ และ ‘หลิวปิง’ ยืนอยู่ข้างหลัง ‘เล้ง วู่ซุย’ ขณะที่เข้ามาสนทนาทั้งสองต่างเกรงใจเขาเป็นอย่างมาก
” มันเป็นใคร “
ขณะที่เขาเล่นกับสัตว์เลี้ยง เขาถามทั้งสองโดยที่ไม่หันหน้ามอง
” เขาชื่อ ชูเฟิง อายุ 15 ปี วันนี้ เขากำลังเดินทางกลับตะกูล ชู ที่อยู่ ภูเขา ชูพิง เขานั้นอยู่ระดับ 7 ห้วงวิญญาณ พึ่งเข้ามาเป็นศิษย์หลักได้ไม่นาน “
” เขานั้นมีนิสัยดูก้าวร้าวแและดุร้ายอีกทั้งยังไปมีเรื่องกับ กง ลู่หยุน ตั้งแต่วันแรกที่มา ชูเฟิงโดนอัดซะน่วม ถ้าไม่ใช่ผู้เฒ่าหลี่ที่ตำหนักศิลาทดสอบห้ามไว้ เขาคงได้ตายขามือ กง ลู่หยุน ไปแล้ว “
‘เกา หลี่’ รายงาน
” อาวุโสหลี่ เขามาขวางงั้นหรอ ?”
ได้ยินชื่อผู้เฒ่าหลี่ ‘เล้ง วู่ซุย’ จ้องอย่างสงสัย
” ใช่ เหมือนกับที่ท่านเคยบอกว่า ผู้เฒ่าหลี่นั้นปิดบังความแข็งแกร่งของตัวเอง พลังเขาอย่างต่ำก็ผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรแก่นแท้วิญญาณ “
‘หลิวปิง’ รีบกล่าว
” แน่นอนว่าเขาสามารถปกปิดคนอื่นได้ แต่เขาหนีไม่พ้นสายตาข้าไปได้หรอก เพราะข้าใช้อำนาจพลังวิญญาณตรวจสอบแล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่ทำไมเขาถึงได้ช่วยชูเฟิง ? พวกเขามีความสัมพันธ์กันยังไง ? “
‘เล้ง วู่ซุย’ จู่ๆก็คิดเป็นเรื่องเป็นราว
” ข้าสงสัย ความเป็นมาของตะกูล ชู จะใช่เรื่องปกติแน่หรอ อยู่ดีๆชูเฟิง ก็กล้าเข้าร่วมศึกชี้เป็นชี้ตายกับ กง ลู่หยุน มีเวลาแค่ปีเดียว ถึงเราไม่จัดการ อีก 1 ปีเขาก็โดน กง ลู่หยุน ฆ่าอยู่ดี “
‘เกา หลี่’ กล่าว
” แต่จากที่ข้าฟังไอ้เจ้าเด็กนั้นดูไม่ค่อยธรรมดา เราต้องรีบกำจัดมัน จะรอช้าไม่ได้ “
‘เล้ง วู่ซุย’ เตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
” ไม่ต้องห่วงข้านั้นไปสืบมาแล้ว ว่าเขาได้เดินทางออกจากโรงเรียนมังกรฟ้า มุ่งหน้ากลับไปยังตะกูล ชู เพื่อนำสัญลักษณ์กลับไปไว้ที่ตะกูล ปกติแล้วตะกูลชู นั้นเป็นแค่ตะกูลเล็กๆ หากได้ผ้าคลุมไปมันจะช่วยพวกเขาเป็นอย่างมาก “
” เราได้ส่ง พี่น้อง เจา ซือ ไปลอบสังหารเขาแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะดูเด็กแต่ก็ไม่ใช่เด็กธรรมดา พี่น้อง เจา ซือ นั้น อยู่ในระดับ 3 กำเนิดวิญญาณ ด้วยการทำงานของพวกเขา ไอ้เจ้าเด็กนั้นไม่มีทางรอดไปได้ “
‘หลิวปิง’ กล่าวอย่างมั่นใจ
” ไอ้พวกโง่!!! “
ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ไม่เพียงแต่’เล้ง วู่ซุย’ จะไม่พอใจ เขายิ่งโกรธหนักกว่าเดิม จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้น ชี้หน้าของพวกเขาทั้งสองพร้อมกับตำหนิ
” เจ้ารู้ไม๊ว่างานนี้ สำคัญกับข้ามากแค่ไหน ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าสองคนนั้นขี้เกลียดหรอ ถึงได้ส่งคนอื่นไปทำเรื่องนี้แทน หรือว่าอยากให้ข้าลงมือด้วยตัวเอง “
เห็น ‘เล้ง วู่ซุย’ พูดเช่นนั้น ‘เกา หลี่’ และ ‘หลิวปัง’ ถึงกับหน้าถอดสี พวกเขาถอยหลังออกไปหลายก้าว ด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับพูดว่า
” พวกเราจะไปจัดการเขาเดี๋ยวนี้!!! “
‘เกา หลี่’ และ ‘หลิวปิง’ รีบขี่ม้าออกจากโรงเรียนมังกรฟ้า พวกเขาทั้งสองต่างรีบร้อนกันมุ่งหน้าไปยังทิศทางตะกูล ชู จากนั้น ‘หลิว ปิง’ ก็ทำสัญลักษณ์มือบางอย่าง
พวกเขาเห็นไฟกระพริบแว๊บๆ ขณะที่ทั้งสองมุ่งหน้าไปข้างหน้า ก็มีไฟค่อยๆสว่างขึ้นเลื่อยๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น ‘หลิวปิง’ ขมวดคิ้วลง พร้อมกับหยุดม้า และกล่าวอย่างหงุดหงิด
” มีบางอย่างผิดปกติ “
” เกิดอะไรขึ้น ? “
‘เกา หลี่’ รู้สึกกังวล
” นี่เป็นร่องรอยการต่อสู้หนิ พี่น้อง เจา ซือ พวกเขาน่าจะตามไปฆ่า ชูเฟิง ได้ตั้งนานแล้วหนิ หลังจากที่ออกจากโรงเรียนได้สักพัก แสดงว่าพวกเขายังอยู่ไม่ไกลจากที่นี่หนัก “
‘หลิว ปิง’ กล่าว
” งั้นก็หมายความว่า . . . “
ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ‘เกา หลี่’ เริ่มไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม
* ปึ๊กก *
ทั้งสองคนกระโดดลงจากม้าและเริ่มออกหาตำแหน่งบ่งชี้ของพวกเขา ทั้งสองคนรีบมุ่งหน้าไปยังต้นตอของแสงในป่าที่กำลังสว่างอยู่ ขณะที่เขาค่อยๆเข้าไปใกล้มัน แสงนั้นก็เริ่มริบหรี่ลงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพวกเขาเข้ามาได้ประมาณ 2000 เมตร ภายในป่า ด้านหน้าเขาก็มีฉากที่ทำให้ต้องตกใจ พวกเขาพบศพ คนสองคนสวมชุดธรรมดากองอยู่ในพุ่มไม้ เมื่อสังเกตุลักษณะหน้าตาของศพก็พบว่าเป็น พี่น้อง เจา ซือ
ยังไงก็ตาม เมื่อพวกเขาเข้าไปตรวจสอบศพก็พบกับสิ่งที่น่าแปลกใจคือ บนผิวหนังของศพ ไม่มีร่องรอยของบาดแผลแม้แต่ที่เดียว’เกา หลี่’ คุกเข่า พร้อมกับเอามือไปกดที่หน้าอกของศพ หลังจากสัมผัสไปสักพัก เขาก็ขมวดคิ้วและพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
” อวัยวะภายในของพวกเขานั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยแรงดันวิญญาณที่มหาศาล “
” เป็นไปได้ยังไง ชูเฟิง แค่ระดับ 7 ห้วงวิญญาณเท่านั้นจะฆ่าสองคนนั้นด้วยแรงดันวิญญาณได้ยังไง ? พี่น้อง เจา ซือ เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรกำเนิดวิญญาณระดับ 3 !!! “
ได้ยินคำพูดเหล่านั้น มันทำให้หน้าของ’หลิวปิง’ถึงกับเครียดการใช้แรงดันวิญญาณฆ่าคู่ต่อสู้ พลังของเขาอย่างน้อยต้องมากกว่าศัตรู 3 ระดับ ซึ่งหากเป็น ‘ชูเฟิง’ คงไม่สามารถทำได้ นั้นหมายความว่ามีคนมาช่วย ‘ชูเฟิง’ และอย่างน้อยคนๆนั้นต้องเป็นผู้เชียวชาญอาณาจักรกำเนิดวิญญาณระดับ 6
” ดูเหมือนกับ ศิษย์พี่เล้ง คาดเดาไว้ไม่มีผิด พวกเราไม่น่าประมาท ชูเฟิง มันเลย “
‘เกา หลี่’ หมดหนทางได้แต่ถอนหายใจและจ้องมองศพพวกเขา โดยไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
” เราจะเอาไงต่อกันดี ? ชูเฟิงมันมีคนคอยช่วยเหลือ และคนๆนั้นอย่างน้อยต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรกำเนิดวิญญาณ ระดับ 6 ไม่แน่ว่าเขาจะเป็นระดับ 9 หากเป็นใช่นั้น เราจะมีปัญญาเอาชนะเขาได้งั้นหรอ!!! “
‘หลิว ปิง’ คิดอะไรไม่ออก เพราะพวกเขานั้นอยู่ในแค่ระดับ 8 กำเนิดวิญญาณ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะขาดความมั่นใจ เมื่อต้องเผชิญกับศัตรูที่ไม่รู้จัก
” หากเรากลับไปมือเปล่า เราคงถูก เล้ง วู่ซุย ลงโทษแน่ๆ เจ้าก็รู้ว่าเขานั้นต้องการใช้เราเป็นหุ้นเชิดโดยที่ไม่ได้รับอะไรตอบแทน หากงานพลาดขึ้นมาเขาคงให้เราดื่มยาพิษ ความเจ็บปวดของมันนั้นเหมือนเอากระดูกมาทิ้งแทงหัวใจ ? “
” ไม่ ! ! ! ! ไม่เอาเด็ดขาด ! ! ! ! ! ! “
ได้ยินคำว่า
” ยาพิษ “
หน้าของ’หลิวปิง’ก็ถึงกลับซึดไปในทันที แม้แต่ร่างกายของนางก็เริ่มสั่นระรัว แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
” ถ้าเช่นนั้น เราต้องรีบ จัดการกับ ชูเฟิง ให้ได้ ไม่งั้นข้ายอมตายดีกว่า ดีกว่าถูกวางยาพิษ “
‘เกาหลี่’ กล่าว ขณะที่ ‘หลิว ปิง’ พยักหน้าเห็นด้วยชูเฟิง ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับ ‘เล้ง วู่ซุย’ ซักอย่าง เขาต้องการสังหาร’ชูเฟิง’อย่างลับๆ เป็นธรรมดาที่ ที่’ชูเฟิง’ ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองต้องการฆาเขาทำไมขณะนั้น อารมณ์ของเขาแสนจะเบิกบาน
หลังจากที่เดินทางมานาน ในที่สุดเขาก็มาถึงภูเขาชูพิง ตอนนั้น’ชูเฟิง’ได้แต่หัวเราะออกมา แสดงให้เห็นถึงความสุข ถ้าหากคนรู้ข่าวว่าเขาเป็นศิษย์หลักจะทำหน้ายังไงกันบ้างน๊า!!!
” นั้นเสียงของท่านลุง “
ทันใดนั้น ใบหน้าของ ‘ชูเฟิง’ ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขารู้สึกได้ชัดว่ามีอาร่าหลายจุดกำลังปะทะกัน ซึงหมายความว่า บริเวณนั้นเกิดการต่อสู้ เมื่อเขามองเข้าไปเขาก็พบว่าเป็นลุงของเขา ‘ชู เร้นยี่’
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . .
ที่มา: