I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 111 – หว่าน เวิ้นเผิง

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

หลังจากที่ทำพันธสัญญาเชื่อมต่อแหล่งกำเนิดวิญญาณเสร็จสิ้น ‘ชูเฟิง’ กับเทพธิดาก็สามารถสนทนาผ่านทางความคิดโดยที่ผู้อื่นไม่สามารถตรวจพบได้

ด้วยคำแนะนำของ เทพธิดา ไม่เพียงแค่ ‘ชูเฟิง’ จะสามารถเข้าใจการสร้างรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว เขายังสามารถดึงมันออกมาใช้ได้อีก นี่ก็นับได้ว่า เขาเป็น ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณไปแล้วครึ่งทาง

ในวันนั้น เป็นวันที่ ชูเฟิง ต้องเดินทางไป นครทอง – ม่วง เพื่อเข้าร่วมการประลองที่ใกล้เข้ามา ก่อนหน้านั้นเขาจำเป็นต้องไป พบ ‘เฉิน ฮุ้ย’ ซะก่อน

นครทอง – ม่วง เป็นเมืองสาขาย่อย #2 รอบๆ เมืองมีผู้คนสัญจรอย่างหนาแน่น ตามไหล่ทางเต็มไปด้วยร้านค้า อัญมณี ทุกคนที่นี่ค่อนข้างมีฐานะ ซึ่งแตกต่างจากผู้คนที่เมืองโบราณ อย่างสิ้นเชิง

เมืองโบราณที่แทบจะเป็นเมืองล่มสลาย ในขณะที่ นครทอง – ม่วง เป็นเมืองสาขาย่อย #2 ซึ่งอยู่ในความคุ้มกันของ ราชวงค์เจียง ซึ่งถ้าเปรียบเทียบจุดยืนพวกเขานั้นต่างกันราวกับฟ้ากับเหว

‘ชูเฟิง’ สวมชุดของศิษย์หลักของสำนักมังกรฟ้า ขณะที่เดินเข้าไปใน นครทอง – ม่วง เขาต่างได้รับความชื่นชม จากผู้คนที่พบเจอ เพราะ ‘ชูเฟิง’ นั้นยังเป็นแค่เด็กหนุ่มแต่กับประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้

ภายใต้สายตาของผู้คนจับจ้องไปที่ชูเฟิง เมื่อเขามายืนอยู่หน้าทางเข้าตำหนักของท่านเจ้าเมือง แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไป เขาก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่ม 2 คน ที่กำลังดูถูก จนชะงัก

” โอ้วว ดูนั้นสินัันมันศิษย์จากสำนักมังกรฟ้า สำนัก # 2 หนิ “

” ช่างน่าขัน ได้เป็นศิษย์หลักของสำนักทั้งๆที่มีพลังวิญญาณอยู่ในระดับ 8 ห้วงวิญญาณ แต่เรา 2 คนพี่น้อง ที่อยู่ในระดับ 9 ห้วงวิญญาณ กับเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายในของสำนัก หลิง – หยุน “

” อ่าาา มันก็เป็นแค่สำนัก #2 แล้วจะเอามันมาเทียบกับสำนัก หลิน – หยุน ของเราได้ยังไง ? ศิษย์หลักของเราเปรียบได้ดั่งเหล่ามังกรและหงษ์ ถ้าจะเทียบกับศิษย์หลักของพวกเขามันเหมือนกับสุนัขและแมวซะมากกว่า 555+ “

ชายหนุ่มสองคนเดินลงมาจากรถม้าที่หรูหรา แต่หลังจากที่มองเห็น ‘ชูเฟิง’ พวกเขาต่างนินทาและพูดกันด้วยถ้อยคำที่สบประมาท

พวกเขาก็มาที่นี่ด้วยสาเหตุเดียวกับ ‘ชูเฟิง’ ส่วนเสื้อผ้าของพวกเขาแน่นอนว่าเป็นชุดของสำนัก หลิง – หยุน ซึ่งถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งในตัวแทนของ นครทอง – ม่วง ที่เข้าร่วมในงานประลอง

ยังไงก็ตาม ‘ชูเฟิง’ มิได้ใส่ใจกับคำเยาะเย้ยเหล่านั้นของพวกเขา 2 คน จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในตำหนักท่านเจ้าเมือง แต่ก่อนที่จะเดินเข้าไปเขาก็ต้องหยุดชะงักหน้าประตูรั่วของตำหนัก ขณะนั้นมีกลุ่มทหารยามขวางทางเขาไว้อยู่

” ข้าน้อยได้รับเชิญ จากท่านเจ้าเมือง ‘เฉิน ฮุ้ย’ ให้เป็นตัวแทนของ นครทอง – ม่วง เพื่อเข้าร่วมในงานประลอง “

‘ชูเฟิง’ กล่าว

ได้ยินคำพูดของ ‘ชูเฟิง’ ทหารยามขมวดคิ้วลงเล็กน้อยเมื่อดูจากการแสดงออกแล้วพวกเขาบอกได้เลยว่าพวกเขาค่อนข้างไม่พอใจ เพราะการแอบอ้าง ชื่อของเจ้าเมืองเป็นสิ่งต้องห้าม

ยังไงก็ตามเมื่อ ‘ชูเฟิง’ ทบทวนเหตุผลของพวกเขา เขาก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ในตอนนั้นทหารยามก็กล่าวด้วยคำพูดที่ฟังดูไม่พอใจขึ้นมา

” ได้โปรดแสดงจดหมายเชิญของท่านด้วย!!! “

” จดหมายเชิญ ? “

‘ชูเฟิง’ จำได้ว่า ‘เฉิน ฮุ้ย’ ไม่เคยให้จดหมายเชิญไว้กับเขา

” งั้นเจ้าก็แอบอ้างสินะ ไม่มีจดหมายเชิญแท้ๆ!!! “

ในตอนนั้น ชายหนุ่มสองคนจากสำนัก หลิง – หยุน ก็เดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มมองหน้า ‘ชูเฟิง’ จากนั้นพวกเขาก็ควักจดหมายเชิญของพวกเขาออกมาให้กับทหารยาม

” นายน้อย ได้โปรดตามข้าน้อยมา หลังจากที่ได้รับจดหมายเชิญแล้วยืนยันว่าเป็นของจริง ทหารยามถึงกับแสดงความสุภาพ

” นี่เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าไม่ทราบหรือไงว่าการประลองในครั้งนี้มีแต่ยอดฝีมือเท่านั้นที่ถูกรับเลือกให้เป็นตัวแทนของนครทอง – ม่วง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับพลังวิญญาณของเจ้าหากเข้าไปก็ตายเปล่า ยิ่งไม่มีจดหมายเชิญแล้วก็อย่าได้หวัง แค่เป็นศิษย์ของสำนัก มังกรฟ้า เจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้แล้ว!!! ไอ้หนู “

” ใช่แล้วๆ ศิษย์สำนักอันดับ # 2 จะได้เป็นตัวแทนของ นครทอง – ม่วงในการเข้าร่วมงานประลองได้ยังไง งี่เง่าชะมัด!!! “

สองคนนั้น ไม่ได้เดินตามทหารยามเข้าไป แต่พวกเขาเลือกที่จะหยุดยืนและเยาะเย้ย ‘ชูเฟิง’

” เจ้ารีบๆไสหัวออกไปเร็วๆซะดีกว่า ผู้เข้าร่วมการประลอง จะได้รับเชิญจากท่านเจ้าเมือง หากเจ้าไม่ได้รับจดหมายเชิญ นั่นก็หมายความว่า เจ้าไม่มีคุณสมบัติ รีบไสหัวไปซะ!!! “

แม้ทหารยามจะพยายามไล่ ‘ชูเฟิง’ ออกไป แต่ชูเฟิงก็ยังคงยืนอยู่แล้วทบทวน

” ท่านคิดว่าข้าน้อยโกหกเช่นนั้น ? “

สีหน้าของชูเฟิงยังคงสงบ พร้อมกับถามอย่างสุภาพ

” นี่คือที่พักของท่านเจ้าเมือง เจ้าไม่ควรมาก่อกวนที่นี่มิเช่นนั้นอย่าหาว่าเราไม่เตือ . . . . “

ทหารยามค่อนข้างที่จะใจร้อน

” งั้นท่านลืมตาดูให้ชัดๆ นี่ไงจดหมายเชิญของข้า!!! “

‘ชูเฟิง’ ไม่คิดจะถกเถียงใดๆ เขาหยิบ ป้ายบัญชาทอง – ม่วง และยื่นออกไปที่หน้าทหารยาม

* พรึบบ *

ขณะที่เขาถือป้ายบัญชา ทหารยามก็มีท่าทีที่ไม่พอใจ แต่เมื่อเขาตรวจสอบป้ายนั้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะ ป้ายทอง – ม่วง เทียบเท่ากับสถานะของท่านเจ้าเมือง มีคนน้อยนิดที่จะมี

ในตอนนั้นทหารยามก็ได้รู้ว่าเขาได้ทำผิดพลาดครั้งใคร ไม่ว่าชูเฟิงจะเป็นใครมาจากไหนก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่เขามีป้ายทอง- ม่วง แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถขัดใจ ‘ชูเฟิง’ ได้

” ข้าน้อยสมควรตายหมื่นครั้งสำหรับความหยาบคายของข้าน้อย!!! “

ในจุดนั้น หทารยามคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกับร้องขอชีวิตให้ชูเฟิงยกโทษให้ ร่างกายของเขาขณะนั้นสั่นสะท้านไปทั้งตัวบอกได้เลยว่าเขากำลังหวาดกลัวอย่างแท้จริง

ในเวลาเดียวกันทหารยามคนอื่นๆที่เหลือก็คุกเข่าลง ได้เห็นป้ายบัญชาเหมือนได้เห็นท่านเจ้าเมืองพวกเขาทั้งหมดที่เห็นต้องคุกเข่าเคารพ

สำหรับเจ้าสองตัวนั้น หน้าตาบิดเบี้ยวขาวซีดเป็นกระดาษ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าศิษย์จากสำนัก # 2 จะมีป้ายทอง – ม่วงอยู่ในมือ แม้ว่าพวกเขาจะโหยหาขนาดไหนพวกเขาก็ไม่เคยแม้แต่จะได้สัมผัส

โชคยังดีที่สถานะของพวกเขานั้นพิเศษที่พวกเขาเป็นศิษย์ จากสำนัก # 1 ของอาณาจักร สำนัก หลิงหยุน หากพวกเขาต้องคุกเข่าให้ ‘ชูเฟิง’ ที่เคยดูถูกไว้พวกเขาคงจะเสียหน้าเป็นอย่างมาก

‘ชูเฟิง’ ไม่สนใจคนพวกนั้นอีกต่อไป ภายใต้การนำทางของทหารยาม ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงในห้องโถงขนาดใหญ่

มีคนอยู่ในนั้น 5 คน มีทั้งชายและหญิง ภายในห้องโถง ดูจากหน้าตาของพวกเขาคงจะมีอายุไม่เกิน 18 ปี พวกเขาต่างมีลักษณะที่โดดเด่นต่างจากสามัญชนทั่วไป พวกเขาคือศิษย์ของสำนักต่างๆ

แม้แต่องครักษ์ของ นครทอง – ม่วง ยังไม่กล้าที่จะเสียมารยาทกับคนเหล่านั้น เพราะพวกเขาทั้งหมดคือกำลังที่สำคัญต่ออนาคตของ นครทอง – ม่วง หากพวกเขาชนะเลิศในงานประลองครั้งนี้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะได้กลายเป็นเสาหลักของนครทอง – ม่วง เป็นแน่

นั้นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่กล้าเสียมารยาท ในตัวแทนทั้งหมดของ นครทอง – ม่วง มีอยู่จำนวน 8 คน

เมื่อ ‘ชูเฟิง’ และ เจ้าสองตัวนั้นเดินเข้ามา ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่พวกเขา ยังไงก็ตามความสนใจของพวกเขาจ้องไปที่คนที่อยู่ด้านหลังของ ‘ชูเฟิง’ และเจ้าสองตัวนั้น

สำหรับสายตาที่มองข้าม ‘ชูเฟิง’ ไป พวกเขาต่างใจจดใจจ่อ คนที่อยู่ด้านหลังของเขาที่กำลังปรากฏ เขาคือศิษย์จากสำนักแนวหน้า ในความคิดของพวกเขาต่างดูถูกเหล่าศิษย์ของสำนัก # 2 แม้ว่าชูเฟิงจะเป็นศิษย์หลักพวกเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา

‘ชูเฟิง’ ก็ไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกาเหล่านั้น พวกเขาคิดว่าตัวเองมีพลังวิญญาณอยู่ในระดับ 9 ห้วงวิญญาณแล้วจะสูงส่ง ซึ่งจะดูถูกคนอื่นยังไงก็ได้ หากชูเฟิงคิดจะฆ่าพวกเขาจริงๆ เขาสามารถทำได้ง่ายๆเหมือนกับบีบมด

” นั้นมัน เวิ้นเผิง!!! “

ในตอนนั้น ทุกคนในห้องโถงต่างลุกขึ้นมาพร้อมกับมองออกไปด้านนอกพร้อมกับความประหลาดใจ

เห็นเช่นนั้น ‘ชูเฟิง’ ไม่รอช้า รีบหันไปเผือกทันที เขาพบว่า ภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์ มีชายหนุ่มหน้าตาดีค่อยๆ เดินเข้าา

คนๆ นั้นคือศิษย์ของสำนัก # 1 ยังไงก็ตาม เขาไม่ได้เป็นศิษย์ฝ่ายในเช่นคนอื่นๆ เขาเป็นศิษย์หลักของสำนัก # 1

” เห็นเขาหันมา ชูเฟิงก็ยิ้มให้เขาเบาๆ และตรวจตอบพลังวิญญาณของเขา ชายหนุ่มค่อนนี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนักถ้าเทียบกลับคนอื่นๆ อ่ะนะ เขานั้นอยู่ในอาณาจักรกำเนิดวิญญาณ “

โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . . . . . .

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments