ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” โอ้ว!!! สหาย ‘เวิ้น’ ข้าไม่นึกเลยว่าศิษย์หลักของสำนักแนวหน้า คนที่แข็งแกร่งที่สุดว์จะมาด้วยตัวเอง “
” เจ้าเข้าสู่อาณาจักรกำเนิดวิญญาณตั้งแต่อายุ 18 !!! ข้าล่ะนับถือเจ้าจริงๆ “
” ศิษย์พี่ ‘เวิ้น’ ตอนนี้ นครทอง – ม่วง ของเราได้รับเชิญให้เข้าร่วมในงานประลองครั้งนี่ด้วยล่ะ ท่านต้องได้ตำแหน่งชนะเลิศแน่ๆ “
เมื่อ ‘หว่าน เวิ้นเพิง’ ปรากฏ พวกตัวผู้ตัวเมียทั้งหลายต่างเดินเข้าไปรายล้อมล้อมเขา เหมือนกับว่าพวกเขาไม่เคยพบกันมาก่อน
” ทุกคน พวกเจ้ายกย่องข้าเกินไป ข้าไม่ได้แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ภายในเมืองอื่นๆ นอกจาก นครทอง – ม่วง เทียบกับข้า เวิ้นเพิง ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าแข็งแกร่งหรอก “
‘หว่าน เวิ้นเพิง’ ส่ายหน้าถ่อมตน แต่ดูจากรอยยิ้มของเขา บอกได้เลยว่าเขาชื่นชอบขณะที่มีคนชื่นชม
” โอ้ ยังมีอีกคนที่แข็งแกร่ง พอๆ กับสหาย ‘เวิ้น’ ในรุ่นเยาว์ของนครทอง – ม่วง “
ได้ยินเช่นนั้นทุกคนต่างประหลาดใจ
” ทุกคน จำได้ไม๊ว่าท่านเจ้าเมืองมีลูกสาวคนโตคนหนึ่ง ‘เฉิน หว่านชิง’ นางเข้าสู่อาณาจักรกำเนิดวิญญาณเมื่อนเร็วๆ นี้ และได้กลายเป็นศิษย์หลักของสำนัก หลิง – หยุน “
‘เวิ้นเพิง’ ค่อนข้างตื่นตระหนก
” จริงๆ แล้วเราก็ได้ยินข่าวนั้นมาเมื่อเร็วๆ นี้เหมือนกัน เราคิดว่าข่าวนั้นไม่ผิดแน่ “
เจ้า 2 ตัว ที่เยาะเย้ย ‘ชูเฟิง’ ก่อนหน้านี้พูด เขาเป็นศิษย์ฝ่ายในของสำนัก ‘หลิง – หยุน’ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในสำนักเป็นอย่างดี
” งั้นก็หมายความว่ามันเป็นเรื่องจริงสินะ!!! “
ในตอนนั้น ทุกคนต่างพากันตกใจ สำนัก ‘หลิง – หยุน’ เป็นสำนัก #1 ในอาณาจักร มังกรฟ้า การที่นางได้เป็นศิษย์หลักของสำนักนั้น หมายความว่านางเป็นความภาคภูมิใจของ นครทอง – ม่วง นางอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าพวกเขาหากเทียบกันแล้วพวกเขาไม่สามารถเทียบนางได้เลย
แม้ว่า ‘หว่าน เวิ้นเพิง’ จะเป็นศิษย์หลักของสำนักแนวหน้า แต่ไม่สามารถเทียบกับศิษย์หลักของสำนัก ‘หลิง – หยุน’ ได้
” ข้ารู้ดีว่า ‘เฉิน หว่านชิง’ นั้นแข็งแกร่ง ตั้งแต่มารดาของนางเสียชีวิตเมื่อหลานปีก่อน ด้วยความเสียใจ นางไม่ได้กลับมายัง นคร ทอง – ม่วง อีกเลย ในเวลาหลายปีนั้นนางคงจะจมอยู่กับความเสียใจ นางคงไม่มาเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ บางทีนางอาจจะตัดความสัมพันธ์กับ นครทอง – ม่วงไปแล้วก็ได้ “
บางคนถอนหายใจออกมาและกล่าว
” ใครบอกว่าเราจะไม่กลับ!!! “
ในตอนนั้นมีเสียงที่เกรี้ยวกราดดังเข้ามาในห้องโถง หญิงสาวที่ยืนหน้าทางเข้าห้องโถงจ้องมองทุกคนอย่างเย็นชา ด้านหลังของนางมี ‘เฉิน ฮุ้ย’ และองครักษ์ยืนอยู่ ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา คนๆ นั้นคือ ‘เฉิน หว่านชิง’ ที่ทุกคนนินทาเมื่อกี้อย่างแน่นอน
” นั้น . . . . . . . “
เมื่อเห็น ‘เฉิน หว่านชิง’ ชายหนุ่มที่นินทานางกับทุกคน ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
” ‘หว่านชิง’ เป็นเจ้าเอง จำได้ข้าได้ไม๊ หว่าน เวิ้นเพิง ? “
เมื่อเห็นนาง ‘เวิ้นเพิง’ ทำความปัดเสื้อผ้าของเขาและเดินเข้าไปใกล้ๆ นาง ก่อนหน้านี่ที่เขาพบ เฉิน หว่านชิง นางยังดูเป็นเด็กๆ แต่เมื่อพบนางในครั้งนี้ นางกับโตขึ้นเป็นหญิงงาม สิ่งที่เปลี่ยนไปจนดูแปลกตาก็คือใบหน้าของนาง นางช่างดูซึนเดเระเป็นอย่างมาก
” ท่านเจ้าเมือง ระยะทางไปเมืองวิหค เพลิง ค่อนข้างยาวไกล เมื่อไหร่จะออกเดินทาง!!! เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็ต้องตกใจ นางไม่เพียงไม่สนใจ ‘หว่าน เวิ้นเพิง’ แต่นางยังพูดกับพ่อของนางห้วนๆ อีก”
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้น ‘เฉิน ฮุ้ย’ ได้แต่หัวเราะแห้งๆ จากนั้นเขาก็ไปได้จัดเตรียมรถม้าให้ชูเฟิง และคนอื่นๆ เพื่อออกเดินทางไปยังเมือง วิหค เพลิง
ณ. เวลานั้น ‘หว่าน เวิ้นเพิง’ เขาทำหน้าแบบลอยๆ ขณะยืน งง โดยไม่รู้ว่าจะทำยังไง เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่า ‘เฉิน หว่านชิง’ จะทำกับเขาเช่นนี้
” ฮ่าๆ แม่นางคนนี้ช่างหยิ่งยโสจริงๆ ยังไงก็ตามนางก็คงมีเหตุผลเพื่อรักษาความภาคภูมิใจของนาง “
‘ชูเฟิง’ คิดในใจ
เห็นเช่นนั้น ‘ชูเฟิง’ ถึงกับยิ้มออกมาเบาๆ เพราะเขาสามารถบอกได้เลยว่า ‘เฉิน หว่านชิง’ มีพลังวิญญาณอยู่ในอาณาจักรกำเนิดวิญญาณระดับ 2 ความแข็งแกร่งของนางดูแตกต่างจากคนทั่วๆ ไป อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยพบในสำนัก มังกรฟ้า
หลังจากนั้น ‘เฉิน ฮุ้ย’ ก็นำรถมาเข้ามา 10 สายตาทุกคนต่างจับจ้องในความหรูหราของมัน ภายในรถเต็มไปด้วยอาหารน่าทานมากมาย เหมือนกับว่า ‘เฉิน ฮุ้ย’ ต่างให้ความสำคัญกับพวกเขามาก
แต่หลังจากที่ตรวจสอบรายละเอียดในสิ่งที่เขาทำ ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ หลังจากนั้นรถม้าทั้ง 10 ก็ออกเดินทางหลายพันลี้ เพื่อเข้าร่วมการประลอง แต่สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ไม่รู้คืออะไร
หากมีคนใดคนหนึ่งในกลุ่มของเขาได้เป็นผู้ชนะเลิศ เขาจะมีชื่อเสียงและอำนาจในอาณาจักรมังกรฟ้าอย่างมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นครทอง – ม่วง ที่จะสนใจตัวเขา บางทีเมือง วิหค เพลิง อาจจะดึงตัวเขาไว้เลยก็ได้
แม้ ‘เฉิน ฮุ้ย’ จะเป็นถึงเจ้าเมือง แต่เขาคงไม่กล้าขัดใจแน่ๆ เขาคงได้แต่ประจบประแจงเพื่อเป็นผลดีต่อพวกเขาซะมากกว่า
ภายใต้การคุ้มกันของเหล่าองครักษ์ของ นครทอง – ม่วง ที่นำรถม้าทั้ง 10 มุ่งหน้าไปยังเมือง ‘วิหค เพลิง’ ในอีก 5 วันต่อมา พวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงจุดหมาย
เมือง ‘วิหค เพลิง’ ถูกสร้างขึ้นในพื้นที่ส่วนบนของยอดเขา ไม่ได้หรูหราอย่างที่คิด มันดูเป็นเมืองเก่าๆ และเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเก่าแก่โบราณ
ความแข็งแกร่งของ เมือง ‘วิหค เพลิง’ ใกล้เคียงกับสำนัก # 2 สำนักมังกรฟ้า แต่ในเรื่องของสถานะตำแหน่ง หรือ จุดยืน พวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่า สำนัก # 1 เลย เหตุผลก็เป็นเพราะว่าพวกเขาอยู่ใต้ความคุ้มกันของราชวงค์เจียง
ดังนั้น ต่อให้พวกเขาจะเป็นอัจฉริยะมาจากไหน พวกเขาก็ต้องคำนึงถึงจุดยืน และต้องแสดงความเคารพขณะที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ของเมือง’ วิหค เพลิง’ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับ เมือง วิหค เพลิง เอาไว้
ถ้าเทียบกับเมืองอื่นๆ ทั้งหมด แน่นอนว่าพวกเขาไม่กลัว เมือง วิหค เพลิง ที่พวกขากลัวจริงๆ คือ ราชวงค์เจียง ที่หนุนหลังเมืองแห่งนี้ ตะกูลสัตว์ประหลาดที่ปกครอง 9 อาณา
เขตภายใน เมือง วิหค เพลิง มีพื้นที่กว้างใหญ่รอบๆ เต็มไปด้วยที่อยู่อาศัย ขณะนั้นมีผู้คนมารวมตัวกันอยู่มากมาย พวกเขาคือตัวแทนที่มาจากเมือง 20 เมือง
พวกองครักษ์ของ เมือง วิหค เพลิง ต่างต้อนรับพวกเขาลงจากรถม้าอย่างระมัดระวัง ศิษย์จากสำนักต่างๆ ทั้วทุกสารทิศ ใส่ผ้าที่พวกเขาสวมใส่แตกต่างกันไป พวกเขาเดินมารวมตัวกัน ณ ใจกลางเมือง
” โอ้ว นั้นมัน เฉิน ฮุ้ย ไม่ใช่หรอ “
กลุ่มของคนที่ทัก ‘เฉิน ฮุ้ย’ ต่างพาคนเดินเข้ามา เขามีติ่งหูที่ยาวใหญ่รูปร่างท้วม เขาคือ เจ้าเมืองสาขาย่อยเหมือนกับ ‘เฉิน ฮุ้ย’ ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะมีความขัดแย้งกัน
กลุ่มคนหนุ่มสาวด้านหลังของชายอ้วน ทั้งหมดพวกเขาทำสีหน้าที่หยิ่งผยองเหมือนกับไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา บางคนทำหน้าไม่สนใจเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
” มีปัญหาอะไร ? “
‘เฉิน ฮุ้ย’ ขมวดคิ้ว ชายหญิงด้านหลังชายอ้วนทั้ง 10 คน ดูจากชุดของพวกเขานั้นมาจาก สำนัก หลิง – หยุน ในหนึ่งกลุ่มของพวกเขามีหนึ่งคนที่เป็น ศิษย์หลัก ดังนั้นพวกเขาจึงมีท่าทีโอ้อวด
” พูดอะไรเช่นนั้น เรารู้จักกันมานาน เรานั้นไม่มีปัญหาอะไรหรอก แค่มาทักทายเจ้าเท่านั้น “
ชายอ้วนยิ้มและหลับตาลง จากนั้นเขาก็เริ่มประเมินชูเฟิง และคนอื่นๆ แต่เขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นคนด้านหลังของ ‘เฉิน ฮุ้ย’ นางคือ ‘เฉิน หว่านชิง’ ที่ยืนทำหน้าแสนจะเย็นชา เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ขมวดคิ้วลงเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ
เขาคิดเสมอว่าเขาได้เชิญเหล่าอัจฉริยะที่แข็งแกร่งมา และต้องการใช้จุดนี้ ข่ม ‘เฉิน ฮุ้ย ‘พร้อมกับหาโอกาสเยาะเย้ยเขา แต่มันไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง ‘เฉิน ฮุ้ย’ ก็มีศิษย์หลักจากสำนัก ‘หลิง – หยุน’ เช่นกัน ดังนั้นเขาต้องหยุดความคิดที่จะเยาะเย้ย
ยังไงก็ตาม เมื่อสายตาของเขามองมาที่ ‘ชูเฟิง’ จู่ๆ เขาก็ทำหน้าตาแบบได้เรื่องแล้ว และกล่าว
” ‘เฉิน ฮุ้ย’ เจ้าไม่มีคนอื่นที่มีความสามารถใน นครทอง – ม่วง แล้วหรอทำไมถึงได้เอาศิษย์ของสำนักมังกรฟ้ามาไว้ที่นี่ ? “
” เจ้าคงไม่มีคนดีๆกว่านี้อยู่ใน นครทอง – ม่วงแล้วสินะ เอาไม๊ข้าให้ยืมคนของข้า สองคน ฮ่าฮ่า . . . .”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังเหมือนกับจงใจให้คนรอบข้างได้ยิน แน่นอน ว่าคำพูดเหล่านั้นที่กล่าวออกมาคนรอบๆต่างพากันได้ยิน และพวกเขาก็หันมามอง จากนั้นพวกเขาก็ใช้รอยยิ้มที่ดูถูกมองมาที่ ‘ชูเฟิง’ ในสถานการณ์เช่นนั้น เขาสามารถเดาได้เลยว่าพวกเขากำลังนินทาว่าอะไร คงจะไม่พ้น ว่าศิษย์จากสำนัก # 2 มาร่วมงานประลองนี้ได้ยังไง
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้น ‘เฉิน ฮุ้ย’ ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรต่อ ถ้าไม่ใช่เพราะคำขอของ ‘ซูรู่’ เขาคงไม่คิดจะเชิญ ชูเฟิง มาเข้าร่วมแม้แต่น้อย ซึ่งเขามีตัวเลือกจากสำนักต่างๆ อยู่อีกมากมาย ทำไม นครทอง – ม่วง ถึงต้องเอาสำนัก # 2 มาใช้ด้วย ใบหน้าของเขาในตอนนี้เริ่มไม่ค่อยดี
” พวกท่านกล้าดูถูกคนที่มาจากสำนักมังกรฟ้าเช่นนั้นหรอ ? “
ในตอนนั้น เสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นมา เมื่อหันไปมอง ทุกคนถึงกับหน้าเสีย พวกเขาเห็นแม่นางสองคนที่แสนงดงามค่อยๆเดินเข้ามา บนตัวของพวกนางสวมชุดของสำนัก # 2
” สำนัก มังกรฟ้า “
ให้ทายใคร . . . . ตอบถูกแปลอีกตอน
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . .
ที่มา: