ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปม่อเสียไม่เคยหวาดกลัวหนานกงหลิงที่กำลังโกรธเกรี้ยวขนาดนี้มาก่อน เขาต้องคิดให้ดีก่อนว่าจะพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงโค้งคำนับและกล่าว: “ท่านประมุข ข้าม่อเสียขอยอมรับผิด”
ถึงแม้ว่าม่อเสีย และม่อช่างหลานจะมีอำนาจมากภายในนิกายหยุนไห่ แต่หนานกงหลิงเป็นถึงประมุขนิกาย หนานกงหลิงโกรธเพราะการกระทำของม่อเสีย ทำให้ม่อเสียไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับความผิดของตัวเอง
“บางทีข้าอาจจะอวดดี และหยิ่งผยองเกินไป…ถึงได้ทำตัวไม่สุภาพต่อท่านประมุขเช่นนี้….” ม่อเสียกล่าวขณะที่กล่าวดูถูกตัวเอง และทำให้ตัวเองดูต่ำต้อย
เมื่อหนานกงหลิงเห็นม่อเสียยอมรับความผิดของตัวเอง ทำให้เขาเริ่มที่จะใจเย็นลง เขาจ้องมองไปที่ม่อเสียอย่างเย็นชา และพูดว่า: “ตั้งแต่ที่เจ้ายอมรับความผิดของตัวเอง ถ้างั้นก็ลืมๆมันไปเถอะ ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ครั้งหน้าข้าจะไม่ให้โอกาสเจ้าอีกแล้ว”
“บนลานประลองศิษย์ที่ชื่อ อวี๋ฮ่าวเป็นคนเริ่มยั่วยุหลินเฟิงก่อน เขาข่มขู่ว่าจะทำลายการบ่มเพาะพลัง แขนและขาของหลินเฟิง เขาประสงค์ร้าย และมีเจตนาที่โหดร้ายต่อหลินเฟิง แต่เรื่องนี้มันดันเกิดขึ้นกับตัวเอง”
“แต่ท่านประมุข…” ม่อเสียต้องการเปิดปากพูดอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมหนานกงหลิงถึงโกรธมากขนาดนี้
“หืม?” หนานกงหลิงมองไปที่ม่อเสียอย่างโกรธเกรี้ยว ม่อเสียลืมความคิดที่จะถามก่อนหน้านี้ออกไปทันที และบังให้ตัวเองให้พูดว่า: “ท่านประมุข ท่านเป็นคนที่ฉลาดล้ำเลิศมาก”
หนานกงหลิงไม่ค่อยสนใจคำพูดที่ม่อเสียพูดมากนัก จากนั้นเขาก็มองไปที่หลินเฟิงและกล่าว: “เจ้าชื่ออะไร?”
หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นมองไปที่หนานกงหลิง ในตอนนี้เขาดูสงบเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ
“หลินเฟิง”
“หลินเฟิงงั้นรึ ดี ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์ภายในของนิกายหยุนไห่แล้ว” หนานกงหลิงประกาศ หนานกงหลิงรู้สึกประทับใจความสามารถ และการกระทำของหลินเฟิงมาก เขาถึงกับถามชื่อของหลินเฟิงด้วยตัวเอง และแต่ตั้งหลินเฟิงเป็นศิษย์ภายใน ซึ่งศิษย์คนอื่นๆมากมายคงไม่มีสิทธิพิเศษเช่นนี้
หลินเฟิงยิ้มจนหน้าบาน รอยยิ้มของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ รอยยิ้มของเขาราวกับประสบความสำเร็จบางอย่าง
“เฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถทำให้คนอื่นเคารพนับถือได้”
หนานกงหลิงไม่ลืมว่าครั้งหนึ่งหลินเฟิงเคยกล่าวประโยคนี้ ในขณะนี้หลินเฟิงได้แสดงพลังอันแข็งแกร่งของเขาต่อหน้าทุกๆคนได้เห็น
ม่อเสียเคยพยายามส่งตัวหลินเฟิงให้กับฉู่จั่นเผิง เขาไม่ได้เข้าไปยุ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เขาคิดว่าศิษย์ธรรมดาไม่ควรสร้างข้อพิพาทระหว่างผู้อาวุโส ดังนั้นเขาจึงเฝ้ามองอยู่เฉยๆ
แต่คราวนี้มันแตกต่างกัน ม่อเสียต้องการสังหารหลินเฟิงอีกครั้ง และหนานกงหลิงก็หยุดเขา มันเป็นเพราะหลินเฟิงได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง และพิสูจน์ตัเองโดยการกลับมาพร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ในตอนนี้หนานกงหลิงได้รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ หน้าผาจ้านกู้แล้ว ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับหลินเฟิงมาก ผู้พิทักษ์เป๋ยได้บอกเขาในตอนที่ผู้พิทักษ์เป๋ยพยายามฆ่าม่อเสีย แต่หนานกงหลิงกับช่วยเขา แล้วถ้าม่อเสียยังเห็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่มากพรสวรรค์เช่นนี้เป็นศัตรูอีกเขาจะทำยังไง?
แต่…นั่นเพียงพอสำหรับหลินเฟิงแล้วหรือ?
แน่นอนว่าไม่ หลินเฟิงจะปล่อยให้คนที่พยายามสังหารเขา และตอบโต้เพียงแค่ตบหน้าเฉยๆเท่านั้นหรือ?
เมื่อสัตว์อสูรบุกเข้ามาโจมตีนิกาย ม่อเสียได้ผลักดันหลินเฟิงเข้าไปหาพวกมันอย่างไม่ลังเล หลินเฟิงยังไม่ไว้วางใจหนานกงหลิงมากนัก หนานกงหลิงอาจจะมองข้ามเหตุการณ์พวกนี้ และทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกครั้งก็เป็นได้?
เมื่อตะกี้นี้ต่อหน้าทุกๆคน ม่อเสียต้องการสังหารหลินเฟิงอีกครั้ง และหนานกงหลิงก็เห็นการกระทำของม่อเสียด้วยตาตัวเอง
หนานกงหลิงจะลงโทษม่อเสีย? ทุกๆอาจจะรู้สึกว่าหนานกงหลิงกำลังลงโทษม่อเสีย แต่ในสายตาของหลินเฟิง เขาเพียงแค่ทำให้ม่อเสียอับอายขายหน้าเท่านั้น หนานกงหลิงพยายามทำให้หลินเฟิงพึ่งพอใจ และพยายามให้หลินเฟิงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเขา เพื่อให้เขารับใช้นิกาย?
หลินเฟิงไม่เคยเป็นเบื้ยล่างของใคร นี่เป็นชีวิตที่สองของเขา และเขาเกือบจะถูกฆ่าตายเพราะฝีมือของม่อเสียมากมายหลายครั้ง เพียงแค่คำพูดของหนานกงหลิงก็ถือว่าเป็นการทำโทษม่อเสียแล้วหรือ? แน่นอนมันยังไม่เพียงพอ ผู้อาวุโสก็คือผู้อาวุโส ศิษย์ธรรมดาก็คือศิษย์ธรรดมา เพราะหลินเฟิงได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าเขาเป็นอัจฉริยะ ทำให้ตอนนี้เขาได้เป็นศิษย์ภายในแล้ว
“มีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะแก้ปัญหานี้ได้ ถ้าม่อเสียยังคงอยู่ในนิกาย ข้าก็จะออกจากนิกายและเดินทางตามเส้นทางของตัวเอง แต่ถ้าม่อเสียถูกขับไล่ออกจากนิกาย ข้าก็ยังคงอยู่ที่นี่”
หลินเฟิงคิด เขารู้ว่าหนานกงหลิงต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่งอยู่ ถ้าหนานกงหลิงเลือกเขา หลินเฟิงก็จะอุทิศชีวิตของเขาให้แก่นิกาย แต่ถ้าหนานกงหลิงเลือกม่อเสีย หลินเฟิงไม่เพียงแต่จะออกจากนิกายเท่านั้น วันใดวันหนึ่งเขาจะกลับมาแก้แค้น…เพราะความเกลียดชังที่หลินเฟิงมีต่อม่อเสียมันไม่มีทางยกโทษให้อภัยได้ ถ้านิกายหยุนไห่เลือกม่อเสียมากกว่าหลินเฟิง หลินเฟิงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากออกจากนิกาย
หลินเฟิงไม่ได้พูดในสิ่งที่เขาคิด เขาหวังว่าหนานกงหลิงจะเลือกเขา นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความขุ่นแค้นของหลินเฟิงกับม่อเสีย ระหว่างการทดสอบเป็นศิษย์ภายใน หลินเฟิงได้วางแผนไว้แล้วว่าจะจัดการกับม่อเสียอย่างไร
หลินเฟิงก้าวลงจากเวทีประลอง และเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง ก้าวเดินแต่ละก้าวของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความหนักแน่น
หนานกงหลิงกำลังจ้องมองไปที่นัยน์ตาของหลินเฟิง และคิดว่าหลินเฟิงดูลึกลับมาก ไม่แปลกเลยที่จะมีศิษย์รุ่นเยาว์จะมีความลับบางอย่างและมีพรสวรรค์พิเศษมากมายขนาดนี้
****************************************************
“ทั้งแข็งแกร่ง และดูลึกลับ”
“ถ้าข้าแข็งแกร่ง ข้าคงจะทำแบบเดียวกับเขา”
“หลินเฟิง….ข้าจะจดจำชื่อของเจ้าไว้”
“เจ้าจะจดจำชื่อของหลินเฟิงไปทำไม? เขาไม่รู้จักเจ้า เขากับพวกเราแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พวกเราเป็นเพียงแค่ศิษย์ธรรมดา แม้แต่เฉินเฉินที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดยังไม่สามารถเทียบกับหลินเฟิงได้เลย”
“ไม่มีศิษย์ธรรมดาคนใดแข็งแกร่งเทียบเท่าเขา หลินเฟิง และเฉินเฉิน พวกเขาอยู่ในโลกที่แตกต่างจากพวกเราอย่างสิ้นเชิง”
ศิษย์สองคนกำลังพูดคุยกันเสียงดังท่ามกลางหมู่ศิษย์ แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามีคนๆหนึ่งโกรธหลังจากได้ยินบทสนทนา คนๆนั้นคือเฉินเฉินผู้ที่เป็นศิษย์ธรรมดาอันดับหนึ่ง เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่เคยยั่วยุหลินเฟิงในหอดวงดารา และได้รับความอับอายจากหลินเฟิง
“ข้าเป็นศิษย์ธรรมดาที่แข็งแกร่งที่สุด”
เฉินเฉินกำลังนึกคิดคำพูดที่เขาเคยพูดคุยกับหลินเฟิงในหอดวงดารา ไม่มีที่ไหนที่เฉินเฉินสามารถหลบความอับอายขายหน้าจากคำพูดที่เขากล่าวกับหลินเฟิงได้ แม้ว่าศิษย์ทั้งสองคนนั้นจะพูดจาไร้สาระ แต่มันก็เป็นความจริง เฉินเฉินไม่สามารถเทียบเคียงกับหลินเฟิงได้
อวี๋ฮ่าวที่เป็นศิษย์ภายใน และมีจิตวิญญาณแห่งดาบ เขายังถูกหลินเฟิงฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“บางทีเขาอาจจะลืมเรื่องของข้าไปแล้วก็ได้” เฉินเฉินคิด เขารู้สึกสิ้นหวังขณะพยายามปรับตัวทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของเขา เขากลัวว่าหลินเฟิงจะกลับมาฆ่าเขา
หลินเฟิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเฉินเฉินเลยแม้แต่น้อย และเขาก็ลืมเรื่องนั้นไปแล้วจริงๆ ศิษย์ธรรมดาที่พูดย้ำๆว่าตัวเองเป็นศิษย์ธรรมดาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่ศิษย์ธรรมดาอาจมีขีดจำกัดความสามารถทางจิตใจ
“เจ้า…เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ!” หานหมานกล่าวขณะมองหลินเฟิง หลินเฟิงคิด ทำไมหานหมานถึงดูกระตือรือร้นเสมอ?
“หลินเฟิงความแข็งแกร่งของเจ้ามันน่าเหลือเชื่อจริงๆ” จิ้งยวิ๋นกล่าวด้วยความประทับใจ นางสงสัยว่าหลินเฟิงฝึกฝนอย่างไรกันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ และนางก็หวังอยู่ลึกๆว่าจะมีโอกาสได้ฝึกฝนร่วมกับหลินเฟิง
เหล่าศิษย์ที่อยู่รอบๆกลุ่มของหลินเฟิงต่างอิจฉาหานหมาย จิ้วหยวิ๋น และพั่วจวิน ทั้งสามคนล้วนเป็นศิษย์ธรรมดา แต่พวกเขากลับสนิทสนมกับหลินเฟิง พวกเขาคิดว่าเขาอาจจะได้ผลประโยชน์บางอย่างหากได้เป็นสหายกับหลินเฟิง พวกเขารู้สึกเศร้าใจมากที่ไม่ได้พบเจอหลินเฟิงเร็วกว่านี้!
หลินเฟิงยักไหล่ และถามหานหมานด้วยรอยยิ้ม: “เมื่อไหร่เจ้าจะขึ้นไปต่อสู้บนเวทีประลอง?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีใครกล้าขึ้นไปบนเวทีเพราะการแสดงของเจ้า ดูเหมือนตอนนี้จะถึงเวลาของข้าแล้ว” หานหมานกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ก้าวเดินขึ้นไปบนลานประลองแห่งชีวิต
เพราะหลินเฟิงได้สร้างความโกลาหลขึ้นเมื่อเขาปลดปล่อยพลัง ทำให้หานหมานรู้สึกกดดันน้อยลง ทุกๆคนที่อยู่รอบๆเวทีต่างรอดูว่าหมานหมานจะทำอะไรหลังจากเขาก้าวขึ้นไปบนเวทีประลอง
เมื่อหานหมานก้าวขึ้นไปบนเวทีประลองทำให้ฝูงชนรู้สึกตกใจมากขึ้น และคิดว่าหานหมาน กับหลินเฟิงดูบ้าบิ่นพอๆกัน แม้แต่หลินเฟิงก็ยังตกใจ เขาช่างเป็นชายที่กล้าหาญอะไรเช่นนี้……..
“จะใครก็ได้ที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่หนึ่งมีใครต้องการสู้กับข้าไหม?”
หานหมานยืนอยู่บนเวที ขณะถามฝูงชน เขาประกาศอย่างโฉ่งฉางทำให้ทุกคนต่างพูดไม่ออก เขาเป็นคนอวดดี หรือว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงอีกคนกันแน่
หลินเฟิงได้ท้าทายศิษย์ภายในสองคนในเวลาเดียวกัน แต่เขารู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ และเลือกฝ่ายตรงข้ามด้วยตัวเอง หานหมานเป็นคู่แข่งของหลินเฟิง เขาไม่รู้จักศิษย์ภายในสักคน และท้าทายทุกคนถ้าพวกเขาต้องการต่อสู้กับเขา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเครั้งนี้ถือป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของนิกายหยุนไห่นับพันปี
หลินเฟิงถึงกลับพูดไม่ออกขณะจ้องมองไปที่หานหมานอย่างตกใจ และรู้สึกงงงวยกับการกระทำของหานหมาน
“ฮิฮิฮิฮิ” จิ้งยวิ๋นไม่สามารถอดกลั้นที่จะขำ และนางก็หัวเราะออกมา
บรรยากาศรอบๆเวทีประลองตกอยู่ในความเงียบอย่างสมบูรณ์อยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะมีศิษย์ภายในคนหนึ่งก้าวขึ้นไปยังเวทีประลอง และกล่าว: “ก็ได้ ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง”
“ขอบคุณ ข้าชื่อหานหมาน”
“ข้า หวังหาน”
“เพื่อไม่ให้เสียเวลา พวกเรามาเริ่มต่อสู้กันเถอะ” หานหมานพูดพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
ทันใดนั้นพลังปราณอันแข็งแกร่งปรากฏขึ้นมาจากพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของหานหมาน เพียงพริบตาร่างกายของหานหมานก็เปลี่ยนแปลงไป ร่างของเขาถูกปกคลุมไปชั้นหิน และดิน ในขณะที่หานหมานอยู่บนลานประลองแห่งชีวิตแห่งนี้ เขารู้สึกราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับพื้นปฐพี และพื้นปฐพีก็เป็นหนึ่งเดียวกับเขา เขาได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับพื้นปฐพีอย่างสมบูรณ์ และมันก็เป็นส่วนหนึ่งของพลังของเขา
“ตู้มมมมมมมมม!!!”
หานหมานก้าวเดินไปข้างหน้า ทำให้ลานประลองสั่นสะเทือน เหล่าศิษย์ที่กำลังชมการต่อสู้อยู่บางคนก็ตื่นเต้น บางคนก็หวาดกลัว หานหมานพุ่งชนหวังหานราวกับหวังหานกำลังถูกบดขยี้
“เขาสามารถควบคุมอำนาจของพลังของตัวเองได้!” หนานกงหลิงคิด ขณะที่ดวงตาของเขาเป็นประกาย เขารู้สึกตกใจ และรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ไม่แปลกเลยที่หลินเฟิงสามารถใช้อำนาจของดาบได้ แต่ศิษย์ธรรมดาใครก็ไม่รู้ก็สามารถทำได้เช่นกัน แม้ว่าเขาจะพึ่งพาจิตวิญญาณของตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถเทียบเท่าได้กับหลินเฟิง แต่เขาสามารถใช้และควบคุมพวกมันได้อย่างน่าอัศจรรย์ เขามีความสามารถพอที่จะเป็นอัจฉริยะอีกคนหนึ่งในนิกาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ ยอดเยี่ยมๆ นิกายหยุนไห่ไม่เคยมีศิษย์รุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาหลายปีแล้ว และตอนนี้กลับมีอัจฉริยะทั้งสองคนปรากฏตัวพร้อมกัน ”
หนานกงหลิงมีความสุขมากภายในใจของเขา ที่พบศิษย์อัจฉริยะเช่นนี้ถึง 2 คน พวกเขาจะต้องทำให้นิกายหยุนไห่ของเขามีชื่อเสียงมากมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน ภายใต้การปกครองของเขา
*******************************************************************************************************
ปล. ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปจะลงนิยายดึกๆหน่อยนะคับ เพราะมหาลัยเพิ่งเปิดเทอมคับ แต่จะพยายาลงนิยายทุกวัน วันละ 1 ตอนนะคับ