I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 69 โกรธเกรี้ยว

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

หนานกงหลิงมีความสุขอย่างมาก กลับกันใบหน้าของม่อเสียบิดเบี้ยวราวกับปีศาจ

 

” ไอเด็กนั่นโดนเด่นเกินไป… ข้าต้องรีบสังหารมันก่อนที่มันจะเติบโตไปมากกว่านี้” ม่อเสียคิดอย่างชั่วร้าย หลินเฟิงทำให้เขาอับอายแม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะแต่เขาจะต้องตาย ม่อเสียจะไม่ยอมให้หลินเฟิงเติบโตไปมากกว่านี้

 

ใบบรรดาฝูงชน หานหมานรู้สึกผ่อนคลายอย่างมากและยิ้ม “เขายังคงแข็งแกร่งเช่นเคย และยังคงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”

 

เมื่อหานหมานเห็นว่าหลินเฟิงแข็งแกร่งกว่าตน เขามีความสุขอย่างมากกับน้องชายร่วมสาบานของเขา

 

จิ้งยวิ๋นที่ยืนข้างหานหมานปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุขบนใบหน้า นางดูราวกับดอกบัวที่เบ่งบาน รอยยิ้มของนางช่างบริสุทธิ์และไร้เดียงสามันสามารถสร้างความหลงใหลให้กับผู้คนที่พบเห็น

 

พั่วจวินจ้องมองขึ้นไปบนเวทีด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงทำให้ข้าหวั่นเกรงเช่นนี้… เขาทรงพลังยิ่งนัก”

 

บนลานประลองแห่งชีวิต ใบหน้าของอวี๋ฮ่าวแปรเปลี่ยนไป หน้าของเขาซีดขาวราวกับซากศพ

 

“แม้ว่าเจ้าจะมีจิตวิญญาณแห่งดาบ แต่เจ้าก็ยังไม่เข้าใจพื้นฐานของดาบเสียด้วยซ้ำ”

 

หลินเฟิงทำลายศักดิ์ศรีและเกียรติยศของอวี๋ฮ่าว เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเห็นด้วยกับคำพูดดั่งกล่าวและไม่ใช่เพียงเขาคนเดียว ทุกคนที่เฝ้ามองอยู่ต่างเห็นด้วยเช่นกัน อวี๋ฮ่าวยังไม่เข้าใจพื้นฐานของดาบจริงๆ เมื่อเทียบกับหลินเฟิงแล้วดาบที่เขาถือเปรียบเสมือนเพียงแค่ของเล่น

ใครกันที่กล่าวว่าเฉพาะผู้ที่ครอบครองจิตวิญญาณแห่งดาบเท่านั้นที่จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้ดาบอย่างแท้จริง?

 

ร่องรอยของปราณดาบที่โผล่มาข้างหลังของอวี๋ฮ่าวหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันกำลังพังทลายลงทุกครั้งที่เขาปลดปล่อยมัน การควบคุมพลังเหมือนกับที่เขาทำ หลินเฟิงไม่ได้ใช้พลังมากนักแต่ปราณดาบที่เขาปลดปล่อยออกมาช่างทรงพลังอย่างยิ่ง

 

” ข้ายอมแพ้… เจ้ากลายเป็นศิษย์ภายในแล้ว “

 

อวี๋ฮ่าวกำลังกล้ำกลืนแต่สุดท้ายเขาก็พูดคำเหล่านี้ออกไป เขารู้สึกราวกับว่าได้รับความอัปยศอย่างแท้จริงและกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าฝูงชนเพราะความหยิ่งยโสของตัวเอง

 

” ยอมแพ้? “

หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา คิดหรือว่ามันจะจบง่ายๆ?

 

เมื่ออวี๋ฮ่าวคิดว่าชัยชนะจะต้องเป็นของเขาแน่นอน เขาจะเอาชนะหลินเฟิงได้อย่างง่ายดายและยังต้องการที่จะทำลายการบ่มเพาะของหลินเฟิงแถมยังจะหักแขนและขาให้ตายทั้งเป็น… มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หลินเฟิงจะปล่อยเขาไปง่ายๆ

 

ในขณะที่อวี๋ฮ่าวพบว่าเขาไม่สามารถที่จะต่อกรกับหลินเฟิงได้ เขาคิดแค่ว่าเพียงหนึ่งประโยคจะเพียงพอที่จะลบล้างความเกลียดชังระหว่างพวกเขา เขาคิดจริงๆหรือว่ามันเพียงพอ?

 

แน่นอนว่าหลินเฟิงต้องไม่คิดเช่นนั้น

 

“ข้าจำเป็นต้องยอมรับหรือไม่?” หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้า แรงกดดันจากดาบยิ่งทวีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มันกดทับร่างของอวี๋ฮ่าวจนทำให้เขาหายใจไม่ออก

 

“ข้ายอมแพ้แล้ว! เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”

 

ใบหน้าของอวี๋ฮ่าวบิดเบี้ยวไปด้วยความกลัว ไม่มีท่าทีว่าหลินเฟิงจะหยุดเดินเข้ามาใกล้

 

“ข้าต้องการอะไร? ง่ายมาก ข้าต้องการให้เจ้าทำกับตัวเองในสิ่งที่เจ้าเคยกล่าวกับข้าไว้” รอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าของหลินเฟิงทำให้อวี๋ฮ่าวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง หลินเฟิงต้องการให้เขาทำลายการบ่มเพาะและหักแขนขาของตัวเอง ราวกับว่าหลินเฟิงต้องการให้อวี๋ฮ่าวฆ่าตัวตาย

 

“นี่คือการทดสอบศิษย์ภายในของนิกายหยุนไห่ เจ้ากล้า?” อวี๋ฮ่าวตะโกน

 

“เจ้าอาจจะไม่กล้าฆ่าข้า แต่เชื่อได้เลยข้ากล้าที่จะฆ่าเจ้า”

 

หลินเฟิงตอบขณะเข้าไปใกล้อวี๋ฮ่าว ดาบของเขาสั่นเล็กน้อย ปราณดาบที่น่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายไปทั่วและพุ่งทะลวงผ่านอากาศไปยังอวี๋ฮ่าว

 

เพียงแค่คมดาบสังหารก็เพียงพอที่จะใช้เอาชีวิตของผู้อื่น ในพริบตาเลือดของอวี๋ฮ่าวสาดกระจายไปทั่วทุกที่ ร่างกายของเขาทรุดลงลานประลอง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ราวกับว่าเขาไม่เชื่อว่าหลินเฟิงจะกล้าสังหารเขาจริงๆ

 

“…………….” บรรยากาศเริ่มตึงเครียด เหล่าฝูงชนต่างลืมที่จะหายใจ รอบลานประลองกลายเป็นเงียบงันจนเกือบจะได้ยินเสียงหัวใจเต้น

 

หลินเฟิงสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับนิกายหยุนไห่ : เขาท้าทายและเอาชนะศิษย์ภายใน 2 คนในเวลาเดียวกัน เขายังสังหารหนึ่งในนั้นอย่างโหดเหี้ยม

 

หลินเฟิงฝ่าฝืนกฎของนิกายต่อหน้า ศิษย์และผู้อาวุโสทุกคนหรือแม้แต่ประมุขนิกายหนานกงหลิง เขาถึงกับสังหารคู่ต่อสู้ของเขาในการทดสอบศิษย์ภายใน

 

“โอหัง!”
เสียงตะโกนดังกระจายไปทั่ว ดูเหมือนว่ามันจะมาจากด้านบน ฝูงชนต่างประหลาดใจและรู้สึกเหมือนกับถูกปลุกให้ตื่นจากความฝัน

 

“ต่อหน้าทุกคนในนิกายหยุนไห่ เจ้าไม่เคารพกฏและประมุขนิกาย เจ้ามีความผิดแม้แต่ความตายก็ไม่สามารถชดใช้ได้!”

 

ฟังจากน้ำเสียง มันราวกับว่าคนผู้นั้นต้องการที่จะสังหารหลินเฟิงอย่างแท้จริง

 

เหล่าศิษย์ต่างเงยหน้าขึ้นและเห็นม่อเสีย บางคนยังมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเห็นม่อเสียพวกเขาก็เข้าใจในทันที ทั้งม่อเสียและหลินเฟิงต่างเป็นศัตรูกัน ม่อเสียยังคงต้องใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าหลินเฟิงยังคงอ่อนแอ เขาไม่สามารถที่จะปล่อยให้หลินเฟิงกลายเป็นบุคคลสำคัญและแข็งแกร่งกว่าตัวเองมิฉะนั้นเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงพยายามหาความผิดของหลินเฟิงและใช้มันสังหารเขา

 

หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นและใช้เวลาไม่กี่วินาทีเหลือบมองม่อเสีย จากนั้นไม่ได้ให้ความสนใจอีก

 

หลินเฟิงเพิ่งจะเข้าร่วมการทดสอบศิษย์ภายใน เขาก้าวขึ้นไปบนลานประลองและสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คน ท้าทายศิษย์ภายใน 2 คนในเวลาเดียวกัน เขายังสามารถใช้ปราณดาบและสังหารอวี๋ฮ่าวอย่างเลือดเย็น

 

เขาทำทั้งหมดนี่เพื่อหลอกล่อม่อเสีย!

 

หลินเฟิงให้โอกาสม่อเสียที่จะหาข้ออ้างในการสังหารเขา เขาหวังว่าม่อเสียจะใช้มันในการเผชิญหน้ากับเขา เห็นได้ชัดว่าถ้าหลินเฟิงไม่ทำแบบนี้ด้วยตัวเอง ม่อเสียก็คงมีแผนการชั่วร้ายที่จะสังหารเขา หลินเฟิงได้ส่งมอบตัวเองให้กับม่อเสีย นี่เป็นหนึ่งในแผนการของเขา

 

เมื่อม่อเสียเห็นว่าหลินเฟิงกล้าที่จะเมินเขา ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวอย่างมาก อย่างไรก็ตามในใจของเขายังคงเยาะเย้ย และตะโกนออกมา ” ทุกคนจงฟัง จับกลุ่มไอทรยศนี่ซ่ะ ถ้ามันขัดขืนก็ฆ่าได้เลย “

 

เมื่อฝูงชนได้ยินคำพูดของม่อเสียต่างก็ต้องผิดหวัง เขาเป็นคนที่ไร้ยางอายจริงๆ วิธีการของผู้อาวุโสช่างหน้าด้านและชั่วร้าย เห็นได้ชัดว่าเขาใช้อำนาจของเขาในนิกายจัดการกับเรื่องส่วนตัว

 

“ไอลูกหมา!” หานหมานสาปแช่ง ทุกคนได้ยินคำพูดของอวี๋ฮ่าว เขาต้องการที่จะทำลายการบ่มเพาะและหักแขนขาของหลินเฟิง จากนั้นก็ปล่อยให้เขาตายทั้งเป็น แต่เมื่อหลินเฟิงทวงความยุติธรรมของตัวเองกลับมาได้ กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศ

 

 

 

ใบหน้าของจิ้งยวิ๋นกลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธ แต่นางก็ยังกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลินเฟิง

 

” เพ้ย ผู้อาวุโสช่างไร้ยางอายยิ่งนัก น่ารังเกียจ!” หลิ่วเฟยสาปแช่ง

 

เงาบางส่วนพุ่งลงมาจากอากาศและตรงไปจับกุมหลินเฟิง

 

” หยุดเดี๋ยวนี้!! ” เสียงตะโกนที่ทรงพลังทำให้เงาที่ต้องการจับกุมหลินเฟิงหยุดชะงักในทันที คนที่หยุดพวกเขาก็คือ หนานกงหลิง

 

 

ฝูงชนหันกลับไปและจ้องมองไปยังหนานกงหลิง พวกเขาอยากจะรู้ว่าหนานกงหลิงจะทำอย่างไรต่อไป หรือเขาต้องการจะลงโทษหลินเฟิง?

 

“ท่านประมุข ศิษย์ทรยศคนนี้หยิ่งยโสและอวดดี มันไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา ท่านต้องลงโทษมัน เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่ศิษย์คนอื่นๆ”

 

ม่อเสียมาข้างๆหนานกงหลิงและโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อแสดงความนับถือด้วยความตั้งใจที่จะชักจูงเขา ม่อเสียเหลือบไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆหนานกงหลิงอย่างรวดเร็ว

 

“ผู้อาวุโสม่อเสียกล่าวได้ถูกแล้ว ศิษย์คนนั้นก้าวร้าวเกินไป เขาไม่ให้ความเคารพกฎของนิกายและยังสังหารศิษย์ด้วยกันเอง พวกเราจะต้องสังหารเขา”

 

“ท่านประมุขโทษของเขาคือความตาย เราควรจะรีบสังหารเขา”

 

ผู้อาวุโสบางส่วนกำลังสนับสนุนม่อเสียและม่อช่างหลานเองก็ทำหน้าที่เพื่อนิกายมานานกว่าหนานกงหลิง ในนิกายหยุนไห่ ผู้อาวุโสเหล่านั้นทั้งหมดอยากที่จะเอาใจม่อช่างหลานดังนั้นพวกเขาจึงใช้โอกาสเหล่านี้สนับสนุนลูกชายของเขา ม่อเสีย

 

หนานกงหลิงเงยหน้าขึ้น เขาจ้องมองไปที่ม่อเสียและผู้อาวุโสคนอื่นๆ จากนั้นก็กล่าวอย่างไม่แยแส “พวกเจ้าพูดจบหรือยัง?”

 

เหล่าผู้อาวุโสต่างมึนงง พวกเขาไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของหนานกงหลิง

 

“ม่อเสีย เจ้าเป็นประมุขนิกายหรือ? หรือว่าข้า หนานกงหลิงเป็นประมุขนิกายกันแน่?”

 

หนานกงหลิงถึงกับพูดไม่ออก และรีบกล่าวกลับไปว่า ” แน่นอนว่าต้องเป็นท่าน ท่านคือประมุขนิกาย ข้าไม่กล้า….”

 

เขาถูกขัดขังหวะอีกครั้ง

 

“แล้วสำหรับพวกเจ้าล่ะ ข้าเป็นประมุขนิกายหรือม่อเสียเป็นประมุขนิกายกันแน่?” หนานกงหลิงถามผู้อาวุโสที่สนับสนุนม่อเสีย

 

“แน่นอนว่าต้องเป็นท่าน” เหล่าผู้อาวุโสต่างตอบด้วยเสียงที่สั่นเครือ หนานกงหลิงเป็นคนยึดมั่นในความยุติธรรมและไม่ใช้อารมฌ์ในการแก้ปัญหา เขาไม่เคยพูดคุยกับเหล่าผู้อาวุโสในลักษณะนี้ แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธเป็นอย่างมาก

 

“โอ้…” หนานกงหลิงพยักหน้า ” เช่นนั้นข้าจะขอถามพวกเจ้า ใครคือผู้รับผิดชอบการทดสอบเป็นศิษย์ภายใน?”

 

“แน่นอนว่าต้องเป็นท่านประมุข!” ม่อเสียและผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างตอบอย่างพร้อมเพรียง หลังของพวกเขาถูกชโลมไปด้วยเหงื่อ พวกเขาเลือกสนับสนุนม่อเสียผิดเวลา

 

“พวกเจ้าทุกคนก็รู้นี่….. ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนรู้แล้ว ข้าอยากจะถามเจ้าม่อเสีย เจ้ากล่าวหาว่าศิษย์คนนี้ไม่ให้ความสำคัญกับนิกาย แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าตะโกนเสียงดังต่อหน้าทุกคนในนิกายหยุ่นไห่และพยายามทำตัวเหมือนกับเป็นประมุขนิกาย…. เจ้ายังพยายามจัดการสิ่งต่างๆที่เป็นหน้าที่ของข้า.. กล้าดียังไง! ผู้อาวุโสม่อเสีย เจ้ายังให้ความสำคัญกับข้าและนิกายอยู่อีกหรือไม่?”

 

น้ำเสียงของหนานกงหลิงราวกับลมหนาวที่เข้าปะทะกับฝูงชน ทั้งม่อเสียและผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก

 

เหล่าผู้อาวุโสที่สนับสนุนม่อเสียก่อนหน้านี้ต่างไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา

 

ม่อเสียคิดว่าเพราะพ่อของเขาคือม่อช่างหลาน เขาจึงสามารถแย่งชิงอำนาจทั้งหมดของนิกายเพื่อตัวเองได้ พฤติกรรมและคำพูดของม่อเสียทำให้หนานกงหลิงโกรธมาก

 

“ตุ้มมมม!”

เสียงของเก้าอีพังทลายภายใต้แรงกดดันของหนานกงหลิง ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น

 

“พูด! ข้าอยากจะถามผู้อาวุโสทุกคน ยังเห็นข้าหนานกงหลิงเป็นประมุขนิกายและยังมีความสำคัญอยู่หรือไม่?”

 

หนานกงหลิงลุกขึ้นและตะโกนใส่ผู้อาวุโสอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธเกรี้ยวอย่างมาก หัวใจของเหล่าผู้อาวุโสแทบจะหยุดเต้น ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว พวกเขาเป็นอะไรในนิกาย? พวกเขาจะเทียบกับประมุขของนิกายได้อย่างไร?

 

ทุกคนจ้องมองไปยังหนานกงหลินงที่กำลังโกรธเกรี้ยว ดวงตาที่ราวกับสงบนิ่งทำให้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้น ปกติแล้วเขาจะมีท่าทีที่สงบอยู่เสมอและไม่ค่อยแสดงความโกรธออกมา อะไรที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้? ทำไมเขาถึงได้ระเบิดอารมณ์อย่างกระทันกัน…. หรือจะเป็นเพราะม่อเสีย

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments