ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
ในอารามมีแท่นหินที่เหมาะสำหรับการบ่มเพาะพลัง หลินเฟิงนั่งอยู่บนนั้นและเข้าสู่สภาวะสมาธิ เขาเริ่มดูดซับปราณจากหินบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตามเขารีบเปิดตาอย่างรวดเร็วด้วยความงงงวย
บนเส้นทางการบ่มเพาะพลัง เพียงแค่การนั่งสมาธิไม่เพียงพอให้บุกทะลวงสู่ขอบเขตต่อไป ความรู้และความเข้าใจในพลังเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้บรรลุเส้นทางการบ่มเพาะได้
ตอนนี้หลินเฟิงรู้สึกว่าเขาดูดซับปราณเพียงพอสำหรับการก้าวเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถบุกทะลวงได้ เขาต้องการเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นเพื่อที่จะบุกทะลวงสู่ขั้นต่อไป
“น่าจะหนึ่งสัปดาห์แล้วตั้งแต่ที่ข้าเข้ามาที่นี่”
หลินเฟิงพยายามประมาณเวลาที่เขาใช้ในอาราม จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ทางออก
เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของหลินเฟิง เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะออกจากที่นี่ด้วยวิธีตอนที่เขาเข้ามา เขาไม่สามารถบินได้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเดินผ่านช่องแคบเพื่อจะไปยังหุบเขาวายุทมิฬ
หลินเฟิงเชื่อว่าเส้นทางนี้ถูกสร้างโดยคนจากนิกายหยุนไห่รุ่นก่อนๆ บรรพบุรุษของนิกายหยุนไห่ได้สร้างพวกมันเอาไว้เพื่อให้เหล่าสมาชิกรุ่นหลังได้หลบซ่อนตัว แต่เหล่าบรรพบุรุษคงจะคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้ใช้มัน เพราะพวกเขาต่างตกตายและกลายเป็นทะเลเลือดไปแล้ว
หลินเฟิงเดินมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วในที่สุดเขาก็มาถึงปลายทาง มันเป็นทางที่แคบอย่างมากเขาต้องแทรกตัวเพื่อที่จะออกไป
แม้ว่ามันจะมืดมาก แต่ในที่สุดหลินเฟิงก็สามารถมองเห็นทองฟ้ายามราตรีพร้อมกับพระจันทร์เต็มดวงเป็นครั้งแรกในรอบ 1 สัปดาห์ อากาศด้านนอกมีความหนาวเย็นอย่างมาก หลินเฟิงรู้สึกเย็นไปถึงลำคอและปอด
“น่าแปลกใจ สถานที่นี้เป็นจุดเชื่อมต่อและมันยังเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยมากๆ” หลินเฟิงกล่าวชื่นชมผู้ที่สร้างเส้นทางนี้ สถานที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของหุบเขาวายุทมิฬ ไม่เคยมีมนุษย์คนใดผ่านทางนี้มาก่อน สถานที่แห่งนี้ยังคงถูกครอบครองโดยเหล่าสัตว์อสูร แต่สัตว์อสูรส่วนใหญ่มีขนาดที่ใหญ่โตกว่าค่าเฉลี่ย แม้ว่าพวกมันจะพบทางเดินแต่มันก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ เพราะทางเดินมีขนาดเล็กและแคบเกินสำหรับพวกมัน
นอกเหนือจากพวกสัตว์อสูร แม้ว่าจะมีมนุษย์คนใดเข้ามาพบเจอเส้นทางนี้ แต่จะมีใครบางที่จะเต็มใจเข้ามายังเส้นทางที่แคบและมืด โดยไม่รู้ว่าจะไปโผล่ที่ใด?
หลินเฟิงนั่งอยู่บนหินและจ้องมองไปที่ดวงจันทร์ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า…
หลินเฟิงรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างมาก
ย้อนกลับไปยังวันที่หลินเฟิงควบม้าออกมาจากเมืองหยางโจวเพื่อไปนิกายหยุนไห่ เขาได้มองเห็นทิวทัศน์มากมายไม่ว่าจะเป็น ทะเลสาบหรือแม้น้ำ แต่ตอนนี้เขาไม่คาดคิดเลยว่านิกายหยุนไห่ก็จะให้กำเนิดแม่น้ำเหมือนกันแต่เป็น…. แม่น้ำโลหิต ภาพการเข่นฆ่าและสังหารหมู่ถูกฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเขา
หลินเฟิงไม่มีทางเลือก เขาได้แค่หวังว่าจะพบเจอกับอนาคตที่ดีขึ้น
แม้ว่าจะต้องเผชิญกับอากาศที่หนาวเย็นและลมแรง แต่หลินเฟิงก็ยังนั่งนิ่งราวกับเป็นรูปปั้นโดยไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกัน ปราณจากสวรรค์และปฐพีเริ่มผันผวนอย่างแปลกประหลาด จากนั้นมันก็พุ่งตรงไปหาหลินเฟิงราวกับต้องการที่จะเจาะเข้าไปในเนื้อหนังและกระดูกของเขา มันเป็นเรื่องที่อัศจรรย์และน่าทึ่งในเวลาเดียวกัน
แต่หลินเฟิงก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนัก เขายังคงจ้องมองไปที่ดวงจันทร์ด้วยใบหน้าที่โศกเศร้า ในตอนนี้หลินเฟิงต้องการที่จะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เขาสูญเสียมากเกินไป
“หืมม?”
หลินเฟิงที่กำลังนั่งอยู่บนหินรู้สึกถึงความแปลกประหลาด
ปราณที่บริสุทธิ์ราวกับน้ำนมลอยอยู่บนมือเขา มันเข้มข้นยิ่งกว่าปราณที่เขามีก่อนหน้านี้
“ข้าทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 แล้ว?”
หลินเฟิงกลายเป็นตกตะลึง เขาไม่คิดว่าการนั่งอยู่บนหินและระลึกถึงสิ่งต่างๆจะทำให้เขาทะลวงระดับได้
“ขั้นที่ 3 ขอบเขตจิตวิญญาณ…. รวมกับสิ่งที่ข้ามี ถ้าข้าเจอกับต้วนหานอีกครั้ง ข้าสามารถเอาชนะมันได้อย่างแน่นอน”
เมื่อคิดถึงเรื่องของต้วนหาน ดวงตาของหลินเฟิงกลายเป็นเย็นชาในทันที ทั้งต้วนหานและพ่อของเขาจะต้องตาย… พวกเขาทำลายนิกายและสังหารเหล่าสหายของเขา
“ผู้ใดกัน??” มีเสียงที่ดังตะโกนใส่หลินเฟิง เขาหันกลับไปพร้อมกับม่านตาที่หดลง
ในตอนนั้นได้มีร่างเงาปรากฏตัวหน้าหลินเฟิง เขารู้สึกราวกับว่ามันเป็นภาพลวงตา
มันคือภาพเงาทีงดงามอย่างมาก แสงจันทร์สาดส่องอยู่บนร่างนั้น ทำให้หลินเฟิงสามารถมองเห็นลักษณะของนางได้อย่างชัดเจน
งดงามอะไรเช่นนี้! หลินเฟิงรู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ในความฝัน หญิงสาวสวมเสื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์ ทุกคนที่พบเจอนางจะต้องรู้สึกอยากปกป้องและดูแลนางอย่างแน่นอน
“สมบูรณ์แบบ!”
หลินเฟิงตกตะลึงอย่างมาก แม้ว่าเขาจะมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าและจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เขาทำได้เพียงแค่คิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามีหญิงสาวที่งดงามขนาดนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ? นางงดงามราวกับเทพธิดา!
หลิ่วเฟยเองก็งดงามและแข็งแกร่งมาก หลินเฟิงตระหนักได้ว่าสาวงามในโลกนี้งดงามยิ่งกว่าโลกเก่าของเขา
สาวงามอยู่ยืนอยู่หน้าหลินเฟิงราวกับเป็นภาพลวงตา ราวกับว่านางหลุดออกมาจากภาพวาด
“เจ้าเป็นใคร? แล้วมาทำอะไรที่นี่?”
สาวงามเริ่มเปิดปากถาม เสียงของนางทำให้หลินเฟิงหลุดจากภวังค์ นางงดงามเกินไป นางงดงามมากจนหลินเฟิงไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าเป็นของจริง
“ข้ามีชื่อว่าหลินเฟิง เจ้าหาที่นี่พบได้อย่างไร?”
หลินเฟิงรู้สึกงงงวยขณะที่จ้องมองไปยังหญิงสาว นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?
หลินเฟิงเดินเข้าหาหญิงสาว เขารู้ได้ทันทีว่านางแข็งแกร่งมาก
“หลินเฟิง…”
หญิงสาวพึมพำชื่อของหลินเฟิงและกล่าวต่อ “ข้าอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด แต่เจ้าก็เข้ามาที่นี่และถามข้าว่ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
“ข้าไม่รู้ว่าข้ามาที่นี่ได้อย่างไร” หลินเฟิงตอบกลับพร้อมกับยักไหล่ แต่ไม่น่าเชื่อว่านางจะเชื่อเขา
“ถ้าเช่นนั้น โปรดออกไป” หญิงสาวกล่าวอย่างเย็นชา
“แต่ว่าข้าไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่ไหนและจะจากไปได้อย่างไร?” หลินเฟิงกล่าวขณะยิ้มอย่างเขินอาย เขารู้เพียงแค่ทางที่เข้ามา แต่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน
“ตอนนี้พวกเราอยู่ในหุบเขาวายุทมิฬใช่หรือไม่?”
หญิงสาวจ้องมองไปที่เขา หลินเฟิงอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเขายังอยู่ที่หุบเขาวายุทมิฬหรือไม่?
“ที่นี่คืออีกด้านหนึ่งของหุบเขาวายุทมิฬ”
“……………..” หลินเฟิงกลายเป็นไร้คำพูด ที่นี่คืออีกด้านหนึ่งของหุบเขาวายุทมิฬ?
“ผู้พิทักษ์เป๋ยอาจจะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน”
หลินเฟิงทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น ด้านนอกของหุบเขาวายุทมิฬมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่แต่ด้านในหุบเขาวายุทมิฬนั้น มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าอยู่เต็มไปหมด ถ้าหลินเฟิงต้องการไปจากที่นี่มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก
ถ้าผู้พิทักษ์เป๋ยรู้เรื่องนี้มาก่อน เขาจะต้องไม่ทิ้งหลินเฟิงไว้ในอารามคนเดียวและไม่มีทางบอกกล่าวถึงเส้นทางนี้เป็นแน่
“เจ้าบอกว่าเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด?”
หลินเฟิงตระหนักได้ถึงสิ่งที่นางกล่าวก่อนหน้านี้ เขาประหลาดใจอย่างมาก มีผู้คนอาศัยอยู่ภายในหุบเขาวายุทมิฬ?
“จริงๆแล้ว ข้าอยู่ที่นี่กับท่านแม่ของข้า ตั้งแต่ข้ายังเด็กๆ”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“เจ้าเคยออกไปจากที่นี่หรือไม่?” หลินเฟิงถาม
“ไม่เคย”
“………….” หลินเฟิงไม่รู้ว่าเขาจะพูดอย่างไรดี แต่เขาคิดว่าดีแล้วที่หญิงงามเช่นนางไม่เคยออกไปยังโลกภายนอก เพราะความงดงามที่มากเกินไปของนางอาจจะทำให้นางพบเจอกับความยากลำบาก นางคือสาวงามล้มเมืองอย่างแท้จริง
“บางทีแม่ของนางอาจจะงดงามเหมือนกับนาง นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกนางถึงอยากอยู่กันอย่างสันโดษ” หลินเฟิงคิด
หลินเฟิงยังคงถามนางต่อ “แถวนี้ไม่มีสัตว์อสูรเลยงั้นหรือ?”
“ไม่ ที่นี่ไม่มีอะไรเลย” หญิงสาวส่ายหัวอย่างช้าๆ
หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่แปลกใจเลยที่ว่าทำไมนางถึงสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้
“เจ้าจะออกจากที่นี่หรือไม่?”
หญิงสาวถามหลินขณะต้องมองไปที่เขา ดวงตาของนางเป็นประกาย
“แน่นอน ข้าจะจากไปในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า” หลินเฟิงกล่าว
“ข้าจะช่วยเจ้าออกจากที่นี่”
หญิงสาวเปิดปากพูดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หลินเฟิงรู้สึกกังวล นางจะพาหลินเฟิงออกจากทีนี่ด้วยตัวเอง?
ในหุบเขาวายุทมิฬมีสัตว์อสูรอยู่มากมาย หญิงสาวคนนี้ไม่น่าใช่ผู้บ่มเพาะที่อ่อนแอ นางน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลินเฟิง ถึงนางจะไม่ได้อ่อนแอแต่ก็ไม่น่าจะแข็งแกร่งอะไรมากมาย แล้วอย่างนี้นางจะสามารถพาเขาออกไปจากหุบเขาวายุทมิฬได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?
จิตวิญญาณของหลินเฟิงมีกลิ่นอายที่คล้ายกับหมอกปีศาจทำให้ง่ายขึ้นที่เขาจะเข้าไปยังหุบเขาวายุทมิฬ เขาสามารถปลอมตัวเป็นสัตว์อสูรและเดินได้อย่างอิสระรอบหุบเขา
“เจ้าไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของข้า?” หญิงสาวถามราวกับว่านางสามารถอ่านความคิดของหลินเฟิงได้
“ ใช่ ข้าไม่อาจเชื่อได้ หุบเขาวายุทมิฬเป็นที่ๆอันตรายมาก เจ้าคิดว่ามันง่าย? นอกจากนี้ เจ้ายังบอกว่าเจ้าไม่เคยออกจากที่นี่มาก่อน”
“แม้ว่าข้าจะไม่เคยออกจากที่นี่ แต่ข้ารู้จักหุบเขาวายุทมิฬดีกว่าใครๆ ข้ารู้ว่าจะไปที่ไหนเพื่อหลีกเลี่ยงเหล่าสัตว์อสูร มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับข้ามก โปรดตามข้ามา”
หญิงสาวกล่าวอย่างไม่แยแสขณะมองไปที่หลินเฟิง
รู้จักดีกว่าใคร? นางรู้วิธีหลบเลี่ยงเหล่าสัตว์อสูร?
หลินเฟิงประหลาดใจอย่างมาก เขาต้องมองไปที่หญิงสาวอย่างสงสัย ถ้านางสามารถทำได้จริงๆ มันจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก
“เจ้ายินดีที่จะพาข้าออกไปหรือไม่?” หลินเฟิงถาม
“ แน่นอน แม้ว่าข้าจะไม่เคยออกจากที่นี่แต่ข้าก็อยากจะเห็นว่าโลกภายนอกเป็นเช่นไรเหมือนกัน ถ้าข้าต้องการที่จะออกจากหุบเขาวายุทมิฬ ข้าอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า” หญิงสาวพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ดี แล้วแม่ของเจ้า…”
“นางไปข้างนอก ข้าไม่รู้ว่านางจะกลับมาเมื่อไร ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของนาง”
หลินเฟิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย มันยากมากที่จะอยู่เพียงคนเดียวในหุบเขาวายุทมิฬที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่ทรงพลังเหล่านี้
หลินเฟิงพยักหน้าและถาม “แล้วพวกเราจะไปกันตอนไหน?”
“ตอนนี้” หญิงสาวตอบ
“ ดี ข้าต้องการที่จะไปยังนิกายหยุนไห่ เจ้ารู้จักมันหรือไม่?” หลินเฟิงถาม
“ข้ารู้ ข้ารู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างในหุบเขาวายุทมิฬ… แต่ถ้าข้าออกจากหุบเขาวายุทมิฬ ข้าอาจจะหลงได้”
หญิงสาวตอบอย่างตรงไปตรงมา เห็นได้ชัดว่านางไร้เดียงสาอย่างมาก…