I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 100 คนทรยศ

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

กลิ่นเหม็นของเลือดแผ่กระจายไปทั่วบรรยากาศ ทุกคนจ้องมองไปที่ม้า พวกมันกำลังวิ่งไปรอบๆปราศจากคนบนหลังม้า

 

หัวหน้ากลุ่มโจรกำลังมองไปที่บนหลังของม้าที่ปราศจากคนขี่อย่างตกตะลึง จากนั้นเขาก็มองไปที่ซากศพที่นอนกองอยู่บนพื้น และไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพียงแค่ดาบเดียว พวกเขาถึงกับตายหมด การโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ราวกับว่าหลินเฟิงสามารถสามารถสังหารใครก็ตามที่ขวางทางเส้นทางของเขาได้

 

“ขอบเขตจิตวิญญาณ” ว่านชิงซานและผู้คุ้มกันหนุ่มคนอื่นๆรู้สึกมึนงง หลินเฟิงแข็งแกร่งเกินไป การยั่วยุเขาถือว่าเป็นเรื่องผิดพลาด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจิ้งยวิ๋นถึงเป็นมิตรกับเขา เขาเป็นชายหนุ่มที่ไม่ธรรมดาและมีความแข็งแกร่งที่น่าอัศจรรย์  

 

แผ่นหลังของว่านชิงซานปกคลุมไปด้วยเหงื่ออันเยือกเย็น ก่อนหน้านี้เขาได้ไปยั่วยุหลินเฟิง ถ้าหลินเฟิงโจมตีเขาเช่นเดียวกับที่เขาโจมตีพวกโจร บางทีเขาอาจจะกลายเป็น…..

 

ลุงหวังผู้ที่ยังคงนั่งบังคับรถม้ารู้สึกตกตะลึง เขาจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลินเฟิงอย่างว่างเปล่า

 

“สหาย ทำไมวิธีการของเจ้าถึงโหดร้ายเช่นนี้?” หัวหน้าโจรกล่าว เขาดูโกรธเกรี้ยวอย่างมาก

 

“เจ้าสังหารผู้คน และปล้นของของพวกเขาบนเส้นทาง เจ้าไม่คิดว่าพวกเจ้าโหดร้ายเลยรึไง?”

 

หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา โจรเป็นคนประเภทที่ไม่รู้สึกแยแสเมื่อพวกเขาสังหารคนอื่นๆ แต่พวกเขาจะโกรธถ้าหนึ่งในกลุ่มพวกเขาถูกสังหาร พวกเขาคิดว่าการสังหารผู้อื่นเป็นแค่เรื่องเล่นๆ แต่พวกเขาไม่ชอบการสูญเสีย 

 

หลินเฟิงเริ่มเดินตรงไปข้างหน้า และมีแรงกดดันห้อมล้อมหัวหน้าโจรทำให้เขาสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

“สหาย ถ้าเจ้าก้าวเข้ามาอีกก้าว ข้าจะสังหารเจ้าซะ” หัวหน้ากลุ่มโจรกล่าวเพื่อข่มขู่หลินเฟิง

 

“อีกก้าว? แต่ระยะหว่างระหว่างข้ากับเจ้ามันยังห่างกันหลายก้าวอยู่” หลินเฟิงกล่าวขณะพุ่งเข้าหาพวกมันพร้อมกับปลดปล่อยพลังปราณดาบออกมาอย่างมหาศาล

 

หัวหน้ากลุ่มโจรไม่คิดว่าซวนหยวนจะปราศจากความลังเล และเริ่มกัดฟันด้วยความโกรธ จากนั้นเขาหยิบกริชยาวออกมา และจู่ๆบรรยากาศก็เต็มไปด้วยพลังปราณอันแข็งแกร่ง และดุดัน

 

“เขาก็อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณเช่นเดียวกัน” ว่านชิงซานรู้สึกมึนงงที่โจรสามารถบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณได้ แต่ก็ไม่มีใครในหมู่พวกมันสามารถเอาชนะหลินเฟิงได้

 

มันราวกับว่ากริชยาวของโจรกำลังสั่นเพราะกลัวพลังของดาบหลินเฟิง ดาบของหลินเฟิงกำลังพุ่งเข้าไปหาโจรด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ แม้ว่ามันจะไม่มีประกายแสงใดๆ แต่ดาบของเขาก็มีพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ที่มันไม่มีประกายแสงใดๆนั้นก็เพราะว่าหลินเฟิงรวบรวมพลังของทักษะคมดาบสังหารของเขาไว้ในดาบ

 

“ฟิ้วววววว….”

 

เสียงแผ่กระจายไปในชั้นบรรยากาศ ดาบของหลินเฟิงกำลังพุ่งเข้าไปที่คอของโจรด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ กริชยาวของมันไม่สามารถสะกัดกั้นการโจมตีของหลินเฟิงได้เลยแม้แต่น้อย

 

หลินเฟิงเริ่มคุ้นเคยกับดาบของเขามากขึ้นทุกวัน ทำให้เขามีความว่องไวและความเร็วมากยิ่งขึ้น ทันใดนั้นร่างของโจรก็ร่วงหล่นลงพื้นอย่างรุนแรง ใบหน้าของมันปกคลุมไปด้วยอาการตกตะลึง

 

“แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณก็ไม่สามารถหยุดหลินเฟิงได้ ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้!”

 

ทุกคนล้วนประหลาดใจความแข็งแกร่งของหลินเฟิง เขาแข็งแกร่งมาก หลินเฟิงได้สังหารโจรผู้นั้นที่บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นด้วยดาบของเขา มันดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เอาจริงเอาจังใดๆเลยแม้แต่น้อย

 

หลินเฟิงไม่ได้มองซากศพของมัน เขาหันหลังกลับ และเดินกลับไปที่กลุ่มของเขา

 

“พี่ใหญ่หลินเฟิง ท่านแข็งแกร่งจริงๆ”

 

ต้วนเฟิงยิ้มให้หลินเฟิงด้วยความชื่นชม

 

“เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมหลินเฟิงถึงเป็นหนึ่งในนิกายที่ยิ่งใหญ่ 

 

ว่านชิงซานกำลังเดินตรงไปที่หลินเฟิงเพื่อประจบเขา

 

ถ้าใครบางคนแข็งแกร่งกว่าเขาเพียงเล็กน้อย เขาจะอิจฉาพวกเขาและข่มขู่พวกเขาด้วยสถานะของตัวเอง แต่ถ้าใครบางคนแข็งแกร่งกว่าตัวเขาเอง เขาก็จะหวาดกลัวต่อพวกเขาหรือไม่ก็เต็มไปด้วยความชื่นชม

 

“ผู้ที่รอดชีวิตจากการกวาดล้างนิกายอันยิ่งใหญ่ย่อมแข็งแกร่ง” หลินเฟิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันเศร้าโศรก

 

หลินเฟิงไม่เคยคิดว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่มีความเมตตา เมื่อว่านชิงซานยังคิดว่าเขาเป็นคนอ่อนแอ เขาเลยไม่ลังเลที่จะทำให้หลินเฟิงได้รับความอัปยศ ไม่ใช่ว่าหลินเฟิงมีความเมตตาเลยไม่โจมตีเขา แต่เป็นเพราะจิ้งยวิ๋น,ต้วนเฟิง และคนอื่นๆอยู่ที่นี่ และเขาเป็นเพียงแค่แขก

 

แต่ในตอนนี้เขาได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่ง ทำให้ว่านชิงซานอยากเป็นสหายกับเขา แต่หลินเฟิงไม่รู้สึกเช่นนั้น

 

เมื่อว่านชิงซานได้ยินน้ำเสียงอันเยือกเย็นของหลินเฟิง ทำให้เขารู้สึกโกรธอีกครั้งแต่ในครั้งนี้เขาได้เก็บอารมณ์ไว้กับตัวเอง การที่จะยั่วยุหลินเฟิงอีกครั้งเป็นการกระทำที่ผิดพลาดร้ายแรง หลินเฟิงสามารถสังหารผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณได้อย่างง่ายได้ การที่จะยั่วยุเขามันอันตรายเกินไป ถ้าเขาทำให้หลินเฟิงโกรธ ว่านชิงซานอาจจะไม่มีลมหายใจอีกต่อไป

 

ว่านชิงซานเดินจากไปด้วยอารมณ์บูดบึ้ง

 

“หลินเฟิงไปกันเถอะ” ต้วนเฟิงที่กลับเข้าไปอยู่ในรถม้าแล้วกล่าว

 

“นายน้อย”

 

ในขณะนั้น ลุงหวังผู้ที่อยู่หน้ารถม้า เรียก ต้วนเฟิงทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ ต้วนเฟิงจึงถาม: “มีอะไรหรือ ลุงหวัง?”

 

“นายน้อย พวกเราไม่ควรเดินทางไปพร้อมกับหลินเฟิง ให้รถม้ากับเขา และให้เขาไปกับสหายของเขาเถิด” สิ่งที่ลุงหวังกล่าวทำให้ทุกคนประหลาดใจ

 

ทำไมจู่ๆเขาก็ต้องการขับไล่หลินเฟิง? …แต่การที่มีผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณอยู่ด้วยมันเป็นการคุ้มกันที่ดีที่สุดหากเจอกลุ่มโจร มันจะทำให้การเดินทางของพวกเราปลอดภัยมากขึ้น

 

นัยน์ตาของหลินเฟิงเปิดกว้างเพราะความตกใจ เขาไม่เข้าใจว่าชายชราต้องการจะสื่ออะไร

 

“ลุงหวัง เกิดอะไรขึ้น? หลินเฟิง และข้าเป็นสหายกัน มันจะเป็นการดีกว่าถ้ามีหลินเฟิงเดินทางไปด้วย” ต้วนเฟิงตอบกลับ เขารู้สึกไม่เข้าใจ  

 

“นายน้อย ท่านยังเด็ก มันมีสิ่งอันตรายที่ท่านไม่อาจเข้าใจได้เพราะท่านยังเด็กเกินไป”

 

ลุงหวังส่ายหัว และถอนหายใจ

 

“หลินเฟิงไปตามทางของเจ้า เจ้าจะได้รับรถม้าหนึ่งคัน…แต่ถ้าเจ้าอยากได้รถม้า 2 คันก็ไม่เป็นไร นี่เป็นของตอบแทนสำหรับการช่วยเหลือพวกเรา เจ้าคิดว่าไง?” ลุงหวังกล่าวขณะจ้องมองหลินเฟิง

 

หลินเฟิงขมวดคิ้วและถามลุงหวัง: “ท่านต้องการจะสื่ออะไร?”

 

สิ่งที่เป็นอันตราย? เขากำลังพูดถึงอะไร?

 

“นายน้อยหลินเฟิงแม้ท่านจะถามคำถามข้ามากมาย แต่ท่านก็รู้คำตอบอยู่ลึกๆภายในใจของท่านอยู่แล้ว” ลุงหวังกล่าวขณะส่ายหัว

 

“ข้าไม่เข้าใจอะไรเลยว่าท่านกำลังพูดอะไร ไบ้ให้ข้าหน่อย”

 

“นายน้อย เนื่องจากท่านยืนกรานขนาดนี้ ข้าก็จะบอกท่าน แล้วอย่าโทษข้า”

 

ลุงหวังหยุดพูด และจ้องมองไปที่หลินเฟิง: “นายน้อย โจรพวกนี้มันไม่ได้อ่อนแอ ถ้าพวกมันโจมตีพวกข้า พวกมันสามารถเอาชนะพวกข้าได้อย่างง่ายดาย แต่พวกมันต้องการหาคนเจรจา บางทีพวกมันอาจจะได้รับคำสั่ง แต่ท่านกลับสังหารพวกมันทันที”

 

“ท่านอยากเจรจากับพวกโจรงั้นหรือ” หลินเฟิงรู้สึกงงงวย

 

“นี่เป็นเพียงความคิดเห็นของข้า แต่มันผิดที่หลินเฟิงสังหารพวกมันทุกคนโดยไม่พยายามแม้แต่ครั้งเดียวเพื่อเจรจากับพวกมัน” ลุงกล่าวเพิ่ม

 

ไม่พยายามต่อรอง?

 

ในเวลานั้น หลินเฟิงเข้าใจว่าลุงหวังต้องการจะสื่ออะไร เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยิ้มอย่างเย็นชา และกล่าวกับลุงหวังว่า: “ท่านกำลังพยายามจะพูดว่าข้าก็เหมือนกับโจรพวกนั้น ที่สังหารคนอื่นเพื่อความสุข? และบางทีข้าอาจจะเป็นโจรเช่นเดียวกัน?”

 

“เมื่อตะกี้นี้ หัวหน้าโจรได้พูดคุยกับหลินเฟิงอย่างเรียบเฉย แต่พวกข้าไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด”

 

ลุงหวังไม่ได้ตอบกลับหลินเฟิงทันที และตอบกลับอย่างรอบคอบ หลินเฟิงงงงวย เขากล้าพูดว่าหัวหน้าโจรพูดคุยกับเขาอย่างเรียบเฉย!

 

“ดี แล้วมีอะไรอย่างอื่นที่ท่านต้องการโทษข้าอีกไหม?” หลินเฟิงกล่าวขณะยิ้มอย่างเย็นชา

 

“แน่นอน! หลินเฟิงไม่ผิด! ลุงหวังท่านใจร้ายจริงๆ ถ้าเขาสร้างภาพเพื่อช่วยพวกเรา ก็ต้องขอบคุณเขาที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่ และยังคงมีทุกอย่างอยู่เหมือนเดิม ท่านกล้าวิพาษ์วิจารณ์หลินเฟิงเช่นนี้ได้อย่างไร?”

 

ต้วนเฟิงกล่าวขณะที่ลงมาจากรถม้า

 

“นายน้อยท่านก็เป็นเพียงแค่เด็ก ท่านไม่สามารถแยกแยะความดี และความเลวได้” ลุงหวังกล่าวขณะส่ายหัวและถอนหายใจ

 

“นายน้อย ที่ข้าพูดกับท่านเช่นนี้ มันเป็นเพราะว่าข้าต้องการให้ท่านเข้าใจว่าท่านเป็นใคร และมีสถานะอะไร ท่านกำลังเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิ ท่านไม่ใช่ใครอื่น”

 

“แน่นอน ข้ารู้!” ต้วนเฟิงตอบกลับขณะพยักหน้า

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้น นายน้อย ข้าต้องการจะถามท่านว่า ตระกูลของท่านมีความเกี่ยวข้องใดๆกับต้วนเทียนหลางหรือไม่?”

 

ต้วนเฟิงรู้สึกประหลาดใจ ทำไมจู่ๆลุงหวังพูดถึงต้วนเทียนหลาง? หรือว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้?

 

“ข้ารู้จักเขา เขาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลต้วนของข้า นอกจากนี้ข้ายังรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับข้าไม่ค่อยลงรอยกัน” ต้วนเฟิงตอบกลับ

 

“นายน้อย ถ้าท่านรู้เช่นนั้น ไม่ใช่ว่าต้วนเทียนหลางเป็นผู้กวาดล้างนิกายหยุนไห่หรอกหรือ? หลังจากนั้นไม่นานหลินเฟิงก็เดินทางมาถึงเมืองอาทิตย์เมฆา เมืองเล็กๆ เมื่อเขามาถึง เขาก็เข้ามาหาพวกเรา มันไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือ?”

 

หลินเฟิงถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดของลุงหวัง ลุงหวังคิดว่าต้วนเทียนหลางทำให้หลินเฟิงทรยศนิกายของตัวเองเพื่อรับคำสั่งของเขา จากนั้นก็ส่งเขามายังเมืองเล็กๆแห่งนั้นเพื่อตามหาต้วนเฟิง

 

“ลุงหวัง ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ถ้าหลินเฟิงอยากจะสังหารพวกเรา เขาก็สามารถสังหารพวกเราได้อย่างง่ายดาย”

 

“ถูกต้อง…แต่นายน้อย ท่านจำได้ไหมว่าพี่ใหญ่ของท่านขอให้ท่านมาที่เมืองจักรพรรดิ และหลังจากนั้นจู่ๆหลินเฟิงก็อยู่ที่นี่ แล้วเขาก็สังหารกลุ่มโจรเพื่อช่วยพวกเรา…ไม่ใช่ว่าเขาต้องการให้พวกเราตอบแทนเขาบางวิธี?”

 

“พอแล้ว” หลินเฟิงพูดกับลุงหวังอย่างเย็นชาผู้ที่พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์ของลุงหวังคืออะไร เขาต้องการให้หลินเฟิงออกไป เขาสามารถพูดเรื่องไร้สาระได้มากเท่าที่เขาต้องการจะพูดเพื่อจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวของเขา

 

หลินเฟิงมองเข้าไปในรถม้า และกล่าวกับเมิ่งฉิงว่า: “เมิ่งฉิงพวกเราจะออกไปจากที่นี่”

 

“อืม” เมิ่งฉิงตอบกลับ ขณะพยักหน้าและออกมาจากรถม้า

 

“หลินเฟิงให้ข้าพูดโน้นน้าวลุงหวังก่อน!” จิ้งยวิ๋นกล่าวอย่างเร่งรีบ

 

“หลินเฟิง เจ้าและเมิ่งฉิงกลับเข้าไปในรถม้าเถิด ข้าไว้ใจเจ้า!” ต้วนเฟิงขอ

 

“ไม่จำเป็น ข้ารู้สึกอับอายกับตัวเอง” หลินเฟิงกล่าวขณะเหลือบมองลุงหวัง จากนั้นเขาก็มองต้วนเฟิง และจิ้งยวิ๋นแล้วกล่าว: “แล้วเจอกันในเมืองจักรพรรดิ”

 

หลังจากหลินเฟิงพูดจบ เขาคว้าแขนเมิ่งฉิง และเริ่มจากไป

 

“หลินเฟิง มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ และข้าอาจจะเข้าใจเจ้าผิด  แต่สิ่งที่ข้าพูดเมื่อกี้ยังคงมีผลอยู่ เจ้าสามารถเลือกรถม้าเหล่านี้ได้ตามที่เจ้าต้องการ” ลุงหวังกล่าว

 

“ไม่จำเป็น ต้องตอบแทน”

 

หลินเฟิงปฏิเสธข้อเสนอของชายรา หลินเฟิงไม่รู้สึกละอายใจ เขาไม่ต้องการใช้รถม้าของคนที่กล่าวหาเขาว่าเขาอาจจะเป็นคนทรยศนิกายของตัวเอง

 

เขาได้สังหารโจรทุกคนไปแล้ว ม้าที่เหลือพวกนี้มันจะไม่เพียงพอเพื่อใช้ได้อย่างไร?

 

“เจ้าขี่ม้าเป็นไหม?” หลินเฟิงถามเมิ่งฉิง

 

“ไม่ ข้าขี่ไม่เป็น” เมิ่งฉิงตอบกลับขณะส่ายหัว

 

“แล้วเจ้าต้องการสอนข้าขี่ม้าไหม?” เมิ่งฉิงถามหลินเฟิง

 

“จะให้ข้าสอนเจ้าขี่ม้างั้นหรือ?” หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ: “เจ้าต้องการให้ข้าสอนเจ้าวิธีขี่ม้า?”

 

เมิ่งฉิงจ้องมองหลินเฟิงอย่างว่างเปล่า ทำให้หลินเฟิงยิ้ม

 

 “ก็ได้” หลินเฟิงกล่าว

 

เมื่อหลินเฟิงพูดจบ สิ่งที่น่าประหลาดใจอีกอย่างหนึ่งก็เกิดขึ้น!

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments