I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 103 ตาเฒ่าหน้าด้าน

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“น่าเสียดายยิ่งนักที่อัจฉริยะอย่างเจ้าจะต้องมาตายไวเช่นนี้” หัวหน้าโจรกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

 

 หลินเฟิงอายุน้อยอย่างมากแต่เขาสามารถใช้อำนาจดาบได้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถชนะผู้เชี่ยวซาญทีละหลายๆคนได้ แต่ถ้าเจอกันตัวต่อตัวไม่มีใครที่จะสามารถเทียบกับหลินเฟิงได้เลย กลุ่มโจรพลันโคจรพลังปราณมหาศาลและเตรียมตัวที่จะจู่โจม

 

 พวกเขาทั้งหมดต้องทำให้แน่ใจว่าหลินเฟิงจะต้องตายจริงๆ

 

 “อย่าได้กังวล ข้าจะไม่ตกตายเพราะเรื่องแค่นี้” หลินเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจ แม้ว่าเขาจะกังวลก่อนหน้านี้ แต่ท้ายที่สุดหลินเฟิงก็มั่นใจว่าหัวหน้ากลุ่มโจรอ่อนแอกว่าเขา

 

 ในตอนที่หลินเฟิงทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2 เขาสามารถต่อกรกับต้วนหานที่บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 4 ได้ หลังจากนั้นมาความแข็งแกร่งของหลินเฟิงก็เพิ่มขึ้นมา เขาไม่จำเป็นต้องกังวลที่จะจัดการกับกลุ่มโจรเหล่านี้ แม้ว่าพวกมันจะร่วมมือกันก็ตาม

 

 “ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นใจมากนะ แต่ข้าจะบอกให้เอาบุญ เจ้ามันก็เพียงแค่พวกโง่เขลา” หัวหน้าโจรรู้สึกสงบลงมาก เขากวัดแกว่งกริชยาวในอากาศ ในขณะเดียวกันกลุ่มโจรทั้งหมดก็ทำเช่นเดียวกัน ทันใดนั้นก็เกิดพลังปราณที่แข็งแกร่งขึ้นในอากาศ

 

 ในตอนนี้เองหลินเฟิงถูกห้อมล้อมไปด้วยการโจมตีจากพลังปราณของกลุ่มโจร หลินเฟิงรู้สึกราวกับว่ากระดูกของเขาราวกับจะแตกหักจากแรงกดดัน กลุ่มโจรเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าพวกที่หลินเฟิงเคยเจออย่างมาก

 

 “ตาย!” กลุ่มโจรคำรามออกมา ปราณที่เกิดจากกริชพุ่งทะลวงผ่านอากาศไปหาหลินเฟิง ความหวาดกลัวต่อหลินเฟิงของกลุ่มโจรถูกแทนที่ด้วยความปรารถนาที่จะฆ่า

 

 กริชในมือของกลุ่มโจรเรืองแสงออกมาจากทุกทิศทาง ปราณที่ปลดปล่อยออกมากำลังกดทับร่างของหลินเฟิงไว้

 

 “ตั้งแต่ที่พวกเจ้าพยายามสังหารข้า พวกเจ้าก็ได้ตายไปแล้ว” หลินเฟิงกล่าวขณะหลับตาลง จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยจิตวิญญาณสวรรค์ออกมาและเข้าสู่โลกแห่งความมืด สมองของหลินเฟิงเริ่มประมวลผลอย่างรวดเร็ว เขารับรู้ถึงการโจมตีทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเขาในทันที

 

 ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งของกริชหรือทิศทางของมัน หลินเฟิงสามารถมองเห็นและสัมผัสได้อย่างชัดเจน

 

หลินเฟิงนำดาบอ่อนออกมา จากนั้นปราณสีดำเทาก็ถูกปลดปล่อยและแผร่กระจายไปทั่วอากาศ

 

 “พึบบบบ!” กลุ่มโจรเกือบทั้งหมดต่างเข้ามาใกล้หลินเฟิงในเวลาเดียวกัน รอยยิ้มที่ยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา

 

 “คมดาบสังหาร” หลินเฟิงกล่าวอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ดาบของเขาแหวกว่ายผ่านอากาศ ปราณสีดำเทาและอำนาจดาบทำลายทุกอย่างที่ขวางทางของมัน การโจมตีของเขาทรงพลังอย่างมาก

 

 เหล่าโจรที่โจมตีหลินเฟิงต่างถูกส่งบินกลับไป ร่างของพวกเขาหลงเหลือไว้เพียงร่องรอยจากคบดาบสังหารของหลินเฟิง

 

 หัวหน้าโจรจ้องมองหลินเฟิงอย่างตกตะลึง เขาโกรธเกรี้ยวและสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

 นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

 

 กลุ่มของเขาทั้งหมดถูกส่งปลิวลงไปนอนกองกับพื้นอย่างน่าสังเวช เพียงกระบวนท่าเดียว หลินเฟิงได้สังหารพวกเขาทั้งหมด

 

 หัวหน้าโจรกลับกลายเป็นหวาดกลัวอย่างมาก ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เขาสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่น่าสะพรึงกลัวทั่วร่างของหลินเฟิง

 

 “ถึงตาเจ้าแล้ว” หลินเฟิงกล่าว หัวหน้าโจรเห็นหลินเฟิงเปิดตาขึ้นและเริ่มเดินตรงมาที่เขา ปราณที่เยือกเย็นพุ่งตรงมาที่เขาด้วยความเร็วสูง ดวงตาของหลินเฟิงมืดสนิทและดูชั่วร้ายอย่างมาก

 

 แม้ว่าก่อนหน้านี้หลินเฟิงจะยังดูสงบแต่ดวงตาของเขาก็ยังเผยให้เห็นถึงความไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ในตอนนี้สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เขากลายเป็นเย็นชาและไร้อารมณ์อย่างสมบูรณ์ ดวงตาของเขากลายเป็นสีดำทำให้ดูชั่วร้ายและน่าเกรงขามอย่างมาก

 

 หัวหน้าโจรจะกล้าต่อกรกับหลินเฟิงได้อย่างไร? ความกลัวทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อราวกับหิน เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้แม้แต่น้อย

 

 หัวหน้าโจรต้องการที่จะหลบหนีจากคมดาบของหลินเฟิงด้วยทุกอย่างที่มี แต่เขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีของหลินเฟิงได้แม้เพียงหนึ่งกระบวนท่า

 

 “เจ้าต้องการที่จะหนี?” หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา เขาใช้เทคนิคเคลื่อนที่ดั่งเงาจันทราและเคลื่อนตัวไปหาหัวหน้าโจรที่อยู่ห่างไปกว่า 100 เมตร

 

 พลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากคมดาบสังหารของหลินเฟิงได้สร้างกระแสน้ำวนในอากาศและเจาะทะลวงไปที่หน้าอกของหัวหน้าโจร

 

เขาไม่แม้จะพยายามป้องกัน จากนั้นร่างของหัวหน้าโจรก็ล้มลงบนพื้น  

 

 หลินเฟิงยกเลิกการปลดปล่อยจิตวิญญาณ ดวงตาของเขากลายเป็นปกติอีกครั้ง เขาหันหลังกลับและเดินไปยังต้วนเฟิงและคนอื่นๆ

 

 “พี่ใหญ่หลินเฟิง!”

 

 ดวงตาของต้วนเฟิงเต็มไปด้วยความเคารพชื่นชม ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงสูงส่งเกินไป! เขามั่นใจว่าแม้จะมีการบ่มเพาะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เขาก็ไม่อาจจะเอาชนะหลินเฟิงได้

 

 ในตอนนั้นเอง ลุงหวังก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม “หลินเฟิง ข้าทำผิดต่อเจ้า ข้าต้องขอโทษด้วย”

 

 หลินเฟิงจ้องมองไปยังชายชราด้วยสายตาที่เย็นชาอย่างมาก

 

 “นานเท่าไหร่แล้วที่เจ้าเสแสร้ง?” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า ลุงหวังกลายเป็นตื่นตระหนก

 

 ต้วนเฟิงและจิ้งยวิ๋นเองก็ตกใจ พวกเขาไม่เข้าใจความหมายของหลินเฟิง

 

 “หลินเฟิง ได้โปรดอธิบายความหมายของเจ้าด้วย” ชายชราจ้องมองไปยังหลินเฟิงด้วยความระมัดระวัง

 

 “โจรทั้งหมดเหล่านี้เป็นกองทหาร ถูกต้องไหม?” หลินเฟิงถาม

 

 “ใช่ พวกมันต้องเป็นทหารแน่ๆ” ลุงหวังตอบ

 

 ต้วนเฟิงพยักหน้า “แล้วมีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับลุงหวัง?”

 

 “ต้วนเฟิง เจ้าจำได้ไหมว่าลุงหวังบอกให้โจรกลุ่มแรกที่ข้าสังหารไปให้ใจเย็นเมื่อพูดกับข้า?”

 

 “ข้าจำได้” ต้วนเฟิงพยักหน้า

 

 “ถ้าลุงหวังอ่อนแออย่างที่พวกเจ้าคิดจริงๆทำไมเขาถึงสามารถฟังและเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าพวกเจ้า?” หลินเฟิงตอบ

 

 “ข้าซื่อสัตย์และทุ่มเทให้กับตระกูลต้วนมาหลายปี ข้ารับผิดชอบในการดูแลนายน้อย ข้าต้องใส่ใจทุกรายละเอียดอยู่เสมอ ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่ข้าทำก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องทำลายชื่อเสียงของข้า” ลุงหวังกล่าว

 

 “ทำลายชื่อเสียงของเจ้า?” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น”

 

 “หัวหน้าโจรกลุ่มแรกกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าคิดว่ากลุ่มโจรทั้งหมดต้องการที่จะสังหารต้วนเฟิงและเจ้าก็จะปล่อยให้เขาตาย” หลินเฟิงกล่าวอย่างเหยียดหยาม

 

 “ก็บางที” ลุงหวังพยักหน้า “ใครจะรู้?”

 

 “ตั้งแต่ตอนนั้นมาข้าก็คิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ… ข้าสังหารโจรกลุ่มแรกทั้งหมด ไม่เหลือไว้เพียงคนเดียวให้ส่งข้อความไปยังกลุ่มที่สอง แต่กลุ่มที่สองรู้ได้อย่างไรว่าต้วนเฟิงยังไม่ตาย ทำไมพวกมันถึงมา? หัวหน้ากลุ่มโจรที่สองรู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มแรกถูกฆ่าและยังรู้ว่าเป็นฝีมือของข้าอีกด้วย?” คำพูดของหลินเฟิงทำให้ทุกคนประหลาดใจ กลุ่มโจรกลุ่มที่สองเข้ามาโจมตีรถม้าไม่นานหลังจากที่กลุ่มแรกตาย พวกมันรู้ได้อย่างไรว่าต้วนเฟิงยังมีชีวิตอยู่?

 

 “จะต้องมีคนไปบอกพวกมัน ในกลุ่มตอนนี้จะต้องมีสายลับ เจ้าคิดว่าอย่างไร?” หลินเฟิงจ้องมองไปที่ลุงหวัง

 

 “บางทีเจ้าอาจพูดถูก ที่นี่อาจจะมีสายลับ แต่หลินเฟิงเจ้าคงไม่ลืมหรอกนะว่าเจ้านั้นได้จากไปไกลและกลุ่มโจรก็มาหลังจากที่เจ้าจากไป ดังนั้นถ้าใครจะเป็นสายลับละก็… ฮ่าๆๆ” ลุงหวังหัวเราะ เขาไม่ได้พูดออกไปทั้งหมดแต่ทุกคนรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร

 

 “เจ้าหัวเราะอะไร? เจ้าเห็นมันเป็นเรื่องล้อเล่น?” หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เมื่อเห็นว่าชายชราหัวเราะ แต่ต้วนเฟิงและจิ้งยวิ๋นเริ่มมองไปที่ลุงหวังด้วยสายตาแปลกๆซึ่งทำให้เขาหยุดหัวเราะในทันที

 

 “มันง่ายมากที่จะเข้าในสถานการณ์ในเมื่อเจ้ามีสมอง” หลินเฟิงกล่าวต่อ “มีกลุ่มโจร 2 กลุ่ม พวกมันทำงานร่วมกันและเจ้ายังบอกเป็นนัยๆว่าข้าก็ทำงานกับพวกมันเช่นกัน ถ้าข้าทำงานร่วมกับพวกมันจริงๆ ข้าอาจจะสังหารกลุ่มแรกเพื่อให้พวกเจ้าไว้วางใจ แต่กลุ่มที่สองคืออะไร? คนที่อยู่เบื้องหลังต้องไม่โง่เขลาและไม่ยอมเสียสละบุคคลที่แข็งแกร่งจำนวนมากอย่างแน่นอนเจ้าก็ลองคิดเอาเองแล้วกัน เจ้าอาจจะคิดว่าทุกคนโง่และเจ้าเป็นคนเดียวที่มีสมอง?”

 

 ลุงหวังดูน่ากลัวมากขณะที่ถกเถียงกันอยู่และไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรต่อ

 

 “เอาล่ะ แม้ว่าจะไม่ใช่เจ้าหรือข้า แต่ก็อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้” ลุงหวังกล่าว

 

 “คนอื่น?” หลินเฟิงยิ้ม “เจ้าหมายความว่ายังไง? ต้วนเฟิงเลือกพวกนั้นด้วยตัวเองแล้วพวกเขาจะเอาชีวิตต้วนเฟิงได้อย่างไร?”

 

 “แล้วยังมีจิ้งยวิ๋น แต่นางอยู่ในรถม้าพร้อมกับต้วนเฟิงและไม่มีโอกาสที่จะออกไปบอกใครได้ กลุ่มผู้คุ้มกันทั้งหมดตายไปแล้ว เจ้าเป็นเพียงผู้เดียวที่น่าสงสัยลุงหวัง เจ้ายังมีชีวิตอยู่และไม่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย ไม่มีแม้เพียงครั้งเดียวที่พวกมันจะโจมตีเจ้า นอกจากนี้เจ้ายังจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสงบ นั่นเป็นเพราะเจ้ารู้อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว่าพวกโจรจะมา”

 

 ต้วนเฟิงและจิ้งยวิ๋นจ้องมองหลินเฟิงอย่างตกตะลึง

 

 “พี่ใหญ่หลินเฟิง ลุงหวังทำงานให้กับตระกูลต้วนมาเป็นเวลานาน เขาดูแลข้ามาตั้งแต่เด็ก เขาไม่มีวันที่จะทำร้ายข้า เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด?”

 

 ต้วนเฟิงปฏิเสธความคิดของหลินเฟิง ลุงหวังเป็นสหายของปู่เขาและคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เด็ก

 

 “ต้วนเฟิง เจ้ารู้ไหมว่าลุงหวังเป็นคนแบบไหน?” หลินเฟิงถาม

 

 “อ่อนโยน ใจบุญและเอื้อเฟื้อ” ต้วนเฟิงตอบ

 

 “อ่อนโยน ใจบุญและเอื้อเฟื้อ? ต้วนเฟิงถ้าเป็นแบบที่เจ้าว่าจริงๆทำไมเขาถึงดูไม่เป็นมิตรเมื่อเขารับรู้ถึงพลังของข้า? บุคลิกของลุงหวังเปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นข้าสังหารกลุ่มโจร เขายังบังคับให้ข้าจากไปเพราะเหตุผลที่ไร้สาระ เจ้ายังคิดว่าเขาเป็นแบบที่เจ้าคิดอยู่หรือ?” คำพูดของหลินเฟิงทำให้ลุงหวังถึงกับขมวดคิ้ว แต่ถ้าคิดดูดีๆ พฤติกรรมของลุงหวังก็แปลกไปจริงๆ

 

 “เจ้าไม่มีหลักฐานในสิ่งที่เจ้าพูด ข้าคอยดูแลต้วนเฟิงมาหลายปี ถ้านายน้อยเชื่อเจ้า ข้าก็ทำได้เพียงแค่ยอมรับความตาย เจ้าสามารถสังหารข้าได้อย่างง่ายดายเมื่อใดก็ได้” ลุงหวังกล่าวอย่างเย็นชา เขาปิดตาลงเป็นสัญญาณว่าเขาพร้อมที่จะรับโทษซึ่งทำให้ต้วนเฟิงอึดอัดอย่างมาก

 

 “เป็นตาเฒ่าที่น่ารักเกียจอะไรเช่นนี้” หลินเฟิงกล่าวขณะจ้องมองไปยังลุงหวัง เขาถึงกับพูดไม่ออก การแสดงออกของชายชรามีผลกระทบต่อต้วนเฟิงมากเกินไป

 

 “หลินเฟิง ทำไมเจ้าถึงยังไม่มาสังหารข้า? มาเอาชีวิตของข้าไป เจ้าแข็งแกร่งมาก ไม่มีใครกล้ากล่าวหาว่าเจ้าสังหารคนอย่างไม่เป็นธรรม” ลุงหวังกล่าว น้ำเสียงของเขาฟังเหมือนกับว่าหัวใจของเขาถูกทำร้ายโดนหลินเฟิง มันราวกับว่าเจตนาของหลินเฟิงคือการที่ให้ชายชราตาย

 

 “พี่ใหญ่หลินเฟิง… นี่…”

 

 มันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมากสำหรับต้วนเฟิง เขานับถือในความแข็งแกร่งของหลินเฟิง นอกจากนี้หลินเฟิงยังช่วยชีวิตเขาไว้ถึง 2 ครั้ง… แต่ลุงหวังเองก็อยู่กับเขามาตั้งแต่ยังเด็ก เขาเป็นเหมือนสมาชิกในตระกูล…. ไม่สิ…. เขาเปรียบเสมือนผู้อาวุโสของตระกูลก็ว่าได้

 

 “ข้าคงไม่มีทางพิสูจน์สิ่งที่ข้าพูดได้ ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็คงไม่มีอะไรที่ข้าทำได้แล้ว ไม่ว่าเขาจะมีความสำคัญกับเจ้าหรือไม่ มันก็ไม่ใช่ปัญหาของข้า ข้าเพียงแค่อยากจะเตือนเจ้าเท่านั้น ส่วนเจ้า จิ้งยวิ๋น เจ้าต้องการที่จะเดินทางกับข้าหรืออยู่กับพวกเขาต่อ?”

 

 หลินเฟิงไม่ต้องการที่จะถกเถียงอีกต่อไป เขาเพิ่งรู้จักต้วนเฟิงได้เพียง 1 วัน แม้เขาคิดว่าต้วนเฟิงเป็นเด็กที่น่าสนใจ แต่ถ้าต้วนเฟิงไม่เชื่อเขา ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องโน้มน้าวอีกต่อไป แต่เมื่อคิดถึงเรื่องของจิ้งยวิ๋น หลินเฟิงคิดว่านางเป็นสหายที่ดีและไม่อยากทิ้งนางไว้หรือทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง

 

 “หลินเฟิงข้าให้ความเคารพเจ้ามาเสมอ แต่ตอนนี้เจ้าช่างไร้ยางอายยิ่งนัก! ตอนแรกเจ้าทำให้ข้าขายหน้าแล้วตอนนี้เจ้าพยายามจะทำให้จิ้งยวิ๋นรู้สึกอึดอัดใจ มันจะมากไปแล้ว!”

 

ลุงหวังพูดด้วยโทนเสียงที่เย็นชาและก้าวร้าวราวกับว่าเขาได้รับความอัปยศจากหลินเฟิง

 

 “หุบปาก!” หลินเฟิงคำรามออกมา เขาจ้องมองอย่างโกรธเกรี้ยวไปที่ลุงหวัง

 

 “ เหอะ หลินเฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อกลั่นแกล้งคนที่อ่อนแอกว่า”

 

 “เจ้าพูดจบหรือยัง?” ในตอนนั้นเอง เสียงที่เย็นชาก็ดังไปทั่วอากาศ มันเป็นเสียงของเมิ่งฉิง ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ ปกติแล้วนางจะไม่ค่อยสื่อสารกับใครมากนัก

 

เมิ่งฉิงจ้องมองไปยังลุงหวังอย่างรังเกียจ จากนั้นนางก็กล่าวต่อ “เจ้าเป็นตาเฒ่าที่หน้าด้านมาก ตั้งแต่ที่แผนของเจ้าพังทลาย เจ้าเลยพยายามที่จะทำร้ายและรังแกหลินเฟิง เจ้าไม่มีความอับอายเลยหรือไง?”

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments