ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปต้วนเฟิง และจิ้งยวิ๋นออกมาจากรถ และเมื่อพวกเขาเห็นฉากที่น่าสยดสยองนี้ ทำให้พวกเขาถึงกับคลื่นไส้
โหดร้าย ไร้ความปรานี พวกเขานองเลือดมากเกินไป สำหรับโจรพวกนี้ชีวิตผู้คนก็เหมือนถ้วยรางวัล
“ลุงหวัง ท่านเป็นคนหนึ่งที่ทำให้หลินเฟิงต้องจากไป! ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? พวกมันต้องการสังหารพวกเรา พวกเราทุกคนกำลังจะถูกฆ่าตาย!” ว่านชิงซานตะโกรธอย่างเกรี้ยวกราด
แม้ว่าหลินเฟิงอาจจะเป็นสายลับ พวกเราก็ไม่ควรไล่เขาออกไป อย่างน้อยพวกเราก็ไม่ต้องถูกกลุ่มโจรฆ่าตาย แต่ลุงหวังท่านทำให้เขาต้องจากไป หลินเฟิงเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยชีวิตพวกเราให้พ้นจากสถานการณ์เช่นนี้ได้
“เจ้ากำลังโทษข้างั้นรึ?! ไม่ใช่ว่าเจ้าหรอกรึ ที่เรียกเขาว่าเศษขยะ?!” ลุงหวังตะโกนใส่ว่านชิงซาน
“อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้ทำให้เขาต้องจากไป” ว่านชิงซานตอบกลับอย่างเกรี้ยวกราด ในตอนนี้เขารู้สึกเกลียดลุงหวังมาก เขายังอายุน้อยแล้วเขาจะต้องมาตกตายอยู่ในที่นี้ได้อย่างไร?
มันสายเกินไปแล้ว พวกเรากำลังรอที่จะถูกฆ่าตายหรือไม่มันก็ไม่สำคัญ ชะตาของพวกเราได้ถึงฆาตแล้ว และพวกเรากำลังจะถูกฆ่าตาย
“สิ่งที่เจ้าพูดมันช่วยชีวิตพวกเราได้รึไง? คำพูดของเจ้ามีประโยชน์ไหม?” ลุงหวังกล่าวอย่างอวดดีทำให้ว่านชิงซานโกรธมากขึ้น
“ตายซะ!”
กลุ่มโจรยังคงโจรตีไม่หยุด กริชยาวของพวกมันขึ้นไปในอากาศทำให้เกิดแสงอันเยือกเย็น
“อ๊ากกกกก!!” ว่านชิงซานตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว เขาต้องการหนีออกไปจากสถานการณ์เช่นนี้ เพราะเขายังไม่อยากตาย
แต่ในเบื้องหน้าของว่านชิงซานมีโจรสองคนยืนอยู่ในมือของพวกมันทั้งสองถือกริชและพร้อมที่จะโจมตี พวกมันสามารถสังหารเขาได้ทุกเมื่อ ชะตาชีวิตของเขาได้สิ้นสุดแล้ว
“ทำไมพวกเจ้าถึงต้องการสังหารข้า?” ต้วนเฟิงถามหัวหน้าโจรด้วยท่าทีที่ไร้เดียงสาแต่ใบหน้าของเขายังคงดื้อดึง
“นายน้อย ท่านไม่ควรยอมรับคำขอของพี่ชายของท่านให้ไปเมืองจักรพรรดิ!” ลุงหวังตะโกน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น
“เจ้าจะรู้ไปทำไม? ยังไงซะเจ้าก็ต้องตาย” หัวหน้าโจรอล่าวอย่างสงบ เขากำลังมองไปที่ต้วนเฟิง สายตาที่มองเช่นเดียวกับที่เขามองไปยังซากศพบนถนน
“ฆ่ามัน” หัวหน้าโจรสั่ง ในขณะนั้นได้มีโจร 2 คนปลดปล่อยพลังปราณอันแข็งแกร่งออกมา
“จิ้งยวิ๋น ลุงหวัง ข้าขอโทษที่นำปัญหามาให้” ต้วนเฟิงกล่าวขณะขอโทษด้วยความจริงใจ เมื่อลุงหวังได้ยินสิ่งที่ต้วนเฟิงพูด เขาถึงกับส่ายหัว ส่วนจิ้งยวิ๋นนางรู้สึกเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นางคิดความจริงที่ว่านางได้รอดตายเมื่อนางออกจากนิกายหยุนไห่ แต่ความตายได้เข้ามาหานางอีกครั้ง นางไม่คิดว่านางจะตายเร็วขนาดนี้ ราวกับว่านางได้หนีความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เลยถึงจุดจบของนางแล้ว
แต่ในขณะนั้น ได้มีเสียงควบม้าดังทะลุผ่านบรรยากาศ เหมือนว่ามันจะมาจากที่ไกลๆ แต่มันทำให้ทุกๆคนประหลาดใจเมื่อพวกเขามองไปที่ขอบฟ้า
“หยุดดดดดดดดด!” เสียงตะโกนดังมาจากขอบฟ้า ขณะที่ควบม้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
เมื่อพวกเขาเห็นร่างเงาที่กำลังยืนอยู่บนหลังม้าทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจ
“หลินเฟิง เมิ่งฉิง!” ต้วนเฟิงไม่คิดว่าหลินเฟิงจะกลับมา
หัวหน้าโจรหันหลัง และจ้องมองไปที่หลินเฟิง
เมิ่งฉิงใช้แส้ตีม้ามากขึ้นเพื่อกระตุ้นให้มันวิ่งให้เร็วขึ้น ในขณะนั้นพวกเขาได้วิ่งผ่านกลุ่มโจร และมาหาต้วนเฟิง
เมื่อหลินเฟิงสังเกตเห็นหัวของผู้คุ้มกันบางคนอยู่บนพื้นทำให้เขาโกรธมากขึ้น
โจรพวกนี้เป็นเหมือนสัตว์เดรัจฉาน วิธีการของพวกมันโหดร้ายอย่างแท้จริง
“พี่ใหญ่หลินเฟิง!” ต้วนเฟิงกล่าว เขาดูมีความสุข และรู้สึกซึ้งใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าลุงหวังได้ดูหมิ่นหลินเฟิง แต่หลินเฟิงก็กลับมาช่วยพวกเขา
หลินเฟิงพยักหน้าให้ต้วนเฟิง และเริ่มจ้องมองไปที่พวกโจรอย่างเยือกเย็น
“พวกเจ้าเป็นกองทหารที่ปลอมตัวเป็นโจร และสังหารคนของตัวเอง พวกเจ้าไม่ละอายใจตัวเองเลยหรือไง?”
เมื่อหลินเฟิงพูดจบ ต้วนเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆกลายเป็นประหลาดใจ กองทหาร!?
หัวหน้าโจรก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาจ้องมองไปที่หลินเฟิงและถามว่า : “อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าพวกข้าเป็นกองทหาร?”
“โจรบนหลังม้าไม่เคยมีรูปขบวนที่เป็นระเบียบอย่างพวกเจ้า พวกเขาจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่า รูปขบวน หรือคำว่า ระเบียบวินัย” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชากับพวกโจร ทำให้พวกมันทุกคนถึงกับพูดไม่ออก
โจรที่แท้จริงพวกมันจะไม่เคลื่อนที่เป็นรูปขบวน การที่จะเดินทัพเป็นรูปขบวนได้นั้นมันต้องใช้เวลาฝึกฝนหลายปี นอกจากนี้โจรทั่วๆไปมันจะมีระเบียบและแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อขนาดนี้ได้อย่างไร? นอกจากนี้หลินเฟิงยังรู้สึกได้ถึงพลังปราณเช่นเดียวกับที่ปลดปล่อยออกมาจากทหารในหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน แม้ว่ามันจะไม่แข็งแกร่งเท่าทหารในหุบเขาแห่งความป่าเถื่อนแต่มันก็เป็นพลังปราณประเภทเดียวกัน
“พวกที่ปลอมตัวเป็นโจรที่พวกข้าเจอก่อนหน้านี้ยังปลอมตัวได้ดีกว่าพวกเจ้ามากนัก พวกมันดูเหมือนเป็นโจรจริงๆ” หลินเฟิงกล่าว
“เจ้าหมายความว่าเจ้าสังหารคนกลุ่มนั้น?”
กริชของหัวหน้าโจรเริ่มเรืองแสง และเริ่มจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างมุ่งร้าย
“ถูกต้อง และข้าจะสังหารพวกเจ้าเหมือนกับสัตว์ที่ข้าสังหารไปก่อนหน้านี้” หลินเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจ
“โอหัง เจ้าประเมินค่าตัวเองสูงเกินไป และเจ้าจะต้องตายเพราะคำพูดของตัวเอง” หัวหน้าโจรตะโกน และออกคำสั่ง: “ฆ่ามัน!”
“ขอรับ”
โจรสองคนที่ต้องการสังหารต้วนเฟิงหันกลับ และเดินตรงไปที่หลินเฟิงพร้อมกับกริชที่กำลังเรืองแสง
แต่หลินเฟิงยังคงดูสงบและไม่ไหวติง เมื่อโจรสองคนเข้ามาใกล้เขา เขาจึงขยับมือเล็กน้อย
“ดาบเดียวสังหาร”
แสงสีเงินพาดผ่านโจรทั้งสอง ขณะหลินเฟิงดึงดาบออกมาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
การโจมตีด้วยดาบของหลินเฟิงมันทรงพลังมาก ทันใดนั้นได้มีสายเลือด 2 สายสาดกระเซ็นไปทั่วอากาศ และมีเลือดกระเด็นหยดไปที่ม้าของหลินเฟิง
“ขอบเขตจิตวิญญาณ” หัวหน้าโจรกล่าวขณะที่มันดูประหลาดใจ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส: “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงมีท่าทีที่ยิ่งยโสเช่นนี้ เจ้ามีพลังมากพอที่จะสังหารผู้คนกลุ่มอื่นๆ”
ขณะที่กำลังจ้องมองหลินเฟิง เขากล่าวเพิ่มว่า: “แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้อ่อนแอ แต่เจ้าหนู ข้าจะบอกอะไรกับเจ้าให้ ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่เท่ากับความอวดดีของเจ้า และข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าความอวดดีที่แท้จริงในโลกนี้มันเป็นเช่นไร”
ในขณะนั้น พลังอันแข็งแกร่งพุ่งเข้าไปหาหลินเฟิง และกดทับเขา
“เจ้าเห็นรึยัง? ข้าบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 แล้วแต่เจ้ายังอยู่ขั้นที่ 1 เท่านั้น เจ้าไม่สามารถเทียบเคียงข้าได้ เจ้าจะต้องเสียใจกับความอวดดีของตัวเจ้าเอง นอกจากนี้ สหายข้าเกือบทุกคนที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2 แล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นี่สามารถสังหารเจ้าได้อย่างง่ายดาย วันนี้ข้ารู้สึกใจกว้าง โดยปกติแล้วข้าจะสังหารเจ้าทันที แต่วันนี้ข้าจะมอบความเมมตาให้ หากเจ้าเข้าร่วมกองกำลังของข้า และรับใช้ข้าภายใต้คำสั่ง เจ้าจะได้รับการยกโทษสิ่งที่เจ้าทำไปก่อนหน้านี้”
หัวหน้าโจรพยายามทำให้หลินเฟิงประทับใจ แต่ในใจของเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลินเฟิงจะเข้าร่วมกับเขา แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับ หลินเฟิงเป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์มาก ผู้คนที่อายุเท่าเขาน้อยนักที่จะบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณได้ อนาคตของหลินเฟิงนั้นสว่างสไว และหัวหน้าโจรหวังว่าหลินเฟิงจะสามารถทำให้พวกเขาได้รับโชคลาภภายใต้คำสั่งของพวกเขา
“เจ้ายังแข็งแกร่งไม่พอที่จะสู้กับข้า แต่ข้าสามารถสอนเจ้าได้หลายๆอย่าง ถ้าเจ้ามากับข้า ข้าสามารถทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว” หัวหน้าโจรกล่าว
หลินเฟิงจ้องมองหัวหน้าโจรอย่างไม่ไหวติง และเริ่มยิ้ม
“ฝันไปเถอะ” หลินเฟิงกล่าว
หัวหน้าโจรถึงกับมึนงง และถาม: “ข้าเป็นถึงผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะสังหารเจ้าตอนนี้เลยรึไง?”
“ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3… แค่นี้เรียกว่าแข็งแกร่ง เจ้ามาจากไหนกัน?” หลินเฟิงกล่าวด้วยท่าทีเยะเย้ยบนใบหน้าของเขา เขาเริ่มปลดปล่อยพลังปราณออกมาทันที พลังที่ออกมาจากร่างของเขามันมากอย่างไม่น่าเชื่อ
“ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 1?”
“ไม่ เขาอยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2!! เขามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง”
ฝูงชนสามารถรู้สึกได้ถึงพลังปราณที่อยู่รอบๆตัวหลินเฟิง ทุกคนล้วนมึนงงเพราะการที่จะผ่านขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2 ได้ในวัยนี้มันเป็นเรื่องที่พิเศษมาก และยากที่จะบรรลุ
ความสามารถของหลินเฟิงน่ากลัวจริงๆ
แต่พวกเขาไม่มีเวลาที่จะจ้องมองหลินเฟิงมากเกินไป เพราะพลังปราณที่ออกมาจากร่างหลินเฟิงยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“นี่มันอะไรกัน?” โจรหลายคนกล่าวอย่างประหลาดใจ หลินเฟิงแข็งแกร่งขึ้น! เป็นไปได้ไหมว่าเขาอยู่จุดสูงจุดของขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2?
พวกเขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้นที่เห็นความแข็งแกร่งของหลินเฟิงแข็งแกร่งเท่าผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2
“ช่างเป็นอัจฉริยะที่น่าหวาดกลัวอะไรเช่นนี้”
โจรทุกคนสามารถเห็นได้ว่าหลินเฟิงแข็งแกร่งขึ้น และมีพรสวรรค์มากกว่าพวกเขาทุกคนมาก
“ด…เดี๋ยวก่อน พลังปราณ และอำนาจที่เขาปลดปล่อยออกมายังคงทรงพลังมากขึ้น!
หลาดคนประหลาดใจอย่างมาก เป็นไปได้ไหมหรือว่าเขาจะ…
“ตู้มมมมมม”
ฝูงชนทุกคนล้วนประหลาดใจ อำนาจและพลังปราณของหลินเฟิงได้บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 แล้ว และก็หยุดลง
ต้วนเฟิง และจิ้งยวิ๋นถึงกับพูดไม่ออกเพราะความประหลาดใจ และหัวใจของพวกเขาทั้งสองกำลังเต้นกระหน่ำเพราะความตื่นเต้น
เขาเพิ่งอายุแค่ 16 ปี แต่เขาสามารถผ่านไปยังขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 ได้?! ช่างเป็นอัจฉริยะที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้!
“พวกเราต้องการเด็กคนนี้”
หัวหน้าโจรอยากได้หลินเฟิงจริงๆ ถ้าเขาแนะนำหลินเฟิงให้กับคนอื่นๆ บางทีเขาอาจจะได้รับรางวัลก้อนใหญ่ ซึ่งจะเพิ่มสถานะให้เขาและยังได้รับเงินจำนวนมหาศาล
“ข้ายอมรับว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะ แต่เจ้าอยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 เท่านัน้มันยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะพวกข้าได้ พวกข้ามีคนมากพออยู่ที่นี่ และพวกข้าก็สามารถสังหารเจ้าได้อย่างง่ายดาย” หัวหน้าโจรกล่าว และกล่าวเสริมว่า: “อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้ายอมรับข้อเสนอของข้าและเข้าร่วมกับข้า ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของข้า และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าจะมอบตำแหน่งให้เจ้าตามลำดับชั้น และอนาคตของเจ้าจะไม่มีที่สิ้นสุด”
“นอกจากนี้ ถ้าในอนาคตเจ้าต้องการอะไร เจ้าสามารถถามข้าได้ตลอด และข้าจะพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยให้เจ้าบรรลุเป้าหมายนั้น”
“แค่นี้? เจ้ามั่นใจในความสามารถของตัวเองว่าสามารถเอาชนะข้าได้สินะ” หลินเฟิงกล่าวขณะยิ้มอย่างเย็นชา
ในขณะนั้นหลินเฟิงได้ปลดปล่อยพลังปราณ และอำนาจมหาศาลออกมา และควบแน่นมัน ทำให้มันแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว
ในขณะนั้นทุกๆคนสามารถรู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากหลินเฟิงกดทับ และรู้สึกว่าพวกมันกำลังเจาะพวกเขาราวกับใบมีด
“อำนาจดาบ” หัวหน้าโจรกล่าว ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
“แค่นี้เพียงพอสำหรับเจ้าหรือยัง?” หลินเฟิงกล่าวขณะหัวเราะอย่างชั่วร้าย และปลดปล่อยอำนาจดาบออกมามากยิ่งขึ้น ทำให้คราวนี้มันทรงพลังมากกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก
“ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงน่ากลัวจริงๆ! ถ้าข้าอยู่ตรงท่ามกลางปราณดาบพวกนั้น ข้าจะต้องตายภายในพริบตาอย่างแน่นอน”
ต้วนเฟิงกระซิบกับจิ้งยวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างๆเขา จิ้งยวิ๋นเจ้าไม่รู้หรือว่าหลินเฟิงกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ ครั้งสุดท้ายที่เจ้าเจอเขาเขาแข็งแกร่งแค่ไหนกัน
ลุงหวังยังคงจ้องมองไปที่หลินเฟิง และมีความคิดจำนวนมากกำลังหลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าจะคิดหรือจะเชื่ออะไรดี
เมื่อหัวหนาโจรได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ทำให้สีหน้าของเขากลายเป็นน่าเกียด . หลินเฟิงเป็นผู้เชี่ยวชาญดาบผู้ที่สามารถใช้อำนาจของดาบและปราณดาบได้อย่างเชี่ยวชาญ นอกจากนี้พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขาปลดปล่อยพลังออกมามากขึ้น หัวหน้าโจรรู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้น เพราะพลังที่หลินเฟิงกำลังปลดปล่อยออกมามันเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของเขา หลินเฟิงอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขามาก จากนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งต่างๆที่เขาเคยพูดกล่าวกับหลินเฟิงก่อนหน้านี้ และคิดว่าคำพูดของเขามันช่างไร้สาระจริงๆ