ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
“สมาชิกตระกูลต้วนทุกคนต่างมีมัน ท่านปู่และท่านพ่อของข้าเองก็เช่นกัน” ต้วนเฟิงกล่าว หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาถึงสามารถปกครองอาณาจักรได้นานเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะพลังทางสายเลือดที่แข็งแกร่งต่างถูกส่งต่อกันรุ่นต่อรุ่น
ผู้ที่ครอบครองพลังทางสายเลือดต่างมีความแข็งแกร่งที่เหนือธรรมชาติ พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองและส่งต่อไปให้รุ่นต่อไปได้
“เพราะพลังที่เกิดจากจิตวิญญาณทางสายเลือด จะสามารถเปลี่ยนพลังธรรมชาติของคนๆนั้นได้ ถ้าความสามารถตามธรรมชาติเพิ่มขึ้นและส่งผ่านไปยังรุ่นต่อๆไป จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่ถูกส่งผ่าน อย่างไรก็ตามถึงจะแข็งแกร่งแต่ก็ยังมีเด็กบางคนที่อ่อนแอ มันจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้บ่มเพาะเพศชายที่ถือครองจิตวิญญาณทางสายเลือดในการมีภรรยาหลายคนและบุตรจำนวนมาก และทำให้แน่ใจว่าบุตรที่เกิดมาจะมีเชื้อสายบริสุทธิ์”
หลินเฟิงยิ้มแปลกๆ เพราะเด็กบางคนไม่ได้รับพลังที่บริสุทธิ์และมีจิตวิญญาณที่อ่อนแอกว่าเด็กคนอื่นๆ ตระกูลต้วนตัดสินใจว่าการมีลูกหลานทีละมากๆจะเพิ่มโอกาสในการกำเนิดอัจฉริยะออกมา พวกเขาต้องการอัจฉริยะเพียงแค่ 1 คนก็เพียงพอแล้ว หลินเฟิงไม่ค่อยเข้าใจกับตรรกะแบบนี้นัก
“นั่นเป็นเพราะว่ามีเหตุผลมากมายที่เกิดระหว่างสมาชิกตระกูลต้วน…. มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคนจำนวนมากมาอาศัยอยู่ในที่เดียวกัน นอกจากนี้มักจะเกิดการแข่งขันที่รุนแรงและกดดันอย่างมาก ถ้าหากอ่อนแอก็จะถูกตระกูลปฏิเสธ ก่อนหน้านี้ที่ข้าพูดว่าท่านปู่ของข้าจากมาเป็นเพราะมีปัญหากับสมาชิกคนอื่นๆ แต่ข้าคิดว่าที่จริงแล้วท่านปู่ของข้าน่าจะถูกขับไล่ออกมาเพราะเขาอ่อนแอเกินไป และยังมีคนจำนวนมากอีกเช่นกันที่ถูกขับไล่ออกมาเพราะว่าพวกเขาอ่อนแอเกินไป”
ต้วนเฟิงยังคนกล่าวต่อไปในขณะที่หลินเฟิงสงบนิ่งและตั้งใจฟัง ถ้าสมาชิกตระกูลต้วนมีภรรยาหลายคนก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมีบุตรจำนวนมาก นอกจากนี้คนจำนวนมากยังยากที่จะดูแลและมักจะมีปัญหาที่วุ่นวายตามมา
“ลูกหลานทุกคนในตระกูลต้วนล้วนมีจิตวิญญาณทางสายเลือดที่แข็งแกร่ง แต่ผู้ที่ถูกขับไล่ออกมาก็จะพยายามที่จะหลบซ่อนและไม่เปิดเผยตัว แต่ถ้าหากพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นก็จะได้รับการยอมรับให้กลับมาเป็นสมาชิกตระกูลต้วนอีกครั้ง”
“พี่ใหญ่หลินเฟิง ข้ายังซ่อนความจริงบางอย่างกับท่าน ที่ข้าบอกว่าพี่ชายของข้าแนะนำข้าให้กับสำนักสวรรค์ ที่จริงแล้วเขาไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของข้า สถานะของเขายังสูงส่งอย่างมาก เขาคือองค์ชายลำดับที่สองของอาณาจักร เขาคือบุตรชายคนที่สองขององค์จักรพรรดิ เขามีพรสวรรค์และความรู้เกี่ยวกับเรื่องลึกลับมากมาย ทั้งยังทรงพลังอย่างมาก”
บุตรชายของจักรพรรดิ? หลินเฟิงไม่คิดว่าต้วนเฟิงจะรู้จักคนใหญ่คนโตเช่นนี้
“ต้วนเฟิง ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความสามารถตามธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมและมีจิตวิญญาณทางสายเลือด” หลินเฟิงยิ้มให้กับต้วนเฟิง ต้วนเฟิงได้รับเชิญให้ไปเมืองจักรพรรดิโดยองค์ชายลำดับที่สอง เห็นได้ชัดว่าต้วนเฟิงจะต้องมีพรสวรรค์และจิตวิญญาณทางสายเลือดที่บริสุทธิ์
“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินว่าคนผู้หนึ่งจะแข็งแกร่งขนาดไหน สิ่งสำคัญก็คือการหมั่นฝึกฝน พัฒนาความสามารถและทำความเข้าใจกับจิตวิญญาณของตัวเอง แต่จิตวิญญาณทางสายเลือดไม่สามารถแข็งแกร่งได้ตั้งแต่แรกและจำเป็นต้องพัฒนาพลังของมัน ข้าสามารถปลดปล่อยจิตวิญญาณของข้าได้แต่มันก็ยังคงอ่อนแอเกินไป พลังของข้ายังคงห่างไกลกับองค์ชายอยู่มากนัก แต่ก็ยังมีบางคนที่แข็งแกร่งกว่าองค์ชายลำดับที่สอง เขาเป็นคนรุ่นเดียวกับเราและถือว่าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของตระกูลต้วนเขาคืออัจฉริยะที่ทรงพลังที่สุดที่เคยมีมาและยังมีจิตวิญญาณทางสายเลือดที่แข็งแกร่งอย่างมาก”
หลินเฟิงจดจ่ออยู่กับคำพูดของต้วนเฟิง จากคำพูดของต้วนเฟิงดูเหมือนว่าองค์ชายลำดับที่สองต้องเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่แข็งแกร่งแต่ดูเหมือนว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา
“คนๆนั้นคือองค์รัชทายาท เขามีความตั้งใจที่จะปกครองอาณาจักรในอนาคต เขาถูกยกย่องให้เป็นอัจฉริยะในรอบพันปีของตระกูลต้วน เขาแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ 8 ปรมาจารย์รุ่นเยาว์ของอาณาจักร ไม่เคยมีใครมาแย่งอันดับหนึ่งจากเขาได้ มันอาจจะเป็นเรื่องปกติที่รัชทายาทจะทรงพลัง ความสามารถของเขาราวกับไม่มีที่สิ้นสุดและจิตวิญญาณทางสายเลือดของเขาเองก็ยังบริสุทธิ์อย่างมาก นามของเขาคือ ต้วนอู๋เต้า ”
“ต้วนอู๋เต้าคืออัจฉริยะที่แท้จริง เขาเลือดเย็นและแข็งแกร่งอย่างมาก เขาสังหารผู้คนไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน ว่ากันว่าเมื่อต้วนอู๋เต้าทรงพลัง เขาท้าทายอาจารย์ของตัวเอง…. และสังหาร ดูเหมือนว่าถ้าอาจารย์อ่อนแอกว่าเขาก็จะไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นอาจารย์ของเขาอีกต่อไป มีหลายคนที่เกลียดชังเขาแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไร ต้วนอู๋เต้าจะสังหารทุกคนที่ไม่เชื่อฟังเขา!”
สังหารแม้แต่อาจารย์ของตัวเอง… นี่มันโหดร้ายและเลือดเย็นเกินไป!
“ถ้าองค์รัชทายาทคืออัจฉริยะที่แท้จริงและไม่มีใครแข็งแกร่งไปกว่าเขามันคงจะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่น้องชายของเขาองค์ชายลำดับที่สองเองก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน เขาอายุน้อยกว่าองค์รัชทายาทในตอนนี้ แต่เขาจะต้องกลายเป็น 1 ใน 8 ปรมาจารย์รุ่นเยาว์ในอนาคต นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ถ่อมตัวอย่างมากและได้รับการชื่นชมจากคนมากมาย”
หลินเฟิงพยักหน้า เขาเข้าใจสภาพภายในของตระกูลจักรพรรดิมากขึ้นจากการสนทนา
ต้วนเฟิงกล่าวต่อ “องค์รัชทายาทเป็นอัจฉริยะไม่มีผู้ใดกล้าที่จะท้าทายเขา บางทีอาจจะมีแค่องค์ชายลำดับที่สองเท่านั้นทีพอจะต่อกรกับเขาได้ ได้ยินมาว่าทั้ง 2 ไม่ค่อยลงรอยกัน แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มากนัก ข้าได้ยินเรื่องเหล่านี้มาจากท่านพ่อตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ พี่ใหญ่หลินเฟิง ท่านกำลังถามเกี่ยวกับต้วนเทียนหลางใช่หรือไม่ เขาคือคนที่อยู่ใกล้ชิดกับองค์รัชทายาทมากที่สุด”
“เป็นเช่นนี้เอง” หลินเฟิงพยักหน้า “ นั่นคือเหตุผลที่ลุงหวังกล่าวว่าต้วนเทียนหลางส่งข้ามา เพราะเขาต้องการที่จะทำลายมิตรภาพระหว่างเรา ถ้ากล่าวว่าข้าอยู่ข้างเดียวกับต้วนเทียนหลาง มันก็จะหมายความว่าข้าอยู่ข้างเดียวกับองค์รัชทายาทด้วยเช่นกัน”
ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะองค์ชายลำดับที่สองแนะนำต้วนเฟิงให้กับสำนักสวรรค์
แม้ว่าต้วนเฟิงจะตกอยู่ในอันตรายหลายครั้ง แต่องค์ชายลำดับที่สองก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“องค์ชายลำดับที่สองดูเหมือนว่าจะฉลาดมาก ยังไงก็ระวังตัวด้วย” หลินเฟิงเตือน
“ฮ่าๆๆ ไม่มีใครกล้าที่จะขัดขืนองค์รัชทายาท แม้ว่าองค์ชายลำดับที่สองจะไม่เชื่อฟังเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอะไรได้มากนัก ดังนั้นองค์รัชทายาทจึงส่งคนมาสังหารข้าและที่องค์ชายลำดับที่สองไม่พยายามที่จะช่วยเหลือข้าก็ถือเป็นเรื่องปกติ ข้าไม่ได้มีค่ามากพอที่จะเป็นชนวนสงครามระหว่างเขากับองค์รัชทายาท และนำไปสู่หายนะ” แม้ว่าต้วนเฟิงจะกล่าวด้วยรอยยิ้มแต่เขาก็ดูโศกเศร้าอย่างมาก
“บางทีองค์ชายลำดับที่สองและองค์รัชทายาทอาจจะไม่เคยออกไปข้างนอก ดังนั้นวิธีการจัดการปัญหาของพวกเขาคือการมอบหมายงานให้กับคนอื่น นั่นคือวิธีที่พวกเขาใช้”
หลินเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย หลินเฟิงจดจ่ออยู่กับคำพูดของต้วนเฟิงจริงๆ เขาประหลาดใจและประทับใจที่เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทีเช่นนี้ ต้วนเฟิงถือว่ามีความฉลาดมากสำหรับเด็กที่อายุยังน้อย
“ข้ามีคำถาม ถ้าสมาชิกตระกูลต้วนทุกคนที่จิตวิญญาณทางสายเลือด แล้วทำไมต้วนเทียนหลางและบุตรชายของเขาถึงใช้ดาบ?”
“นี่คือสิ่งที่ข้าหมายถึงเมื่อข้าพูดเกี่ยวกับความจริงของจิตวิญญาณทางสายเลือดอาจจะอ่อนแอลงจากรุ่นสู่รุ่น นั่นคือเหตุผลที่ตระกูลต้วนจะต้องมีลูกหลานทีละมากๆ เพื่อให้แน่ใจว่าอย่างน้อยหนึ่งในนั้นจะมีสายเลือดที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจ ถ้าจิตวิญญาณทางสายเลือดอ่อนแอ ผู้บ่มเพาะคนนั้นก็จะมีจิตวิญญาณอื่นซึ่งเป็นจิตวิญญาณที่เหนือกว่า จิตวิญญาณที่โดดเด่นจะผสานเข้ากับจิตวิญญาณทางสายเลือดที่อ่อนแอ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมต้วนเทียนหลางและบุตรชายของเขาใช้จิตวิญญาณดาบ”
“ดังนั้น แม้ว่าจิตวิญญาณทางสายเลือดของพวกเขาจะอ่อนแอ แต่พวกเขาก็มีจิตวิญญาณคู่เช่นกัน”
“ถึงจิตวิญญาณทางสายเลือดและความแข็งแกร่งของมันจะน่าเป็นกังวล แต่ก็มีบางคนมีเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่มีพรสวรรค์เป็นพิเศษผู้ซึ่งมีสายเลือดที่บริสุทธิ์และมีความแข็งแกร่งที่ไร้ขีดจำกัด” ต้วนเฟิงกล่าว แม้ว่าท่าทางของเขาจะแปลกไปแต่ก็ยังกล่าวต่อ “ความจริงแล้ว ข้าสืบทอดจิตวิญญาณทางสายเลือดที่บริสุทธิ์อย่างมากและดึงดูดความสนใจขององค์ชายลำดับที่สอง”
หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย เขาได้คาดเดาไว้แล้วว่าต้วนเฟิงคงจะเป็นอัจฉริยะและมีจิตวิญญาณทางสายเลือดที่บริสุทธิ์ นั่นคือเหตุผลต้วนเฟิงดึงดูดคนถึง 2 ประเภท 1.ผู้ที่ต้องการจะช่วยเหลือในเส้นทางการบ่มเพาะและเห็นความสำคัญในตัวเขา 2.ผู้ที่ต้องการสังหารเขา
ต้วนเฟิงยิ้มและกล่าว “พี่ใหญ่หลินเฟิง เป็นไปได้ไหมว่าท่านไม่รู้จักจิตวิญญาณทางสายเลือด?”
“ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับจิตวิญญาณทางสายเลือดมาก่อน ไม่เคยเห็นต้วนเทียนหลางและบุตรชายของเขาใช้ด้วย ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ที่ครอบครองจิตวิญญาณทางสายเลือดจะแสดงมันต่อหน้าคนแปลกหน้า” หลินเฟิงกล่าว
“พี่ใหญ่หลินเฟิง ท่านช่วยชีวิตของข้าไว้ถึง 2 ครั้ง พวกเราไม่ใช่คนแปลกหน้ากันอีกแล้ว ตอนนี้ท่านเปรียบเสมือนคนในครอบครัวของข้าดังนั้นข้าจะให้ท่านได้เห็นจิตวิญญาณทางสายเลือดของข้า!”
หลังจากที่ต้วนเฟิงกล่าวจบ ปราณแปลกๆเริ่มห่อหุ้มร่างกายของเขาจากนั้นเขาก็ปลดปล่อยจิตวิญญาณออกมา
มีประตูสีดำ 3 บานลอยอยู่เหนือร่างกายของเขา พวกมันปลดปล่อยปราณที่ส่งกลิ่นอายโบราณออกมาราวกับยุคแห่งความตาย ประตูเหล่านี้เปิดออกและนำไปสู่หลุมดำที่ไร้ที่สิ้นสุด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นปลายทางจากตรงนี้
หลินเฟิงมองเขาไปภายในประตูทั้ง 3 บาน ทันใดนั้นภายในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาดขึ้น
“พี่ใหญ่หลินเฟิงถ้าท่านจะต้องเผชิญหน้ากับสมาชิกของตระกูลต้วนในอนาคตท่านจะต้องระวังให้ดี จิตวิญญาณพวกนี้ถูกเรียกว่าประตูปิดผนึก มันสามารถปิดผนึกพลังและความแข็งแกร่งของผู้คนไว้ด้านหลังของบานประตูเหล่านี้ รวมทั้งผนึกชีวิต ยิ่งผนึกไปมากเท่าไร พลังและความแข็งแกร่งก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น องค์ชายลำดับที่สองมี 5 ผนึกและแข็งแกร่งมาก ว่ากันว่าหนึ่งในบรรพบุรุษสามารถผนึกดวงวิญญาณของคน 5,000 คนในการโจมตีเพียงครั้งเดียว”
“เมื่อผู้บ่มเพาะพลังใช้ความสามารถนี้ ผนึกจะปรากฏบนร่างกายของฝ่ายตรงข้าม จากนั้นความแข็งแกร่งและจิตวิญญาณของเขาจะถูกผนึกไว้”
หลินเฟิงถึงกับสะดุ้ง เมื่อเห็นดังนั้นเมิ่งฉิงและต้วนเฟิงเองก็ประหลาดใจและจ้องมองไปที่หลินเฟิง
“นั่นคือ.. ประตูปิดผนึก!” หลินเฟิงถึงกับพูดไม่ออก ปราณที่แข็งแกร่งเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขา ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเคยสัมผัสกับปราณที่แปลกประหลาดนี้ที่ไหน ตอนที่เขายังเป็นเด็กและอยู่กับพ่อของเขาหลินไห่ ได้มีผนึกแบบนี้ปรากฏขึ้นที่ระหว่างคิ้วของเขา!