I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 123 ชายแดนตว้านเริ่น

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“หลินเฟิง!!!” ชายสวมหน้ากากก็คือหลินเฟิงนั่นเอง!… และเขายังเป็นผู้ช่วยชีวิตพ่อของนางเอาไว้?

 

 หลิ่วช่างหลานมองไปที่หน้าของหลินเฟิง เขาเคยพบกับหลินเฟิงเพียง 2 ครั้งและทั้ง 2  ครั้ง หลินเฟิงก็ยังคงสวมหน้ากากเอาไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่หลิ่วช่างหลานเห็นหน้าของเขา

 

 หลิ่วช่างหลานกำลังยิ้มและดูเหมือนอารมณ์ดีอย่างมาก แต่เขาก็พยายามไม่แสดงมันออกมามากนัก

 

 “นี่สินะคนหนุ่มสาว!” หลิ่วช่างหลานพึมพำ “ความลึกลับของเขามีมากแค่ไหนกัน”

 

 ในครั้งแรกที่หลิ่วช่างหลานพบกันหลินเฟิง หลินเฟิงได้พูดบางอย่างซึ่งในขณะนั้นได้ส่งอิทธิพลต่อจิตใจและความคิดของเขาโดยตรง

 

 ครั้งที่สองตอนที่เขาได้พบกับหลินเฟิงก็คือตอนที่หลินเฟิงกำลังโต้เถียงกับต้วนเทียนหลางอย่างดุเดือด เขาได้สร้างความอัปยศให้กับชื่อเสียงของลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราและคนที่กระทำเรื่องที่กล้าหาญเช่นนั้นก็คือชายหนุ่มที่กำลังยิ้มอยู่ตรงนี้

 

 คนเช่นนี้ไม่เพียงต้องฉลาดเท่านั้น เขายังต้องมีความกล้าหาญที่เด็ดเดี่ยว ไม่หวั่นกลัวต่อสิ่งใดและบ้าบิ่นพอที่จะทำให้ต้วนเทียนหลางเสียหน้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก

 

 หลิ่วช่างหลานไม่คิดเลยว่าบุคคลเช่นนี้แท้จริงแล้วยังเยาว์วัยอยู่มาก

 

 “หลินเฟิง เจ้าเพิ่งกล่าวว่าเจ้าเป็น… คนรักของหลิ่วเฟย” ทันใดนั้นหลิ่วช่างหลานก็ทวนในสิ่งที่หลินเฟิงเพิ่งกล่าวไป ใบหน้าของเขาเริ่มแสดงความแปลกใจออกมาและถาม “มันเป็นความจริง?”

 

 ทันใดนั้นหลินเฟิงก็เริ่มอายและเอามือเกาหัวขณะที่ยังคงเงียบ หลิ่วเฟงจ้องมองไปที่เขาอย่างตกตะลึง

 

 “ท่านพ่อ อย่าไปฟังที่ไอบ้านี่พูด เขาเป็นเพียงคนชั่วที่น่ารังเกียจเท่านั้น” หลิ่วเฟยกล่าวด้วยความโกรธที่หลินเฟิงกล้ากล่าวแบบนี้ต่อหน้าพ่อของนางซึ่งทำให้นางอับอายอย่างมาก

 

 “คนชั่วที่น่ารักเกียจ?!”หลินเฟิงดูอึดอัดมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นเขาก็กล่าวกับหลิ่วเฟย “เฟยเฟยทำไมเจ้าถึงไม่บอกถึงสถานะของเราต่อหน้าผู้คน? ถ้าข้าเป็นคนที่ชั่วช้าเจ้าก็เช่นกัน!”

 

 “……………..” หลิ่วเฟยเกือบจะเป็นลม ไอบ้านี่มัน….!!

 

 ดวงตาของหลิ่วช่างหลานเบิกกว้าง เขาไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น!

 

 หลินเฟิงจ้องมองไปยังใบหน้าอันงดงามของหลิ่วเฟยซึ่งทำให้นางเขินอาย ทำไมนางถึงเริ่มกลับมาเรียกเขาว่าคนชั่วช้าอีกครั้ง?

 

 ในขณะที่มองไปยังฉากแปลกๆตรงหน้า ช่วยไม่ได้ที่หลิ่วช่างหลานจะยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวและกล่าว “เฟยเฟย ไม่เป็นไป ข้าเห็นมามากพอแล้ว ไปกันเถอะ”

 

 หลิ่วเฟยมองไปยังหลินเฟิงด้วยความโกรธเคืองจากนั้นก็หันม้าของนางกลับ

 

 คนทั้ง 3 ที่กำลังอยู่บนม้า ทันใดนั้นพวกเขาก็พบกับทหารจำนวนมากของหลิ่วช่างหลาน เมื่อเหล่าทหารเห็นพวกเขาต่างก็หมอบกราบและใช้ศีรษะของพวกเขาโขกกับพื้นทำให้เกิดเสียงดัง

 

 หลินเฟิงประหลาดใจกับการกระทำเหล่านี้อย่างมาก พวกเขาไม่ได้ทำเช่นนี้เพื่อหลิ่วช่างหลาน….หรือหลิ่วเฟย แต่เป็นเขา หลินเฟิง!

 

 “ขอบคุณมาก ที่ช่วยชีวิตท่านแม่ทัพของพวกเราเอาไว้” เหล่าทหารต่างกล่าวอย่างพร้อมเพียงซึ่งทำให้หลินเฟิงรู้สึกมึนงง

 

 “โปรดลุกขึ้น ไม่ต้องทำขนาดนี้หรอก” หลินเฟิงตอบ คนเหล่านี้มีความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อและยังผ่านประสบการณ์เสี่ยงตายมาอีกมากมายตลอดชีวิตของพวกเขา พวกเขาจะหมอบกราบให้กับหลินเฟิงที่เป็นเพียงผู้เยาว์ได้อย่างไร?

 

 “เจ้าหนุ่ม เจ้าไม่เพียงแต่จะช่วยชีวิตท่านแม่ทัพเท่านั้นแต่เจ้ายังช่วยชีวิตกองทหารม้าโลหิตทั้ง 200 คน ถ้าท่านแม่ทัพของพวกเราตาย เมืองของพวกเราจะต้องตกอยู่ในอันตรายและอาจจะถูกรุกราน นั่นหมายความว่าเจ้าได้ช่วยชีวิตของผู้คนจำนวนมากไว้เช่นกัน” หนึ่งในทหารกล่าวขึ้นมาอย่างจริงจังซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับหลินเฟิง เขาไม่เคยนึกถึงสิ่งเหล่านี้มาก่อน

 

 “อ่า ข้าเข้าใจแล้ว แต่ยังไงก็เถอะ โปรดยืนขึ้นมาก่อน”

 

 หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนหยิ่งยโส ทุกคนเข้าใจถึงสิ่งนี้ดี พวกเขาลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นหลินเฟิงลำบากใจ

 

 “เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนแยกย้ายได้” หลิ่วช่างหลานกล่าวขณะโบกมือให้สัญญาณเพื่อบอกให้พวกเขาแยกย้าย

 

 “หลินเฟิง คนเหล่านี้ถือว่าเป็นกองกำลังที่ดีที่สุดของข้า พวกเขาสามารถเป็นผู้นำของคนนับร้อยได้ พวกเขามีเพียง 500 คนเท่านั้น ข้าไว้ใจพวกเขามากกว่าใครๆในโลก ทหารที่ไปยังเมืองจักรพรรดิกับข้าทั้งหมดเป็นผู้คุ้มกัน เจ้าได้ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ ในอนาคตถ้ามีโอกาสพวกเขาจะกลายเป็นผู้ช่วยของเจ้า” หลิ่วช่างหลานกล่าว

 

 หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ “ผู้ช่วย…. ของข้า?”

 

 “ใช่ ผู้ช่วยของเจ้า” หลิ่วช่างหลานพยักหน้าและกล่าวต่อ “เจ้าคงจะตระหนักได้ว่ามีบางคนที่ต้องการที่จะสังหารข้า เมื่อถึงจุดหนึ่งพวกเขาอาจจะทำสำเร็จ… ถ้าในอนาคตเจ้าได้มีส่วนร่วมกับสงครามเหล่านี้ พวกเขาก็จะมาเพื่อช่วยเจ้า”

 

 ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต?

 

 หลินเฟิงสังเกตเห็นประตูทางอื่นและถอนหายใจ พวกเขาอยู่ทางชายแดนทางเหนือของอาณาจักรซึ่งติดกับอาณาจักรอื่น ถ้ามีการโจมตีเกิดขึ้นในสักวันหนึ่ง แม้ว่ามันไม่ควรที่จะเกิดขึ้นก็ตาม ดินแดนของหลิ่วช่างหลานคงจะเป็นที่แรกที่ต้องเข้าร่วมกับสงคราม

 

 “เฟยเฟย เจ้าไปก่อน ข้ากับหลินเฟิงจะไปเดินเล่นกันเสียหน่อย” หลิ่วช่างหลานกล่าว หลิ่วเฟยรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของพ่อของนางอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร

 

 “ก็ได้” นางเพียงพยักหน้า นางไม่ได้กล่าวถามอะไรและจากไป

 

 “หลินเฟิง เดินไปที่ประตูกันเถอะ” หลิ่วช่างหลานกล่าวขณะมองหลินเฟิง

 

 หลินเฟิงรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง เข้าไม่รู้ว่าทำไมหลิ่วช่างหลานต้องการให้หลิ่วเฟยจากไปและให้พวกเขาอยู่ลำพัง

 

 “ก็ได้” หลินเฟิงพยักหน้า พวกเขามุ่งไปยังประตูทางตะวันตกของเมือง มีกองทหารจำนวนมากอยู่ที่นั่น แม้ว่าพวกเขาจะเห็นหลิ่วช่างหลานพวกเขาก็ไม่ได้ออกมาจากตำแหน่งของพวกเขา

 

 ทั้ง 2 ลงจากม้า หลิ่วช่างหลานพาหลินเฟิงไปที่บันไดทางด้านซ้ายของประตู มันนำไปถึงประตูของหอคอยขนาดใหญ่ พวกเขาเดินขึ้นไปด้านบนสุดของหอคอยซึ่งหลินเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึงกระแสลมที่รุนแรงและหนาวเย็นปะทะกับใบหน้าของเขา

 

 หลินเฟิงจ้องมองไปยังทิวทัศน์และรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างมาก

 

 “เมืองตว้านเริ่น เมืองพันใบมีด!” หลินเฟิงคิด

 

 ด้านหน้าของเขามีทุ่งกว้างขนาดใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา มีอาวุธมากมายวางอยู่บนพื้น บางส่วนของพวกมันขึ้นสนิมและเสื่อมไปตามการเวลา

 

 “ตั้งแต่สงคราม ข้าไม่เคยสั่งให้เคลื่อนย้ายอาวุธเหล่านี้ ข้าต้องการที่จะทิ้งมันไว้เพื่อรำลึกถึงเหล่าดวงวิญญาณของเหล่าทหารที่กล้าหาญ” หลิ่วช่างหลานกล่าวอย่างช้าๆ เขาชี้นิ้วออกไป มีรอยดาบขนาดมหึมาที่ตัดภูเขาออกเป็นสองส่วน มันดูคล้ายกับภูเขาที่หลินเฟิงเห็นในนิกายหยุนไห่ มันคือสถานที่ๆหลิ่วช่างหลานบ่มเพาะพลัง

 

 “ตรงนั้นคือเขตชายแดน ถ้าเจ้าไปที่นั่น มันจะมีโอกาสสูงมากที่เจ้าจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้ มันถูกเรียกว่าชายแดนตว้านเริ่น”

 

 “ชายแดนตว้านเริ่น…” หลินเฟิงพึมพำ

 

 “ที่นี่คือชายแดนที่ติดกับอาณาจักรโม๋เยี่ย อาณาจักรโม๋เยี่ยและอาณาจักรหิมะจันทรามีความแตกต่างกันอย่างมาก ในอาณาจักรโม๋เยี่ยพวกเขาไม่มีนิกาย พวกเขารวมเป็นหนึ่งกันอย่างสมบูรณ์ พวกเขามีกองทัพขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจเดียวกัน ถ้าพวกเขาไม่ได้เกรงกลัวกองกำลังของข้าในเมืองตว้านเริ่นพวกเขาคงจะบุกโจมตีไปนานแล้ว” หลิ่วช่างหลานกล่าว เขาได้นำกองกำลังของตัวเองเข้าร่วมกับสงครามครั้งใหญ่อย่างกล้าหาญ เขาได้สร้างตำนานขึ้นมามากมายและทำให้เหล่าศัตรูหวาดกลัว

 

 “หลินเฟิง เจ้าได้เห็นแล้วว่าสถานการณ์ในตอนนี้อันตรายกับข้ามาก ชีวิตของข้าอาจจะถูกช่วงชิงไปตอนไหนก็ได้…”

 

หลินเฟิงเข้าใจว่าทำไมหลิ่วช่างหลานถึงได้ออกจากนิกายหยุนไห่ในอดีต เขาได้ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังเพื่อปกป้องอาณาจักรจากผู้รุกราน ในอาณาจักรหิมะจันทรามีภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอก สถานการณ์ในตอนนี้ซับซ้อนอย่างมาก

 

 

 “หลินเฟิงมีบางอย่างที่ข้าอยากจะขอร้องเจ้า”

 

 หลินเฟิงประหลาดใจ เขาต้องมองไปที่หลิ่วช่างหลาน แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ต้องการทีจะขอร้องบางอย่างจากเขา?

 

“ได้โปรดดูแลเฟยเฟยให้ดีด้วย…” หลิ่วช่างหลานกล่าวอย่างช้าๆ

 

ติดตามได้ที่ – 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments