ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปได้ยินคำสั่งของ ‘เฉิน ฮุ้ย’ องครักษ์สองคนจึงรีบเข้ามาลากผู้จัดการ ‘หลิน’ ออกไปจากผู้คนรอบๆ
” ท่านเจ้าเมือง โปรดเมตตาด้วย ท่านเจ้าเมือง ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยยย! ! ! ! ! “
ผู้จัดการ ‘หลิน’ เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่ว่าเขาจะร้องไห้ อ้อนวอน ขอร้อง เท่าไหร่ ‘เฉิน ฮุ้ย’ และ เหล่าองครักษ์ต่างไม่สนใจเมื่อองครักษ์ลากตัวเขามาถึงลานกว้าง องครักษ์หนึ่งในนั้นชักกระบี่ออกจากเอวและฟันไปที่คอ ของผู้จัดการหลิน ในพริบตาหัวของผู้จัดการหลินกระเด็นหล่นบนพื้น
” โฮ้ววว ~ “
เห็นเช่นนั้น ผู้คนต่างพากันหวาดกลัว ทุกๆคนต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึง ในหัวของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน
” นี่นายท่าน “
หลังจากที่ตัดหัวของผู้จัดการ ‘หลิน’ เรียบร้อย องครักษ์คนหนึ่งนำป้ายทอง – ม่วง มามอบให้ ‘เฉิน ฮุ้ย’ ‘เฉิน ฮุ้ย’ รับป้ายบัญชากลับมา ในขณะที่ยิ้มและพูดกับ ‘ชูเฟิง’
“คุณชาย ชูเฟิงท่านรู้จักเมือง วิหค เพลิง ? “
” หืมมม ? “
‘ชูเฟิง’ ทำหน้า งงๆ ตั้งแต่โตมาจนถึงทุกวันนี้เขายังไม่เคยได้ยินชื่อเมือง วิหค เพลิง มาก่อนเห็นว่า ‘ชูเฟิง’ งงๆ เฉินฮุ้ยยิ้มเบาๆและพยายามอธิบาย
“คุณชาย ชูเฟิง ข้าเชื่อว่า ท่านรู้จัก 9 แคว้น ที่ถูกปกครองภายใต้อำนาจของ ราชวงศ์เจียง และทั้ง 9 แคว้นนี้จะมีการแต่งตั้งตำแหน่งเจ้าเมืองตามแคว้นต่างๆ โดยให้แคว้น กิเลนสายฟ้า เป็นผู้แทนพระองค์ “
” สำหรับ เจ้าเมือง กิเลนสายฟ้า เสมือนเป็นผู้บัญชาการอีกทั้ง 8 เมือง พวกเขาถือว่ามีอำนาจเป็นตะกูลอันดับที่ 2 ที่ได้รับการยอมรับ พวกเขาต่างขยายอำนาจอิทธิพลไปทั่วทั้งอาณาจักร เพื่อให้เมืองต่างๆคอยฟังคำสั่งพวกเขา “
ไม่แน่ใจว่ามันได้ยึดอำนาจของราชวงค์เจียงหรือป่าว แต่จำได้ว่ามีความขัดแย้งภายในตะกูล โดยพี่น้องร่วมสาบานของ’ชูเฟิง ฉี เฟิงหยาง’ ถูกจับตัวไปประหาร เพื่อไม่ให้เขาขึ้นเป็นเจ้าเมือง กิเลน สายฟ้า ต่อมา ‘ชูเฟิง’ ก็บุกไปช่วย
” ส่วนนครทอง – ม่วงของข้าเป็นเมืองสาขาย่อย คนที่มีอำนาจสั่งการนครทอง – ม่วง ไม่ใช่เจ้าเมือง กิเลนสายฟ้า แต่เป็นเมือง วิหค เพลิง “
หลังจากได้ยินคำพูดของ ‘เฮิน ฮุ้ย’ ‘ชูเฟิง’ พอจะเข้าใจ ว่าใครมีอำนาจที่เด็ดขาดใน อาณาจักร มังกรฟ้า ‘ชูเฟิง’ คิดอยู่เสมอว่าราชวงศ์เจียง คือประมุขของ 9 แคว้น หรือ สำนักต่าง หรือกระทั้งดินแดนแห่งนี้
เขายังคิดว่าภายในอาณาจักร มังกรฟ้า สิ่งที่สำนัก หลิน-หยุน เรียกร้องให้ส่งเครื่องบรรณาการให้เขานำไปมอบให้ ราชวงค์เจียง มันดูแปลกๆเขาอาจจะเอาราชวงค์เจียงมาแอบอ้าง เพื่อกดหัวสำนักต่างๆลงไปด้านล่าง
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ทำให้ สำนัก ต่างๆ ไม่ได้รับผลกระทบเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริง เขากลับกอบโกยผลประโยชน์ไว้ในมือของตัวเอง
” ตอนนี้อาณาจักร ถูกแบ่งออกเป็น 8 ส่วน ตำแหน่งประมุขของแคว้นนี้จริงๆแล้วอยู่ภายใต้อำนาจของเมือง วิหค เพลิง ดังนั้นอีกภายใน 10 วัน เมือง วิหค เพลิง จะมีการจัดงานประลองยุทธ “
” การจัดงานประลองครั้งนี้เพื่อหาบุคคลที่เก่งกาจที่สุดและเพื่อดูทักษะยุทธของหนุ่มสาว สมัยนี้ ยังไงก็ตาม ถ้าบอกว่าหนุ่มสาวก็ต้องมีการจำกัดอายุ คนที่มีอายุน้อยกว่า 18 เท่านั้นถึงสามารถเข้าร่วมได้ “
” ถึงแม้ว่าท่านยังดูเด็ก แต่ความสามารถท่านเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งคนที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร ดังนั้น ข้าต้องการให้ท่านเป็นตัวแทน นครทอง – ม่วง เพื่อเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ “
‘เฉิน ฮุ้ย’ พูด
” แล้วข้าจะได้อะไรเป็นการตอบแทน จากการเอาตัวเข้าไปถูกอัด ? “
‘ชูเฟิง’ ถาม
” หากท่านยอมเข้าร่วมเฉยๆ ก็ไม่ได้อะไรตอบแทน แต่ถ้าหากท่านเป็นผู้ชนะเลิศ ท่านจะได้ ลูกแก้ววิญญาณ 5000 เม็ด “
‘เฉิน ฮุ้ย’ กล่าว
” งั้นหรอ น้อยไปหน่อยแต่ข้าจะเข้าร่วมก็ได้!!! “
‘ชูเฟิง’ หยักหน้า เห็นได้ชัดว่า ลูกแก้ว 5000 เม็ด มันล่อตาล่อใจเขายิ่งนัก
” ท่านตัดสินใจได้แล้วสินะ ข้าจะมอบป้ายบัญชา ทอง – ม่วง ไว้กับท่าน “
” ท่านสามารถเข้า – ออก นครทอง – ม่วง ตอนไหนก็ได้ที่ท่านต้องการ จากนี้ 5 วัน ข้าขอให้ท่านเดินทางมาพบข้าก่อนและข้าจะพาท่านไปยัง เมือง วิหค เพลิง “
หลังจากที่ ‘เฉิน ฮุ้ย’ มอบป้ายทอง – ม่วง ให้ ชูเฟิง แล้ว เขาก็พากองกำลังกลับไป ขณะนั้น ผู้คนต่างลืมหายใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
มองไปยังมือซ้ายที่กำลังถือป้ายบัญชาการ และหันมามองยังมือขวาที่ถือลูกแก้ววิญญาณ 1000 เม็ด ‘ชูเฟิง’ ก็เริ่มขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล อยู่ดีๆเจ้าเมืองก็ดีกับเขาซะงั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
หลังจากคิดอยู่หลายตะหลบเขาก็ไม่พบคำตอบ ‘ชูเฟิง’ จึงเลิกคิด เขายกป้ายบัญชาการในมือของเขาขึ้นมาและกล่าวกับผู้คนรอบๆว่า
” มีผู้ใดบ้างที่คิดจะขัดคำสั่งตะกูล ชู ของข้า ? “
“ข้าน้อย ขอกระทำสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าน้อย จักยอมตาย เพื่ออิสรภาพ และความสงบของตะกูล ชู ข้าน้อย จักอยู่ในศีลธรรมที่พระถังตั้งไว้ข้าน้อย จะเทิดทูนและรักษาไว้ ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีแห่ง ตะกูล ชู ตลอดไป”
“ข้าน้อย จักรักษาไว้ ซึ่งการปกครองภายใต้คำสั่งของตะกูล ชู ที่มี นายน้อย ชูเฟิง เป็นประมุข ข้าน้อย จักเชื่อถือผู้บังคับบัญชา และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ทั้งจักปกครองแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความยุติธรรม”
“ข้าน้อย จะไม่แพร่งพรายความลับของตะกูลเป็นอันขาด หากผิดความพูดใดๆ พวกเราขอให้ฟ้าดินลงทัณฑ์”
‘ชูเฟิง’ พูดจบประโยค พวกคนรอบๆบริเวณนั้นต่างพากันนั่งคุกเข่าลง พร้อมกับให้สัจจะ ด้วยเสียงที่ดังกึกก้องถ้าจะพูดแล้ว ก่อนหน้านี้ แม้ว่าพวกเขาจะยอมรับ แสดงความภักดี ต่อ ‘ชูเฟิง’ เพราะพวกเขาถูกบังคับโดยพลังของ ‘ชูเฟิง’
ในตอนนี้ พวกเขาก็แสดงความภักดี เพราะพวกเขาถูกบังคับโดยอำนาจพื้นหลังของเจ้าเมือง นครทอง – ม่วง ที่คอยสนับสนุนตะกูล ชู จึงไม่มีผู้ใดคิดต่อต้าน ‘ชูเฟิง’
” งั้นดี แต่ข้ามีบางอย่างอยากจะพูด ก่อนหน้านี้พวกเจ้าก็แค่ผายลมให้สัจจะกลับข้าแล้วเจ้าก็ไปคุกเข่าให้ไอบ้า หลิว ซึ่งเป็นการทรยศต่อข้า หากสิ้นคนภักดีด้วยใจ ข้า ชูเฟิง จะสังหารมันให้หมดสิ้น “
” งั้นนายน้อย จะให้พวกเราแสดงความภักดีต่อตะกูล ชู เช่นไร ต่อให้บุกน้ำลุยไฟพวกเราก็จะทำ “
” ฆ่าคนที่มาจากเสือร้ายแห่งสำนักคุ้มภัย ตะกูล สู่ ตะกูล ม่า ตะกูล หวัง ตะกูล จ้าว และ ตะกูล หลี่ ทั้งหมดซะ “
” หาาา ~ “
เมื่อ ‘ชูเฟิง’ พูดออกมา ทุกคนต่างพากันประหลาดใจ แม้แต่คนตะกูล ชู ยัง ก็ยังไม่เว้น พวกเขาตกใจกันอย่างมาก พวกเขาต่างคิดว่าหลังจากนี้แค่ต้องการให้พวกตะกูลจ้าวและตะกูลหลี่ ยอมจำนวน แต่คิดไม่ถึงว่า ‘ชูเฟิง’ จะต้องกวาดล้างพวกเขาทั้งหมด
‘ชูเฟิง’ มีอายุแค่ 15 ปี กลับมีคำสั่งเช่นนี้ ซึ่งเป็นวิธีการที่โหดเหี้ยมยิ่งนัก แม้แต่ผู้ใหญ่หลายๆคนยังไม่มีความคิดเช่นนี้หลังจากที่ ตกใจอยู่พักหนึ่ง พวกเขาก็ปรับตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มจู่โจมสังหารคนจากตะกูล จ้าว ตะกูล หลี่ และ คนจากเสือร้ายแห่งสำนักคุ้มภัย เพื่อแสดงความภักดีของพวกเขา
พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ลงมือตามคำสั่งในสายตาของ ‘ชูเฟิง’ แม้จะเก็บพวกเสือร้ายแห่งสำนักคุ้มภัย ตะกูล หลี่ ตะกูล จ้าว เอาไว้ สักวันหนึ่งพวกเขาก็ต้องทรยศ หรือกลับมาล้างแค้นอยู่ดี เพื่อไม่ให้คนอื่นถูกลอบทำร้าย จึงจำเป็นต้องสังหารพวกเขาที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด
เออ!! จะฆ่าใครแบบโหดๆ ก็ต้องมีเหตุผลที่สมควร ไม่งั้นมันจะถูกหาว่าเป็นไอโรคจิต ยังไม่จบเพียงแค่นั้น หลังจากที่สังหารคนเหล่านั้นเสร็จสิ้น ‘ชูเฟิง’ รวบรวมกำลังคนที่อยู่นี่ แบ่งพวกเขาออกเป็นกลุ่ม
จากนั้นก็มีคำสั่งให้พวกเขาไปไล่ล่า เสือร้ายแห่งสำนักคุ้มภัย ตะกูล สู่ ตะกูล หวัง ตะกูล ม่า ตะกูล จ้าว และ ตะกูล หลี่ ที่เหลือ เพื่อกำจัดพวกเขาออกไปให้หมดสิ้นจากรอบๆยอดเขาชูพิง
ขณะที่ ‘ชูเฟิง’ กำลังจะไปไล่ฆ่าอยู่นั้น ‘เฉิน ฮุ้ย’ และกองทัพกำลังเดินทางกลับนครทอง – ม่วง
” นี่ๆ นายท่าน คิดจะมอบเมือง เหล็กนิลที่มีค่ามหาศาลให้กับ ตะกูล ชู จริงๆหรอ ? แล้วเราจะทำยังไงกับภาษีในปีนี้ที่ต้องส่งให้ เมืองวิหค เพลิง ? “
ผู้ติดตามคนหนึ่งถาม
” แล้วจะให้ข้าทำยังไงล่ะ ? จะให้ข้าสู้กับคนๆนั้นอ่ะนะไม่ไหวหรอก ถ้าภาษีไม่มีในปีนี้ก็แค่ผ่อนผันไปก่อน อย่างมากก็แค่ได้รับโทษนิดหน่อย ยังไงก็เถอะ หากทำให้ท่านผู้นั้นไม่พอใจ และนางไปบอกบิดาของนางว่าข้าหยาบคาย บางทีข้าอาจจะหัวขาดเลยก็ได้ “
ถามไม่คิดเด๋วตบคอพลับกล่าวถึงปัญหาแล้ว ‘เฉิน ฮุ้ย’ เต็มไปด้วยสีหน้ากุ้มใจ แต่เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เขาก็ยังกลัวไม่หาย
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . .
ที่มา: