ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเหล่าผู้ที่เคยเป็นศิษย์ของนิกายหยุนต่างจ้องมองไปที่หลินเฟิงหรือพูดให้ถูกก็คือพวกเขามองไปยังแหวนที่หลินเฟิงสวมอยู่ พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ผู้ที่ยินดีจะติดตามข้า จงยืนขึ้น” หลินเฟิงกล่าว
หัวใจของเหล่าศิษย์จากนิกายหยุนไห่เต้นไม่เป็นจังวะ แม้ว่าพวกเขาจะประหลาดใจแต่ก็เกิดประกายความหวังในดวงตาของพวกเขา นั่นคือแหวนของประมุขนิกายดังนั้นชายคนนี้อาจจะเป็นศิษย์ของนิกายหยุนไห่เหมือนกับพวกเขา!
“ข้ายินดีที่จะติดตามท่าน”
ในตอนนั้นเอง ร่างๆหนึ่งลุกขึ้นยืนและเดินไปยังด้านหน้าของห้องขัง เขาดูตื่นเต้นอย่างมาก
“ข้าก็ยินดีที่จะติดตามท่านด้วยเช่นกัน”
“ข้าด้วย”
“ข้าด้วย”
เหล่าทาสเริ่มแสดงตัวและลุกขึ้นยืนมากขึ้นเรื่อยๆ ฉากดังกล่าวสร้างความตกตะลึงให้กับพ่อค้าทาสอย่างมาก ทำไมทาสเหล่านี้จึงยินดีที่จะติดตามหลินเฟิง? ไม่ใช่ว่าหลินเฟิงต้องการที่จะพาพวกมันไปตายหรอกหรือ? เป็นไปได้ไหมว่าพวกมันจะได้รับความอัปยศเกินไปจนต้องการที่จะตาย?
ป้าเตาและอีเสวี่ยก็ประหลาดใจเช่นกัน พวกเขามองไปที่หลินเฟิงเพื่อที่จะพยายามเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น หลินเฟิงเพิ่งจะกล่าวไปว่าเขากำลังมองหาทาสที่จะใช้ในการเปิดทางจากเหล่าสัตว์อสูรที่ดุร้าย แล้วทำไมทาสเหล่านี้ถึงเต็มใจที่จะไปกับเขา?
ทาสมากกว่า 30 คนยืนขึ้นและเดินมายังด้านหน้าของกรง หลินเฟิงถอนหายใจออกมา จำนวนผู้ที่รอดชีวิตมาจากวันนั้นล้วนแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกสังหารแต่ชีวิตของพวกเขาก็อยู่ความไกลจากความสุขมากนัก พวกเขากลายเป็นทาสและมีอีกจำนวนมากที่ตายไปในลานประลองเชลย บางคนก็ถูกขายไปในตลาดแลกเปลี่ยนทาสก่อนหน้านี้
“ปล่อยพวกมัน ข้าจะซื้อพวกมันทั้งหมด” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส ประกายแสงแวบผ่านตาของพ่อค้าทาส เขาพยักหน้าเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจสิ่งทีเกิดขึ้นแต่เขาก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธการซื้อทาสจำนวนมากในครั้งนี้ได้ ไม่ใช่ทุกวันที่เขาจะโชคดีเช่นนี้
“ท่านแน่ใจหรือว่าท่านต้องการให้ข้าปลดปล่อยทาสเหล่านี้?” ทันใดนั้นพ่อค้าทาสก็ไม่ได้ยิ้มอีกต่อไป เขากลับกลายเป็นจริงจังและสงบนิ่งราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน
หลินเฟิงจ้องมองพ่อค้าทาสด้วยสายตาแปลกๆ แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้และรู้สึกโล่งใจในทันที พ่อค้าทาสน่าจะกังวลว่าหลินเฟิงจะไม่แข็งแกร่งพอและอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีหากเขาไม่สามารถควบคุมทาสได้
“ใช่ ปล่อยพวกมันออกมา” หลินเฟิงหยักหน้า เห็นได้ชัดว่าพ่อค้าทาสกังวลถึงความแข็งแกร่งของเขา ซึ่งมันจะต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอนหากเขาไม่สามารถที่จะควบคุมทาสเหล่านี้ได้
“หากท่านยืนยันเช่นนั้น ข้าก็จะปลดปล่อยพวกมัน” พ่อค้าทาสกล่าวพลางพยักหน้า พ่อค้าทาสเดินไปยังกรงขนาดใหญ่ซึ่งมีทาสจำนวนมากอยู่ในนั้นและเปิดมันออก จากนั้นเขาก็กล่าว “ผู้ที่เต็มใจจะติดตามเขา จงก้าวออกมาทีละคน หากพวกเจ้ากล้าตุกติก โทษสถานเดียวคือตาย!”
เมื่อพ่อค้าทาสกล่าวเสร็จพลังงานที่น่ากลัวก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขา หลินเฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย
พ่อค้าทาสทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 7 ซึ่งถือได้ว่าแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง เขาดูแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างมาก
เหล่าทาสต่างก้มหัวศีรษะลงและเดินออกมาจากห้องทีละคน ภายในใจของพวกเขากำลังตื่นเต้นอย่างมาก จากนั้นทาสทั้ง 32 คนก็มายืนอยู่ด้านข้างหลินเฟิง
“ทั้งหมดเท่าไร่?” หลินเฟิงถามอย่างสงบ
“ทาส 8 คนอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณขั้นแรก, 9 คนอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2, 7 คนอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3, 5 คนอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 4, 3 คนอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 5 และอีก 1 คนอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 6 ทั้งหมดก็เป็นหินบริสุทธิ์ระดับกลาง 3,400 ก้อนขอรับ” พ่อค้ากล่าวหลังจากคำนวณอย่างถี่ถ้วน
หลินเฟิงหยักหน้าเล็กน้อย เขาเพียงแค่สะบัดมือ ทันใดนั้นหินบริสุทธิ์จำนวนมากก็ปรากฏออกมาและกองอยู่ด้านหน้าของเขา
หลายคนต่างตกตะลึง หลินเฟิงสามารถเก็บของไว้ในช่องว่างมิติได้ มันไม่ง่ายเลยที่จะมีใครประสบความสำเร็จได้เช่นนี้
“เจ้าสามารถนับพวกมันได้หากเจ้าต้องการ”
พ่อค้าทาสจ้องมองไปที่ก้องหินบริสุทธิ์และยิ้มกว้าง “มิกล้าขอรับ ตอนนี้ทาสเหล่านี้เป็นของท่านแล้ว”
“อืม” หลินเฟิงพยักหน้าและหันกลับไปกล่าวกับพวกทาส “ตามข้ามา”
เมื่อหลินเฟิงกล่าวเสร็จ เขาก็เริ่มเดินจากไปพร้อมกับกลุ่มทาสทั้ง 32 คน ย่างก้าวของพวกเขาดูน่าประหลาดใจ มันราวกับเป็นรูปขบวนและดูเป็นระเบียบอย่างมาก
มันไม่เหมือนว่าคนเหล่านี้มาจากการแลกเปลี่ยนทาส รูปแบบการเดินของพวกเขาแปลกประหลาดเกินไป มันคล้ายกับว่าหลินเฟิงเป็นแม่ทัพและเหล่าทาสเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งติดตามเขาอย่างเป็นระเบียบ
พ่อค้าทาสมองด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็กล่าว “นายท่าน ขอบพระคุณที่มาอุดหนุนขอรับ!”
การเดินบนถนนใหญ่พร้อมกับทาสทั้ง 32 คนจะดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบข้าง คนภายนอกสามารถมองเห็นสัญลักษณ์ทาสได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ พวกเขายังอยู่ในตลาดแลกเปลี่ยนทาส หากพวกเขาออกไปด้านนอก ก็จะยิ่งกลายเป็นจุดสนใจของคนจำนวนมากในทันที
………………
ในคฤหาสน์ที่ไม่ไกลจากลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา หลินเฟิง, ป้าเตา, อีเสวี่ยและทาสทั้ง 32 คนกำลังบ่มเพาะพลังอยู่
สถานที่แห่งนี้ มีศาลาอยู่ตรงกลางพร้อมด้วยสะพานเล็กๆรวมไปถึงสระขนาดย่อม นี่คือคฤหาสน์ที่หลินเฟิงเพิ่งจะซื้อมา เขาใช้หินบริสุทธิ์ระดับปานกลาง 500 ก้อนในการซื้อคฤหาสน์ซึ่งมีราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อ
หลินเฟิงต้องการสถานที่ให้เหล่าทาสได้อยู่อาศัย สำนักสวรรค์ไม่ใช่ที่ของเขา แม้ว่าเขาจะได้รับประโยชน์จากสำนักสวรรค์แต่เขาก็ไม่ต้องการดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยการนำทาสจำนวนมากติดตามเขาไปด้วย มันดูไม่เหมาะสม
ทาสแต่ละคนมาจากนิกายหยุนไห่ พวกเขาจ้องมองไปที่หลินเฟิง พวกเขาอยากรู้อย่างมากว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร?
ใครกันที่สามารถสวมแหวนของประมุขได้?
หลินเฟิงเหลือบมองอย่างสงบไปที่พวกเขา “พวกเจ้าคงผ่านความลำบากมามาก”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็นำมือไปจับที่หน้ากากซึ่งทำให้หัวใจของเหล่าทาสเริ่มเต้นระรัว หลินเฟิงค่อยๆถอดหน้ากากออกมาช้าๆ
“อึก!” ใบหน้าของหลินเฟิงทำให้ทั้งกลุ่มตกใจอย่างมาก ทุกคนล้วนแต่รู้จักเขา เขาคือหลินเฟิง! เขาคือตัวตนที่พิเศษและผิดธรรมชาติของนิกายหยุนไห่!
ย้อนกลับไปก่อนที่นิกายหยุนไห่จะถูกกวาดล้าง หลินเฟิงยืนหยัดอย่างกล้าหาญ เขาสังหารศิษย์ภายในของนิกายและยังมอบความพ่ายแพ้ให้กับสุดยอดหัวกะทิอย่างเหวินเริ่นเหยียน หลินเฟิงเป็นดังเฉกเช่นวีรบุรุษในสายตาของเหล่าศิษย์ด้วยกัน
ในลานประลองแห่งชีวิต หลินเฟิงทำให้ประมุขนิกายหยุนไห่สำนึกในการกระทำที่ผ่านมาของตนเองและสะท้านให้เห็นถึงความผิดพลาดของเขา หลินเฟิงบ้าบิ่นอย่างมากที่กล้าตำหนิหนานกงหลิงต่อหน้าผู้คน!
หลินเฟิงกลายเป็นความหวังในอนาคตของนิกายหยุนไห่ ทุกคนรู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็ว หลินเฟิงจะต้องนำพานิกายกลับไปสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้งหรือแม้แต่อาจจะยิ่งใหญ่กว่าครั้งในอดีตที่ผ่านมา
แต่ยังไม่ทันได้เริ่ม นิกายหยุนไห่ก็ต้องตกเป็นเหยื่อของโศกนาฏกรรมที่โหดร้าย
และในตอนนี้เอง พวกเขาก็ได้เห็นหลินเฟิงด้วยตาของตัวเองอีกครั้ง หัวใจของพวกเขาพองโตเมื่อเห็นว่าความหวังของนิกายหยุนไห่ยังมีชีวิตอยู่ หลินเฟิงปฏิเสธข้อเสนอของต้วนเทียนหลางเพราะเขายึดมั่นในหนทางของตัวเองและทำให้เหล่าศิษย์ของนิกายต่างเลื่อมใสในตัวเขา
หลินเฟิงยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!
หลินเฟิงปลดปล่อยพวกเขาจากสถานะทาส พวกเขาไม่ต้องการที่จะเป็นทาสอีกต่อไปและต้องการทวงคืนความเป็นมนุษย์ นับจากนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานและขมขื่นกับความอัปยศอีกต่อไป
“ไม่จำเป็นต้องมองข้าแบบนั้นและไม่ต้องตื่นเต้นเกินไป อย่าลืมว่าบนใบหน้าของพวกเจ้ายังมีสัญลักษณ์ทาสอยู่ ในใจของพวกเจ้ายังคงเต็มไปด้วยความอัปยศที่ไม่มีที่สิ้นสุด” หลินเฟิงกล่าว
ถูกต้อง สัญลักษณ์ทาสยังคงอยู่บนใบหน้าของพวกเขาดังนั้นสถานะทาสของพวกเขาก็ยังคงอยู่เช่นกัน
“พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่านิกายของพวกเราถูกทำลายยังไง? พวกเจ้ายังคงจดจำใบหน้าของคนที่ยัดเยียดสัญลักษณ์เหล่านี้ไว้บนใบหน้าของพวกเจ้าได้หรือไม่?” หลินเฟิงกล่าวซึ่งทำให้กลุ่มคนเหล่านี้เต็มไปด้วยความเกลียดชัง พวกเขาเกลียดต้วนเทียนหลาง มันคือคนที่ทำลายนิกายหยุนไห่และทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นทาส
“เพราะนิกายหยุนไห่อ่อนแอและไม่มีพลังเพียงพอที่จะปกป้องตัวเองดังนั้นจึงถูกทำลาย มันก็เหมือนที่พวกเจ้าอ่อนแอจึงทำให้ต้องกลายมาเป็นทาสและต้องแบกรับความอัปยศในทุกๆวัน หากพวกเจ้าไม่มีพลังเพียงพอก็ไม่อาจที่จะหลุดพ้นจากสถานะทาสได้ พวกเจ้าก็ยังคงเป็นเหมือนก่อนหน้านี้และถูกใช้งานเยี่ยงสัตว์”
แม้ว่าคำพูดของหลินเฟิงจะดูโหดร้ายไปบ้างแต่ก็ทำให้หัวใจของทุกคนเต้นเร็วขึ้น หากพวกเขาไม่แข็งแกร่งขึ้นก็จะไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้
“หากพวกเจ้าเบื่อหน่ายกับความอัปยศที่ได้รับและต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมเพื่อที่จะไม่ให้เป็นทาสไปตลอดชีวิต ก็มีเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น” หลินเฟิงหยุดไปชั่วครู่และกวาดตามองไปยังทุกคน “พวกเจ้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น! แข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ! เฉพาะผู้ที่มีพลังเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเองได้!”
ติดตามได้ที่ –