I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 168 หวงห้าม!

| Peerless Martial God | 1542 | 2337 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“แข็งแกร่งขึ้น!” บรรดาศิษย์นิกายหยุนไห่ต่างหน้าแดงเพราะความโกรธเกรี้ยว หลินเฟิงพูดถูก ถ้านิกายหยุนไห่แข็งแกร่งแล้วใครจะสามารถทำลายได้? ถ้าพวกเขาแข็งแกร่งพอพวกเขาจะไม่ถูกประทับตราทาสลงบนใบหน้าของพวกเขา

 

ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งสามารถทำลายได้แม้กระทั่งนิกายหรืออาณาจักร นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งจริงๆสามารถทำได้พวกเขาสามารถเขย่าสวรรค์หรือแม้แต่ปฐพีได้ อย่างไรก็ตามผู้คนที่อ่อนแอบนโลกใบนี้จะถูกข่มขู่ และกลายเป็นทาสและได้จะถูกปฏิบัติเยี่ยงสัตว์ นี่คือชะตากรรมของนิกายที่อ่อนแออย่างนิกายหยุนไห่ได้เผชิญ

 

หลินเฟิงมองไปที่ฝูงชนและรู้สึกว่าคำพูดของเขามีผลกระทบ พวกเขาทั้งหมดกำลังกำมือแน่นสามารถเห็นเส้นเลือดบนแขนของพวกเขาได้ หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความอัปยศ ในตอนนี้พวกเขาต่างรู้ความหมายที่แท้จริงของคำว่าอัปยศและความอับอายแล้วพวกเขาเข้าใจว่าในโลกนี้คนที่อ่อนแอมักจะอยู่ภายใต้ความเมตตาของคนที่เเข็งแกร่ง ถ้าพวกเขามีความมุ่งมั่นและมีเจตจำนงที่แข็งแกร่ง เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น

 

ทันใดนั้นเทคนิคการเคลื่อนที่บางอย่างและทักษะต่อสู้ได้ปรากฏออกมาขณะหลินเฟิงสบัดมือ พวกมันเป็นเทคนิคและทักษะที่มาจากอารามของนิกายหยุนไห่ ตอนนี้เขาได้กลายเป็นประมุขแล้ว; เขาจำเป็นต้องช่วยศิษย์เหล่านี้ให้แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะและเทคนิคพวกนี้

 

“ก่อนที่ประมุขหนานกงหลิงจะเสียชีวิต เขาได้แต่งตั้งข้าเป็นประมุขนิกายคนใหม่ของนิกายหยุนไห่ ทักษะการต่อสู้และเทคนิคเคลื่อนที่เหล่านี้ล้วนอยู่ในระดับลึกลับ พวกเจ้าสามารถหาทักษะหรือเทคนิคที่เหมาะสมกับพวกเจ้าได้ หากพวกเจ้าเจอทักษะที่เหมาะสมแล้ว ก็ฝึกฝนมันให้สมบูรณ์แบบเสีย”

 

หลินเฟิงวางทักษะและเทคนิคลงบนพื้น ทุกๆคนต่างมึนงง ทักษะต่อสู้และเทคนิคการเคลื่อนที่เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้บ่มเพาะพลังทุกๆคน

 

ศิษย์หลายคนวิ่งเข้าไปเพื่อเลือกทักษะการต่อสู้และเทคนิคการเคลื่อนที่ แต่ก็มีศิษย์หลายคนที่ยืนอยู่กับที่ขณะจ้องมองไปที่หลินเฟิง

 

“กลับมา!”  หลินเฟิงเคลื่อนตัวไปข้างหน้าและระเบิดพลังปราณออกมา และอำนาจของมันแพร่กระจายไปทั่วอากาศ ซึ่งทำให้หลายคนที่กำลังเลือกทักษะด้วยความโลภต่างตกใจ และเงยหน้าขึ้นมองหลินเฟิง

 

“ข้าบอกให้พวกเจ้ากลับมา!”

 

หลินเฟิงตะโกน เขาดูเยือกเย็นอย่างมาก ทำให้กลุ่มศิษย์ไม่เข้าใจว่าทำไมหลินเฟิงถึงโกรธเกรี้ยวแต่พวกเขาก็ถอยกลับไปรวมกับศิษย์คนอื่นๆที่รออย่างอดทน

 

“ท่านประมุข”. กลุ่มศิษย์บางคนที่ไม่ได้วิ่งเข้าไปเลือกทักษะก่อนหน้านี้ มีบางคนได้ตัดสินใจโค้งคำนับหลินเฟิงและให้เกียรติเขา ส่วนผู้ที่วิ่งไปเลือกทักษะก่อนหน้านี้เข้าใจ และโค้งคำนับหลินเฟิงเช่นกัน และกล่าวว่า “ท่านประมุข”

 

หลินเฟิงมองไปที่เหล่าศิษย์อย่างเย็นชาและกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “พวกเจ้าทุกคนทำให้ข้าผิดหวัง”

 

เมื่อพวกเขาได้ยินหลินเฟิงกล่าว ทำให้พวกเขาประหลาดใจ

 

“ข้าไม่อยากได้ยินพวกเจ้าเรียกข้าว่าประมุข ข้าเพียงแค่อยากทดสอบว่าจะมีพวกเจ้าสักกี่คนที่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อเผชิญหน้ากับความโลภคนที่มีความโลภจะไม่สามารถมีจิตใจที่แข็งแกร่งได้ พวกเขาจะไม่คำนึงถึงคนรอบข้างและจะทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น ข้ากำลังจะบอกพวกเจ้าว่า พวกเจ้ามันโง่เง่ามาก”

 

หลินเฟิงกล่าวอย่างหยาบคาย ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะพวกเจ้าเป็นทาสมานานเกินไปหรือเปล่า แต่ก็มีบางคนในหมู่พวกเจ้าไม่มีเกียรติและความซื่อสัตย์อีกต่อไป พวกเจ้าคิดว่าข้าอยากได้ยินพวกเจ้าเรียกข้าว่า “ประมุข” รึ? พวกเจ้าคิดว่าข้าต้องการคนที่เรียกข้าว่าประมุขเพราะข้าเป็นคนหนึ่งที่มีพลังอำนาจงั้นรึ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพลังอำนาจของคนผู้นั้นเปลี่ยนแปลงไป?”

 

“พวกเจ้าทุกคนทำให้ข้าผิดหวัง”

 

หลินเฟิงย้ำกับตัวเองอีกครั้ง ทำให้แก้มของศิษย์นิกายหยุนไห่ผู้ที่กำลังโค้งคำนับหลินเฟิงแดงก่ำ

 

พวกเจ้าคิดว่าข้าติดหนี้อะไรบางอย่างกับพวกเจ้างั้นรึ? ข้าจ่ายหินบริสุทธ์ระดับปานกลางไปกว่า 1000 ก้อนเพื่อซื้ออิสระให้พวกเจ้า

 

หลินเฟิงจ้องมองไปที่กลุ่มศิษย์และกล่าวต่อว่า “แน่นอนอาจเป็นเพราะว่าพวกเจ้าใช้ชีวิตเยี่ยงสัตว์มันอาจทำให้เจ้าลืมวิธีปฏิบัติกับผู้ที่มีประคุณ สิ่งที่ข้าพูดเป็นเพียงแค่การเตือนสติของพวกเจ้าถึงความหมายของคนดี พวกเจ้าต้องจำไว้ว่าในอนาคตเจ้าจะต้องนึกถึงคนอื่นและความเสียสละ หรืออาจจะเป็นความตายในอนาคตก็ได้ “

 

“จำไว้ว่าข้าไม่อยากได้ยินเรื่องไร้สาระ เพราะข้าได้ยินจากคนปัญญาอ่อนมามากพอแล้ว”

 

กลุ่มศิษย์จ้องมองไปที่หลินเฟิงและส่ายหน้าเล็กน้อย พวกเขาตระหนักว่าพวกเขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างแท้จริง

 

“จำไว้ว่าพวกเจ้าเป็นคนตัดสินใจทางเลือกของพวกเจ้าเอง” หลินเฟิงกล่าว ทันทีหลังจากนั้น เขาก็หันหลังกลับและเริ่มเดินจากไขณะที่กล่าวว่า “พวกเจ้าสามารถเลือกทักษะเเละเทคนิคที่อยู่บนพื้นได้ตามสบาย พวกเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากที่นี่ ใช้เวลาเพื่อฝึกฝนซะ อีก 3 เดือนข้าจะกลับมาอีกครั้ง “

 

หลินเฟิงเริ่มเดินออกไปขณะที่อีเสวี่ยและป้าเตากำลังเดินตามหลังเขาอย่างสงบ

 

“ป้าเตา เจ้าต้องอยู่ที่นี่เหมือนกัน” หลินเฟิงกล่าวกับป้าเตา มีทักษะต่อสู้ปรากฏอยู่ในมือของหลินเฟิงและเขาส่งมันให้ป้าเตา จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “ป้าเตาทักษะนี้มันเหมาะสมกับเจ้า รับไว้ เรียนรู้และฝึกฝนมัน และหากมีคนใดพยายามที่จะหนีหลังจากได้รับทักษะ ให้สังหารพวกมันซะ!”

 

เมื่อหลินเฟิงกล่าวคำว่า “สังหาร” ได้มีจิตสังหารที่แข็งแกร่งปรากฏออกมา ป้าเตาและอีเสวี่ยต่างตกใจเมื่อมองหลินเฟิง

 

หลินเฟิงดูไร้อารมณ์และเดินออกไปจากคฤหาสน์

 

หลินเฟิงขบคิดแต่เรื่องของนิกายหยุนไห่ตั้งแต่แรกเริ่ม โลกใบนี้เป็นโลกที่เห็นแก่ตัวและโหดร้าย ผู้คนเหล่านี้เป็นอดีตศิษย์ของนิกายหยุนไห่ เขาได้ใช้หินบริสุทธิ์เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขา และมอบทักษะการต่อสู้และเทคนิคการเคลื่อนที่ให้เพียงแค่เหตุผลเดียวคือเพื่อนิกายหยุนไห่

 

หลินเฟิงได้ช่วยพวกเขาไว้ แต่ถ้าพวกเขาเลือกที่จะหลบหนีไปพร้อมกับทักษะหรือใช้ชีวิตอย่างเห็นแก่ตัวถ้าเช่นนั้นแล้วหลินเฟิงก็จะสังหารพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่แสดงความกตัญญูและไม่ให้เกียรติเขาก็จะกำจัด

 

ถ้าพวกเขาเลือกที่จะหลบหนีและขโมยของจากนิกายหยุนไห่พวกเขาควรจะคิดถึงเรื่องนี้ พวกเขาควรรู้ตัวว่าพวกเขากำลังทรยศต่อความเมตตาของหลินเฟิงและนิกายหยุนไห่ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอดีตศิษย์ของนิกายหยุนไห่ แล้วทำไมหลินเฟิงต้องการคนที่เห็นแก่ตัวและไม่สนใจนิกายหยุนไห่หรือแม้แต่ความเมตตาที่หลินเฟิงได้แสดงให้พวกเขาเห็น?

 

อดีตศิษย์ในคฤหาสน์ต่างเป็นคนรุ่นใหม่ของนิกายหยุนไห่ หลินเฟิงไม่อยากทอดทิ้งพวกเขาแต่เขาจะไม่ยอมให้นิกายของเขาได้รับผลกระทบ

 

ป้าเตาผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังกำลังจ้องมองแผ่นหลังของหลินเฟิงที่กำลังจากไป จากนั้นเขาก็หันไปมองทักษะที่หลินเฟิงมอบให้เขา มันถึงกับทำให้เขาสั่นไหว

 

“ใบมีดสังหาร ใช้ใบมีดโจมตีด้วยพลังงานบริสุทธิ์ มันเป็นทักษะระดับปฐพี พลังงานบริสุทธิ์จะถูกปลดปล่อยออกมาจากผู้ใช้ในรูปแบบของใบมีดที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ในเส้นทางของมัน”

 

“ใบมีดสังหาร! ทักษะต่อสู้ระดับปฐพีขั้นต่ำ! “

 

ป้าเตาพูดพึมพัมกับตัวเอง เขาไม่อยากจะเชื่อ ทักษะนี้ดูเหมือนมันจะสมบูรณ์แบบสำหรับเขามาก นอกจากนี้มันยังเป็นทักษะระดับปฐพี

 

ป้าเตาเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้งและมองไปที่แผ่นหลังของหลินเฟิง หลินเฟิงเป็นคนลึกลับและไม่สามารถคาดเดาได้ แต่สิ่งเดียวที่เขาแน่ใจคือ เขาเป็นคนที่ฉลาดอย่างมากและแน่นอนเขามีนิสัยที่ดีมาก

 

เขาแน่ใจที่จะมอบทักษะต่อสู้นี้ให้กับป้าเตา เขาเชื่อในตัวป้าเตา แม้ว่าจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียงเล็กน้อยก็ตาม ป้าเตาได้รับความไว้วางใจจากหลินเฟิงอย่างมาก

 

ป้าเตาไม่สามารถตอบแทนความมีเมตตาที่หลินเฟิงมอบให้เขาได้

 

…………

 

หลินเฟิงกลับมาที่สำนักสวรรค์ อย่างแรกเขาได้พาอีเสวี่ยไปยังที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม จากนั้นเขาก็เดินไปที่สวนพีชที่เขาสามารถได้ยินเสียงพิณบรรเลงอันไพเราะ

 

หลินเฟิงได้บอกพวกทาสว่าในอีก 3 เดือนเอาจะกลับไป นี่ไม่ใช่เพื่อให้เวลาพวกเขาเพื่อฝึกฝนเพียงอย่างเดียวแต่เพื่อตัวเขาเองด้วยเช่นกัน เขาไม่ได้ลืมการฝึกฝนของตัวเองและการต่อสู้ระหว่างเฮยม๋อ

 

ในขณะนี้หลินเฟิงได้ทะลวงผ่านขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 5 แล้ว และด้วยพลังในปัจจุบันของเขา เขาไม่สามารถเอาชนะผู้ที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 6 ได้

 

แต่เฮยม๋ออยู่จุดสูงสุดของขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 6 ในสำนัก ผู้ที่อยู่ในระดับพลังเดียวกับเขาไม่มีใครสามารถสู้กับเขาได้ แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 7 ยังไม่กล้าต่อสู้กับเขาเลย เฮยม๋อทรงพลังมากและสามารถต่อสู้ข้ามช่องว่างระหว่างชั้นระหว่างพวกเขาได้

 

เฮยม๋อเป็น 1 ใน 10 ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักสวรรค์ นอกจากนี้ ใครจะพูดได้ว่าเฮยม๋อจะไม่แข็งแกร่งขึ้นในช่วงเวลาสามเดือนนี้?

 

ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงยังไม่เพียงพอ เขายังห่างจากเฮยม๋อมาก

 

เฮยม๋อสามารถเอาชนะผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 7 ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นหลินเฟิงเขาอาจทำให้เขาเผชิญหน้ากับความตาย

 

เช่นเดียวกับในร้านอาหารถ้าหากว่าป้าเตาไม่ได้ช่วยเขา ชายที่อยู่ในเสื้อคลุมเทาก็จะยากที่จะเอาชนะเขาคนเดียวได้

 

นี่เป็นเหตุผลที่หลินเฟิงไปสวนพีชเพื่อหาความเงียบสงบ เมื่อจิตใจของเขาสงบแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังหอฝึกตนทันที สิ่งที่หลินเฟิงต้องการมากที่สุดคือเพิ่มระดับการบ่มเพาะพลังของเขา

 

ในขณะนี้หลินเฟิงไม่ได้ขึ้นไปยังชั้นบนๆเลย เขารีบเดินไปที่ชั้นสี่ เพียงแค่ก้าวเท้าลงบนชั้น 4 เขาสามารถรู้สึกลึกๆได้ถึงปราณบริสุทธิ์จากสวรรค์และปฐพีที่ผันผวนรอบๆตัวเขา มันเป็นปราณที่บริสุทธิ์มาก

 

บางคนที่ผ่านชั้น 4 เห็นหลินเฟิงหยุดนิ่ง ดูเหมือนว่าเขากำลังมองหาห้องเพื่อฝึกฝนในหอฝึกตน อย่างไรก็ตามเขากำลังทำท่าทีแปลกๆ

 

บนชั้น 4 สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องรู้คือ ห้องแต่ละห้องได้ถูกจองไว้โดยใครบางคนแล้ว และห้องพวกนี้จะใช้ได้เฉพาะพวกเขาเท่านั้น

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือแต่ละห้องบนชั้น 4 เป็นห้องส่วนบุคคล แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่ และมีห้องว่าง แต่ก็ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้

 

ดังนั้นเมื่อหลินเฟิงกำลังตรวจสอบห้องบนชั้น 4 เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่ามีห้องบ่มเพาะพลัง 2 ห้องที่ว่าง ไม่มีใครฝึกฝนอยู่ในห้อง ที่น่าแปลกใจกว่านี้คือ มีคนเดินผ่านไปมากแต่ไม่หยุดเดินและเดินต่อไป

 

ตรงกลางของห้องทั้งสองมีแผ่นหินที่เขียนคำว่า “หวงห้าม” ถัดจากคำคือชื่อ!

 

ติดตามได้ที่ – 

 

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments