I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Perfect World (完美世界) ตอนที่ 19 สงครามของสัตว์ร้าย

| Perfect World (完美世界) | 782 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

อินทรีเกล็ดเขียวกรอกตามองบน พร้อมด้วยเกล็ดทั้งหมดบนตัวฉายแสงเย็นเยียบออกมาราวกับทำมาจากเหล็กที่เงาวับ ‘เป็นเชิง’เอือมระอาและข่มขู่ไปพร้อมๆกัน หลังจากนั้นก็ใช้สายจ้องลงไปที่เด็กน้อย

“ท่านป้าเขียว เร็วเข้า!! เราไม่มีเวลาแล้วนะขอรับ”

เด็กน้อยเอามือป้องปากและตะโกนออกมาเสียงดัง

อินทรีเกล็ดเขียวร่อนลงอย่างรวดเร็วด้วยปีกที่สยายออกราวๆหกสิบเมตรเกิดเป็นพายุส่งเสียงหวีดหวิว เหมือนดั่งหมอกสีดำที่กำลังพุ่งลงมา จนเงาสีดำทาบทับไปทั้งพื้นที่ ทำให้หัวใจของทุกผู้คนเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่

‘ฉีเฮ่า’ดีดตัวรวดเดียวสูงถึงหกเมตรโดยมีเป้าหมายที่หลังของแม่อินทรี เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงพื้นผิวที่แข็งแกร่งเนื่องจากเกล็ดของแม่อินทรีแต่ละเกล็ดที่เย็นเฉียบและแข็งราวกับเหล็กกล้า

“เจ้าหนู!! อย่าได้ไปเสี่ยงอันตราย”

หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนเสียงดัง ทุกอย่างนั้นล้วนเกิดขึ้นเร็วจนเกินไป เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะขัดขวางในตอน’ฉีเฮ่า’กระโจนขึ้นไป

“ท่านปู่ ใจเย็นๆ เราไม่ได้ไปเสี่ยงถึงขนาดนั้น เราจะลงมือก็ต่อเมื่อมีโอกาศเท่านั้นขอรับ”

‘เฮ่าน้อย’โบกมือเป็นเชิงว่าไม่จำเป็นต้องกังวล

“เจ้าหนู!! เจ้าต้องระวังตัวนะ”

‘ฉีหลิงหู่’ตะโกนเสียงดัง เขารู้ว่าคงไม่อาจขัดขวางเฮ่าน้อยได้ จึงทำได้เพียงตะโกนเตือนเด็กน้อยเท่านั้น

“ท่านลุง ข้ารู้แล้วขอรับ ท่านปู่กับคนอื่นๆกลับไปที่หมู่บ้านก่อนเถอะ ที่นี่อันตรายเกินไป มีกลุ่มคนและสัตว์ร้ายอื่นๆมากมายกำลังมาที่แห่งนี้ มีโอกาสที่จะปะทะกันมากเลยขอรับ”

ชาวบ้านทั้งหมดต่างเข้าใจได้ในทันที นับว่าเป็นข้อเท็จจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าชายฉกรรจ์เหล่านี้มีความสำคัญมากเกินกว่าจะไปจมอยู่ในทะเลสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่งมากกว่าร้อยตัวและเข้าร่วมกับสมรภูมิโลหิต

“ไปกันเถอะ!!”

หัวหน้า’ฉีหยุ่นเฟิง’ส่งสัญญาณและออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว หากยังชักช้าเกรงจะมีอันตรายเข้ามาแทรกอีก

“เจ้าหนู!! เจ้าต้องระวังตัวนะ”

มีเสียงตะโกนจากคนในหมูบ้าน เตือนให้ฉีเฮ่าระมัดระวังตัว

“ข้ารู้แล้ว ท่านปู่กับคนอื่นๆก็ระวังตัวด้วยนะขอรับ”

เจ้าอินทรีเกล็ดเขียวโผบินฉวัดเฉวียนแล้วลงไปที่พื้นที่ด้านข้างของหุบเขา ความเร็วของแม่อินทรีนั้นเร็วจนน่าตกใจ และเสียงฝ่าอากาศที่ดังดุจฟ้าผ่านั้นทำให้กระแสต้านของลมรุนแรงจนสามารถกรีดใบหน้าให้บาดเจ็บได้ไม่ยาก

และเป็นไปได้ยากที่จะลืมตา เด็กน้อยได้แต่ก้มตัวแนบไปกับหลังของแม่อินทรีและใช้สองมือน้อยๆของตนยึดจับเกล็ดไว้อย่างแน่นหนา ในขณะเดียวกันเขาก็พยายามลี่ตามองลงไปจากมุมสูง

“ท่านป้าเขียวระวังนะขอรับ ข้างล่างมีสัตว์ร้ายเต็มไปหมดเลย”

อินทรีเกล็ดเขียวมีความเร็วเป็นเลิศ กระพือปีกเพียงไม่กี่ครั้งก็ทะยานข้ามยอดเขาไปแล้วยอดหนึ่ง ต้นไม้ที่อยู่บนยอดเขาต่างกระจัดกระจาย ต้นไม้ใหญ่หักโค่นไปเป็นแถบ กิ่งไม้และใบไม้ปลิวกระจายไปทั่วท้องฟ้า

ทางด้านล่างมีสัตว์ร้ายอำมหิตมากกว่าร้อยตัวกำลังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง  และยังมีนกอสูรที่โหดร้ายมากกว่าร้อยกำลังโรมรันกันอย่างดุเดือด พวกมันต่างไม่มีผู้ใดยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว กลายเป็นความยุ่งเหยิงขนานใหญ่

บรรดาสัตว์ร้ายคำรามทั้งเหล่านกอสูรก็กรีดร้องเสียงดังสะท้อนไปมาภายในหุบเขาแห่งนี้ โลหิตไหลทะลักเต็มพื้นที่ไปหมด ย้อมทั้งหุบเขาให้กลายเป็นสีแดงกล่ำ มีสัตว์ร้ายจำนวนไม่น้อยที่ล้มตายไปกับพื้นแล้วโดนตัวอื่นพากันเหยียบย่ำกลายเป็นเศษเนื้อและกองเลือดอย่างสยดสยอง ทำให้พื้นที่แถบนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตอันเข้มข้น

ทางด้านหน้าทางเข้าของภูเขาหินร่วน หนาแน่นไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด โลหิตที่หลั่งไหลออกมาอย่างไม่รู้จักหมดสิ้น ทั้งยังมีสิ่งมีชีวิตอีกหลายตัวที่พยายามขุดเจาะเข้าไปในพื้นที่ที่ซ่อนร่างของซุนหนี่

ในตอนนี้ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายมากมายหลากหลายสายพันธุ์และพวกมันทั้งหมดล้วนแต่น่ากลัวด้วยกันทั้งสิ้น พวกมันจะไม่เข้ามามีส่วนร่วมเพราะพวกมันเองก็มีความฉลาดไม่น้อยไปกว่ามนุษย์เลยทีเดียว

บรรดาสัตว์ร้ายมหึมาต่อสู้กันด้วยพลังสูงสุด และกลุ่มของสิ่งมีชีวิตชนชั้นทรราชเองก็เข้าจู่โจมใส่กันและกันโดยมีเป้าหมายเป็นร่างของ’ซุนหนี่’ ซึ่งหากใครได้มีโอกาสได้กลืนกินลงไปย่อมกลายเป็นผู้ที่ทรงพลังที่สุดเพียงพอที่จะกลายเป็นราชาแห่งหุบเขามืดโดยทันที

*ซู่ม…*

เสียงของพายุที่เกิดอำนาจการโผบินผ่านไปของอินทรีเกล็ดเขียว ด้วยกรงเล็บขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าเหยียดออกโดยมีเป้าหมายเป็นการคว้าจับไปที่ตัวนิ่มสีเงินที่ยาวกว่าแปดเมตรที่กำลังโผล่ออกจากผืนดินเพียงครึ่งจาการพยายามขุดหาร่างของ’ซุนหนี่’

*ฉัวะ!!*

แม้ผิวหนังของตัวนิ่มสีเงินจะแข็งแกร่งคล้ายดั่งเหล็กกล้าเพียงไหน ก็ไม่มากพอที่จะป้องกันการเจาะทะลวงจากกรงเล็บของอินทรีเกล็ดเขียวไปได้ กรงเล็บที่เย็นเยียบเข้าฉีกกระชากไปที่ร่างของตัวนิ่มสีเงินอย่างไร้ปราณี

เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นจากใจกลางหุบเขา ตัวนิ่มสีเงินเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งไปแล้ว มันกวาดหางไปมาอย่างคลุ้มคลั่ง และในตอนนั้นเองมันได้ใช้พลังขุดของตนผลักดันผืนดินให้พุ่งเหมือนดั่งเขาแหลมสูงกว่าสองเมตรโดยมีเป้าหมายคืออินทรีเกล็ดเขียว

อย่างไรก็ตามปีกทั้งสองข้างของเจ้าอินทรีตวัดโผขึ้นไปในท้องฟ้าในชั่วพริบตา แน่นอนว่ากรงเล็บทั้งสองไม่ได้ปล่อยตัวนิ่มสีเงินออกไป แต่พาทะยานขึ้นไปเหนือหมู่เมฆทั้งๆแบบนั้น

ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางอากาศ สายลมได้ม้วนตัวนิ่มสีเงินขึ้นไปกลางอากาศ และตัวนิ่มสีเงินก็ทำได้ขัดขืนอย่างไร้ค่า เพราะหากว่าไม่ได้อยู่บนพื้นดินก็ไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่นัก ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะทำอันตรายอินทรีเกล็ดเขียวผู้เป็นจ้าวเวหา

ทันทีที่อยู่ในระยะความสูงเหนือหมู่เมฆจนมากพอ เจ้าอินทรีเกล็ดเขียวก็คลายกรงเล็บของตนเอง ตัวนิ่มสีเงินก็ตกจากท้องฟ้าด้วยความเร็วมหาศาลราวกับดาวตกสีเงินที่กำลังร่วงลงจากท้องฟ้า

*ตูม!!!*

เกิดเสียงดังสะท้านขวัญขึ้นมาใจกลางหุบเขา และตามด้วยละอองฝุ่นและควันฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ ด้วยขนาดตัวของนิ่มสีเงินที่สูงกว่าแปดเมตรทำให้แรงกระแทกเมื่อตกจากที่สูงย่อมมหาศาลตามขนาดตัว กระดูกที่แข็งแกร่งตอนนี้กลายเป็นดินเหลวก็ไม่ปาน ต่อให้มีผิวหนังที่เหนียวทนแค่ไหนก็ไม่อาจรอดชีวิตไปได้

“ท่านป้าใหญ่ ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน” เฮ่าน้อยอ้าปากค้างด้วยความชื่นชม

อินทรีเกล็ดเขียวโฉบลงไปที่หุบเขาอีกครั้งหนึ่ง ภายนอกหุบเขานั้นเจ้าอินทรีเป็นนักล่าที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ทำให้โดยธรรมชาติแล้ว มันจะค่อนข้างดูถูกสัตว์ร้ายตัวอื่นอยู่ไม่น้อย

*วู่..*

ในตอนนี้ นอกจากร่างกายที่แข็งแกร่งแล้ว เจ้าอินทรียังมีจะงอยปากที่สามารถปลดปล่อยพลังจันทราฟ้าอ่อนอีกด้วย ซึ่งเป็นการโจมตีที่แตกต่างจากกงจักรจันทราของฉีเฮ่าอยู่เล็กน้อย เป็นพลังงานที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสองเมตรโดยมีเป้าหมายเป็น ขูอี้(ปีศาจขาเดียว) ที่มีขนาดตัวสูงกว่ายี่สิบเมตร

พื้นที่รอบๆเกิดความวุ่นวายในทันทีเมื่อถูกกระตุ้นด้วยเคล็ดพลังที่เก่าแก่เช่นนี้ บรรดานกอสูรและกลุ่มของสัตว์ร้ายตกอยู่ในความหวาดกลัวและพยายามหนีสุดชีวิต อย่างไรก็ตาม มีสัตว์ร้ายบางตัวใช้กำลังขัดขวางอย่างกระหายเลือดทำให้เกิดความวุ่นวายมากกว่าเดิม

*ฉัวะ!!!*

กงจักรจันทราที่งดงามละลานตาเป็นสีฟ้าแฝงไว้ด้วยความคมเหลือคณา พุ่งทะยานเข้าไปบั่นคอขูอี้ที่สูงกว่ายี่สิบเมตรอย่างไร้ปราณี จนเกิดน้ำพุโลหิตที่กำลังพุ่งสูงถึงสิบเมตรก่อนที่ร่างไร้หัวจะล้มลงไปกระแทกพื้นเกิดเสียงดังสนั่นทำให้แถบนั้นเต็มไปด้วยแม่น้ำโลหิตสายเล็กๆ

*แง๊ววว!!*

เสียงที่สั่นประสาทหากมีใครได้ยินดังขึ้น เป็นเสียงของเสือดาวยักษ์สูงหลายเมตร มันซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของภูเขาหินที่ตั้งอยู่ในที่สูง กระโจนเข้ามาหมายจะสังหารอินทรีเกล็ดเขียวโดยใช้เขาสีดำที่อยู่บนหัวของมันโดยตั้งใจที่จะแทงด้านหลังศีรษะของเจ้าอินทรีเกล็ดเขียวแล้วตามด้วยกรงเล็บขนาดใหญ่เกิดครึ่งเมตรตะปบซ้ำที่ด้านหลังของหล่อน

นับว่าเป็นการลอบสังหารที่สมบูรณ์แบบมาก และมันกำลังจะประสบความสำเร็จเพราะเกล็ดของอินทรีเกล็ดเขียวไม่แข็งแกร่งพอที่จะป้องกันการจู่โจมของมันได้แน่นอน หลังจากนั้นเจ้าเสือดาวก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้สยบสายเลือดโบราณ

ในขณะเดียวกันนั้นเอง มีเสียงกระพือปีกดังเข้ามาในโสตประสาท นกอสูรประมาณแปดตัวกำลังโฉบลงมาจากทุกทิศทุกทาง พวกมันทั้งหมดต่างเข้ามาตะครุบไปที่อินทรีเกล็ดเขียวตั้งแต่พวกมันรู้สึกได้ว่าเจ้าอินทรีกำลังตกที่นั่งลำบาก พวกมันย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะจัดการผู้เป็นจ้าวแห่งท้องฟ้า

ทันใดนั้นเองมีแสงสลัวกำลังเคลื่อนที่แล้วกลายเป็นดวงจันทร์ทรงกลมสีเงินจากอักขระที่กำลังเปล่งประกายที่เหมือนดั่งปราสาทบนดวงจันทร์กระจ่าง พุ่งเข้าไปผ่าเขาของเสือดาวยักษ์เป็นชิ้นๆก่อนจะผ่ากะโหลกของมันอย่างต่อเนื่องทำให้ร่างของมันถูกผ่าเป็นสองซีก เจ้าเสือดาวกรีดร้องอย่างน่าสังเวชก่อนจะล้มลงไปฟาดพื้น

“ท่านป้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะระวังหลังให้เอง”

เด็กน้อยเอ่ยออกมาอย่างน่ารัก

แม่อินทรีเกล็ดเขียวกรีดร้องออกมาแล้วกระพือปีกทั้งสองข้างสร้างคลื่นกระแทกกวาดไปที่นกอสูรตัวอื่นในทันที ทำให้ทั้งเกล็ดและหนังโดนฉีกกระชากเลือดกระซ่านกระเซ็นในอึดใจเดียว เมื่อดูจากชิ้นส่วนแล้วนกอสูรพวกนั้นจะต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่าห้าเมตรอย่างแน่นอน อย่างไรก็แล้วแต่ทั้งหมดก็ไร้ค่า เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวเวหาอย่างอินทรีเกล็ดเขียว

ท่ามกลางเสียงลมหวีดหวิว ในตอนนี้อินทรีเกล็ดเขียวกำลังร่อนลงไปข้างล่าง สัตว์ร้ายทั้งหมดต่างหลบหลีกกันแทบไม่ทัน กลัวว่าจะเป็นการยั่วโมโหแม่อินทรีที่น่าหวั่นเกรง

“ท่านป้า มาขุดหาที่ภูเขานี้กันเถอะ ซุนหนี่จะต้องอยู่ใต้ภูเขานี้แน่นอน”

เด็กน้อยพูดกับแม่อินทรี

เมื่ออินทรีเกล็ดเขียวลงไปที่พื้นแล้ว เพียงวาดกรงเล็บ หินยักษ์กว่าพันจินก็ถูกหั่นไปเป็นชิ้นอย่างง่ายดาย เพียงกระพือปีก คลื่นกระแทกก็สามารถสร้างหลุมได้อย่างไม่ยากเย็น แม่อินทรีทำการขุดค้นอย่างรวดเร็ว เพราะที่นี่ยังคงเต็มไปด้วยอันตรายเพราะอาจมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งซ่อนอยู่ แม่อินทรีเองก็ไม่ต้องการที่จะเสี่ยงอยู่ที่นี่นานนัก

เกิดเสียงแผ่นดินทรุดตัว หลุมลึกถูกขุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเองเกิดแสงสีม่วงวาบเข้ามามีลักษณะคล้ายแส้ที่เต็มไปด้วยความเงางามพุ่งทะลวงตรงไปที่อินทรีเกล็ดเขียว

*ฟิ้ว!!*

แสงสีม่วงพุ่งตรงไปที่บริเวณปีกข้างซ้ายของอินทรีเกล็ดเขียวดุจดั่งประกายไฟ ทำให้แม่อินทรีระเบิดความโกรธออกมาทันทีเมื่อหล่อนรู้สึกเจ็บที่ปีกเหล็กกล้าของตน

“ย้า!! นั่นมันอสรพิษม่วงนี่นา”

เด็กน้อยร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก

เจ้างูนี่มันเร็วเกินไป พวกเขาไม่ทันตอบสนอง มันก็พุ่งเข้าจู่โจมอย่างเหนือชั้นแล้ว ด้วยอสรพิษม่วงที่มีขนาดพอๆกับท่อนขาของคนอย่างไรก็ตามมันมีความยาวกว่าเจ็ดเมตรซึ่งมีขนาดยาวกว่าสัตว์ร้ายบางชนิดเสียอีก

อย่างไรก็แล้วแต่ เจ้าอสรพิษม่วงนับว่าแข็งแกร่งมากด้วยเกล็ดม่วงที่เงาประกายของมันที่ปกคลุมอยู่ทั่วร่างมีความทนทานมากเหลือคณา ทั้งยังใช้พลังทั้งหมดพุ่งเข้าไปกัดทะลุเกล็ดที่ปีกของอินทรีเกล็ดเขียว

มิหนำซ้ำ ที่บาดแผลของอินทรีเกล็ดเขียวมีเลือดไหลออกมาเป็นสีดำแสดงว่าติดพิษอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม เจ้าอินทรีเกล็ดเขียวคือทายาทของวิหคปีศาจย่อมมีไหวพริบมิใช่น้อย พลันก่อเกิดประกายแสงที่จะงอยปากแล้วปลดปล่อยกงจักรจันทราขนาดเล็กไปคว้านเนื้อบางส่วนของตนออกอย่างทันท่วงทีแล้วเลือดก็ไหลทะลักออกมา

“ท่านป้า!!”

เด็กน้อยตกใจเสียขวัญนัก

ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีอสรพิษน่ากลัวเช่นนี้แฝงตัวอยู่ใจกลางหุบเขาแห่งนี้ และยิ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีสัตว์ร้ายหน้าไหนกล้าท้าทายจ้าวเวหาอย่างอินทรีเกล็ดเขียวได้อีก

อินทรีเกล็ดเขียวกรีดร้องออกมาพลางโคจรพลังเจตลักษณ์ไปที่บาดแผลของตนเกิดเป็นอักขระเล็กๆกำลังช่วยสมานแผลอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาการบาดเจ็บคงตัว แล้วใช้สายตามองแรงจ้องไปที่อสรพิษสีม่วงตัวเขื่องที่กำลังเลื้อยไปมาแบบชิวๆ

เจ้างูนั้นมีสัมผัสไวไม่น้อย และฉลาดมากพอที่รับรู้ได้ว่าความซวยกำลังมาเยือน

ประกายแสงสดใสสีฟ้าดั่งแสงจันทร์โคจรด้วยเคล็ดพลังเฉพาะตัวของอินทรีเกล็ดเขียว โดยมุ่งหมายไปที่เจ้าไส้เดือนสีม่วงนั่นตามด้วยเสียงเหมือนปืนเก็บเสียงผ่าอากาศก่อนจะกลายเป็นเสียงระเบิดของอากาศตามไล่หลัง

ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อของอสรพิษม่วง มันสะบัดหางของตนเพื่อเป็นแรงส่งในการพุ่งไปถึงยี่สิบเมตรหลบการโจมตีของแม่อินทรี

อินทรีเกล็ดเขียวแกว่งปีกของตนตามไปสังหารเป้าหมาย โดยปล่อยพลังจากจะงอยปากเป็นแสงนวลตาสีฟ้าอีกครั้งหนึ่ง เกิดเป็นแสงควงเป็นพายุพุ่งเข้าหาเจ้างูร้าย

*ตูม!!*

ท้ายที่สุดก็โดนเป้าจนได้ แต่เมื่อมองไปที่ผลลัพธ์ก็ปรากฏภาพที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงเมื่อเจ้างูร้ายกลับไม่ถูกผ่าครึ่ง มีเพียงร่องรอยเกล็ดโดนทำลายไปทั้งแถบทำให้เลือดไหลเหมือนก๊อกแตก

มันดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ดีดตัวล่าถอยไปยี่สิบเมตร

*ฉับ!!*

‘ฉีเฮ่า’พลันปลดปล่อยการโจมตี กงจักรจันทราปรากฏขึ้นบนใจกลางฝ่ามือเปล่งประกายละลานตา แล้วพุ่งทะยานออกไปสร้างเส้นทางละอองแสงเป็นเส้น โดยตรงไปที่บาดแผลของเจ้างูเป็นการซ้ำไปที่เดิม

เกล็ดมากมายหลุดล่อนออกมาเมื่อทนรับการโจมตีที่รุนแรงไม่ไหวและโลหิตหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสายแต่ก็ยังไม่สามารถตัดลำตัวของเจ้างูน่าปวดหัวนี้ได้ ทำได้เพียงเกิดรอยเท่าหัวแม่มือเท่านั้น ดูท่าทั้งกระดูกและผิวหนังเองก็แข็งและเหนียวแข็งไม่น้อยไปกว่าเกล็ดเลยทีเดียว

สายตาของอินทรีเกล็ดเขียวในตอนนี้เหมือนดั่งเมียหลวงที่กำลังจ้องไปที่เมียน้อยยิ่งนัก เธอวางแผนไว้ว่าจะไม่ยอมบาดเจ็บจนกว่าจะได้เข้าไปในใจกลางหุบเขา แต่ตอนนี้ตัวเธอกลับได้รับบาดเจ็บหนักอย่างไม่คาดฝัน แม่อินทรีไล่ตามเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพักหายใจ

กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน มีร่างสีแดงพุ่งมาจากอีกด้านหนึ่งห่างไปประมาณสองเมตร เปล่งประกายแสงระริกและวูบวามปรากฏออกมาอย่างกะทันหัน ฉวยโอกาสโจมตีไปที่ด้านหลังของแม่อินทรีในช่วงที่ไม่สามารถป้องกันได้

มันคือเซเบิ้ลโลหิตที่มีขนาดใหญ่กว่าสองเมตร โดยทั่วทั้งร่างจะเปล่งประกายสีแดงคล้ายอัญมณีโกเมนพร้อมด้วยปีกสีแดงสดคู่หนึ่ง แม้ว่าร่างกายจะไม่อาจเทียบได้กับสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ แต่มันก็ถือได้ว่าเป็นสัตว์ร้ายที่น่าหวั่นเกรงอยู่ดี

(ปล. Sable คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีลักษณะคล้ายแมวนะครับ)

มันมีพลังที่ไม่ธรรมดาทั้งยังมีความเร็วดั่งสายฟ้า มันพุ่งเข้ามาในพริบตาจนเกือบจะฉีกกระชากหน้าอกของ’ฉีเฮ่า’ และใช้กรงเล็บขนาดใหญ่กว่าเมตรครึ่งข่วนไปที่บริเวณหลังคออินทรีเกล็ดเขียว

เด็กน้อยพลันรวบรวมพลังแล้วกรงจักรสีเงินก็ปรากฏขึ้นมาสร้างความตกใจให้กับเซเบิ้ลโลหิตต้องล่าถอยออกมา

อินทรีเกล็ดเขียวสั่นสะท้านทั่วทั้งร่างกายเปล่งแสงอย่างรุนแรง ดูท่าทางแม่อินทรีจะเกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมาก หลังจากโดนลอบโจมตีไปแล้วยังโดนลอบโจมตีอีกครั้งเป็นเหตุทำให้เธอโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ก่อนจะไล่ตามไปล่าสังหารเจ้าสัตว์ร้ายทั้งสองตัว

ทั้งอสรพิษม่วงและเซเบิ้ลโลหิตต่างช่วยเหลือกันอย่างไร้ที่ติราวกับฝึกซ้อมกันอย่างโชกโชน สร้างความตกตะลึงให้แก่’ฉีเฮ่า’อย่างมากเกี่ยวกับความเฉลียวฉลาดของสัตว์ร้าย

ในขณะเดียวจระเข้เงินเคลื่อนตัวออกมาจากกลางแม่น้ำเข้ามาที่แห่งนี้แล้วทำลายภูเขาหิน

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง สิ่งมีชีวิตที่อันตรายเจ็ดแปดตัวที่เหนือสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ก็พาโผล่ออกมา พวกมันสร้างหวาดกลัวให้แก่ฝ่ายตรงข้ามยิ่งนัก

สุดท้ายแล้ว พวกมันทั้งหมดก็เข้าใจกันโดยไม่ต้องอธิบาย พวกมันหยุดโจมตีกันเองแล้วช่วยกันทำลายภูเขาหินแสดงเจตนาเพื่อค้นหาร่างของ’ซุนหนี่’ หลังจากนั้นค่อยทำการตัดสินหาผู้ชนะ

อินทรีเกล็ดเขียวเองก็ระงับการโจมตีของตนเอง ร่างกายปกคลุมไปด้วยรอยเลือดมากมายแต่เกล็ดมรกตก็ยังปล่อยรังสีเย็นเยียบอันน่ากลัวออกมาอยู่ดี

“ท่านป้าเขียว ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เด็กน้อยเริ่มออกอาการกังวล นอกจากสัตว์ร้ายขนาดยักษ์กว่าร้อยตัวแล้ว ยังมีตัวที่แกร่งกว่าอินทรีเกล็ดเขียวอีกด้วย โอกาสที่จะได้รับร่างของซุนหนี่เหลือน้อยยิ่งนัก

*ตูม!!*

เจ้าจระเข้เงินก็ทำลายภูเขาหินได้สำเร็จ ทันใดนั้นเองลำแสงสีทองก็สาดแสงออกมามากมายคล้ายดั่งพระอาทิตย์กำลังฉายแสงทำให้ทั้งภูเขาเปล่งแสงออกมา

ขาทั้งสองที่หนาและใหญ่ แข็งแกร่งและทรงพลังทั้งยังปกคลุมไปด้วยขนสีทองอร่ามจนแทบจะดูเหมือนว่าทำมาจากทองคำเปล่งประกายเจิดจ้าและยังมีรังสีอันแสนน่ากลัวแผ่ออกมาราวกับว่าจะทะลุไปถึงสวรรค์

นี่เป็นร่างที่สืบสายเลือดมาจากสายพันธุ์โบราณกาล ‘ซุนหนี่’ได้ถูกค้นพบแล้ว ที่บริเวณบนร่างของซุนหนี่คือดวงธาตุที่กำลังเปล่งแสงอย่างต่อเนื่อง เป็นสาเหตุทำให้สิ่งมีชีวิตที่แสนอันตรายพวกนี้ถึงกับสั่นสะท้าน ดวงตาของพวกมันเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำแล้วทั้งหมดก็พุ่งทะยานไปข้างหน้า

 

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments