I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Perfect World (完美世界) ตอนที่ 20 เหตุการณ์กลับตาลปัตร 50%

| Perfect World (完美世界) | 731 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

นี่เป็นขาของสัตว์อสูรที่มีสีทองอร่าม ดูงดงามและหรูหรา ทั้งหนาและแข็งแรงสมแล้วที่เป็นสัตว์ร้ายในตำนาน แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ก็ยังหลงเหลือความน่าหวาดหวั่น ลำแสงสีทองที่แผ่พุ่งออกมาทำให้ผู้คนรู้สึกยำเกรง

ในช่วงเวลานี้ไม่ต้องเอ่ยถึงสัตว์ร้ายกว่าร้อยตัวที่อยู่ภายนอก หรือแม้นกอสูรจำนวนกว่าร้อยตัว ทั้งจระเข้อสูร เซเบิ้ลโลหิต หรืออสรพิษม่วงก็ต้องก้าวถอยหลังอย่างช่วยไม่ได้เพราะผลกระทบจากรัศมีที่แสนน่าหวาดหวั่น

ท้ายที่สุดกลับเป็นแม่อินทรีเกล็ดเขียวที่มีระดับสูงพอที่จะเคลื่อนได้เป็นตนแรก ตามด้วยสัตว์อสูรอีกสองสามตัว หนึ่งในนั้นมีลักษณะคล้ายยูนิคอร์นผสมกับกิเลน

พวกมันต่างก็เป็นทรราชแห่งนอกหุบเขามืด ที่มาจากพื้นที่คนละส่วนกับอินทรีเกล็ดเขียว

ด้วยเสียงกึกก้อง เจ้าอินทรีเกล็ดเขียวสยายปีกถอยออกไป สั่นสะท้านไปทั้งหินและภูเขาส่งผลให้เศษดินและทรายปลิวกระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้า นับว่าเป็นการเปิดเผยชิ้นส่วนของซุนหนี่อันแสนล้ำค่าออกมา

นกอสูรตัวอื่นๆก็แสดงอาการไม่ต่างกันนัก พวกมันรวมกลุ่มเข้าด้วยกันเพราะการสั่นสะเทือนที่เกิดภายในอากาศ บรรดาสัตว์ร้ายเองก็ตื่นตระหนกจนต้องล่าถอยออกมา

สัดส่วนที่ปรากฏแก่สายตาล้วนยอดเยี่ยมทั้งมีรัศมีสีทองดูน่าเคารพยำเกรง ประกอบกันกลายเป็นสัตว์อสูรขนาดมหึมา โดยมีรูปลักษณ์เป็นพญาราชสีห์ที่น่าเกรงขาม บริเวณตรงส่วนหัวมีเขามังกรทองขนาดยักษ์ประดับอยู่และมีเกล็ดสีทองอร่ามปกคลุมทั่วหน้าผาก ทั่วทั้งร่างกายเปล่งประกายแสงสีทองมันวาวเนื่องจากขนที่ดูนุ่มลื่นสีทองคำ

นี่คือ ‘ซุนหนี่’ ผู้สืบสายเลือดแห่งโบราณกาล แม้ด้วยข้อเท็จที่ว่า’ซุนหนี่’ไม่ได้เป็นสายเลือดชั้นสูงที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุด แต่แม้กระทั่งสวรรค์ก็ไม่อาจคัดค้านได้ว่ามันเป็นสายเลือดโบราณที่แท้จริง ทั้งยังได้รับความเคารพจากภายในหุบเขามืดแห่งนี้

แม้ไม่ได้ถือว่าเป็นสัตว์ร้ายที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ด้วยความกว้างของลำตัวเพียงหกเมตร อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของสัตว์ร้ายไม่ได้วัดจากขนาดของร่างกาย  ร่างของ’ซุนหนี่’ที่อยู่ตรงหน้าพิสูจน์ได้ดีที่สุด

ทั่วร่างของ’ซุนหนี่’ดูเหมือนอาบไปด้วยสีทองอร่าม แม้ว่าจะตายไปแล้วก็ยังคงทรงพลังอำนาจไม่เสื่อมคลาย รัศมีแห่งความน่าเกรงขามหนาแน่นไปทั่วทุกอณูอากาศ ประกายทองคำเปล่งแสงสว่างสาดกระจายไปทั่วทั้งหุบเขาแห่งนี้

‘ซุนหนี่’ สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในหุบเขาแห่งนี้

ทั้งอินทรีเกล็ดเขียว เสือดาวหู่ ยูนิคอร์นเพลิงเมฆา และสัตว์อสูรและนกอสูรที่อยู่ในระดับเดียวกันต่างก็เริ่มเคลื่อนไหลในทันที เมื่อแน่ใจแล้วว่านั่นคือร่างอันล้ำค่าของซุนหนี่อย่างแน่นอน ในตอนนี้ทุกตนต่างเข้าตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด

เสือดาวหู่ตัวนั้นส่งเสียงขู่ยาวๆ ที่ด้านหลังปลดปล่อยแสงสว่างสีเงินเป็นประสายฟ้าออกจาข้างหลัง เป็นพลังเจตลักษณ์เฉพาะตัวของมันนั้นเอง

*ฉัวะ!!*

สัตว์ร้ายตัวมหึมากรีดร้องออกมา แสงนั้นแหลมคมอย่างไม่น่าเชื่อแล้วพุ่งทะลวงไปที่หน้าอกทะลุขั้วหัวใจแล้วทะลวงออกด้านหลัง

อินทรีเกล็ดเขียวบินไปมาเป็นเวลานาน แล้วเริ่มเข้าไปประหัตประหารด้วยการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง แสงสีฟ้าคล้ายแสงจันทร์ถูกยิงออกมาเป็นเหมือนลำแสงกวาดจากไปชายป่าฟากหนึ่งไปถึงตีนเขาอีฟากหนึ่ง สัตว์ร้ายหลายโดนตัดเป็นสองส่วนอย่างดุดัน

การจู่โจมที่แสนจะไร้ปราณี โดยเล็งเป้าไปที่สัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งกว่าตัวอื่นเป็นอันดับแรก ส่วนสัตว์ร้ายและนกอสูรจำนวนร้อยกว่าตัวล้วนไม่ต่างจากเหยื่อที่จะเข่นฆ่าตอนไหนก็ได้

ทำให้พื้นที่แห่งนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตอย่างเข้มข้น แต่มีสัตว์ร้ายบางตัวที่พุ่งไปอย่างมุทะลุโดยมีเจตนาต้องการไปฉีกทึ้งร่างของ’ซุนหนี่’เพื่อหวังจะได้กินเนื้อหรือเลือดอันแสนล้ำค่าของ’ซุนหนี่’

สัตว์ร้ายชนชั้นลอร์ดทั้งหลายคำรามออกมาอย่างดุร้าย รวมถึงอินทรีเกล็ดเขียวด้วย พวกมันทั้งหมดเข้าประหัตประหารบรรดาสัตว์ร้ายที่ต่ำชั้นกว่าเพื่อขัดขวางไม่ให้เข้าไปหาร่างของซุนหนี่ได้

*ชิ้ง…*

เสียงหวีดหวิวผ่าอากาศจนสามารถรับรู้ได้ถึงความคมกริบบาดลึกไปถึงขั้ววิญญาณของผู้คน มุสึกม่วงครามที่มีขนาดพอกับเด็กๆแห่งหมู่บ้านหินผากระโจนมาจากด้านหลังของอินทรีเกล็ดเขียว

“ท่านป้าอินทรีระวัง!!”

เด็กน้อยร้องเตือนออกมาอย่างตื่นตระหนก

ในสายตาของเจ้ามุกสิกม่วงครามนั้น อินทรีเกล็ดเขียวถูกจัดไว้ว่าส่งผลคุกคามต่อมันมากที่สุด เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นเป็นต้องจัดการเป็นอันดับแรก

หากเปรียบเทียบจากขนาดตัวกับอินทรีเกล็ดเขียวแล้วถือว่ามีขนาดเล็กมาก แต่พลังในการโจมตีนั้นแข็งแกร่งไม่น้อย หากว่าโดนกรงเล็บของมันเข้าไปโดยตรงแล้วสามารถบาดเจ็บได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว เพราะกรงเล็บของมันมีประสิทธิภาพในการทะลวงเกราะป้องกันค่อนข้างสูง

‘ฉีเฮ่า’ค่อยเริ่มโจมตีกลับด้วยพลังของเขา กงจักรจันทราหมุนควงไล่ตามโจมตีเข้าใส่มุสิกม่วงคราม

แม้ว่าอินทรีเกล็ดเขียวจะพิโรธมากขนาดไหน แต่มันก็สามารถควบคุมตัวเองได้ มันเคยได้รู้มาว่ามีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอยู่ตนหนึ่งที่สามารถสร้างความครั่นครามให้เหล่าสัตว์ร้ายจำนวนร้อยกว่าตัวได้ ราชันย์มุสิกที่กินโลหะเป็นอาหารและมีฟันและกรงเล็บที่สามารถทะลวงการป้องกันได้

ร่างของเจ้าอินทรีเกล็ดเขียวเปล่งแสง พลังเจตลักษณ์ในรูปแบบอักขระถูกผสานเข้าด้วยกันอาบไล้ไปทั่วร่างของแม่อินทรีเหมือนดั่งจะกลายร่างเป็นประกายสายฟ้า แล้วแผ่พลังเข้าโอบล้อมราชามุสิกในระยะประชิดโดยมีเป้าหมายเป็นการบดขยี้ด้วยพลังเจตลักษณ์ให้เละเป็นโจ๊ก

เมื่อมีโอกาสงามอยู่ตรงหน้า ‘เฮ่าน้อย’ก็ควบคุมกงจักรให้โจมตีไปที่ราชามุสิกที่ตอนนี้โดนพลังของแม่อินทรีโอบล้อมทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

*เคร้ง!!*

เสียงเสียดสีของโลหะ การโจมตีกลับไม่สามารถเจาะทะลวงเกล็ดของมันได้ เฮ่าน้อยเบิกตากลมโตกว้างด้วยความตกตะลึงแล้วตะโกนออกมา

“อีกครั้งเป็นไง”

*ฉัวะ ฉัวะ….*

เกิดประกายไฟไปทั่วทุกทิศทางด้วยกงจักรจันทราที่กระหน่ำเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายเกล็ดของมุกสิกม่วงคราวก็ปริแตกจนเลือดทะลักออกมา แม้ว่าเลือดจะหลั่งไหลออกมามากแค่ไหน แต่กระดูกที่แฝงพลังเจตลักษณืของมันยังคงแข็งแกร่งจนไม่สามารถตัดได้อยู่ดี

แต่’ฉีเฮ่า’ก็ยังคงไม่หยุดยั้ง เมื่อกงจักรอันแรกหายไป กงจักรอันที่สองก็ถูกสร้างขึ้นมากระหน่ำใส่ราชามุสึกไม่หยุดหย่อน สุดท้ายแล้ว

*แกร็ก!!*

เป็นเสียงของกระดูกแตกหักมาจากกระดูกของมุสิกม่วงครามที่ไม่สามารถรับการโจมตีอย่างหนักหน่วงได้อีกต่อไป

ในขณะเดียวกัน อินทรีเกล็ดเขียวใช้พลังของตนที่มาจากการประสานอักขระที่เกิดจากพลังเจตลักษณ์ สร้างรอยแผลมากมายทั่วร่างกายให้กับราชามุสิกอย่างน่ากลัว มันได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่จุดตายทำให้กระเด็นไปฝังใต้ภูเขาหิน

และในขณะที่จ้าวเวหาตัวนี้เกือบจะถูกสังหาร หลังจากนั้นก็ไม่มีภัยคุกคามใดๆที่จะส่งผลต่ออินทรีเกล็ดเขียวได้อีก แม่อินทรีทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันที เพื่อเฝ้ารอให้ความยุ่งเหยิงนี้ผ่านพ้นไปก่อนจะเริ่มต่อสู้อีกครั้ง

ในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่อินทรีเกล็ดเขียวเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ หลังจากเริ่มโจมตีไปเล็กน้อย สัตว์ร้ายระดับลอร์ดตัวอื่นๆก็ตัดสินใจล่าถอยออกมาเพื่อไม่ให้ตนเสียเปรียบตนอื่นๆ สร้างสมดุลอำนาจระหว่างกันและกัน

 

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments