I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Perfect World (完美世界) ตอนที่ 21 เหตุการณ์กลับตาลปัตร 100%

| Perfect World (完美世界) | 716 | 2364 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ทันใดนั้นเอง เกล็ดทั่วทั้งร่างกายของอินทรีเกล็ดเขียวขยายตัวออกแล้วหดกลับอย่างรวดเร็ว เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งที่มีอันตรายอย่างใหญ่หลวงกำลังเกิดขึ้น คล้ายเป็นลางเตือนภัย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านล่างบริเวณรอบๆภูเขาหายไปอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เองที่’เฮ่าน้อย’รู้สึกเย็นวาบที่ด้านหลังของเขาเหมือนกับตกอยู่ในหล่มน้ำแข็ง ด้วยประสบการณ์ที่มากมาย อินทรีเกล็ดเขียวบินไปสั้นๆไปอีกจุดหนึ่งในพริบตาก่อนความรู้สึกเมื่อกี้จะค่อยๆหายไป

“อะไรกัน”

เด็กน้อยไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ทั้งร่างกายก็หยุดทำงานไปดื้อๆ ใบหน้าของเด็กน้อยเปลี่ยนเป็นซีดขาว เจ้าอินทรีเกล็ดเขียวบินไปไกลแล้วโผขึ้นไปซ่อนตัวท่ามกลางหมู่เมฆ แล้วทรงตัวพลางสังเกตการณ์ไปที่พื้นที่ด้านล่าง

*ฮู่มมมมม!!*

เสียงกระแทกภายในอากาศจนขยายไปทั่วท้องฟ้าและสั่นสะเทือนไป ทั้งหุบเขามืดต่างสะท้านสะเทือน ป่าไม้ที่เต็มไปด้วยใบไม้มากมายที่ปลิวว่อนก่อเกิดเป็นความอลหม่านครั้งใหญ่ ทั้งทวีป ทั้งสวรรค์ ทั้งผืนดินเหมือนกำลังถูกแช่แข็งด้วยรังสีความน่าสะพรึงที่เหมือนจะนำพามาซึ่งหายนะ

ทันใดนั้น เหตุการณ์ที่แสนร้อนระอุในบริเวณหุบเขา บรรดาสัตว์ร้ายและนกอสูรต่างตกอยู่ในความเงียบงันราวกับถูกหยุดเวลาไว้ เพราะทั้งหมดต่างตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างรุนแรง ร่างของพวกมันสั่นระริกอย่างห้ามไมอยู่ ไม่มีตนไหนกล้าแม้แต่จะส่งเสียงออกมา แม้กระทั่งสายเปรี้ยวทั้งหลายอย่าง เซเบิ้ลโลหิต อสรพิษม่วง หรือยูนิคอร์นเพลิงเมฆา พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว

พลันมีรูปลักษณ์ที่ปกคลุมด้วยเงาดำโผล่ออกมา เหมือนดั่งราชาปีศาจที่แสนสูงส่งลดตัวลงมา พลังที่แสนน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาราวกับว่าจะทะลวงไปถึงสวรรค์ ทั่วทุกทุกแห่งภายในหุบเขาแห่งนี้เหมือนกับกำลังเหยียบย่างเข้าใกล้ความตายที่ละน้อย

กลับเป็นพญาวานรตัวหนึ่ง มันไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไรมากมาย สูงเพียงสองเมตรโดยประมาณ ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยขนสีดำสนิทหนาครึ่งฟุต แต่ที่สร้างความตกตะลึงที่สุดกลับเป็นปีกคู่หนึ่งที่กลางหลังของมัน ใช่แล้ว!! มันไม่ได้เดินมาแต่กลับบินมา บินลงมาจากท้องนภา

“อย่าบอกนะว่า นั่นเป็นวานรปีศาจ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสายเลือดชั้นสูงที่มีความเข้มข้นในสายเลือดสูงมากด้วย มิฉะนั้นปีกคู่นั้นคงไม่ขยายจนสามารถบินได้เป็นแน่”

‘เฮ่าน้อย’อ้าปากหวอด้วยความตกตะลึง

วานรปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่โหดเหี้ยมมาก โดยแค่ปล่อยรังสีคุกคามออกมาสามารถทำให้สัตว์ร้ายกว่าหมื่นตัวไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ดวงตาที่เยือกเย็นกวาดมองไปแบบผ่านๆ เพียงแค่นั้นก็ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้ นอกจากนี้ ยังมีหมอกสีดำไหลเวียนอยู่รอบๆกาย เป็นรังสีที่สั่งสมมาจากการสังหารสัตว์ร้ายที่น่าเกรงขามมานับไม่ถ้วน

“นี่เป็นราชาแห่งใจกลางหุบเขาอีกแห่งที่อยู่ไม่ไกลจากอาณาเขตของซุนหนี่”

เมื่อวานรปีศาจเหยียบพื้นแล้วดีดตัวไปข้างหน้าด้วยเท้าทั้งสองข้างสูงถึงร้อยเมตรก่อนจะดิ่งลงไปยืนที่กะโหลกหนาๆของเจ้านกหมี

เจ้านกหมีตัวนี้มีความยาวมากกว่าสิบเมตร แน่นอนว่าเป็นสัตว์อสูรที่ร้ายกาจและหายาก ด้วยร่างกายและปีกที่แข็งแกร่งทนทาน มันสามารถโผบินไปได้ทุกแห่งหนสร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคน อย่างไรก็ตามในตอนนี้ มันทำได้แค่สั่นไปด้วยความหวาดกลัว ไม่แม้แต่จะกล้าเคลื่อนไหวทำได้แค่หมอบราบคาบก้าวอยู่กับพื้นเท่านั้น

พญาวานรปีศาจนั่งลงบนส่วนที่อยู่สูงสุดของกะโหลกเจ้านกหมีอย่างไม่รีบร้อนแล้วกางกรงเล็บออก

*ปุ!!*

มันกระชากกะโหลกก่อนจะเริ่มมื้ออาหารโดยที่ไม่สนใจใคร ใช่แล้ว!!  มันแค่หิวเท่านั้น

เจ้านกหมีร้องครวญครางออกมาก่อนจะสิ้นใจไปดื้อๆ ตายไปโดยไม่แม้แต่จะได้ขยับกาย เพราะรังสีที่ถูกแผ่ออกมาจิตคุกคามที่สามารถคว่ำสวรรค์ได้กดทับเอาไว้

บรรดาสัตว์ร้ายและนกอสูรทั้งหมดต่างสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว นี่คือราชาวานรที่มีพลังไม่ด้อยไปกว่าซุนหนี่’ มันเคลื่อนไหวออกมาจากใจกลางหุบเขาอาณาเขตของมัน มันเข้ามายุ่งเกี่ยวที่นี่ได้อย่างไร

*ฟุ่บ!!*

เจ้าวานรปีศาจกลืนอาหารเข้าไปอีกคำหนึ่งก่อนจะถีบตัวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วพุ่งไปยืนอยู่ตรงร่างของ’ซุนหนี่’โดยที่ด้านหลังของมันมีสัตว์ร้ายที่ยาวกว่าสิบเมตรที่กระจุยกลายเป็นชิ้นๆ เจ้านกหมีนั่นเอง

นับว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของราชาวานรดำ เพียงแค่กระทืบเท้าก็ทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน แผ่นดินพากันทรุดตัวลง หินถูกทำลายกลายเป็นชิ้นเช็กชิ้นน้อยทำให้บริเวณรอบๆร่างของ’ซุนหนี่’โล่งขึ้นมาทันที

*มอ!!!*

ทันใดนั้น พลันได้ยินเสียงคำรามของกระทิง ร่างอันลุกโชติช่วงกำลังพุ่งมาจากที่ไกลๆ เป็นกระทิงสีแดงกล่ำตัวใหญ่ยักษ์ สูงมากกว่าสิบเมตรและยาวมากกว่าสามสิบเมตร ปรี่เข้ามาด้วยกีบเท้าที่มีเปลวเพลิงห่อหุ้มอยู่

แต่ทั่วทั้งร่างของมันไม่มีเปลวงเพลิงติดอยู่เลย แต่กลับปกคลุมด้วยขนสีแดงเหมือนดั่งโลหิตเปล่งประกายเรืองรองออกมา

“นั่นเป็น กระทิงอสูรเพลิง ในตำนานตามที่ท่านปู่เคยเล่าให้ฟังไม่ใช่เหรอ”

‘เฮ่าน้อย’เบิกตากลมโตจดจ้องไปด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

ซึ่ง’ฉีหยุ่นเฟิง’ได้รับฟังจากคำบอกเล่าจากผู้อาวุโสอีกต่อหนึ่ง ตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ว่าในใจกลางหุบเขาแห่งนี้มีกระทิงเพลิงอาศัยอยู่ มันมีพลังไร้ขีดจำกัดสร้างความหวาดผวาให้กับสิ่งมีชีวิตในหุบเขามืดนี้อย่างมาก คาดไม่ถึงว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่

วานรปีศาจคำรามออกมาก่อนจะกระพือปีกทั้งสองข้างก่อนจะพุ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับกระทิงอสูรเพลิง รังสีอำมหิตที่สามารถเขย่าสวรรค์ได้ถูกปลดปล่อยมาจากสัตว์ร้ายทั้งสองเหมือนดั่งพายุขนาดยักษ์ทำลายพื้นที่ภายในหุบเขาแห่งนี้

*เจี๊ยกกก…*

*มออออ..*

หลังจากเสียงคำรามของทั้งสอง พวกมันเข้าปะทะต่อสู้โดยใช้ชีวิตของทั้งคู่เป็นเดิมพัน เหมือนดั่งวันวิปโยค เมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ต้นไม้โบราณปลิวกระจายเป็นแถบๆ หินยักษ์มากมายปลิวว่อนไปทั่ว

ทันใดนั้น ลำแสงสีทองเปล่งประกายสาดส่อง เป็นเหตุให้พื้นที่ทั้งหุบเขามืดสว่างจ้าดุจกลางวัน ทั้งป่าไม้ ทั้งภูเขาต่างก็ถูกแสงสีทองอาบไล้ ไม่มีใครคาดคิดว่า’ซุนหนี่’จะปลดปล่อยพลังอันน่าเกรงขามนี้ออกมากะทันหัน

*ซูมม!!*

เหตุการณ์กลับตาลปัตรเพราะ สายฟ้าเก้าสวรรค์ ที่เขย่าทั้งหุบเขาให้ตกอยู่ในความวุ่นวาย ด้วยสายฟ้าสีทองคำพุ่งทะลวงเข้าใส่ราชาผู้อยู่เหนือสัตว์ร้ายนับแสนทั้งสอง

*ฉัวะ!!*

นับว่ากะทันหันเกินไปและรวดเร็วเกินไป ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันแม้ว่าราชาวานรปีศาจจะมีปฏิกิริยาตอบสนองดุจสายฟ้าก็ตาม สายฟ้าทองคำเข้าฉีกกระชากแขนข้างหนึ่งและสร้างรอยแผลลากยาวทิ้งไว้ที่ร่างของวานรปีศาจ

*ฉับ!!*

ในเวลาเดียวกันนั้น กระทิงอสูรเพลิงผู้ที่อาบด้วยเปลวเพลิงจากสวรรค์ เขาและเนื้อบางส่วนของมันถูกกระชากออกก่อนจะล่วงลงกับพื้นด้วยกรงเล็บของ’ซุนหนี่’

ภาพตรงหน้าทำให้สัตว์ร้ายและนกอสูรทั้งหมดตกอยู่ในความมึนงง พวกมันทั้งหมดตัวอ่อนยวบและสั่นเทาในทันที หรือว่า จะยังไม่ตาย???

 

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments