ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปSpirit Vessel บทที่ 24
แปลไทยโดย : SwordGod
บทที่ 24: การต่อสู้ที่ยุ่งเหยิง
หน่อสีแดง มันก็เหมือนเปลวไฟที่ถูกแขวนไว้ในตัณเถียร มันเกิดและเติบโตขึ้นมาบนแผนภาพ “แม่น้ำอาชามังกร”
ทั้งสองนั้นยาวมีรูปร่างเหมือนเช่นเปลียวเพลิงขนาดเล็กที่ละเอียดอ่อน มันเหมือนกับฟันที่ผุดขึ้นมาใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ
นี่คือรากฐานอมตะที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณ!
ขั้นแรกของการกลั่นรากฐากอมตะประสบความสำเร็จ ด้านในเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ความบริสุทธิ์และความหนาแน่นของพลังงานจิตวิญญาณนี้มีอยู่มากกว่าพลังงานจิตวิญญาณภายในร่างกายของนักบ่มเพาะจิตวิญญาณ
“เขตแดนรากฐาณอมตะขั้นที่1 แต่ถ้าหากว่าข้าใช้พลังทั้งหมดข้าจะไม่เพลี่ยงพล้ำแม้แต่รากฐานอมตะ ขั้นกลาง “
เฟิงเฟยหยุน เปิดเปลือกตาของมันออกมาแล้วฉายไปด้วยรอยยิ้ม
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ว่านานเท่าใดแล้ว ห้องเก็บสินค้ายังคงเงียบสงบ ด้านนอกก็เงียบกริบมีแค่เสียงฝีเท้าของทหารลาดตระเวน4-5คนเท่านั้น
เฟิงเฟยหยุน แง้มประตูออกเล็กน้อย ด้านนอกนั้น ยามราตรีไดปิดผนึกไปหมด มีเฉพาะแสงจันทร์ที่สาดกระทบกับเกรียวคลื่นสาดแสงระยิบระยับคล้ายดั่งเกล็ดปลา
“ภายใต้รัศมี100ลี้นี้ข้าคงต้องซ่อนตัวอยู่ในเรืองาช้างแดงนี้เท่านั้น ด้วยสติปัญญาของ ตงฟางจิงเยว่ นางคงไม่คิดว่าข้าจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่! “
เฟิงเฟยหยุน ไม่ได้คิดว่า ตงฟางจิงเยว่จะไล่ตามมันมาถึงที่นี่ แต่มันก็ไม่อยากผิดพลาดภายในใจของมันยังระแวง!
ข้าสงสัยจังว่า หากนางหาตัวข้าไม่พบนางจะย้อนกลับไปฆ่าท่านพ่อหรือเปล่านะ?
คิดถึงจุดนี้แล้วรา่งของเฟิงเฟยหยุนก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว หากตงฟางจิงเยว่ไม่ได้มีแผนสำรองใดแล้วย้ายไปที่เฟิงว่านเผิง แล้วเฟิงเฟยหยุนจะทำอะไรได้
สุดท้ายแล้วการบ่มเพาะของยายแก่คนนั้นก็สูงส่งมาก
“หากเป็นเช่นนั้นข้าจะกลับไปที่เมืองจวงถ่ายเซินจิงแล้วสู้กับนางให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย”
ด้วยความคิดแบบนี้ในดวงตาของ เฟิงเฟยหยุน เริ่มเย็นชาลงทันที ทันใดนั้นเองแสงที่สว่างสุกใสก็ได้สาดมาที่เรือ รัสมีจิตวิญญาณสาดลลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเป็นคันฉ่องขนาดใหญ่
ภายในคัณฉ่องแสงสีเงินที่สุกสกาวสดใสถุกซ่อนเอาไว้ มันตกลงมาในระลอกคลื่อนเหมือนดวงจันทร์ที่สดใสแล้วทำให้เรือรบงาช้างแดงถูกปกคลุมไปด้วยแสง
ข้าแค่นึถึงนาง นางก็โผล่มาที่นี่แล้ว!
“จิตใจของผู้หญิงคนนี้ถือว่าสูงส่งมากและตระกูลข้ายังปลอดภัยดี!”
ช่วยไม่ได้ที่ซูหยุน จะคิดถึงนางมากไปหน่อย สุดท้ายแล้วทุกคนก็ไม่สามารถรู้ตื้นลึกหนาบาง และขุ่นเคืองใจอย่างนี้
หลายคนฉุนเฉียวและพยายามที่จะแก้แค้น เมื่อพวกเขาโกรธจริงๆพวกเขาจะสังหารคนที่รู้จักคู่อริเขาทั้งหมด ยังไงก็ตาม ตงฟางจิงเยว่ รู้ว่าหากนางจับ เฟิงว่านผิง นางสามารถบังคับให้เฟิงเฟยหยุนออกมาได้ แต่ว่านางไม่ได้ทำเช่นนั้น
อย่างน้อยก็พิสูจน์ให้เห็นว่านางไม่ใช้วิธีการโกง ใด ๆ
แม้นว่ามันจะถูกไล่กวดโดยนาง มุมมองของนางที่มีต่อเฟิงเฟยหยุน มันตรงกันข้ามกับคำว่าดีขึ้น แน่นอนว่ามันแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“ฟิ้ว!”
ตงฟางจิงเยว่อาศัยคลื่นเข้ามา “ปรากฏลักษณะผีเสื้อที่โบบินบนผิวน้ำที่งดงาม”; แต่ละก้าวค่อยๆแตะคลื่นลูกใหญ่ก่อให้เกิดคลื่นเล็กๆขึ้น
ผมสีดำยาวปลิวไสวอยู่ในลมหนาว ม่านสีขาวบางปกคลุมความงามที่ไม่มีใครเทียบของนางมีเพียงคู่ของดวงตาที่สดใสเช่นไข่มุกสีดำทีเผยออกมา ภายในดวงตาของนางมีความลึกลับโดยไม่มีอารมณ์ใด ๆ ทำให้คนอื่นๆรู้สึกซับซ้อน
นางกอดพิณสีแดงของนางด้วยนิ้วมือที่เรียวงามจับไว้ตรงสาย นางยังไม่ได้เริ่มสบัดแต่มันก็เกิดแรงกดดันอย่างไร้ขอบเขต เมื่อนางได้เริ่มบรรเลงแล้วละก็เพียงแค่เสียงเดียวนางอาจจะทำลายกองทัพสวรรค์และม้าจำนวนหนึ่งหมื่นตัว
“ทะเลสาบมังกรทอดยาวสามพันลี้เหมือนหยกขาวที่ห้อยลงมาจากแม่น้ำสีเงิน”
“พระอาทิตย์ตั้งอยู่บนอนุสาวรีย์นกศักดิ์สิทธิ์ คันฉ่องวิญญาณเบิกฟ้าสีกุหลาบจากจันทรา!”
ผู้หยั่งรู้จิ้งเฟิงยืนอยู่บนแท่นสูงและเขายกศีรษะของเขาขึ้นไปมองที่คันฉ่องวิญญาณเบิกฟ้า บนท้องฟ้า
“ข้าไม่ทราบว่ายอดฝีมือจากตระกูล หยินโกว ท่านคือผู้ใด?”
จำนวนสมบัติวิญญาณในราชวงศ์จินมีจำนวนมากและทุกคนต่างก็มีตำนานของตัวเอง เมื่อคันฉ่องวิญญาณเบิกฟ้าปรากฏก็ได้รับการระบุได้ทันทีจากผู้หยั่งรู้จิ้งเฟิงเพียงแค่ชายตามอง
ชาวเจียงโบราณมักขัดแย้งกับตระกูลใหญ่ของราชวงศ์จิน อีกด้านหนึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของราชวงศ์จินซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากตระกูล หยินโกว ดังนั้น ผู้หยั่งรู้ จึงได้ใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการค้นหา เทพธิดาเทวภูติสวรรค์ จึงไม่อาจมีข้อผิดพลาดได้แม้แต่น้อย
นักรบชาวเจียงโบราณในเรือตื่นตระหนก แต่ละคนสวมเกราะเหล็กพร้อมด้วยอาวุธอยู่ในมือ พวกเขาวิ่งออกมาพร้อมกับเปล่งกิล่นอายกดดันทำให้บรรยากาศแข็งตัว
แม้ว่า เฟิงเฟยหยุนไม่ได้เข้าร่วมรบ แต่มันก็ยังรู้สึกถึงกลิ่นอายที่น่าสยดสยองจากทหารเหล่านี้ พลังต่อสู้ของทหารเหล่านี้ เพียงแค่ไม่กี่1000คนนั้นน่ากลัวอย่างมาก พวกเขาต้องแข็งแกร่งกว่ายามเมืองกว่า10เท่าแน่ๆ
ตงฟางจิงเยว่ขี่คลื่นใหญ่เข้ามาพร้อมกับกอดพิณไว้ ดวงตาของนางจ้องมองไปที่เรือรบงาช้างแดงเพียงครั้งเดียวแล้วตอบอย่างไร้อารมณ์
“สถานะของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นี้ต่ำต้อยและนางเองไม่กล้าบอกชื่อนางไว้เบื่องหน้าผู้หยั่งรู้จิงเฟิง!”
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าคือ ผู้หยั่งรู้จิงเฟิง?”
“ธงด้านบนสลักคำว่า เฟิงเทียน นี่เป็นสัญญลักษณ์ของเมืงเจียงโบราณ เฟิงเทียนปู้ มีเพียงสามคนเท่านั้นที่สามารถควบคุมเรือรบงาช้างแดงได้ หนึ่งคือเฟิงเทียน ทั่วไป อีกคนคือยายกู่หยู และสุดท้ายคือ ผู้หยั่งรู้จิงเฟิง ด้วยภาพลักษณ์ของบรรพบุรุษและอายุ ท่านคงไม่ใช่เฟิงเทียนทั่วไป และก็ไม่ใช่ยายกู่หยู คนเดียวที่เหลือคือ ผู้หยั่งรู้จิ้งเฟิง “
“ฮ่า ๆ อายุยังน้อยแต่ความคิดช่างระเอียดรอบคอบจริงๆ หากว่าข้าไม่มีเรื่องสำคัญที่ต้องทำละก็ ไม่งั้นข้าจะทำให้เจ้ามาเป็นศิษย์ “
จำนวนของผู้หยั่งรู้เมื่อเทียบกับช่างผู้เชียวชาญ จ้าวเม็ดยา ผู้ควบคุมสัตว์อสูร แต่ละคนมีความชำนาญในเรื่องของค่านิยมในราคาที่พวกเขาได้รับความนับถือและแสวงหาอำนาจที่สำคัญนับประสาอะไรกับ ผู้หยั่งรู้
หากใครได้เป็นลูกศิษย์ของผู้หยั่งรู้นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
“ขอบคุณท่านผู้หยั่งรู้แต่คราวนี้ผู้เยาว์มาที่นี่เพื่อจับโจรน้อย ข้าน้อยต้องขออภัยที่ขวางทางผู้หยั่งรู้ อย่างไรก็ตามท่านจะกรุณายินดีให้ข้าน้อยขึ้นเรือเพื่อบีบบังคับให้เขาเผยตัวออกมาจะได้มั้ย? “
“คนผู้นี้อยู่บนเรือรบงาช้างแดงงั้นเหรอ?”
“เป็นเช่นนั้น”
นัยน์ตาของนางสว่างวาบมองไปทั่วเรือรบงาช้างแดงเพื่อมองหา เฟิงเฟยหยุน
ยายแก่นี่เป็นอย่างกับผีสิง นางต้องการขึ้นมาบนนี้ ไม่ดีแน่ หากนางขึ้นมาบนเรือได้ข้ามีหวังไม่รอดแน่ๆ
สายตาของมันมองไปที่ ตงฟางจิงเยว่ แล้วมุมปากของมันก็เผยให้เห็นความเจ้าเลห์ มันได้วางแผนเล่ย์กลระดับสูงไว้ในใจของมันแล้ว
มันก้าวออกจากห้องสินค้าบินออกมาด้านหลังทหาร ด้วยความเร็วที่เหมือนกับเงาผี ไม่มีใครเห็นมัน
ดวงตาของ ตงฟางจิงเยว่ จมอยู่ในความโกรธเมื่อนางได้เห็นเฟิงเฟยหยุนหัวใจของนางก็เผาไหม้อีกครั้ง นิ้วของนางเคลื่อนไหวบนสายพิณขณะที่นางสร้างเสียงเบา ๆ
“ฟริ้ง!”
เสียงพิณที่เพิ่งดังและมองไม่เห็นลอยออกไปด้านนอก
“ฉัวะ!”
ชาวเจียงโบราณกรีดร้องออกมาแล้วลงไปนอนกับพื้น เขากลิ้งลงเรือรบแล้วเขาก็หยุดเคลื่อนไหว!
“โอ้สวรรค์! ปีศาจสาวจาก ตระกูลหยินโกว กำลังฆ่าคน! “
“ทุกคนร่วมกันสู้เนื่องจากผู้หญิงคนนี้เป็นอำมหิตและไร้ความเมตตา!”
“นี่เป็นการยั่วยุชาวเจียงโบราณ หากเราไม่ชดใช้หนี้เลือดนี้ชาวเจียงโบราณของเราจะพินาศ “
เฟิงเฟยหยุน เปลี่ยนทิศทางอยู่ตลอดเวลาด้วยความเร็ว การตะโกนสร้างความเกลียดชังภายในใจต่อชาวเจียงโบราณ บรรยากาศการฆ่าฟันทวีความรุนแรงขึ้น ทหารสองคนของชาวเจียงโบราณสวมเกราะเหล็กด้วยนิ้วขนาดถ้วยกระโดดออกจากเรือรบงาช้างแดงและมุ่งหน้าไปยังตงฟางจิงเยว่
“ยัยปีศาจเจ้ากดดันพวกเรามากไปแล้ว เจ้าสังหารคนของข้าโดยำร้เหตุผล มาดูกันสิว่า วันนี้ปู่ของเจ้าจะฆ่าเจ้ายังไง “
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นรวดเร็วมากและนี่อยู่เหนือการคาดหมายของตงฟางจิงเยว่ ก่อนหน้านี้คลื่นเสียงสังหารของพุ่งไปหาเฟิงเฟยหยุนอย่างแน่นอนแล้วมันจะสังหารชาวเจียงได้ยังไง?
ทหารชาวเจียงโบราณไม่ได้ถูกสังหารโดยคลื่นเสียงของตงฟางจิงเยว่แต่โดยหมัดของเฟิงเฟยหยุ่น ในขณะที่ทหารชาวเจียงโบราณคนั้นลุกขึ้นยืนมือของเขาลูบคอของเขาขณะที่เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่มีใครสนใจเขาเพราะทหารชาวเจียงโบราณได้เดือดดานแล้ว หลายคนออกจากรือเพื่อเป็นแนวหน้าสู้ด้วยชีวิตของพวกเขาต่อตงฟางจิงเยว่
สถานการณ์เริ่มคลั่งขึ้นและการโจมตีทั้งหมดเริ่มขึ้น พลังของพวกเขาทำให้เกิดการระเบิดขึ้นบนพื้นผิวของแม่น้ำ
“เจ้าต้องจ่ายด้วยชีวิต ชวิตแลกชีวิต! “
“หากเราไม่ฆ่านังปีศาจนี่ แล้วเราจะมีหน้าไปพบกับชาวเจียงโบราณได้ยังไง?”
“วันนี้พวกเราจะสู้ตายเพื่อทวงความเป็นธรรม”
ชาวเจียงโบราณเป็นคนตรงไปตรงมาพวกเขามักจะถูกตระกูลใหญ่ข่มแหง แค่เฟิงเฟยหยุนยั่วยุเล้กน้อย ทุกคนก็กลายเป็นปีศาจร้ายสูญเสียจิตใจเหมือนสัตว์ป่า
ในขณะนี้ ตงฟางจิงเยว์ รู้สึกโกรธและเสียใจ นางรู้แล้วว่านี่เป็นฉากที่เฟิงเฟยหยุนจัดขึ้น แต่นางมีแค่หนึ่งปากไม่สามรถอภิบายอะไรได้ตอนนี้ นางทำได้เพียงใช้คันฉ่องวิญญาณเบิกฟ้าเพื่อป้องกันเหล่าป่าเถื่อนนี้เท่านั้น
เฟิงเฟยหยุนนั่งอยู่บนจุดสูงสุดของเรือรบมองสีหน้าของตงฟางจิงเยว่ที่ดุร้ายแล้วหัวเราะเสียงดัง
“ตงฟางจิงเยว่ คิดจะสู้กับนายน้อยผู้นี้ ยังเร็วไป!”
ขณะที่ฟงเฟยหยุนยิ้มอย่างมีความสุขก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังองเขา
“เจ้าใช่มั้ยที่นางต้องการจับตัว!”
เฟิงเฟยหยุนไม่สามารถหัวเราะได้อีกต่อไป มันหันหน้าทะเล้นๆของมันไปที่ใบหน้าที่เหี่ยวย่นแล้วมันก็พยักหน้ายิ้มให้