ตอนที่แล้วตอนต่อไปชอว์ตันไม่เสียเวลาพูด เขาส่งแท็บเล็ตที่มีภาพของไอฟรอนไปให้ชิลลิน
ชิลลินถึงกับตกตะลึงเมื่อได้เห็นมัน
ถ้าเขาไม่รู้ว่าหน้าตาในปัจจุบันของเขาเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของยีนภายในร่างกาย ชิลลินเองก็อาจจะคิดไปว่าคนบนหน้าจอเป็นพ่อของตัวเอง!
เป็นเรื่องบังเอิญ!
หลังจากอธิบายสั้นๆให้ชิลลินทราบเกี่ยวกับไอฟรอนและสถานการณ์การซื้อขายในปัจจุบัน ชอว์ตันชี้ไปที่เก้าอี้ที่มุมห้อง “ชิลลิน นั่งอยู่ที่นั่นเมื่อการเจรจาเริ่มต้นขึ้น”
“โอเคครับ” ตอนนี้ชิลลินพอจะเดาอะไรออกได้บ้างเล็กน้อยในเรื่องที่พวกเขาได้อนุญาตให้เขาเข้าร่วมกองทัพที่หกและเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังหลัก ดังนั้นก็คงหมายความว่าตัวเขาต้องมีประโยชน์ต่อพวกเขาค่อนข้างมากแน่ๆ อย่างน้อยใบหน้าของเขาก็มีความสำคัญอย่างมากต่อกองทัพที่หก
กำลังจะเริ่มการประชุมทางวีดีโอแล้วนะ
บนหน้าจอปรากฏใบหน้าของไอฟรอนอายุสามสิบเจ็ดปี เผยรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าของเขา แต่การเคลื่อนไหวทุกๆครั้งของเขาแฝงไปด้วยจิตวิญญาณที่ไม่อาจล่วงละเมิดได้ ในขั้นต้นเขาได้วางแผนที่จะยุติการเจรจาอย่างรวดเร็วโดยการปฏิเสธข้อตกลงทางธุรกิจของกองทัพที่หกและเลือกเหล่านักสำรวจคนอื่นๆ แต่คราวนี้เมื่อเขาเห็นชิลลินนั่งอยู่ที่มุมห้อง เขาก็ไม่อาจที่จะพูดคำที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาได้
ไอฟรอนและชอว์ตันเป็นผู้ชายที่ฉลาดทั้งคู่ พวกเขาต้องการเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะคาดเดาความคิดของกันและกัน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองความคิดหลายอย่างได้ผ่านเข้ามาในหัวของไอฟรอน
หลังจากหยุดนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง ไอฟรอนก็หัวเราะออกมา “อย่าเพิ่งให้ผมพิจารณาเรื่องของข้อตกลงระหว่างเราตอนนี้เลยเถอะ อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าเรามีเรื่องอื่นที่ควรจะพูดถึงใช่ไหมผู้บัญชาการชอว์ตัน?”
“แน่นอน ด้วยความยินดี” ชอว์ตันกล่าว
เขาโบกมือให้คนอื่นออกไปและอยู่พูดคุยกันตามลำพังในห้องประชุมกับไอฟรอน
ชิลลินนั่งลงบนเก้าอี้ที่เลานจ์หลังจากที่ถูกดึงออกจากห้องประชุมโดยไดแอสและปิดตาของเขาลง นั่งอย่างนิ่งสงบแต่ภายในกำลังรู้สึกแปลกใจ เขาเดาสถานการณ์ที่อาจจะเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นในไม่ช้าและมุ่งไปข้างหน้าต่อไปไม่ว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหนก็ตาม นี่เป็นภารกิจแรกของเขาหลังจากออกมาจากโลกดาวเคราะห์สีน้ำตาล
ตอนนี้ชอว์ตันนั้นกำลังรู้สึกดีมากๆ เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถกลายมาเป็นผู้บัญชาการกองทัพที่หกได้นั้น ไม่ได้เกิดจากอำนาจของเขาเพียงลำพัง ชอว์ตันสามารถมองปัญหาออกด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและเหตุผลที่เขายอมให้ไอฟรอน เห็นชิลลินเพื่อยืนยันข้อสันนิษฐานภายในใจของเขา
อีกสองชั่วโมงต่อมาชอว์ตันเรียกชิลลินเข้าไปเพื่อทำการพูดคุยส่วนตัว
“ทำตัวเป็นลูกชายของเขา?” ชิลลินจ้องมองไปที่แผนปฏิบัติการที่ชอว์ตันแจกแจงเอาไว้
“ใช่ แม้ว่าไอฟรอนไม่ได้ให้เหตุผล แต่ฉันเชื่อว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเขาจะต้องมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลดูแลนซ์ นายคิดเห็นอย่างไร? ลองบอกฉันมา
ชิลลินเปิดดูข้อมูลของไอฟรอนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพูดว่า “แม้ว่าโลกภายนอกจะเป็นที่รู้กันว่า ไอฟรอนไม่มีบุตร แต่ผมเชื่อว่าไม่เป็นความจริง เพียงแค่ว่าเขาไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนของพวกเขาก่อนที่เขาจะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอด เพื่อความปลอดภัย มันอันตรายเกินไปที่จะให้ครอบครัวต้องไปเสี่ยง เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่นอน แรงจูงใจของเขาคือการที่จะต้องปกปิดลูกหลานที่แท้จริงของเขาอย่างผมและดึงดูดรวบรวมอำนาจหรืออาวุธจากใครบางคนเอาไว้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่เขาจะนำอำนาจและพลังที่มากขึ้นเพื่อไปใช้ในการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูล แต่แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาของผมเท่านั้นเอง “
“ดีมาก นายทำได้ดีในการคิดวิเคราะห์เรื่องทั้งหมดเหล่านี้เพียงแค่อ่านเนื้อหาบางส่วนที่มีอยู่เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามนี่เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่ไอฟรอนได้เสนอมาและส่วนอื่นๆ นายสามารถตัดสินใจได้หลังจากที่เขาได้พบกับนายเท่านั้น ดังนั้นคำถามของฉันสำหรับนายตอนนี้คือ ชิลลิน, นายต้องการที่จะยอมรับภารกิจนี้หรือไม่ “
“ทำไมผมถึงไม่ควรรับล่ะ?”
“มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับภารกิจนี้ สมาชิกของกองกำลังอิสระมีอำนาจในการตัดสินใจเป็นของตนเอง เราไม่ใช่ทหารและนายไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆกับนาย นายสามารถปฏิเสธได้ “
“ทำไมผมถึงจะต้องปฏิเสธ?” ชิลลินมองที่ผลรวมของแผนและรู้สึกพอใจมาก โดยทั่วไปความเสี่ยงของภารกิจนี้มีสัดส่วนกับจำนวนของรายได้
ชอว์ตันมองไปที่ชิลลินตั้งแต่หัวจรดเท้า “นายไม่ได้ดูเป็นพวกขี้เหนียวนี่”
“นี่เป็นลักษณะของนักล่าใช่มั้ย?” นักล่าไม่ใช่นักผจญภัย นักล่าเป็นคนที่เดินไปมาระหว่างชีวิตและความตายเพื่อเงินและการแสวงหาผลประโยชน์
“ถูกต้องนั่นเป็นสิ่งที่นักล่าเป็น”
ชอว์ตันหัวเราะ “นายจะต้องมากับฉันเพื่อดูท่าทีของไอฟรอนในอีกสองวันข้างหน้า สำหรับการประมาณราคาของสินค้านั้นเราสามารถเรียกได้มากกว่านี้ ใช้เวลาสองวันที่เหลือนี้เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม”
มีบางอย่างที่ชอว์ตันไม่ได้พูด แต่ชิลลินรู้เรื่องนี้ – ละเลยความเสี่ยงของภารกิจ – ถ้าชิลลินยอมรับภารกิจแล้วธุรกิจของกองทัพที่หกและไอฟรอนที่กำลังเจรจากันก็จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เรื่องนี้ชิลลินยังสามารถได้รับการยอมรับจากผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพที่หกอีกด้วย นี่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับความก้าวหน้าของเขาในกองทัพที่หกในอนาคต
การแข่งขันระหว่างสี่กองกำลังนักล่าระดับท็อปกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นและแม้ว่าจะไม่มีการปะทะกันขนาดใหญ่ก็ตาม แต่ก็มีกองกำลังสายลับอยู่บนยานซึ่งเป็นเหตุผลที่ทีมหลักได้เริ่มระมัดระวังตัวแล้ว ความสำเร็จของกองทัพ B ทุกคนมีผลกระทบอย่างมากต่อผู้คนในหมู่เหล่านั้น ถ้าผ่านไอฟรอนไปได้ พวกเขาจะสามารถมีอิทธิพลต่อการสื่อสารระหว่างกองทัพที่หกกับตระกูลดูแลนซ์ได้ มันก็ไม่ต้องสงสัยเลยที่จะส่งเสริมการพัฒนาของกองทัพที่หกเป็นอย่างมาก
ความสำคัญของตระกูลที่มีชื่อเสียงในกาแลคซีอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อกองกำลังนักล่าไม่สามารถละเลยได้ เหตุผลที่ตระกูลเหล่านี้ไม่อาจจะโดดเด่นจากกองเถ้าของประวัติศาสตร์ได้เนื่องจากช่องทางและเครือข่ายต่างๆ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างทหารและกองกำลังนักล่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ยืนอยู่ตรงข้ามกันและกัน แต่พวกเขาก็ไม่มีความสามัคคีปรองดองกันมากนัก ถ้าเป็นไปได้ทหารจะไม่อนุญาตให้มีกองกำลังนักล่า แต่ความเป็นจริงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถกดดันให้พวกกองกำลังนักล่าเปิดเผยตัวตนออกมาได้ แต่ทหารมักแอบทำงานเพื่อขัดขวางภารกิจของกองกำลังนักล่าเพื่อขัดขวางการพัฒนาของพวกเขา
มีคนจำนวนไม่มากในกาแลคซีที่จะกล้าก่อการร้ายกองยานรบหลักของกองกำลังนักล่าระดับท็อป แต่กองกำลัง B เป็นเรื่องที่แตกต่างกัน ทหารต่างๆ สถาบันการเมืองในระดับภูมิภาค และกองกำลังนักล่าขนาดเล็กต่างมุ่งเป้ามาที่พวกเขา ตราบเท่าที่พวกเขามีโอกาสที่จะโจมตีใส่กองกำลัง B เพราะการดำรงอยู่ของกองกำลัง B คือการปล้นเงินและชื่อเสียงของพวกเขา แน่นอนว่าถ้ามีตระกูลที่มีชื่อเสียงในกาแลคซีที่ยิ่งใหญ่นี้เป็นผู้ที่คอยสนับสนุนอยู่ การพัฒนาของกองกำลัง B ก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น
ดังนั้นแน่นอนว่ากองทัพที่หกจะไม่ตัดใจยอมแพ้หลังจากได้รับโอกาสที่จะได้พบกับไอฟรอน ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นสถานการณ์ที่พวกเขากำลังต่อสู้แข่งขันกับทีมอื่นของกองกำลัง B ดังนั้นโดยปกติแล้วพวกเขาก็จะต้องพยายามทำมันให้มากขึ้น นอกจากนี้ถ้าไอฟรอน ได้กลายเป็นตัวตายตัวแทนภายใต้ความช่วยเหลือของชิลลินแล้ว กองทัพที่หกก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่ไม่จำกัดได้ในอนาคต พวกเขาทั้งหมดตระหนักดีถึงเรื่องนี้ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าผู้ที่มีอำนาจในกองทัพที่หกที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้และมีความคาดหวังสูงในตัวของชิลลิน
สำหรับการเตรียมการที่ชอว์ตันได้บอกกับชิลลินนั้น เขาหมายถึงชิลลินสามารถแจกแจงข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับภารกิจนี้ได้ในช่วงเวลาว่างที่เหลือของสองวันนี้
ชิลลินไม่สามารถเปรียบเทียบกับนักล่าที่มีประสบการณ์เหล่านี้ได้ในแง่ของเรื่องประสบการณ์ นอกจากนี้เนื่องจากที่มาของเขา ชิลลินมีความเข้าใจของข้อมูลข่าวสารล่าสุดอยู่เพียงด้านเดียว นี่เป็นข้อบกพร่องใหญ่สำหรับนักล่าที่เดินทางไปในกาแลคซี ด้วยเหตุนี้ชอว์ตันจึงได้เลือกข้อมูลบางอย่างเพื่อให้ชิลลินไม่ต้องเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ
หลังจากจัดห้องเดียวสำหรับชิลลิน ชอว์ตันเรียกผู้บัญชาการคนอื่นๆและเริ่มการประชุมเกี่ยวกับเรื่องการรักษาความลับของชิลลิน อย่างไรก็ตามเมื่อชอว์ตันสิ้นสุดการประชุมและนำอาหารไปให้ชิลลิน เขาค้นพบว่าคนที่ควรจะใช้ประโยชน์จากเวลานี้กลับหลับไปอย่างรวดเร็วบนหัวเตียง ในความเป็นจริงเขาดูเหมือนจะนอนหลับสนิทเสียด้วยซ้ำ
แท็บเล็ตซึ่งได้บันทึกข้อมูลข่าวสารไว้ถูกโยนไปด้านข้าง จอภาพของคอมพิวเตอร์โดยรอบกำลังกระพริบอย่างรวดเร็วโดยการแสดงข้อมูลอะไรบางอย่าง
ที่ด้านข้างไดแอสกำลังเปิดปากพูด แต่ในที่สุดเขาก็กลืนคำที่กำลังจะกระโดดออกมาจากปากของเขาลงไป เขามองไปที่ผิวที่เกิดการเปลี่ยนสีของชอว์ตัน เขาตะโกนในหัวใจ ชิลลิน, คนโง่, วิญญาณของนายอยู่ที่ไหน! นายนอนไปได้อย่างไรด้วยสถานการณ์ที่ขับขันเช่นนี้?
ชอว์ตันหายใจเข้าลึกๆ เขาวางถาดอาหารออกจากมือของเขา หันหลังกลับและเดินออกจากประตูไป ไดแอสเดินตามหลังชอว์ตันไปด้วยความขมขื่น
สองวันผ่านไป ชิลลินหลับไปจนถึงจุดที่เขาไม่ได้สัมผัสกับอาหารใดๆของเขาและในช่วงเวลานี้ทุกคนในกองทัพที่หกได้สังเกตเห็นบรรยากาศอันหนาวเหน็บจนถึงขั้วหัวใจที่สามารถแช่แข็งคนให้ตายได้จากผู้บังคับบัญชาการชอว์ตันไปจนถึผู้บัญชาการคนอื่นๆ ทุกคนมีกลิ่นอายที่บอกว่าได้ว่า ‘อันตราย! จงอยู่ห่างๆ’
ถ้าไม่ใช่เพราะชอว์ตัน ผู้บัญชาการบางคนอาจจะปลุกให้เขาตื่นขึ้นและบังคับให้เขาอ่านข้อมูลเหล่านั้น นักล่าที่ไม่รู้จักการควบคุมข้อมูลของเขาไม่ใช่นักล่าที่ดี
“บอกฉันมาหน่อยสิว่า ทำไมเด็กคนนี้สามารถนอนหลับได้อย่างง่ายดายเช่นนี้?” ชอว์ตันนอนลงบนเก้าอี้ของเขาและเคาะจังหวะบนลงพื้นผิวของมันด้วยมือของเขา
ไดแอสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเกาหัวอันหยิกๆของเขาพลางพูดว่า “อะแฮ่ม ผมก็ไม่ควรจะพูดอะไรแบบนี้ แม้ว่าจะเห็นว่าพฤติกรรมของเขาเป็นแบบนี้ แต่สักวันพวกคุณก็จะรู้ว่าเขานั้นเป็นคนดีคนหนึ่ง แต่…..” ไดแอสกำลังนึกคำที่เหมาะสมอยู่ครู่หนึ่ง, “ผมไม่สามารถบอกอะไรได้มากนะ แต่ผมรู้สึกว่าเด็กคนนี้มีความสามารถและกล้าหาญ”
———————————————————————————————————————————————————————-
ฝากกดไลค์ กดติดตามเพจ ให้กำลังใจ และติดตามข่าวสารกันด้วยนะครับ :
*หากมีคำติชมใดๆสามารถเสนอแนะเข้ามาได้ครับ ผิดพลาดประการใดผู้แปลต้องขออภัยผู้อ่านมา ณ ที่นี้ด้วย
*ถ้าอยากอ่านและให้ลงบ่อยๆช่วยกันคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะคร๊าบบบบบบบ