I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Star Rank Hunter ตอนที่ 20 : ฉันเป็นสุภาพบุรุษ

| Star Rank Hunter | 632 | 2362 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ชิลลินกำลังจมดิ่งลงสู่โลกแห่งหนังสือของเขา ในขณะที่เขาคัดลอกข้อมูลทั้งหมดลงในสมองของเขา เขาไม่ได้สนใจถึงเรื่องการถูกจ้องมองจากคนทั้งสองที่พื้นที่จัดแสดงเลย ตราบเท่าที่มันไม่ได้มีอันตรายใดๆ ชิลลินจะไม่ออกไปจากสถานที่ดังกล่าว

หลังจากอ่านหนังสือที่เขาคิดว่ามีประโยชน์สำหรับเขาบนชั้นหนังสือจนพอใจแล้ว ชิลลินก็เลือกหนังสือสิบเล่มและหันกลับมา เขาเห็นทันทีว่าทั้งสองคนกำลังจ้องมองเขาด้วยท่าทีแปลกๆ หลังจากที่ยิ้มและพยักหน้าให้คนทั้งคู่แล้วเขาก็บอกกับพนักงานดูแลว่า “ผมเอาหนังสือสิบเล่มตามรายชื่อนี้ครับ”

“โอ้ใช่ โปรดรอสักครู่ค่ะ” พนักงานสแกนบาร์โค้ดรายละเอียดหนังสือทั้งสิบเล่ม ก่อนที่เธอจะประทับตราลงไปที่ใบเสร็จว่า ‘รางวัลที่หนึ่งงานฉลองครบรอบร้านหนังสือ’ จากนั้นเธอก็ส่งใบเสร็จหนังสือไปให้ชิลลินและกล่าวว่า “รับบัตรสมาชิกวีไอพีของคุณได้ที่เคาน์เตอร์บริการหลักค่ะ”

“โอเคครับ ขอบคุณ”

หลังจากที่ชิลลินออกไปจากร้านแล้ว พนักงานร้านก็ยังคงสงสัยและประหลาดใจ “จิ้นเฉิง เขาอ่านทุกอย่างแล้วจริงๆหรือ?”

“เขาน่าจะจดจำทุกอย่างที่เขาอ่านได้แล้ว”

“เขาเป็นคนธรรมดาๆแน่หรอ! ฉันเคยได้ยินมานานแล้วเกี่ยวกับคนที่มีความจำเหมือนถ่ายภาพเอาไว้ แต่เมื่อฟังดูแล้วมันก็น่ากลัว พวกเขาสามารถสแกนสิ่งต่างๆเหมือนกับเครื่องสแกนได้” ในขณะที่พนักงานของร้านกำลังถกเถียงกันอยู่ก็มีเสียงตอบโต้ดังขึ้นมาเล็กน้อย

“ดูเหมือนว่าจะมีพวกเสือซ่อนเล็บปะปนอยู่ไปทั่วซินะ” ชือจิ้นเฉิงปิดหนังสือลงและวางมันลงบนชั้นวางหนังสือ” ผมก็จะไปแล้ว ผมจะกลับมาหลังจากลงทะเบียนเรียนเสร็จถ้าผมมีเวลา หนังสือใหม่อีกชุดหนึ่งพวกนี้จะมาถึงในอีกสองวัน ผมจะให้คนมาติดต่อคุณ”

“เคย์ ผมจะบอกผู้จัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมได้ส่งใบสมัครไปแล้ว คงจะใช้เวลาในการตอบกลับมาไม่นาน เมื่อมีอะไรเกกิดขึ้น ผมคงต้องหวังพึ่งให้คุณจัดการสิ่งต่างๆ”

ชือจิ้นเฉิงแนะนำให้เขาผ่อนคลายก่อนที่จะออกจากร้านไปอีกคนด้วย

สิบเล่มที่ชิลลินได้เลือกไว้เป็นหนังสือปกแข็งทั้งหมดและมันไม่ควรจะใส่พวกมันไว้ในแหวนห้วงมิติของเขาในสถานที่แบบนี้ เขาไม่อาจที่จะเสี่ยงต่อการเผยความลับของแหวนได้ แต่ก็ถือพวกมันกลับไปทั้งสิบเล่มก็ดูจะเป็นอะไรที่ลำบากเกินไป ดังนั้นชิลลินจึงต้องจัดการพวกมันอย่างแน่ใจ เขาได้ติดต่อกับพนักงานร้านค้าให้มาส่งหนังสือให้กับเขาในภายหลัง เมื่อเขาได้ลงทะเบียนและจัดเตรียมที่พักเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเขาเป็นผู้ชนะรางวัลที่หนึ่ง ซึ่งทางร้านจะไม่มีการเก็บค่าบริการใดๆเพิ่มสำหรับการจัดส่งหนังสือ

จู่ๆชิลลินก็หยุดลงขณะที่เขาเดินออกจากร้านหนังสือมาได้สักพัก

“ชิลลินดูแลนซ์ ช่วยหยุดก่อนซักครู่!” ชือจิ้นเฉิงเดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วขณะที่ถือหนังสืออยู่ในมือ

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

“ฉันแค่อยากจะเตือนนายว่าผู้ชนะจะได้รับการประกาศในส่วนจัดแสดงผลขนาดใหญ่ของร้านค้า ถึงแม้จะไม่ใช่ภาพ แต่ก็ยังมีคนให้ความสนใจ เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับนักเรียนระดับสูงที่จะกลั่นแกล้งผู้ที่มาใหม่และถ้านายไม่มีหลักฐานยืนยันตนที่แน่ชัด ตำรวจก็จะไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือใดๆ”

ชิลลินยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “ขอขอบคุณสำหรับการเตือน ฉันขอทราบได้ไหมว่านายเป็นใคร?”

“ฉันชื่อว่า ‘ชือ จิ้นเฉิง’ ฉันเป็นนักเรียนใหม่ในเทอมนี้ แต่ฉันค่อนข้างรู้และเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ ถ้านายต้องการอะไร นายก็สามารถถามฉันได้เสมอ”

หลังจากครุ่นคิดบางอย่าง ชิลลินก็กล่าวว่า “นายคุ้นเคยกับเขตการค้าหรือไม่? นายรู้หรือไม่ว่าร้านไหนขายโฮเวอร์บอร์ดราคาไม่แพงมาก” เนื่องจากชือจิ้นเฉิง ได้แสดงเจตนารมณ์ที่ดีของเขาออกมา ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ชิลลินจะปฏิเสธมัน ที่นี่เป็นสภาพแวดล้อมใหม่และซับซ้อนสำหรับเขา ยิ่งเขามีเพื่อนมากเท่าไร มันก็เป็นเรื่องที่ดี

“ฉันรู้ร้านขายโฮเวอร์บอร์ดราคาไม่แพง ตอนนี้เป็นช่วงรับสมัครนักเรียนใหม่ ดังนั้นจึงมีข้อเสนอพิเศษจำนวนมากมาย คุณภาพสินค้าโฮเวอร์บอร์ดของพวกเขาเองก็ดีมากเช่นกัน ฉันเคยซื้อที่นั่นมาก่อน”

ชือจิ้นเฉิงได้นำทางชิลลินไปที่ร้านโฮเวอร์บอร์ดซึ่งแปะป้ายลดราคาไว้บนหน้าร้าน ชิลลินมองดูสินค้าหน้าร้านและพบว่าพวกมันสวยดีและราคาไม่แพงเลยทีเดียว ซึ่งพวกมันยังแถมคูปองดื่มชาสองใบที่ชั้นบนสุดของอาคารพาณิชย์

เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ชือจิ้นเฉิงพาชิลลินมาที่ร้าน เขาจึงใช้คูปองทั้งสองใบในทันที

มีโต๊ะกลมและสี่เหลี่ยมขนาดแตกต่างกันจำนวนมากอยู่ด้านบนของอาคารพาณิชย์ มีร่มกันแดดอยู่ที่ด้านบน กลุ่มคนมักจะมุ่งตรงไปที่ชั้นบนเพื่อเพลิดเพลินกับชาและขนมขบเคี้ยวหลังจากเสร็จสิ้นการช็อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า

มันไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน ในขณะนี้จึงมีโต๊ะที่ว่างเหลืออยู่บ้าง ชิลลินและชือจิ้นเฉิงนั่งอยู่ที่นั่นและดื่มชา ขณะที่พวกเขาใช้เวลาพูดคุยเกี่ยวกับเซเว่นไลท์เล็กน้อย แต่พวกเขานั่งได้ไม่นานก็มีคนแปดคนขึ้นมาที่นั่นและล้อมรอบพวกเขาไว้

“โย๊ววววววววววว นี่พวกนายกำลังสังสรรค์กันอยู่ใช่มั้ย? นายเป็นเพื่อนแบบไหนกัน ถึงไม่เชิญพวกเราให้มาดื่มชากับนาย?” หนึ่งในพวกนั้นทักทายพวกเขาอย่างเป็นมิตรราวกับว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน

สายตาของชิลลินและชือจิ้นเฉิงเปลี่ยนแปลงไป นี่ถือว่าเป็นปัญหา

ชายแปดคนล้อมรอบโต๊ะเล็กๆเอาไว้และคนที่ทักทายพวกเขาก็ดึงเก้าอี้ออกมานั่งข้างๆพวกเขาทั้งสอง หลังจากที่เขาเดินเข้ามาใกล้ เขาหยิบอาหารว่างและใส่มันลงไปในปากของเขา ในขณะที่พูดอย่างสบายใจว่า “พวกคนทั่วๆไปพูดกันว่าพวกนายเป็นพวกมีเงิน มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเด็กที่ขยันหมั่นเพียร พวกนายสามารถตอบคำถามเหล่านั้นทั้งได้อย่างถูกต้อง มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ”

นั่นคือสิ่งที่เขาพูด แต่เห็นได้ชัดว่ามันเต็มไปด้วยการเสียดสีจากสายตาของเขา พวกคนที่สามารถตอบคำถามแบบนั้นได้คือพวกหนอนหนังสือและหนอนหนังสือเป็นเป้าหมายที่ใช้ในการข่มเหงรังแกได้ง่ายมาก พวกเขามองไปที่นักวิชาการที่อ่อนแอเหล่านี้ตลอดเวลา

ชิลลินเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากที่เขาออกจากท่าโดยสารและชุดของชือจิ้นเฉิงก็ไม่ได้ดูฉูดฉาดเด่นตาเช่นกัน พวกเขาทั้งคู่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเรียบง่ายธรรดาเพื่อให้ตัวตนของพวกเขาดูไม่น่าสงสัย ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนเหล่านี้ได้เลือกพวกเขาเป็นเป้าหมายไว้อย่างรวดเร็ว พวกเขามั่นใจว่าทั้งชิลลินและจิ้นเฉิงไม่ได้มีภูมิหลังอะไรมากมาย

อย่างไรก็ตาม…….

มือของชายที่หยิบอาหารว่างก็หยุดชะงักแข็งอยู่กลางอากาศและยังเริ่มเกิดอาการสั่นขึ้นมา ปากกระบอกปืนถูกกดลงไปที่หัวของเขา

นอกเหนือจากชิลลิน คนเหล่านี้ไม่ได้สังเกตเห็นการกระทำของชือจิ้นเฉิงเลย พวกเขาไม่รู้สึกว่าเลยว่าปืนออกมาจากที่ใดและมันก็เป็นแค่ตอนที่ปืนถูกกดลงบนศีรษะพวกเขาแล้วถึงจะตระหนักได้ว่าเป้าหมายของพวกเขาได้เอาปืนออกมา

การพกพาอาวุธปืนเป็นเรื่องที่เข้มงวดมากในเซเว่นไลท์ คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับอนุญาตในการจัดหาอาวุธปืน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คาดหวังว่าหนึ่งในสองเป้าหมายเช่นนี้ที่ดูง่ายดายจะมีปืน นอกจากนี้พวกเขาก็ยังคาดไม่ถึงว่าคนที่ดูเหมือนกับพวกนักวิชาการจะมีความสามารถมากเช่นนี้!

ทั้งแปดคนเหมือนถูกแช่แข็งอยู่ที่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาวิ่งเข้าไปเจอกับเป้าหมายที่ผิดพลาดแบบนี้ พวกเขาไม่กล้าที่จะหลบหนีและพวกเขาก็กลัวที่จะทำอะไรดังๆออกไป แม้แต่ลมหายใจ พวกเขาก็ยังระมัดระวังตัว จำนวนของพวกเขาไม่ได้มีความหมายอะไรกับปืน อากาศรอบๆราวนั้นเย็นราวกับว่ามันจะเป็นน้ำแข็ง ลำคอของพวกเขาหนาวเย็นเหมือนกับเป็นหวัดแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของพวกเขา

ชิลลินรู้สึกประหลาดใจเป็นครั้งที่สอง ในระหว่างนั้นชือจิ้นเฉิงได้เอาปืนออกมา แต่นอกเหนือจากนี้ไม่มีใครสังเกตเห็นอารมณ์ที่เห็นได้ชัดซึ่งปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา เขายังคงดื่มชาและเพลิดเพลินไปกับอาหารว่างของเขา มันเป็นเรื่องที่เสียของหากเขาไม่กินอาหารว่างที่จ่ายเงินไป

ชือจิ้นเฉิงได้หยิบถ้วยชาด้วยมืออีกข้างหนึ่งและดื่มชาของเขาอย่างสบายใจ “ฉันเป็นสุภาพบุรุษ ฉันไม่ชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง”

นรกกับผีสิ สุภาพบุรุษอย่างนายหน่ะ!

ทั้งแปดคนตะโกนอยู่ในใจของพวกเขา แม่งเอ้ย เรื่องแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงงั้นหรอ? ปืนเลเซอร์พลังงานสูงเนี้ยนะ?!

“พะ พะ… พวกเรา…” ชายคนที่มีปืนจ่ออยู่ที่ศีรษะของเขาเกร็งอยู่นานจนเกือบจะกัดลิ้นของตัวเอง

“ออกไป” ชือจิ้นเฉิงไม่ได้ตั้งใจจะฟังคำอธิบายใดๆเลย คำอธิบายในสถานการณ์เช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นความเลวร้าย มือของเขาขยับและปืนก็อันตรธานหายไป ชือจิ้นเฉิงถอยมือออกและดื่มน้ำชาต่อไป ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้มองพวกนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว

พวกเขารู้ว่าปืนไม่ได้หายไปในอากาศ การเคลื่อนไหวของชือจิ้นเฉิงนั้นเร็วเกินไปและพวกเขาไม่สามารถเห็นได้เลย

แม้แต่คนโง่ก็คงจะตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยที่ชือจิ้นเฉิงหยิบปืนออกมา ไม่เช่นนั้นทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็คงจะเป็นคนโง่เง่า!

เขาไม่ได้หันไปมองพวกตัวตลกที่วิ่งหนีไป ชือจิ้นเฉิงยังคงเผยรอยยิ้มอย่างต่อเนื่องและพูดว่า “วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาในเซเว่นไลท์คือการปกครองอย่างสมบูรณ์แบบ”

ชิลลินยกถ้วยของเขาและดื่มเยินยอ “เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม”

หลังจากที่พวกเขาดื่มจนเสร็จ พวกเขาก็แลกเปลี่ยนเบอร์มือถือกันและชิลลินก็ขับโฮเวอร์บอร์ดอันใหม่ของเขาพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟทัวร์รอบดาวเคราะห์ มันมีช่องทางสัญจรพิเศษบนอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเที่ยวบินขนส่งที่ช้าเช่นเดียวกับโฮเวอร์บอร์ดและอื่นๆ สำหรับยานพาหนะที่เร็วขึ้นเช่นรถบินพวกเขามีช่องถนนเป็นของตัวเอง

ชิลลินซื้อขนมบางทันทีและใส่ไว้ในกระเป๋าของเขา ดังนั้นเขาจะไม่ต้องมองหาร้านค้าเมื่อเขาหิว มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษเมื่อขับโฮเวอร์บอร์ดอยู่กลางอากาศขณะที่มองดูตึกระฟ้าทั้งสองด้านและคนเดินเท้าด้านล่าง ชิลลินไม่ได้ใช้มือควบคุมทิศทางของมันมากนัก เพราะมันจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น แร่พลังงานและแบตเตอรี่นั้นไม่ค่อยจะราคาถูก รวมทั้งชิลลินมั่นใจว่าเขาสามารถควบคุมโฮเวอร์บอร์ดได้โดยไม่ต้องอาศัยการบังคับหางเสือ

เมื่อไปถึงสถานีรถไฟ ขบวนถัดไปก็ยังมีเวลาอีกยี่สิบนาที ดังนั้นชิลลินจึงหยิบโฮเวอร์บอร์ดเก็บไว้และไปซื้อหนังสือพิมพ์มานั่งรอที่ชานชาลาซึ่งห่างออกไปไม่ไกล

ข้อดีของโฮเวอร์บอร์ดคือมันไม่ต้องใช้พื้นที่มากเกินไป หลังจากที่มันหดกลับขึ้นมา มันมียาวกว่าหนึ่งเมตรและยาวไม่ถึงยี่สิบเซนติเมตรหลังจากที่มันหดกลับไป เนื่องจากเขาเก็บอาหารไว้ในกระเป๋าของเขา ชิลลินจึงวางโฮเวอร์บอร์ดไว้ด้านข้าง

“เฮ้ เด็กคนนั้น!”

ไม่มีการตอบรับใดๆ

“เฮ้ เด็กคนที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์!”

ยังไม่มีใครตอบ

“เฮ้ เด็กคนนั้นที่กำลังอ่านเซเว่นไลท์รายสัปดาห์พร้อมกับวางโฮเวอร์บอร์ดไว้ด้านซ้ายและสะพายกระเป๋าไว้ด้านขวามือ!”


*เพิ่มเติม โฮเวอร์บอร์ดในเรื่องไม่เหมือนอันปกติ มันสามารถบินบนอากาศได้ครัับ แต่ไม่รู้ว่าได้สูงแค่ไหน

ฝากกดไลค์ กดติดตามเพจ ให้กำลังใจ และติดตามข่าวสารกันด้วยนะครับ :  

*หากมีคำติชมใดๆสามารถเสนอแนะเข้ามาได้ครับ ผิดพลาดประการใดผู้แปลต้องขออภัยผู้อ่านมา ณ ที่นี้ด้วย

*ถ้าอยากอ่านและให้ลงบ่อยๆช่วยกันคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะคร๊าบบบบบบบ

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments