I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Star Rank Hunter ตอนที่ 19 : เรื่องแปลกๆเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น

| Star Rank Hunter | 631 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

สินค้าที่ขายในแผงลอยเล็กๆเหล่านี้ถือว่าเป็นของที่พอใช้ได้ แต่ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรมากมาย ที่จริงแล้วผู้ที่กำลังมองหาซื้อสินค้าในทางปฏิบัตินั้นจะไม่ค่อยมาหาซื้อของในสถานที่นี้เป็นแห่งแรก สินค้าที่นี่ไม่ค่อยจะมีความแปลกใหม่ซักเท่าไหร่ แต่ถ้าพวกพ่อค้ารุ่นพี่สามารถขายของเล่นใหม่ๆที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนแล้วล่ะก็ ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็ย่อมที่จะยินดีซื้อสินค้าเหล่านั้นในราคาสูง

ชิลลินยังคงเดินหน้าหาซื้อสินค้าต่อไป แผงลอยพืชเพาะชำคือสิ่งที่ชิลลินให้ความสนใจ ต้องขอบคุณสำหรับการดูแลของเกนยะ ชิลลินมักจะได้รับความเขียวชอุ่มจากร่มไม้ในสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่เสมอๆ

ต้นไม้ชนิดหนึ่งเลื้อยพันแตกกิ่งก้านสาขาสูงตระหง่านรอบบริเวณแผงลอย พวกมันได้รับการเพาะปลูกดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากเจ้าของ และไม่ได้มีเพียงต้นเพาะชำที่นำมาขาย แต่บางส่วนของแผงลอยยังมีเมล็ดและกิ่งก้านที่เก็บรวบรวมมาจากตอนที่พวกเขาออกไปนอกดาวเคราะห์เพื่อฝึกอบรมและทำงานภาคสนาม ชิลลินเคยเห็นพืชพวกนี้ในหนังสือที่เขาเคยอ่าน แต่เมล็ดพันธ์ก็มีมากมายหลายชนิดเกินกว่าที่เขาจะรู้จักหมด

หลังจากสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง ชิลลินนึกถึงเถาเลื้อยสีเขียวชนิดหนึ่งที่เพาะปลูกในระบบนิเวศแบบปิดด้วยฟิมล์พร้อมกับสารละลายธาตุอาหาร ชื่อทางการของมันคือ ‘ต้นไอวี่บิ๊กฟุต (ต้นเถาไม้เลื้อย)’ เมื่อเทียบกับต้นไอวี่ปกติ ต้นไอวี่บิ๊กฟุตมีความสามารถในแตกกิ่งก้านสาขาและเลื้อยพันตัวเถาได้สูงกว่า นอกจากนี้ความต้านทานต่อรังสีและความแห้งแล้งของมันก็มีมากกว่าต้นไอวี่ทั่วไปถึง 10 เท่า

ชิลลินหันไปดูป้ายราคา 8,000 เครดิตกาแลคซีที่ติดไว้ มันค่อนข้างแพง

เจ้าของเป็นนักศึกษาเกรดสาม เมื่อเห็นชิลลิน เขาขมวดคิ้วและอธิบายว่า “น้องชาย, ราคามันอาจจะสูง แต่ก็เนื่องจากต้นไอวี่บิ๊กฟุตนี้ไม่เหมือนสายพันธุ์ที่นายเคยพบเห็นมาก่อน เราพบเถาไม้เลื้อยนี้โดยบังเอิญเมื่อตอนที่เราไปฝึกอบรมนอกดาวเคราะห์ เราไม่สามารถนำมันกลับมาเพาะชำได้มากนัก เนื่องจากเรามีเวลาจำกัด มันเป็นสายพันธ์ที่ค่อนข้างหายากแม้เพียงแต่ในดาวเคราะห์เซเว่นไลท์หรือในกาแลคซีทั้งหมด”

เจ้าของร้านกล่าวอย่างเลศนัย เขานำเครื่องวัดค่าและตรวจจับอินฟราเรดออกมาและวางต้นเถาไม้เลื้อยไว้ข้างหน้าเขาเพื่อทดสอบให้ชิลลินดู

เมื่อชิลลินเห็นภาพและมาตรวัดบนเครื่องวัดค่า เขาก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก ภาพรอบๆเถาไม้เลื้อยบนเครื่องวัดถูกรบกวนจนเบลออย่างไม่น่าเชื่อ มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะระบุรูปร่างหน้าตาของเจ้าของร้านที่อยู่หลังต้นเถาไม้เลื้อย!

“เอามันมาเดี๋ยวนี้?” หลังจากคำพูดนี้ของชิลลิน เจ้าของร้านก็เผยร้อยยิ้มที่แสดงให้เห็นถึงความดีใจเป็นอย่างมาก “แน่นอนว่าเราสามารถต่อรองราคากันอีกได้ ถ้านายปลูกเถาไม้เลื้อยนี้และทำให้มันเลื้อยพันปกคลุมไปทั่วรอบๆบริเวณฝาผนังที่อยู่อาศัยของนายได้ มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนนอกที่จะแอบมองเข้าไปในบ้านของนาย มันยังสามารถบดบังจากการสอดแนมของกล้องโทรทรรศน์ในตอนกลางคืนหรือกล้องชนิดอื่นๆได้อย่างน่าอัศจรรย์!”

ก่อนที่ชิลลินจะทันได้แสดงความคิดเห็นใดๆของเขา ก็เกิดของคนผู้หนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะในการสนทนา

“เฮ้ ฉันเคยเห็นสิ่งนี้ที่สถาบันวิจัยพฤกษศาสตร์ในเขตวิจัยของเซเว่นไลท์เมื่อวานนี้ ฉันได้ยินมาว่าต้นอ่อนมันสามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียง 10 วัน หลังจากออกนอกเรือนเพาะชำ นี่มันไม่ใช่ว่าเหลือเวลาอีกเพียงแปดวันแล้วหรือ?”

ลังก์ แอนดรูว์!

เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ชายคนนี้ ชิลลินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขามองที่ไปที่เจ้าของร้านด้วยความสงสารในดวงตาของเขา

“อะแฮ่ม, ก็ไม่ถูกซะทีเดียว ถ้ามันถูกเพาะเลี้ยงอยู่ภายในระบบนิเวศแบบปิดด้วยฟิมล์พร้อมกับใช้สารละลายธาตุอาหารในการเลี้ยงดู มันก็ยังคงสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานเป็นสิบวันหรือมากกว่าจนต้นเถาไม้เลื้อยโตพอจะออกจากเรือนเพาะชำ” เจ้าของร้านรู้สึกอึดอัดใจที่ถูกจี้เสียดแทงจากลังก์ เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะพบกับใครบางคนที่รู้จักสถาบันพฤกษศาสตร์ในที่แบบนี้ มันช่างเลวร้ายจริงๆ

ลังก์ก้มหน้ามองไปที่ต้นอ่อนเหล่านั้นครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหยิบมันขึ้นมาและกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่าต้นอ่อนกว่าห้าสิบต้น ที่เป็นตัวอย่างงานวิจัยภายในสถาบันได้ตายไปทั้งหมด ยังมีตัวอย่างอีกมากมายที่พวกเขายังไม่ได้ใช้และเก็บรักษาไว้เพื่อเอามาขายด้วยวิธีนี้ อาจารย์สองสามท่านออกไปเก็บตัวอย่างต้นเถาไม้เลื้อยที่โตเต็มวัยมาเพิ่ม พวกเขาอาจจะสามารถหาตัวอย่างจำนวนมากภายมาเพิ่มได้ภายในไม่กี่วันนี้….”

ห้านาทีต่อมา………..

ภายใต้ใบหน้าอันเศร้าโศกหดหู่ เจ้าของร้านรับเงิน 80 เครดิตกาแลคซี่มาจากชิลลิน สายตาของเขาพยายามหลบเลี่ยงการสบตากับลังก์ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

มันเป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับคำพูดที่ว่า ‘ครอบครัวที่ร่ำรวยเงินทอง แต่กลับจนน้ำใจ’ ชิลลินคิดกับตัวเอง

“ดังนั้น? รางวัลของฉันสำหรับการลดราคาอันหนักหน่วงเช่นนี้ล่ะ?” ลังก์โบกสะบัดพัดใบไม้ในมือของเขาขณะจ้องมองไปที่ชิลลินอย่างร่าเริง

ชิลลินไม่รีรอ เขากล่าวกลับในทันทีว่า “บอกฉันว่านายต้องการ”

คนในตระกูลแอนดรูว์ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานที่ดี พวกเขาจะไม่ทำอะไรที่ไม่ได้รับผลประโยชน์และพวกเขาก็จะกดราคาสินค้าให้ต่ำจนเกินพอดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมชิลลินถึงได้ถามลังก์ออกไปแบบนั้นตรงๆ ตราบเท่าที่ข้อเรียกร้องนั้นอยู่ในกรอบที่ยอมรับได้ทุกอย่างก็โอเค

“เยี่ยม, นายเป็นคนซื่อสัตย์ สำหรับรางวัลของฉัน…. ถ้านายสามารถปลูกต้นเถาไม้เลื้อยนี้จนโตได้สำเร็จ นายจะต้องบอกเคล็ดลับในการเพาะปลูกให้กับฉันก่อนใคร”

“นายแน่ใจได้อย่างไรว่าฉันจะสามารถปลูกมันให้เติบโตได้จริงๆ? แม้นักวิจัยของสถาบันจะล้มเหลวก็ตามงั้นหรอ นายคิดว่านายสามารถทำอะไรก็ได้หรอ? เหมือนกับตอนที่เจ้าของร้านคนก่อนหน้าเคยบอกว่าจะให้สินค้าเป็นของขวัญกับนายโดยไม่คิดเงินหรือนายทำเรื่องพวกนี้ไปเพื่อความสนุกสนานส่วนตัว”

“เหตุผลของฉันหรอ? อืม… มันก็แค่สัญชาตญาณของคนตระกูลแอนดรูว์” ลังก์กล่าวอย่างอวดดี

“เอาเถอะ” ชิลลินตอบด้วยรอยยิ้มพร้อมโบกมือเดินจากไป

ชิลลินต้องการซื้อโฮเวอร์บอร์ด(สเก็ตบอร์ดไฟฟ้า)ต่อ ดังนั้นเขาจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ ในบริเวณโซนมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างใหญ่มันจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจำเป็นและโฮเวอร์บอร์ดก็มีราคาถูกกว่ารถบินมากด้วย มันเหมือนสเก็ตบอร์ดแต่มีการติดตั้งอุปกรณ์บังคับตัวบอร์ดด้วยมือ แม้มันจะใช้ในการฝึกฝนร่างกายของตัวเองก็ตาม แต่ถ้าคุณต้องการประหยัดพลังงานของคุณ มันก็ถือว่าช่วยได้มาก

ก่อนที่เขาจะไปซื้อโฮเวอร์บอร์ด ชิลลินได้เดินผ่านร้านขายหนังสือแห่งหนึ่งและสะดุดตาเข้ากับบางสิ่ง หน้าร้านนั้นมีขนาดใหญ่มากและดูแปลกตา เพราะมันค่อนข้างเก่าแล้ว

ภายในร้านหนังสือมีกิจกรรมครบรอบเจ็ดปีที่เปิดทำการ

ชิลลินไม่ค่อยสามารถเข้าร่วมกับกิจกรรมได้มากนัก เนื่องจากมันเป็นกิจกรรมพิเศษของคนที่เป็นสมาชิกกับทางร้าน แต่เขาสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมการตอบคำถามแบบเปิดได้ ที่มาของคำถามเป็นเรื่องความรู้ทั่วไป พวกมันทั้งหมดมาจากบางส่วนของหนังสือที่ภายในร้านมีขาย ผู้ที่ตอบคำถามได้หมดทุกข้อจะเป็นผู้ชนะและได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 เครดิตกาแลคซี่ พร้อมกับสามารถเลือกหนังสือจำนวนสิบเล่มจากร้านหนังสือไปได้แบบฟรีๆไม่เสียค่าใช้จ่ายและยังได้รับบัตรสมาชิกวีไอพีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเงินรางวัลสำหรับผู้ที่ทำคะแนนได้ 50-90 เช่นกัน แม้แต่คนที่ทำคะแนนได้ไม่ถึง 50% อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็จะได้รับคูปองส่วนลดจากร้านค้า

เขาไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกเลยสำหรับค่าหนังสือ หากว่าเขาชนะกิจกรรม ดังนั้นมีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ล่ะ? ชิลลินเคยอ่านหนังสือส่วนใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตรงหน้ามาก่อน พวกมันทั้งหมดเป็นหนังสือพื้นฐาน

มีผู้เข้าร่วมหลายคน หลังจากชิลลินให้บัตรเซเว่นไลท์ของเขาไปตรวจสอบแล้วพนักงานร้านก็จัดเตรียมพื้นที่ให้ชิลลินตอบคำถาม

คำถามเกือบทั้งหมดมีคำตอบเฉพาะเจาะจง แค่คำถามประมาณ 20% ของคำถามทั้งหมดก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายนาทีในการตอบ ตัวอย่างเช่นหนังสือเล่มใดและหนังสือเล่มไหนหรือบทใดที่มีประโยคเฉพาะนี้มาจาก ในปีที่ทำสงครามนี้ที่เกิดขึ้นที่ใด แม้กระทั่งคำถามเกี่ยวกับสูตรโมเลกุลของยาบางชนิดก็ยังมี…

โชคดีที่ความทรงจำของชิลลินนั้นล้ำเลิศ ภายในเวลาไม่นานเขาก็ตอบคำถามครบทั้งหมด 100 ข้อและหลังจากที่เขาส่งคำตอบแล้ว ระบบก็เริ่มประเมินผลคะแนนทันที

“100 คะแนน! ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ คุณได้รับรางวัลใหญ่ของกิจกรรมการตอบคำถาม!”

ตามคำแนะนำที่ปรากฏบนแผ่นกระดาษผลการตอบคำถาม เมื่อชิลลินได้ส่งคำตอบและผลคะแนนให้กับพนักงานที่รับผิดชอบแล้ว ก็จะมีพนักงานพาเขาไปยังส่วนที่รับรางวัล ในขณะเดียวกันตรงบรรทัดที่กล่าวว่า ‘ขอแสดงความยินดีกับชิลลินดูแลนซ์ สำหรับการได้รับรางวัลที่ 1 ในการตอบคำถาม’ ปรากฏว่าผู้ที่ชนะรางวัลนี้จะได้รับการจารึกรายชื่อไว้ที่ส่วนการจัดแสดงใหญ่ของทางร้านค้า

เมื่อผู้คนเห็นสิ่งนี้พวกเขาพูดอะไรไม่ค่อยออก ได้แต่ร้องอุทานว่า “มีคนทำได้คะแนนเต็มด้วย แม้จะมีคำถามบ้างข้อที่ดูจะค่อนข้างยากเช่นนี้? มันช่างน่าเหลือเชื่อ”

“ดูแลนซ์? เป็นลูกหลานของใครคนใดคนหนึ่งในตระกูลดูแลนซ์?”

“นี่เป็นคนที่สองของวันนี้แล้วใช่มั้ย?”

“พูดเช่นนี้แสดงว่ามีคนเคยทำได้คะแนนเต็มก่อนหน้าแล้วหรือไม่?”

“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นหรืออะไรสักอย่าง…”

ชิลลินไม่ทราบว่าผู้คนที่อยู่ข้างนอกกำลังพูดถึงเขาอยู่ เขาจดจ่ออยู่กับการรับรางวัล เมื่อทำการโอนเงินเข้าไปในบัตรเซเว่นไลท์ของชิลลินเสร็จสิ้น เขาก็เดินขึ้นไปที่พื้นที่จัดแสดงกิจกรรมเพื่อเลือกหนังสือจากรางวัลตอบคำถามของเขา หนังสือบางรุ่นนั้นมีจำนวนจำกัดและไม่สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ

พื้นที่จัดแสดงกิจกรรมนั้นอยู่ในระดับพรีเมี่ยม พื้นที่บริเวณนี้ไม่ได้เปิดให้บริการในวันนี้ แต่ผู้ที่ได้รับรางวัลบางรางวัลเป็นข้อยกเว้น เมื่อเขามาถึงพื้นที่จัดแสดง ชิลลินสังเกตเห็นว่ามีอีกหนึ่งคนที่ได้รับรางวัลคะแนนเต็มแบบเขาและกำลังยืนเลือกหนังสืออยู่

ชิลลินมองไปยังเด็กหนุ่มที่น่าจะอยู่ในวัยเดียวกันกับเขา เขายืนอยู่หน้าตู้หนังสือและพลิกดูหนังสือของเขาอย่างเงียบๆ

“จิ้นเฉิง, ดูเหมือนว่าจะมีคนอื่นที่ทำได้คะแนนเต็มแบบนายนะ” พนักงานที่นำชิลลินเข้ามาเลือกหนังสือยิ้มและทักทายเด็กหนุ่มคนนั้น

“โอ้…..” ความสนใจของเด็กหนุ่มคนนั้นถูกขยับออกไปห่างหนังสือบนมือของเขา ชิลลินสวมรอยยิ้มที่สง่างามและเป็นกันเอง

ชิลลินหันกลับมาและเริ่มอ่านหนังสือบนชั้นวางหนังสือ

ไม่นานหลังจากนั้น

“เฮ้, จิ้นเฉิงนายไม่คิดว่ามันมีอะไรแปลกๆเกี่ยวกับชายคนนั้นหรอ?” คนที่นำชิลลินเข้ามาที่นี่เดินไปข้างๆจิ้นเฉิงแล้วก็กระซิบคุยกับเขา

ชือ จิ้นเฉิงขยับสายตาออกจากหนังสืออีกครั้งและมองไปทางชิลลินที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ยิ่งเขามองตรงไปที่ชิลลินมากเท่าไหร่ก็ตาม เขาก็พบว่าชิลลินพลิกหน้าหนังสือเร็วเกินไป! หน้าถัดไปตามมาเกือบจะในทันที เขาจ้องมองชิลลินจนถึงหน้าสุดท้าย

นี่ไม่ใช่หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ พวกเขาจึงไม่สามารถละเลยความสงสัยในความเร็วที่ชิลลินเปลี่ยนหน้าหนังสือได้

“จิ้นเฉิงนายบอกฉันหน่อย นายคิดว่าเขาอ่านมันจริงๆหรือ? หรือว่าเขาเพียงแค่แสดงละครไปอย่างนั้น? เขาพลิกดูหน้าหนังสือเช่นนี้ไปสองสามเล่มแล้ว”

“เขาคือใคร?” ชือจิ้นเฉิงเอ่ยถาม

“ข้อมูลที่แสดงอยู่ในบัตรระหว่างการโอนเงินรางวัลบอกว่าเขาคือ ‘ชิลลินดูแลนซ์’ เขาเป็นนักเรียนใหม่ในเทอมนี้เช่นเดียวกับนาย แค่ผ่านเกณฑ์การรับเลือกมาแบบธรรมดา ไม่เป็นนักศึกษาที่คัดเลือกมาเป็นพิเศษ”

“ตระกูลดูแลนซ์?” ชือจิ้นเฉิงมั่นใจว่าเขาจดจำบุคคลที่มีชื่อเสียงในตระกูลดูแลนซ์ได้พอสมควร แต่เขาไม่เคยได้ยินเรื่องของชิลลินเลย

 


 

ฝากกดไลค์ กดติดตามเพจ ให้กำลังใจ และติดตามข่าวสารกันด้วยนะครับ :  

*หากมีคำติชมใดๆสามารถเสนอแนะเข้ามาได้ครับ ผิดพลาดประการใดผู้แปลต้องขออภัยผู้อ่านมา ณ ที่นี้ด้วย

*ถ้าอยากอ่านและให้ลงบ่อยๆช่วยกันคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะคร๊าบบบบบบบ

 

 

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments