หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ ‘ชูเฟิง’ ‘ซูเหม่ย’ถึงกับไม่อะไรไม่ออก นางประทับใจกับคำพูดของเขาเป็นอย่างมาก มันช่างฟังดูยิ่งใหญ่ให้ความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูก แต่นางบอกได้เลยว่า คำพูดของเค้านั้นไม่ได้ฟังดูเป็นการโอ้อวดแต่อย่างใด เค้าพร้อมที่จะฆ่าทุกคนที่รังแกเขา
 

 
” แม่นางซูเหม่ย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจซือตู่ยู่และคนอื่นๆ แต่มันเป็นเพราะข้าไปขัดใจ กง ลู่หยุน ดังนั้น ข้าไม่ได้ต้องการที่จะทำให้พวกเขาและเจ้าเดือดร้อน “
 
จู่ๆ ‘ชูเฟิง’ ก็พูดขึ้นมา
 

 
” ชูเฟิง เจ้าหมายถึงอะไร ? เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เป็นเพราะข้า ถ้าข้าไม่ทำเช่นนั้น. . . . . เจ้าก็คงไม่ต้องมาเดือดร้อนเช่นนี้เพราะข้า ถ้าหากข้าทิ้งเจ้า จะให้ข้าเป็นคนได้ยังไง”
 
 
” แน่นอนว่า กง ลู่หยุน นั้นค่อนข้างมีอำนาจในพื้นที่หลัก แต่ข้า ซูเหม่ย มิได้กลัวเขาเลยสักนิด แม้แต่นอกโรงเรียนมังกรฟ้าก็เช่นกัน “
 
‘ซูเหม่ย’กล่าวอย่างหนักแน่น
 
เห็น’ซูเหม่ย’พูดเช่นนี้ ‘ชูเฟิง’ ก็จนปัญญา ‘ซูเหม่ย’นางไม่กลัว ‘กง ลู่หยุน’จริงๆหรอ ? แน่นอนว่านาง มีคนรู้จักมากมายในพื้นที่หลัก แต่ ‘กง ลู่หยุน’ นั้นไม่ธรรมดา แม้แต่พี่สาวของนาง ‘ซูรู่’ บางทีอาจจะไม่สามารถเอาชนะ ‘กง ลู่หยุน’ ได้
 
แต่คำพูดที่หนักแน่นของนางเหล่านั้น ‘ชูเฟิง’ มิอาจเกลี้ยนกล่อมนางได้ เพราะเขาไม่อยากทรยศความรู้สึกของ  ‘ซูเหม่ย’
 

 
” งั้นก็ตามใจเจ้า ข้าไม่รู้จะทำยังไงกับเจ้าดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้เราก็ไปที่หอคัมภีร์ด้วยกัน “
 
 
”  แน่นอนว่าข้าจะเลือกฝึกทักษะระดับ 5 “
 
‘ ซูเหม่ย’ ในตอนนั้นแสนจะมีชีวิตชีวาและร่าเริง นางวิ่งไปกระโดดไปตาม ‘ชูเฟิง’ บนทางเดิน
 
พื้นที่หลัก กว้างใหญ่เป็นอย่างมาก ทั้งๆที่มีศิษย์อยู่แค่ 2000 คน นั้นจึงทำให้ข่าวการต่อสู้ระหว่าง ‘ชูเฟิง’ กับ ‘กง ลู่หยุน’ ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
 
นอกจากนี้ ชื่อของ ‘ชูเฟิง’นั้น ยังถูกประกาศไว้บนกระดาน หลายๆคนมีความประทับใจในความโง่ของ’ชูเฟิง’ เมื่อทุกคนพบกับเค้าที่หน้า หอคัมภีร์พวกเขาต่างชี้หน้าและพูดคุยกันอย่างไม่รู้จบ
 
‘ชูเฟิง’ คิดไว้แล้วต้องเกิดสถานการณ์เช่นนี้เค้าจึงไม่ได้ใส่ใจ ‘ซูเหม่ย’ก็เช่นกัน พวกเขาทั้งคู่เดินคุยกันอย่างสนุกสนานขณะที่เดินเข้ามาในหอคัมภีร์ และเริ่มเลือกทักษะที่พวกเขาต้องการ
 
แม้ว่าหอคัมภีร์จะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย มันกับมีขนาดเล็กกว่าหอคัมภีร์ของฝ่ายใน มันมีแค่หนึ่งชั้น แต่กับมีทักษะที่ต่ำสุดอยู่แค่ระดับ 3 จนไปถึงทักษะที่ดีที่สุดระดับ 5
 
แน่นอนว่านอกจากทักษะการต่อสู้ ยังมีแม้กระทั่งทักษะลับ แต่มันก็เป็นเพียงทักษะระดับต่ำ แต่ทักษะลับที่พวกเขาทั้งสองมี คือ ทักษะลับ กำหนด ลมปราณ ซึ่งใช้ประโยชน์ได้ไม่มากเท่าไหร่ ดังนั้นเป้าหมายของพวกเขาคือคัมภีร์ ทักษะการต่อสู้
 

 
” ทักษะระดับ 5 ธนูร้อยแปลง เป็นชื่อที่แปลกจัง “
 
หลังจากที่’ชูเฟิง’ วนดูรอบๆ  เขาก็ไปสะดุดกับคัมภีร์ที่ชื่อธนูร้อยแปลง เขาได้แต่หยิบมันขึ้นมา พร้อมกับพลิกไปพลิกมา ยิ่งมองเขาก็ยิ่งชอบมัน
 
มันเป็นวิชาการต่อสู้โดยใช้การควบคุมพลังวิญญาณที่สูงมาก มันจะบีบอัดพลังงานออกจากร่างกายและเปลี่ยนเป็นรูปร่างของอาวุธ ต่างๆ ตามสิ่งที่ผู้ควบคุมต้องการ
 
ไม่ว่าจะเป็น มีด, ดาบ, หอก, ทวนรูปร่างต่างๆ, ขวานศึก, กระบี่, แส้, กระบอง, กรงเล็บ, สามง่าม, ง่าว, ท่อนเหล็ก, ค้อน ,และอาวุธทุกรูปแบบ คัมภีร์เล่มนี้เน้นความสำคัญไปที่อาวุธ
 
แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการเปลี่ยนพลังวิญญาณเป็น ธนู และ ลูกศร หากสำเร็จ มันสามารถยิงออกไปได้ไกลถึงหลาย 10 ลี้ และความรวดเร็วของมันไม่มีใครสามารถที่จะหลบพ้น มันจึงเป็นวิชาที่น่าประทับใจอย่างมาก
 
ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทักษะระดับ 5 ธนูร้อยแปลง  เป็นทักษะระดับสูง เป็นธรรมดาที่การฝึกฝนมันนั้นจะยาก
 

 
” ข้าเลือกได้แล้ว “
 
หลังจากเลือกเสร็จ ‘ชูเฟิง’ ก็เอาคัมภีร์ไปที่ลงทะเบียน หลังจากที่ซูเหม่ยเลือกเสร็จ พวกเขาสองคนก็เดินออกมาจากหอคัมภีร์
 
แต่หลังที่พวกเขาเดินออกมาจากหอคัมภีร์ มีศิษย์หลักจำนวน 20 คน รวมตัวกันอยู่ด้านหน้า หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ล้อมทั้งสองคนเอาไว้ . . . . . . .
 

 
” พวกเจ้าจะทำอะไร ? “
 
เห็นศิษย์หลักล้อมรอบพวกเขา ‘ซูเหม่ย’ ขมวดคิ้วและเสียงดังถาม
 
นางจงใจพูดเสียงดัง เพราะพวกเขายังคงอยู่ใกล้ๆกับหอคัมภีร์ นางหวังว่าอาวุโสในนั้นจะได้ยินเสียงของนางและมาช่วยพวกนาง
 
แต่มันก็ไร้ประโยชน์ อาวุโสได้ยินเสียงของนางก็กลับเพิกเฉย ทั้งๆที่คนอื่นๆ ภายในหอคัมภีร์ได้ยินและวิ่งออกมาดู
 

 
” ท่านคือซูเหม่ย น้องสาวของซูรู่ใช่มั๊ย ? “
 
หนึ่งในนั้นถามขึ้นมา
 

 
” มีปัญหาอะไรหล่ะ “
 
ซูเหม่ยทำสีหน้าอย่างเย็นชา
 

 
” ป่าวๆ ข้าได้ยินว่าท่านมีพรสวรรค์ถึงระดับกลาง นั่นค่อนข้างพบได้ยากในพื้นที่หลัก ข้ามั่นใจว่า ในอนาคตชื่อของท่านจะต้องติดอยู่บนกระดานจัดอันดับของโรงเรียนมังกรฟ้าอย่างแน่นอน “
 
 
” แต่คนที่มีความสามารถเช่นท่าน ทำไมถึงได้มาอยู่กับผู้ชายเช่นนี้ เขามีดีอะไรท่านถึงได้คอยเดินอยู่ใกล้ๆเขา “
 
ชายอีกคน หัวเราะและกล่าว
 

 
” ข้าจะอยู่กับคนที่ข้าต้องการจะอยู่ด้วย มันก็เป็นเรื่องของข้า มันไม่ได้หนักส่วนไหนของเจ้าหนิ “
 
ซูเหม่ยตอบอย่างฉุนเฉียว
 

 
” นี่ ซูเหม่ย ข้านั้นหวังดีกับท่าน แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะพูดกับข้าเช่นนี้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าจะบอกท่านให้ก็ได้  ชูเฟิงนั้นไปทำให้ อาวุโสกง ไม่พอใจ เขาไม่สามารถใช้ชีวิติอย่างสงบสุขในที่นี้ได้หรอก “
 
 
” วันนี้ เราจะมาสั่งสอนไอเจ้าหยิ่งยโสนี้ให้ได้รับบทเรียนที่ไปทำให้อาวุโสกงไม่พอใจ ข้าหวังว่าท่านจะคอยอยู่ห่างๆจากเขา ไม่งั้นอย่าได้ตำหนิพวกเราว่าเราทำร้ายท่าน “
 
ใบหน้าของคนเหล่านั้นเต็มไปด้วยโทสะ
 

 
” เจ้าจะมาสั่งสอนข้าเพราะกง ลู่หยุน จริงๆงั้นหรอ หรือว่าใช้เขามาเป็นข้ออ้างเพื่อจะสั่งสอนข้ากันแน่ ข้าล่ะประทับใจเจ้าจริงๆ “
 
 
” ขยะมันก็คือขยะอยู่วันยังค่ำ พวกเจ้าอาจคิดว่าใช้วิธีนี้เลียแข้งเลียขาของ กง ลู่หยุน ได้ แต่ข้ากลัวว่าเขาจะไม่เห็นพวกเจ้าอยู่ในสายตา “
 
ชูเฟิง ยิ้มอย่างเย็นชา พร้อมกับจ้องคนพวกนั้นด้วยความดูถูกเหยียดหยามแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อ่อนแอ แต่ก็ไม่แข็งแกร่งเช่นกัน พวกเขานั้นอยู่ในแค่ระดับ 8 – 9 ห้วงวิญญาณ พวกเขานั้นเป็นคนคอยรับใช้ลูกน้องของ กง ลู่หยุน อีกที กล่าวได้ว่า เป็นขี้ข้าระดับล่าง
 
ดังนั้น ‘ชูเฟิง’พอที่จะเดาเหตุผลที่พวกเขาทำเช่นนี้ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเขาจะใช้เหตุการนี้เพื่อเข้าใกล้ ‘กง ลู่หยุน’ และจะเป็นผลดีกับพวกเขาในอนาคต อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งเพียงแค่นี้ ‘ชูเฟิง’ นั้นไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา
 
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . . .
 
ที่มา: