I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 230 – เรียกข้าว่า อสุรา

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

พลังของฝ่ามือนั้นยิ่งใหญ่มาก อาจกล่าวได้ว่า มันราวกับจะบดบังทั้งท้องฟ้า กลืนกินซึ่งดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ มีฉาบด้วยประกายแสงสีทองซึ่งทำให้เห็นถึงรูปร่างของฝ่ามืออย่างเด่นชัด มันไม่ได้มีส่วนประกอบของแขน มีแค่เพียงส่วนของฝ่ามือที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้า

อาจกกล่าวได้ว่า พลังของฝ่ามือสีทองนี้น่ากลัวกว่าพลังฝ่ามือของ ‘หลิน หลาน’ เพราะบรรยากาศโดยรอบนั้นเปลี่ยนเป็นเย็นและหนาวขึ้นทันที

“ดูนั่น !! นั่นเป็นทักษะเฉพาะของศิษย์พี่ ตู่กู๋ มันเป็นทักษะระดับ 6 ฝ่ามือทิพย์จากสวรรค์”

ในตอนนั้น มีคนตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น จึงทำให้ ‘ชูเฟิง’ รู้ได้ในทันทีว่า ฝ่ามือสีทองทีมีแรงกดดันมหาศาลนี้ เป็นฝีมือของผู้ใด

ในสถาการณ์เช่นนั้น ‘ชูเฟิง’ ไม่ได้คิดอะไรมากแต่อย่างใด เขารวบรวมพลังและใช้ทักษะ พยัฆค์ขาวสังหาร โดยใช้นิ้วมือทั้ง 5 นิ้ว ในการปล่อยพลังของทักษะนั้น

*****โฮกกกกกกกก*****

เมื่อพลังพุ่งออกจากฝ่ามือของเขา มันคือกลุ่มควันสีขาวๆ พุ่งออกมา และในฉับพลันกลุ่มควันนั้น บีบอัดจนมีลักษะเป็นอุ้งเท้าของพยัฆค์ขาวปรากฏขึ้นมาในอากาศ

มันช่างเหมือนกับอุ้งเท้าของพยัฆค์ขาวจริงๆ ถึงแม้ว่ามันจะเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มควันสีขาว แต่มันก็มีทั้งลวดลายสีดำและขนทีขาวปรากฏอยู่ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ มันมีลักษณะของอุ้งเท้าของพยัฆค์ขาวที่สมบูรณ์ และมันแตกต่างจากทุกๆ ครั้งที่’ชูเฟิง’ใช้พลังของทักษะนี้

เมื่อพยัฆค์ปรากฏออกมา จึงเกิดการปะทะของสองขั้วพลัง ทันใดนั้นทักษะพยัฆค์ขาวสังหาร ก็ทะลวงพลังของฝ่ามือทิพย์ทันที เมื่อทั้งสองทักษะประจัญหน้ากัน มันจึงทำให้ทุกๆ คนได้รู้ว่า ทีกษะการต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างแท้จริงนั้นเป็นเช่นไร

*****ครื้นนนนนนนน*****

ท้องฟ้าถูกแยกออก ปรากฏร่องรอยคล้ายหลุมขาดใหญ่บนท้องฟ้า และหลุมนั้นขยายตัวออกราวกับจะทำให้ท้องฟ้านั้นถล่มลงมา อย่างไรก็ตาม หลังจากเสียงดังกัมปนาถนั่น อุ้งเท้าของพยัฆค์ยังคงพุ่งทะยาน ทะลุก้อนเมฆและท้องฟ้า ไม่มีใครรู้ว่าพลังนั้นจะไปได้ไกลเพียงใด

เมื่อมองย้อนกลับมาที่ฝ่ามือสีทองขาดใหญ่ จะเห็นได้ว่าฝ่ามืนนั้นค่อยๆ แตกออกและกระจายไปในอากาศ เมื่ออยู่ต่อหน้าทักษะพยัฆค์ขาวสังหาร แม้แต่ทักษะฝ่ามือทิพย์จากสวรรค์ก็ราวกับว่าเป็นเพียงทักษะที่ไร้ประโยชน์ไปในทันที

“นั่นมันทักษะอะไรกัน ทำไมถึงมันถึงได้ทรงพลังเช่นนั้น !?”

เมื่อทุกคนมองไปที่ท้องฟ้าและก้อนเมฆ หลังจากที่พวกเขาเห็นถึงความแข็งแกร่ง ของทักษะพยัฆค์ขาวสังหารแล้ว ใบหน้าของพวกต่างเปลี่ยนไปอย่างปั้นยากด้วยความตื่นตกใจ

แม้แต่ ‘ตู่กู๋ โอวหยุน’ ก็ขมวดคิ้วของเขาแน่น พร้อมทั้งจ้องมองไปยัง ‘ชูเฟิง’ ที่สวมหมวกทรงกรวยอยู่ และในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลามอีก จากนั้นเขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า

“พี่ชาย !! ข้าอยากทราบว่า ท่านมีนามว่าอะไร”

“เรียกข้าว่า อสุรา”

‘ชูเฟิง’ ตอบด้วยน้ำเสียงที่ดังและชัดเจน

หลังจากเสร็จสิ้นการโจมตี ‘ชูเฟิง’ ก็สังเกตสถานการณ์รอบๆ ในขณะนั้น เขาพบว่าเหล่าสัตว์ยักษ์ได้ถูกกำจัดจนหมดสิ้นไปแล้ว เหล่าลูกศิษย์ของสำนักต่างมารวมกันที่นี่ และผู้นำของเหล่าลูกศิษย์ก็คือ ‘ตู่กู๋ โอวหยุน’

ในตอนนี้ ‘ชูเฟิง’ ถูกล้อมรอบไปด้วยกลุ่มคนจำนวนมาก ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่หลบหนี ในกรณีที่เขาถูกล้อมกรอบไว้เช่นนี้ แต่เนื่องจากเขาถูกพบตัวแล้ว ดังนั้นเขาจึงเอาเวลาที่จะใช้เพื่อหลบหนีนั้น สร้างชื่อของเขาย่อมดีกว่า แต่แน่นอนว่านั่นต้องไม่ใช่ชื่อจริงของ

“อสุรา !! สิ่งที่พวกเราทำมาทั้งหมดที่ด้านนอกนั้น มันทำให้พวกเราต้องรับบาดเจ็บ แต่นี่ท่านกลับมาชิงเอาทรัพยากรที่มีค่าไปจากพวกเรา และท่านยังฆ่าลูกศิษย์ของสำนักหลิงหยุนอีก นี่มันไม่เป็นการกระทำที่เอาเปรียบกันไปหน่อยรึ !?”

“ถ้าท่านยังเป็นมนุษย์ ทำไมท่านไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของท่านออกมา ให้พวกเราได้รู้ว่าผู้ใดเป็นคนที่กระทำเช่นนี้”

จากคำกล่าวของ ‘ตู่กู๋ โอวหยุน’ เห็นได้ชัดเจนว่า เขาคิดว่า อสุรา นั้น ไม่ใช่ชื่อจริงของ ‘ชูเฟิง’

“ข้าคือ ตู่กู๋ โอวหยุน !! พวกเรานั้นได้ต่อสู้โดยเอาชีวิตเขาแลกที่ด้านนอก แต่ท่านกลับเขาไปชิงเอาทรัพยากรมากมายไปจากพวกเรา ดังนั้นส่งทรัพยากรเหล่านั้นมาให้พวกเราซะ แล้วพวกเราจะปล่อยท่านไปโดยเป็นศพที่สมบูรณ์”

ร่างกายอยู่ครบ 32 แต่ตายน่ะครับ ขยายความคำว่า ศพที่สมบูรณ์ ครับ

ในตอนนั้น เหล่าลูกศิษย์ต่างพากันเรียกร้องมาที่ ‘ชูเฟิง’ หลังจากที่พวกเขาได้เข้าต่อสู้กับสัตว์ยักษ์มากมาย บางคนได้รับบาดเจ็บ บางคนก็ได้ตายจากไป หากว่าทรัพยากรทั้งหมดนั่นไม่ตกเป็นของพวกเขา นั่นจึงเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถจะยอมรับได้

“หึหึ….ไร้สาระ !! ทรัพยากรเหล่านี้ต้องตกเป็นของผู้ที่เก็บเกี่ยวมันได้ ข้าไม่เคยขอร้องให้พวกเจ้าต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลกที่ด้านนอก และถึงแม้ว่าจะไม่มีพวกเจ้า ข้าก็สามารถเข้ามาเก็บเกี่ยวทรัพยากรทั้งหมดได้อยู่ดี”

“จะทำให้ข้ากลายเป็นเป็นศพอย่างนั้นรึ ในบรรดาพวกเจ้าทั้งหมดจะมีผู้ใดสามารถทำได้”

‘ชูเฟิง’ กล่าวอย่างเย้ยหยัน พร้อมทั้งปลดปล่อยเจตนาฆ่าออกมาทั่วบริเวณ

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น นอกจาก ‘ตู่กู๋ โอวหยุน’ คนอื่นๆ ต่างไม่สามารถขยับได้แม้แต่เพียงก้าวเดียว เหงือเย็นเยียบปรากฏออกมาราวกับน้ำตก เมื่อพวกเขาถูกจ้องมองด้วยสายตาที่ฉายเจตนาฆ่าอย่างชัดเจนของ ‘ชูเฟิง’

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาเห็น ‘ชูเฟิง’ ทำลายพลังของฝ่ามือสีทองอย่างง่ายดาย พวกเขาไม่สามารถคาดเดาตวามสามารถของ ‘ชูเฟิง’ ได้ แต่ที่พวกเขาสามารถหยั่งรู้ได้ทันทีคือ ‘ชูเฟิง’ นั้นเป็นตัวอันตรายอย่างที่สุด

“ตู่กู๋ โอวหยุน เจ้ากล้ารึ ที่จะมาชิงมันไปจากข้า”

ชูเฟิง กล่างท้าทาย

“ท่านคิดว่าข้าไม่กล้าอย่างนั้นรึ !!”

‘ตู่กู๋ โอวหยุน’ ตอบกลับอย่างเย็นชา

“ฮ่าๆ ถ้าเจ้ากล้าก็เข้ามา !!”

‘ชูเฟิง’ หัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาหยุดค้างอยู่บนนั้น และเขาเริ่มก้าวเดินอย่างช้าๆ บนท้องฟ้านั่น

“สวรรค์ ขะ….ขะ…..ขะ…..เขาเดินบนอากาศได้ !!”

“เป็นไปได้ยังไง ผู้ที่จะสามารถเดินบนอากาศได้ต้องมีพลังขั้นแดนสวรรค์วิญญาณ !!”

ในตอนนั้น พวกเขามอง ‘ชูเฟิง’ ที่เดินอยู่บนอากาศ โดยที่มือทั้งสองข้างของเขาไพล่ไปที่ด้านหลังของเขา พวกเขาไม่อาจทำใจให้สงบได้ เห็นได้ชัดว่าออร่าพลังของ ‘ชูเฟิง’ นั้น อยู่ในระดับ 1 ขั้นแก่นวิญญาณ แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นแดนสวรรค์เท่านั้น จึงจะมีความสามารถในกานเหยียบและเดินบนอากาศได้

ในอาณาจักรมังกรฟ้านั้น ไม่มีผู้เชี่ยวชาญขั้นแดนสวรรค์ แต่ในตอนนี้บุคคลตรงหน้าของพวกเขา อาจเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นแดนสวรรค์ก็เป็นได้ นั่นอาจหมายความว่าพวกเขาจะล่วงเกินผู้ ที่ไม่สมควรไปทำให้โกรธอย่างยิ่งเข้าเสียแล้ว

“ท่านมาจากที่ใด !!”

‘ตู่กู๋ โอวหยุน’ ถามขึ้นด้วยเสียงดัง แม่ว่าเขาจะตื่นตกใจกับการกระทำของ ‘ชูเฟิง’ ก็ตาม

“จำเอาไว้ว่า ข้า อสุรา !! ชื่อนี้จะดังก้องไปทั่วทั้งเก้าอาณาจักร จะไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้”

หลังจากกล่าวออกมาเสร็จสิ้น ‘ชูเฟิง’ ก็หัวเราะออกมาอย่างก้องกังวาน พร้อมทั้งก้าวเดินไปบนอากาศ จากนั้นเขาก็หายไปจากสายตาของทุกคน ทิ้งให้พวกเขาตกอยู่ในความตะลึงเป็นเวลานาน

 

ผู้แปล โดยคุณ#

修罗 ūā ชื่อ อสุรา หรือ อสูร หรือ อสูรฟ้า จะเรียกยังไงก็แล้วแต่ผู้อ่านสะดวกเลยนะคับ

ยาแก่นแท้ ที่ชูเฟิงได้รับมามากมาย จะทำให้พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นแค่ไหน

ต้องรอติดตามกันต่อไป . . . . . .

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments