ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เสิ่นฮอง’เผยรอยยิ้มจืดๆและพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ขาวซีด
“น้องฮูเหยียนเจ้าช่างตลกเสียจริง ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเมืองกลอรี่มาโดยตลอด พวกเราจะก่อกบฎไปทำไมกัน?”
“ฮาฮ่า งั้นข้าก็สบายใจหน่อย”
‘ฮูเหยียนชาง’หัวเราะออกมา
แม้พวกเขายังจะทำตัวสงบเสงี่ยมกันอยู่ แต่ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆก็ไม่ได้ส่งเสียงดังเหมือนอย่างเคย พวกเขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ ผู้นำตระกูลเหล่านี้ล้วนแต่เจ้าเล่ห์ทั้งนั้น พวกเขาพอจะจับได้รางๆแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลวายุเหมันต์กับตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นมีแต่จะย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ
‘ฮูเหยียนชาง’เป็นถึงมือขวาของท่านเจ้าเมือง การกระทำของเขาเป็นการทดสอบตระกูลศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจนและปฏิกิริยาของพวกเขากลับมีมากจนน่าตกใจ นั้นแสดงว่าจริงๆแล้วพวกเขากำลังเตรียมที่จะเกิดการต่อสู้ขึ้นในไม่ช้าเป็นแน่
‘เนี่ยหลี่’ ‘เอี้ยซิ่ว’และ’เอี้ยโช่ว’ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากที่นั่งด้านบนของพวกเขา
‘เอี้ยโช่ว’ส่ายหัวแล้วถอนหายใจออกมา
“น้องฮูเหยียน เขาวู่วามเกินไปยิ่งนักแต่เขาก็รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาเพียงแค่จะทดสอบตระกูลศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ผลลัพธ์ที่แสดงออกมานั่นหมายความว่า พวกเขาตัดสินใจที่ก่อกบฏขึ้นมาจริงๆ!”
“เสิ่นฮองนั้นมีจิตใจที่คับแคบและละโมบ เขาเองก็หมายตาที่จะได้ครองตำแหน่งเจ้าเมืองมานานแล้ว ถึงกับทำเรื่องน่าละอายอย่างการส่งให้เสิ่นเอี้ยมาสนิทสนมกับอวิ้นเอ๋อ”
‘เอี้ยซิ่ว’ถอนหายใจออกมา ที่อันตรายที่สุดก็คือท่านเจ้าเมือง ‘เอี้ยเซิ่ง’ที่ไม่บุตรชายเอาไว้สืบทอดตำแหน่งเขาเลย มีเพียงบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น แม้ว่าเขาจะรับเอา ‘เอี้ยฮั่น’ มาเป็นบุตรบุญธรรมแต่การทรยศของเอี้ยฮั่นนั้นทำให้ตระกูลวายุเหมันต์ของละอายใจยิ่งนัก
‘เนี่ยลี่’ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนัก เขาไม่เคยคิดเลยว่าพ่อของ’ฮูเหยียนหลานเร่อ’นั้นจะสามารถรู้ถึงความลับที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะทรยศเมืองกลอรี่ได้ขนาดนี้ จากที่ได้สังเกตมา คนที่’เอี้ยเซิ่ง’เชื่อใจมากที่สุดคงจะเป็น’ฮูเหยียนชาง’เป็นแน่
งานเลี้ยงไม่ได้เต็มไปด้วยเสียงดังเหมือนเคย ‘เสิ่นฮอง’มองไปรอบๆและรู้สึกได้ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ‘ฮูเหยียนชาง’ได้เตือนตระกูลอื่นๆเกี่ยวกับพวกสัมพันธ์ระหว่างตระกูลศักดิ์สิทธิ์กับตระกูลวายุเหมันต์กำลังจะไปถึงจุดแตกหัก และขอให้ทุกตระกูลรักษาระยะห่างกับพวกเขาเอาไว้ด้วย
แม้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะเป็นถึงหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ก็ตาม ถ้าพวกเขาต้องเลือกระหว่างตระกูลวายุเหมันต์และตระกูลศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะก็ พวกเขาจะเลือกตระกูลวายุเหมันต์อย่างไม่ลังเลเลย เพราะสิ่งที่พวกเขาต่างก็รู้กันก็คือ ตระกูลวายุเหมันต์นั้นปกครองเมืองกลอรี่ หลายร้อยปีแล้ว ตระกูลวายุเหมันต์ได้วางรากฐานเอาไว้จนยากที่จะหยั่งถึง เป็นสิ่งที่ตระกูลอื่นๆนั้นไม่อาจจะทำให้สั่นคลอนได้เลยแม้แต่น้อย
‘เสิ่นฮอง’มองไปยังเหล่าผู้นำตระกุลต่างๆที่อยู่รอบๆ พวกเขาต่างก็หลบหน้าเพราะทำตามคำสั่งที่ให้หลีกเลี่ยงเขาเอาไว้
‘เสิ่นฮอง’เงยหน้าขึ้นไปมองที่นั่งด้านบนของลานจัดงานเลี้ยงที่เป็นที่นั่งของ’เอี้ยซิ่ว’ ‘เอี้ยโช่ว’และ’เนี่ยหลี่’ สีหน้าเขาหม่นหมองและดื่มเหล้าเข้าไปอีก
ปกติแล้ว ตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นมักจะวางแผนอย่างรอบคอบเสมอ หากทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีแล้วล่ะก็ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์คงจะไม่ต้องลงทุนมากขนาดนี้และสามารถล้มผู้นำอย่างตระกูลวายุเหมันต์ได้แน่นอน แต่ตอนนี้ ทั้งหมดก็พังทลายตั้งแต่ที่ไอ้เจ้า’เนี่ยหลี่’ได้ปรากฎตัวออกมา
‘เสิ่นฮอง’นั้นรู้สึกเหมือนไม่สามารถหาทางออกได้ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นไปเป็นศัตรูกับ’เนี่ยหลี่’กันตั้งแต่ชาติปางก่อนหรืออย่างไร?
ทำไม’เนี่ยหลี่’ถึงได้ต่อต้านตระกูลศักดิ์สิทธิ์มาโดยตลอด? ‘เสิ่นฮอง’คิดแล้วก็เสียใจเกินกว่าที่จะพรรณนาออกมาได้
ตอนนี้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ถึงบีบให้จนมุมเสียแล้วด้วยตระกูลมากมายในเมืองกลอรี่ ต่างก็เว้นระยะห่างจากวพกเขามากขึ้นเรื่อยๆและการกดดันจากตระกูลวายุเหมันต์ก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างนี้ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เหลือเพียงแค่สองทางเลือกเท่านั้น หนึ่งคือยอมจำนนแต่โดยดี ส่วนอีกทางก็คือการสมรู้ร่วมคิดกับสมาคมทมิฬและเปิดฉากการโจมตี
‘เสิ่นฮอง’จะไม่มีทางเลือกข้อแรกอย่างแน่นอน แต่การเลือกข้อสอง ถ้าพวกเขาล้มเหลว พวกขาจะโดนประณามไปตลอดกาล
ตอนนี้ ที่โรงเตี๊ยมบางแห่งในเมืองกลอรี่ที่เป็นส่วนหนึ่งของตำหนักใหญ่ในตระกูลศักดิ์สิทธิ์ อีกไม่ช้านี้การต่อสู้ก็กำลังจะเริ่ม
‘เอี้ยเซิ่ง’บุกเข้าไปยังตำหนักใหญ่ของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ การบุกเข้าไปโดยพาเอายอดฝีมือระดับแบล็คโกลด์หลายคนตามไปด้วย ส่วนทหารคุ้มกันได้ล้อมตระกูลศักดิ์สิทธิ์ไว้เอาแล้ว ตอนนี้การปิดล้อมนี้น้ำสักหยดยังผ่านไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม้จะกลายเป็นนกก็ไม่มีทางที่จะหนีรอดไปได้แน่นอนอย่างไรก็ตาม ‘เอี้ยเซิ่ง’และฝีมือของตระกูลวายุเหมันต์ยังไม่ได้สังหารใครเลยสักคน พวกเขาเพียงทำให้คนของตระกูลศักดิ์สิทธิ์บาดเจ็บเท่านั้น
แต่เมื่อ’เอี้ยเซิ่ง’เตรียมที่จะเข้าไปในส่วนของห้องโถงใหญ่ของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ บริเวณนั้นก็เปล่งแสงออกมามากมาย อักขระและอาคมที่ลึกลับมากมายหลายสิบอันก็ปรากฎออกมาพร้อมกันแล้วหมุนวนไปรอบๆดังเป็นเหมือนกับตาพายุ จนกลายเป็นพลังม่านบาเรียป้องกันเอาไว้
‘เอี้ยเซิ่ง’ขมวดคิ้วเข้ามาชนกัน เนี่ยคงเป็นค่ายกลลงอาคมที่บรรพชนของตระกูลศักดิ์สิทธิ์วางเอาไว้ป้องกันอันตรายเป็นแน่
นี่คงเป็นการป้องกันตัวเองของตระกูลศักดิ์สิทธิ์แน่นอน“ค่ายกลนี้เอาไว้ใช้สำหรับพวกสัตว์อสูรเท่านั้น มันจะกันต้านทานข้าได้ยังไงกัน?”
ชุดของ’เอี้ยเซิ่ง’โบกสบัดไปตามแรงลมและเขาก็เดินตรงเข้าไปยังค่ายกลนั้นอย่างช้าๆ
ตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่กับเมืองกลอรี่มานานหลายปี มีหรือที่ตระกูลวายุเหมันต์จะไม่รู้ถึงไพ่ตายที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์มีไว้อยู่ในมือ? ‘เอี้ยเซิ่ง’แทบจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลศักดิ์สิทธิ์จนหมดไส้หมดพุง!
มีเพียงสิ่งที่ไม่รู้คือ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้แอบสมรู้ร่วมคิดกันกับสมาคมทมิฬและความสัมพันธ์นั้นไปถึงระดับไหนแล้วเท่านั้น
“นี่สำหรับการทรยศต่อเมืองกลอรี่…ตายซะเถอะ!”
‘เอี้ยเซิ่ง’หน้ามืดลงมือเพราะความโกรธ เขากลายร่างเป็นราชันย์วานรวายุเหมันต์และคำรามออกมา ท้องฟ้าโดยรอบพลันเยือกเย็นเหมือนกับถูกแช่แข็งและพลังความเย็นนั้นก็พุ่งไปยังค่ายกลลงอาคมป้องกันของตระกูลศักดิ์สิทธิ์
ตั้งแต่ที่เขาหลอมรวมกับจิตวิญญาณอสูร ราชันย์วานรวายุเหมันต์ ความแข็งแกร่งของ’เอี้ยเซิ่ง’ก็เพิ่มขึ้นมาอย่างคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ำ อีกเพียงนิดเพียงนิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะก้าวเข้าไปสู่ระดับตำนานได้สำเร็จ ยิ่งเขาสามารถควมคุม ราชันย์วานรวายุเหมันต์ได้อย่างสมบูรณ์แล้วล่ะก็ พลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นมาถึงสี่เท่าจนน่าตะลึงอย่างที่สุด
ตูม!…ตูม!…ตูม!
พายุหิมะยังโหมโจมตีใส่ค่ายกลลงอาคมที่ใช้ป้องกันตระกูลศักดิ์สิทธิ์
‘เนี่ยหลี่’และพรรคพวกยังไม่ได้ออกมาประกาศใดทั้งสิ้น ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆจึงได้เริ่มพูดคุยสนทนากันเสียงดังต่ออีกครั้ง
หลังจากที่’เสิ่นฮอง’ได้ดื่มเหล้าเข้าไปอีกหลายจอก เขาเริ่มมั่นใจแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้ว่าผู้คนจากตระกูลต่างๆมากันพร้อมหน้าแล้ว ทำไมยังไม่เริ่มงานเลี้ยงกันเสียที? เหมือนว่าพวกเขากำลังถ่วงเวลาเอาไว้ ตระกูลวายุเหมันต์คิดอะไรอยู่กันแน่?แต่หลังจากทันทีที่คิดได้บางอย่างออก‘เสิ่นฮอง’ก็ถึงกับเหงื่อตก ‘เสิ่นฮอง’ตบโต๊ะและลุกขึ้นมา
เสียงจากการกระแทกโต๊ะทำให้ทั่วทั้งงานเงียบเสียงทันที สายตาของทุกคนล้วนมองไปที่’เสิ่นฮอง’
“พวกเราไม่ได้มาหารือกันเรื่องการยกทัพของสัตว์อสูรหรอกรึยังไงกัน? หากเป็นดังนั้น ข้าก็จะขอถามอะไรสักอย่าง ท่านเจ้าเมืองอยู่ไหน? ทำไมท่านเจ้าเมืองยังไม่มาปรากฎตัวกันล่ะ? ทำไมต้องให้แขกทุกท่านที่มาจะตระกูลต่างๆต้องรอด้วย?”
‘เสิ่นฮอง’พวกออกมาอย่างเยือกเย็น แม้เขาจะไม่ได้ใช้เสียงดัง แต่เสียงนั้นลึกและทรงพลัง ทุกคนในงานเลี้ยงสามรถได้ยินเสียงเขาทั้งหมด
เมื่อได้ยินคำพูดของ’เสิ่นฮอง’ ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆก็เริ่มพูดคุยกันว่ามันเป็นความจริง พวกเขาก็รู้สึกสงสัยด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขารอมาจนถึงป่านนี้แล้วและยังไม่เห็นท่านเจ้าเมืองออกมาปรากฎตัวเลย ปกติงานเลี้ยงแบบนี้ท่านเจ้าเมืองจะต้องมาเป็นประธานงานนี้ด้วยตัวเขาเองมิใช่รึ?
อย่างไรก็ตาม ‘เสิ่นฮอง’มีท่าทีที่ลำพองใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ท่านผู้อาวุโสเสิ่นฮอง ท่านเจ้าเมืองมีงานอะไรบางอย่างที่จะต้องไปสะสางอยู่ก็เป็นได้ เขาคงจะมาในอีกไม่ช้านี้หรอกครับ ท่านผู้อาวุโสเสิ่นฮองหากท่านทนรอไม่ไหว ข้าจะเป็นประธานงานเลี้ยงนี้เอง”
‘เนี่ยหลี่’พูดอย่างสุภาพและขมวดคิ้ว เจ้ามารจิ้งจอกเฒ่าในที่สุดก็รู้ตัวแล้ว เมื่อหมามันจนตรอกมันก็ต้องมีแว้งกัดใส่เป็นธรรมดา ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกประหลาดใจกับการโต้กลับของ’เสิ่นฮอง’ว่าจะทำแบบนี้
ณ เวลานั้น สายตาของทุกคนล้วนจ้องมองไปที่’เนี่ยหลี่’ ก่อนที่’เอี้ยเซิ่ง’จะมาถึง ‘เนี่ยหลี่’น่ะหรือที่จะเป็นประธานให้กับงานเลี้ยงนี้?
ไม่มีใครคาดคิดว่า’เนี่ยหลี่’จะมีฐานะที่สูงอย่างนี้เลยสักคน
“ฮาฮ่าๆ ไร้สาระ! เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าน่ะหรือที่จะมาเป็นประธานงานที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ได้น่ะ? นี่ตระกูลวายุเหมันต์กำลังเล่นตลกอะไรกับพวกเรากันแน่เนี่ย?”
‘เสิ่นฮอง’หัวเราะออกมาอย่างสะใจ เสียงนั้นดังสนั่นไปทั่วทั้งงานเลี้ยงนี้
ได้ยินคำพูดของ’เสิ่นฮอง’ ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆมีความรู้สึกที่แตกต่างออกไป หากผู้นำตระกูลต่างๆไม่เคยได้พบหรือไม่เคยแม้แต่รู้เลยว่าใครคือ’เนี่ยหลี่’ พวกเขาจะมีความคิดเห็นเช่นไรกับนี้อย่างไรกันนะ? แต่หลังจากที่การกรีฑาทัพของสัตว์อสูรได้บุกเข้ามา ‘เนี่ยหลี่’ได้สร้างผลงานชิ้นใหญ่เอาไว้ ‘เนี่ยหลี่’ทำให้ทั้งความเสียหายและจำนวนผู้คนที่เสียชีวิตเหลือน้อยที่สุดกว่าทุกครั้งที่สัตว์อสูรได้บุกมาโจมตี
ยอดฝีมือคนธรรมดาทั่วไปหรือแม้แต่ผู้นำตระกูลหลายคนไม่ได้ออกมาความเห็น พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดเยาะเย้ยหรือถากถางออกไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า บางคนที่ยังไม่เคยเห็น’เนี่ยหลี่’มาก่อนก็เริ่มพูดคุยกันด้วยเสียงค่อยๆ
“ท่านรู้จักเขามั้ย?คนที่ชื่อเนี่ยหลี่คนนั้นน่ะ!”
“เนี่ยหลี่? นั่นคือคนที่เป็นดาวรุ่งสุดยอดอัฉริยะของเมืองกลอรี่ มิใช่รึ?”
“ข้าได้ยินมาว่าเขามาจากตระกูลบันทึกสวรรค์ด้วยนะ!”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยได้พบ’เนี่ยหลี่’มาก่อน แต่พวกเขาก็ได้ยินชื่อเสียงของ’เนี่ยหลี่’มาแล้วทั้งนั้น
เหล่ายอดฝีมือในงานเลี้ยงต่างก็มองไปยังตระกูลบันทึกสวรรค์ และเมื่อได้เห็น ‘เนี่ยไฮ้’ ‘เนี่ยอิง’และคนอื่นๆ พวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นจากแสดงออกมาทางสีหน้าของพวกเขา แม้กระทั่งในอกของพวกเขาแทบจะระเบิดออกมา
งานเลี้ยงนี้แท้จริงแล้ว’เนี่ยหลี่’เป็นประธานในครั้งนี้ พวกเขามีหรือที่จะมารู้สึกภูมิใจแบบนี้มาก่อนเลย? เมื่อพวกเขาทั้งหมดได้รู้ถึงในสิ่งที่’เนี่ยหลี่’กระทำไปไม่นานมานี้ ในตอนนี้’เนี่ยหลี่’ก็กลายมาเป็นคนที่สำคัญอันดับหนึ่งของเมืองกลอรี่ไปเสียแล้ว
เป็นเพราะ’เนี่ยหลี่’ ตระกูลบันทึกสวรรค์ถึงได้ย้ายมาอยู่ในพื้นที่ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองกลอรี่ได้ ซึ่งห่างจากตำหนักท่านเจ้าเมืองไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร อีกทั้งมีอะไรบางให้ที่ทำให้สมาคมนักปรุงยาได้ติดต่อทำการค้ากับตระกูลบันทึกสวรรค์ และในขณะเดียวกันจำนวนของทหารคุ้มกันของตระกูลบันทึกสวรรค์เองก็เพิ่มขึ้นมาหลายพันคนจนกลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
พวกเขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า อย่างตระกูลบันทึกสวรรค์นั้นจะรุ่งเรื่องได้ถึงขนาดนี้ สายตาของเหล่ายอดฝีมือล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นความรุ่งเรื่องของตระกูลบันทึกสวรรค์นี้ต้องมาจากเนี่ยหลี่เป็นแน่
“ข้าได้ยินมาว่าขณะที่กองทัพสัตว์อสูรได้บุกเข้ามา เนี่ยหลี่ได้ใช้วิธีลึกลับบางอย่างจนทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเหลือน้อยที่สุด มีเพียง 1 ใน 10 เท่านั้นของจำนวนคนที่ได้เสียชีวิตไปในสงครามต่อสู้กับกองทัพสัตว์อสูรบุกมาโจมตีครั้งที่ผ่านมา!”
“มันเป็นเช่นนั้นหรอกรึ!”
“ข้ายอมรับในตัวเขา หากไม่ใช่เพราะเขาแล้ว ข้าคงได้ตายไปในการโจมตีของกองทัพสัตว์อสูรเป็นแน่ ในระหว่างกองทัพสัตว์อสูรบุกเข้ามา อสูรวายุเหมันต์กำลังใช้กรงเล็บของแทงเข้ามาที่คอของข้า เขาช่วยข้าเอาไว้ก่อนที่หัวข้าจะขาด โชคดีที่มีเพียงอสูรระดับโกลด์เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ปีนขึ้นมาบนกำแพงได้ หากมันไม่เป็นดังนั้นแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นใครเล่าจะรู้ได้!”
“ข้าก็ยอมรับในตัวเขาเช่นกัน มันเป็นเรื่องจริงที่พี่น้องของข้าหลายคนรอดตายจากเหตุการณ์นี้!”
ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆได้รู้ว่าเป็นเพราะ’เนี่ยหลี่’ที่ได้ช่วยเหลือพวกเขาในขณะที่กองทัพสัตว์อสูรบุกโจมตีเข้ามา พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่ยอมรับในตัวเขา เมืองกลอรี่สามารถทุกทำลายโดยกองทัพสัตว์อสูรได้ทุกเมื่อ
แต่ถึงกระนั้นทุกตระกูลต่างก็รู้ว่าการร่วมมือกันเท่านั้น พวกเขาจะสามารถป้องกันเมืองกลอรี่เอาไว้ได้จากการกลืนกินและเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆได้อย่างไร จนต้องมีใครสักคนที่จะสามารถมาช่วยพวกเขาต่อสู้จากการกรีฑาทัพของสัตว์อสูร เขาก็ควรที่จะได้รับการยกย่องสรรเสริญ
‘เสิ่นฮอง’ไม่คิดเลยว่าชื่อเสียงของ’เนี่ยหลี่’นั้นจะเข้าไปอยู่ในใจของเหล่ายอดฝีมือจากตระกูลต่างๆได้ถึงขนาดนี้ ในใจของเขาเริ่มกลายเป็นมืดหมองมาขึ้นเรื่อยๆ ด้วยชื่อเสียงของตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่อาจจะเทียบได้กับเจ้าเด็กได้เลยจริงๆ!
จบตอน
เนี่องจากตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายในส่วนของผม ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ให้กำลังใจผมเสมอมานะครับ ขอบคุณครับ
*แถม มีคนถามเรื่องต้วนเจี้ยนมาเรื่องปีก คือใน่สวนนี้ผมคิดว่าการที่ต้วนเจี้ยนเข้ามาในเมืองกลอรี่ได้โดยไม่มีคนเอะใจ นั่นแสดงว่าเขามีลักษณะเหมือนคนทั่วไป แต่ด้วยการฝังเข็มของเนี่ยหลี่และร่างกายเฉพาะ ต้วนเจี้ยนจะแปลงร่างเป็นขั้นสองก็คือร่างของเผ่ามังกรก็จะมีปีกนะครับ ต้วนเจี้ยนโดยทะลวงจุดจนทำอะไรได้มากมายพลังเพิ่ม ก็น่าจะมีสกิลแบบนี้มาด้วยนะครับ คนแต่งน่าจะต้องการแบบนี้ที่มา :