ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปพอได้ฟัง’เนี่ยหลี’และ’เซี่ยวหยู่’คุยกัน ‘เอียจื้ออวิ้น’ก็จมอยู่ในห้วงความคิดและเหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
พวกเธอเพิ่งจะรู้จักกับ’เซี่ยวหยู่’ การที่จะมีคนแปลกหน้ามาอยู่ร่วมกลุ่มด้วยในแดนมรณะเก้าชั้นนี้ มันดูไม่ค่อยจะปลอดภัยเท่าไหร่ ‘เอียจื้ออวิ้น’จึงเว้นระยะห่างกับเซี่ยวหยู่ในใจ
“ในเมื่อท่านไม่มีอคติอะไรกับข้า แล้วทำไมพี่ชายเนี่ยหลีจึงพยายามไล่ข้าไปล่ะ? แต่ถ้าพี่ชายเนี่ยหลีวางแผนที่จะทำอะไรบางอย่าง ข้าก็จะไม่รบกวนท่าน”
‘เซี่ยวหยู่’กล่าวพร้อมทั้งระบายยิ้มให้’เนี่ยหลี’
ด้วยคำพูดของ’เซี่ยวหยู่’ ‘เนี่ยหลี’ก็รู้สึกสั่นอยู่ในใจ ออร่าของ’เซี่ยวหยู่’นั้นเขาสัมผัสได้ว่ามันทั้งแข็งแกร่งและลึกลับ หาก’เนี่ยลี’ไล่’เซี่ยวหยู่’ไม่ถูกวิธีล่ะก็ ‘เซี่ยวหยู่’ก็จะกลายเป็นศัตรูทันที เพราะดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่อยากจะเข้ากลุ่มจนออกนอกหน้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะถอยไปเลย
“ถ้าพี่ชายเสี่ยวหยูอยากจะอยู่ ข้าก็ไม่ว่าอะไร แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรล่ะก็ ท่านต้องดูแลตัวเองนะ”
‘เนี่ยหลี’ตอบกลับหลังจากเงียบไปครู่ เขาคิดว่าหากจะไล่เจ้าหมอนี่ออกไปคงต้องรอให้รวมกลุ่มกันครบก่อน ลำพังเพียงพวกเขาสามคนคงไม่อาจรับมือหมอนี่ได้แน่ๆ
“พี่ชายเนี่ยหลีวางใจได้เลย ในดินแดนใต้พิภพนี้ไม่มีใครแตะข้าได้แม้แต่ปลายเล็บหรอก”
‘เซี่ยวหยู่’กล่าวด้วยความมั่นใจ
‘เนี่ยหลี’ปรายตาไปมอง’เซี่ยวหยู่’ ที่อีกฝ่ายบอกว่าในดินแดนใต้พิภพนี้ไม่มีใครแตะเขาได้แม้แต่ปลายเล็บนั้น เป็นเพราะมั่นใจในตัวเองหรือเพียงแต่อวดดีเท่านั้น ?
ตัวตนของ’เซี่ยวหยู่’นั้นยังคงเป็นปริศนา ในตอนนี้’เนี่ยหลี’คงทำได้เพียงแต่เก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจ
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’หันไปมอง’เนี่ยหลี’และ’เซียวหยู’ ถึงแม้เธอจะเชื่อว่า’เซี่ยวหยู่’นั้นเป็นคนดี แต่ที่’เนี่ยหลี’ทำไปก็น่าจะมีเหตุผลอยู่ แม้นว่า’เซี่ยวหยู่’จะทำให้เธอประทับใจในแรกพบก็เถอะ แต่ถึงยังไงเธอก็ยังคงเชื่อใจ’เนี่ยหลี’กว่าอยู่แล้ว ในใจ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ตอนนี้นั้นค่อนข้างจะขัดแย้งกันเล็กน้อย
พวกเขาทั้งสี่เดินเรียดไปตามขอบบึงเพื่อเสาะหาสมาชิกในกลุ่มคนอื่นๆ
“นั่นใช่ผลจิตต้นกำเนิดหรือเปล่า?”
‘เนี่ยหลี’มองไปยังผืนป่าข้างๆบึง ที่นั่นพวกเขาพบว่ามีผลไม้แปลกๆแวววาวคล้ายคริสตัล
‘เนี่ยหลี’เดินไปหาผลจิตต้นกำเนิด ก่อนจะหันมาหา’เซี่ยวหยู่’และถาม
“พี่ชายเซี่ยวหยู่สนใจผลจิตต้นกำเนิดไหม?”
ฟังคำถามของ’เนี่ยหลี’แล้ว ‘เซี่ยวหยู่’ก็ส่ายหน้า
“ข้ามีร่างกายที่พิเศษอยู่แล้ว ทั้งผลไม้นี่ก็ไม่มีประโยชน์สำหรับข้า”
ขนาดผลไม้ที่มีค่าอย่างผลจิตต้นกำเนิดนี้ ‘เซี่ยวหยู่’ยังไม่สนใจ…หมอนี่มันวางแผนอะไรอยู่กันแน่? ‘เนี่ยหลี’คิดชั่วขณะ ก่อนจะก้มลงไปเก็บผลจิตต้นกำเนิดและเก็บมันไว้ในแหวนมิติเก็บของ
หากเขากินผลไม้นี่ตอนนี้ คงใช้เวลานานกว่าจะย่อยและรับเอาพลังของมันมาได้ ทั้งตอนนี้ยังมีผลจิตต้นกำเนิดเพียงแค่ผลเดียว มันคงไม่พอที่จะแบ่งให้คนอื่นเป็นแน่ ‘เนี่ยหลี’จึงเก็บผลไม้นี้ไว้ในแหวนมิติเก็บของก่อน และเริ่มเสาะหาดูที่อื่นว่าจะมีเจ้าผลจิตต้นกำเนิดนี้อีกไหม
“พี่ชายเนี่ยหลี ในโลกใบนี้ บุรุษยอมตายเพื่อโชคลาภ นกยอมตายเพื่ออาหาร บุรุษหนึ่งแย่งชิงขณะที่อีกคนไขว่คว้า ในท้ายที่สุด ใครที่ตายก็ตายเลย ใครที่เจ็บก็เจ็บอยู่อย่างนั้น มันหมายความว่าอย่างไรหรือ?”
‘เซี่ยวหยู่’กล่าวยิ้มๆ ในสายตาของเขาแล้ว ‘เนี่ยหลี’นั้นเป็นเพียงชายที่ละโมบในโชคลาภคนหนึ่ง
ได้ยินที่’เซี่ยวหยู่’กล่าว ‘เนี่ยหลี’ก็เหลือบไปมองอีกฝ่าย เขาไม่คิดเลยว่า’เซียวหยู’จะมาเล่นสำหนอกสำนวนกับเขาแบบนี้ ‘เนี่ยหลี’ระบายยิ้มและเอ่ยว่า
“ในโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ มีอารมณ์อยู่เจ็ด กิเลสอยู่หก พวกมันเหล่านี้ต่างนำพาเราไปสู่ห้วงแห่งความทุกข์อันไม่มีที่สิ้นสุด ตามที่พี่ชายเซี่ยวหยู่ได้กล่าวไว้ มันจะไม่ดีกว่าหรือหากเราตายๆไปให้พ้นทุกข์เหล่านี้เสียเลย? ถึงอย่างไรชีวิตคนเราก็เปรียบดั่งเปลวเทียน ที่เมื่อดับไปแล้วก็ไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ ทว่าหากโลกใบนี้เป็นดั่ง ‘บุรุษหนึ่งแย่งชิงขณะที่อีกคนไขว่คว้า’ มันก็ดูมีชีวิตชีวาและน่าสนใจกว่าเยอะนะ ”
ได้ยินที่’เนี่ยหลี’ตอบ ‘เซี่ยวหยู่’ก็เผลอหัวเราะออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อเขาลองใคร่ครวญตามที่อีกฝ่ายกล่าว เขาก็พบว่าคำตอบของอีกฝ่ายนั้นแฝงซึ่งหลักปรัชญาไว้อยู่ หากคนเราไม่สู้เพื่อตัวเอง แล้วชีวิตจะมีความหมายอะไรล่ะ?
เขาไม่คิดเลยว่า’เนี่ยหลี’จะแฝงหลักปรัชญามาแบบนี้ ‘เซี่ยวหยู่’ระบายยิ้มและคิดว่า’เนี่ยหลี’ก็เป็นอีกคนที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
“ข้าเริ่มจะสนใจท่านแล้วสิ แล้วท่านทำยังไงถึงได้เชี่ยวชาญเรื่องการสลักอักขระนักล่ะ? เป็นถึงนักสลักอักขระระดับอาวุโสเลยนี่!”
พอเห็นว่า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และ’เอียจื้ออวิ้น’กำลังคุยกันอยู่ห่างออกไป ‘เซียวหยู’ก็กอดอกยิ้มๆและยิงคำถามนี้ออกไป
ได้ยินคำถามอีกฝ่าย ‘เนี่ยหลี’ก็ตกใจ อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็นนักสลักอักขระระดับอาวุโสได้ยังไง? ยิ่ง’เนี่ยหลี’คิดเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเจ้า’เซี่ยวหยู่’นี่มันเป็นใครกันแน่ ทำไมมันถึงรู้เรื่องของเขาได้ สงสัยเรื่องที่มันเข้ามาตีสนิทกับ’เซียวหนิงเอ๋อ’ก็น่าจะเป็นหนึ่งในแผนการของมันเช่นกัน!
‘เนี่ยหลี’กำหมัดแน่นก่อนจะเดินไปขนาบข้างกับ’เซี่ยวหยู่’และพูดเสียงขรึมว่า
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครหรือรู้เรื่องของข้าได้ยังไง แต่หากเจ้ากล้าแตะต้องคนของข้า เจ้าจะต้องเสียใจ!”
พอรู้สึกว่า’เนี่ยหลี’ขยับเข้ามาใกล้ ‘เซี่ยวหยู่’ก็ขยับถอยห่างทิ้งระยะไว เขามอง’เนี่ยหลี’และกล่าวว่า
“พี่ชายเนี่ยหลีเข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแต่สงสัยหลายๆอย่างในตัวท่านเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะไปทำร้ายคนของท่านหรอก”
“ก็ดี”
‘เนี่ยหลี’คิดครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่า’เซี่ยวหยู่’นั้นพูดจริงหรือไม่ มันยากที่จะให้เขาเชื่อใจคนตรงหน้าได้
“ท่านยังไม่ตอบคำถามข้าเลยนะ”
‘เซี่ยวหยู่’ระบายยิ้ม
‘เนี่ยหลี’หยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบ เขาจะไม่ให้ใครรู้เรื่องการกลับมาจุติใหม่ของตนเด็ดขาด
“อักขระจารึกเป็นอีกหนึ่งของความสามารถในพลังสัจธรรม หากเราคุ้นเคยและรับรู้ถึงมันได้ เราก็จะเข้าใจมันได้เอง”
“พลังสัจธรรม?”
พอได้ยินคำนี้ ‘เซี่ยวหยู่’ก็หรี่ตาและหันมาถาม’เนี่ยหลี’
“พี่ชายเนี่ยหลีเข้าถึงเบื้องลึกของพลังสัจธรรมแล้วหรือ?”
ได้ยินที่’เซี่ยวหยู่’กล่าว’เนี่ยหลี’ก็ลอบตกใจ ชายคนนี้รู้แม้กระทั่งเรื่องเบื้องลึกของพลังสัจธรรมด้วย! หมอนี่จริงๆมันเป็นใครกันแน่?
‘เนี่ยหลี’สบตากับอีกฝ่าย ตาสีฟ้าของหมอนี่ก็ดูสวยอย่างกับเม็ดไพลิน เป็นความสวยที่หาเหตุผลไม่ได้เลย
‘เนี่ยหลี’ยืนอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนสติจะกลับมาลงรอยอีกครั้ง
“ไม่รู้สินะ หากเจ้าบอกว่าจริงๆแล้วเจ้าเป็นใคร ข้าอาจจะตอบเจ้าก็ได้”
‘เนี่ยหลี’กล่าว
‘เซี่ยวหยู่’ระบายยิ้มและเอ่ยว่า
“จริงๆพี่ชายเนี่ยหลีไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านไม่เพียงแต่เข้าถึงพลังสัจธรรมธรรมดา แต่เข้าถึงพลังสัจธรรมถึงสองอัน สองพลังสัจธรรมปรากฏในชายคนเดียว…ช่างน่าตกใจยิ่งนัก”
‘เนี่ยหลี’ปวดหัวกับคำของ’เซี่ยวหยู่’ทันที มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมแม้แต่เรื่องนี้’เซี่ยวหยู่’ก็รู้ด้วย!
ต่อหน้า’เซี่ยวหยู่’แล้ว ‘เนี่ยหลี’รู้สึกเหมือนถูกเปลื้องผ้า ทุกความลับของตนถูกเปิดเผยออกมาหมดเลย
แต่ในเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องเก็บงำความลับอะไรไว้อีก คำพูดของเขาก็จะตรงไปตรงมาขึ้น หากแต่’เซี่ยวหยู่’ประสงค์ร้ายล่ะก็เขาจะตอบโต้โดยทันดังนั้น’เนี่ยหลี’จึงเอ่ยว่า
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน แต่ในเมื่อท่านรู้เรื่องพวกนี้อยู่ก่อนแล้ว ท่านจะมาถามข้าทำไม?”
“ข้าแค่อยากจะดูว่าท่านเต็มใจที่จะเอ่ยความจริงไหม”
‘เซี่ยวหยู่’กล่าว มุมปากของเขายิ้มชี้ขึ้น
‘เนี่ยหลี’อึ้งไปชั่วขณะพลางจ้องไปที่’เซี่ยวหยู่’ ถามคำถามคนอื่นเพียงแค่อยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายเต็มใจจะพูดความจริงไหม? แล้วมันจะยังไงถ้าเขาเต็มใจหรือไม่เต็มใจ? นี่มันไร้สาระสิ้นดี! ‘เนี่ยหลี’ไม่เข้าใจเลยว่า’เซี่ยวหยู่’กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังแอบสนใจน้องสาวหนิงเอ๋อด้วย เพราะงั้นข้าจึงได้ตามเธอมา”
‘เซี่ยวหยู่’กล่าวยิ้มๆ
สายตาของ’เนี่ยหลี’เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
“หากเจ้าคิดร้ายกับหนิงเอ๋อล่ะก็ อย่าตำหนิข้าที่ไม่สุภาพด้วยล่ะ!”
“คิดร้าย? พี่ชายเนี่ยหลีจริงจังเกินไปแล้ว ทำไมข้าจะต้องไปคิดร้ายกับน้องสาวหนิงเอ๋อด้วยล่ะ ในเมื่อเธอทั้งจิตใจดีงามและโอบอ้อมอารีแบบนั้น ข้าก็ไม่คิดที่จะทำร้ายเธอหรอกนะ หญิงสาวที่สวยงามและเพียบพร้อมก็ต้องคู่กับสุภาพบุรุษ และในเมื่อท่านไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ งั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่ชายเนี่ยหลีจะมากันไม่ให้ข้าเข้าหาเธอหรอก จริงไหม?”
‘เซี่ยวหยู่’ยิ้มกว้างพลางพูดไปด้วย จากนั้นก็หันหลังกลับแล้วเดินไปหา’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’
ได้ยินที่’เซี่ยวหยู่’พูด ‘เนี่ยหลี’ก็อึ้งไปชั่วขณะ ถ้าหาก’เซี่ยวหยู่’จริงจังกับ’หนิงเอ๋อ’จริงๆล่ะก็ มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องไปห้าม? และในตอนที่’เซี่ยวหยู่’กำลังพูดกับตนนั้น ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ? มันรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนมาฉกฉวยเอาสิ่งที่มีค่าจากตนไป
‘เนี่ยหลี’เริ่มระลึกความหลังที่ตนมีร่วมกับเซี่ยวหนิงเอ๋อ มองไปยังช่วงที่เขาได้ช่วยเธอจากอาการป่วยเอาไว้ บางทีเธออาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้ในชีวิตของเขาเสียแล้ว
‘เซี่ยวหยู่’ดูเหมือนจะดูออกหมดทุกอย่าง ดูเหมือนเขาจะอยากทำให้’เนี่ยหลี’รู้สึกแบบนี้ตั้งแต่แรก แต่…’เนี่ยหลี’ควรจะทำอย่างไรล่ะ?
หลังจากได้จุติใหม่ ‘เนี่ยหลี’ก็อยากจะปกป้องเอาไว้ซึ่งทุกสิ่งและไม่ยอมใหใครมาทำร้ายทั้งเพื่อนและครอบครัวของเขาได้ เขากุมอำนาจไว้มากมาย บางครั้งเพียงแค่เขาเคลื่อนไหวก็ทำให้ทั้งเมืองสั่นคลอน แต่ทว่าพอมาตอนนี้ เขากลับทำอะไรไม่ถูก
ไม่ทำอะไรให้วุ่นวายเพื่อคงไว้ซึ่งมิตรภาพและสายสัมพันธ์ บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่’หนิงเอ๋อ’คิดไว้ก่อนจะยอมให้’เซี่ยวหยู่’เข้าหาก็ได้?
‘เนี่ยหลี’รู้สึกอยู่ตลอดเวลาเลยว่าชายปริศนาอย่างเซี่ยวหยู่นั้น น่าจะไม่ได้มาดีแน่นๆ
‘หากมันคิดจะแตะต้อง’หนิงเอ๋อ’ล่ะก็ เหอะ…มันต้องผ่านศพข้าไปก่อน!’ ‘เนี่ยหลี’แค่นเสียงในใจ
ตั้งแต่จุติมา เขาเพิ่งจะถูกอีกฝ่ายเผยไพ่ในมือตั้งหลายใบแบบนี้เป็นครั้งแรก ทำให้’เนี่ยหลี’รู้สึกถูกคุกคามเป็นอย่างมาก หาก’เนี่ยหลี’ทำให้’เซี่ยวหยู่’อยู่ในโอวาทของเขาไม่ได้ล่ะก็ งั้นชีวิตที่ผ่านมาอย่างยาวนานของเขาก็เท่ากับว่ามันสูญเปล่าแล้วล่ะ
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และ’เอียจื้ออวิ้น’ยืนอย่างเงียบๆข้างๆทะเลสาบ ภาพสะท้อนจากผิวน้ำฉายภาพของสองสาวที่ดูงดงามราวกับเทพธิดาในจินตภาพ สวยจนถึงขั้นที่ว่าหาผู้ใดเสมอเหมือนก็หามีไม่
จู่ๆ ภาพทะเลสาบที่สะงบสุขก็ถูกทำลาย พร้อมๆกับที่’ชางหมิง’และมังกรซอมบี้เจียวหลงพุ่งออกมาต่อสู้กันบนผิวน้ำ สร้างคลื่นกระเพื่อมที่รุนแรงบนผิวน้ำของทะเลสาบ
“ระวัง!”
‘เนี่ยหลี’รีบวิ่งมาทางนี้ทันที
‘เอียจื้ออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’รีบถอยออกมาให้ห่างจากระยะต่อสู้ทันที
“การต่อสู้นี้ช่างรบกวนจิตใจอันสงบสุขของข้าเสียจริงๆ”
‘เซี่ยวหยู่’กล่าวอย่างหน่ายๆ ปิ่นปักผมหยกปรากฏบนมือของเขาก่อนที่มันจะพุ่งไปหามังกรซอมบี้เจียวหลง และ’ชางหมิง’
ฟิ้ววว!
แนวแสงสาดส่องดูสวยงามราวกับกำลังร่ายรำ
ปิ่นปักผมกระแทกหอกสายฟ้าของ’ชางหมิง’จนหลุดจากมือ
ซึ่งในขณะนั้น’ชางหมิง’กำลังจะสะบัดหอกสายฟ้าของตนเพื่อฆ่าเจ้ามังกรซอมบี้เจียวหลงอยู่พอดี ทว่าเขาถูกพลังที่ลึกลับและน่าเกรงขามพุ่งเข้ามาจู่โจมใส่หอกสายฟ้าเสียก่อน หอกสายฟ้าหลุดจากมือของเขาพร้อมๆกับที่เขากระเด็นออกไปไกล แขนของเขาสั่นเทิ้มไม่ยอมหยุดทั้งมือขวาก็เต็มไปด้วยหยาดเลือด
เขามองไปยัง’เนี่ยหลี’และคณะด้วยความเกรงกลัว เมื่อกี้มันคืออะไรกันแน่? พลังน่ากลัวที่เขาเพิ่งเผชิญมันคืออะไร? แถมที่อีกฝ่ายทำเมื่อกี้ยังเป็นเพียงแค่การขู่เฉยๆเท่านั้นด้วย!
‘ชางหมิง’ตัดสินใจว่าตนจะต้องจากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เขารีบไปเก็บหอกสายฟ้าแล้วเหาะหนีไปทันที
ความประหลาดใจปรากฏบนสายตาของ’เนี่ยหลี’ ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินพลังของ’เซี่ยวหยู่’ต่ำไปกว่าความเป็นจริงมากโขเลยสินะ!
________________________________________
อย่าเพิ่งเกลียดเซี่ยวหยู่เค้านะ5555555
จบตอน
ที่มา : xxx