ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเชือกยังคงฟาดไปทั่วร่างของ ‘เซี่ยวหยู่’ อย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ถูกฟาดก็เกิดแผลใหม่ขึ้นเรื่อยๆ
“บางทีถ้าหากเจ้าคุกเข่า แล้วขอให้ข้าเมตตา พร้อมกับพูดว่าหมิงเฟยเจ้าลูกสารเลว บางทีข้าอาจจะช่วยให้เจ้าตายอย่างสบายๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า และทรมานเจ้าในทุกๆวัน เพื่อบรรเทาความเกลียดชังที่ฝังแน่นในใจของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า”
เทพแห่งความตายหัวเราะอย่างเหี้ยมโหด
‘เซี่ยวหยู่’พูดอย่างแข็งกร้าว พร้อมถ่มน้ำลาย
“แกสิเจ้าลูกสารเลว”
เทพแห่งความตายนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หันมาพูดด้วยเสียงที่น่ากลัวว่า
“เมื่อเจ้ากล้าที่จะปฏิเสธข้อเสนอของข้า ดูเหมือนข้าจะต้องบีบบังคับเจ้าสักหน่อยแล้ว อย่ามาตำหนิข้าทีหลังหล่ะ ฮึฮึฮึ”
*เพี๊ยะ!* *เพี๊ยะ!* *เพี๊ยะ!*
ห้าหรือหกครั้งของ ที่เชือกที่แข็งเหมือนเหล็กหล้า ราวกับถูกเสียแทงเข้าไปในร่างของ’เซี่ยวหยู่’ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว และดูเหมือนว่ากระดูกซี่โครงซี่หนึ่งของ’เซี่ยวหยู่’จะหัก ทำให้’เซี่ยวหยู่’กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“ฮ่าฮ่าฮ๋า ร้องสิ ร้องดังๆ ร้องมันออกมาอีก คงจะดีกว่านี้ ถ้าหากมันเป็นเสียงร่ำร้องของไอ้แก่สารเลวนั่น”
เทพแห่งความตายหัวเราะอย่างสะใจ
เลือดไหลออกมาตรงมุมปากของ’เซี่ยวหยู่’ ในขณะที่เขาไม่ยินดียินร้ายอะไร เขาจ้องมองไปที่พื้นที่ในด้านหน้าของเขา แล้วตะโกนว่า
“ไอ้ลูกสารเลว ฆ่าข้าเลยสิ ถ้าเจ้ากล้าพอ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเจ้างั้นรึ? การฆ่าเจ้านั้นไม่ได้สร้างความพอใจอะไรแก่ข้ามากมายเลย ข้าต้องการทรมานเจ้าทีละนิด ทีละนิด ข้าต้องการที่จะมองดูเจ้าทรมาน และจดจำทุกครั้ง เพื่อให้สมกับสิ่งที่ข้าได้พบเจอมา วันนี้ เป็นวันที่ข้าได้ล้างแค้น มันช่างสาแก่ใจข้าในตอนนี้ยิ่งนัก หลังจากที่ข้าได้ดูดซับพลังระดับเซียนและค่อยๆฟื้นฟูร่างกายของข้า ข้าก็พร้อมที่จะไปจัดการไอ้แก่สารเลวนั่น”
เทพแห่งความตายพูดด้วยน้ำเสียงอันน่าขนหัวลุก
“ข้าจะทำให้เจ้าทั้งคู่เสียใจไปตลอดกาล”
ขณะที่เทพแห่งความตายหัวเราะอยู่นั้น มือหินทั้งสงข้าง ที่ลอยอยู่บนอากาศก็ร่วงหล่นลงมา
“นี่มัน เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงของเทพแห่งความตายเริ่มหวั่นไหวและรับรู้ถึงรัศมีพลังที่น่ากลัวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
‘เนี่ยลี่’ ยังมีชีวิตอยู่!
หลังจากที่มือขนาดใหญ่ทั้งคู่ได้ร่วงหล่นลงมา ก็มีเงาปรากฏอยู่ภายใต้ฝุ่นละออง ที่ด้่นหลังของเขามีปีกอยู่คู่หนึ่ง ข้างหนึ่งสีดำ และอีกข้างหนึ่งสีขาว
พลังสัจธรรมแห่งแสงและความมืด ได้ปรากฏเป็นเปลวเพลิงที่รุนแรงอยู่ในแขนแต่ละข้างของ’เนี่ยลี่’
เขาช่างดูน่าเกรงขามยิ่งนัก ปลอกแขนสีเทาของเขาราวกับมีออร่าสีดำปกคลุมอยู่
“ปะเป็นไปไม่ได้ เจ้าสามารถเข้าถึงสัจธรรมแห่งความตายได้แล้วงั้นเหรอ?”
เทพแห่งความตายตะโกนด้วยความประหลาดใจ เขารู้สึกว่าการควบคุมพลังสัจธรรมแห่งความตายค่อยๆไหลออกไป เป็นความจริงที่ว่า พลังสัจธรรมแห่งความตายของเขาค่อยๆ ถูกขโมยออกไปจากเขา
“มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย สำหรับการเข้าถึงพลังสัจธรรมแห่งความตาย ตอนนี้ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!”
‘เนี่ยลี่’พูดด้วยน้ำเสียงอันสงบนิ่ง เขาค่อยๆก้าวไปทีละก้าว ไปยังหัวใจสีดำที่อยู่ตรงกลางห้องโถง
“ข้าเองเป็นเทพแห่งความตายผู้เป็นอัจฉริยะ! คิดจะยึดพลังสัจธรรมแห่งความตายไปจากข้างั้นเหรอ? อย่าได้ลองแม้แต่จะคิด”
เทพแห่งความตายคำรามลั่นด้วยความโกรธ และก่อเกิดหอกกระดูกแหลมจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่’เนี่ยลี่’
แต่ว่า เมื่อหอกกระดูกเหล่านั้นพุ่งเข้ามาเกือบถึงตัว’เนี่ยลี่’เพียงไม่กี่เมตร มันก็หยุดค้างอยู่กลางอากาศและระเบิดเป้นผุยผง
‘เนี่ยลี่’ยังคงเดินอย่างใจเย็นล้วพูดขึ้นมาว่า
“จริงๆแล้ว กายาเทพของเจ้าได้แตกสลายไปแล้ว แม้ว่าเจ้าจะสามารถบรรลุเป็นเทพแห่งความตายแล้ว แต่มันก็แตกต่างกันกันระว่างตัวเจ้าเองกับเหลาผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียน เป็นเพราะว่าเจ้า เข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสัจธรรมแห่งความตายมากกว่าพวกเขา เพราะการคงอยู่ของสัจธรรมแห่งความตาย ยังอยู่ภายใต้โลกและสวรรค์ และดำเนินไปตามเส้นทางของมัน อย่างไรก็ตาม หากมีผู้ที่สามารถเข้าถึงสัจธรรมแห่งความตายได้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเจ้า พลังสัจธรรมแห่งความตายก็จะเลือกบุคคลผู้นั้นตามธรรมชาติของมัน”
“เจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
เทพแห่งความตาย พูดอย่างตกใจ
“ข้านั้นเข้าถึงสัจธรรมแห่งความตายได้มากกว่าเจ้า ชิ้นส่วนของเทพวิญญาณถึงได้ถูกข้ายึดครองไงหล่ะ “
‘เนี่ยลี่’พูดอย่างเย็นชา
“เรื่องแบบนี้ เป็นไปไม่ได้! ข้าเป็นเทพแห่งความตายมาหลายหมื่นปี เจ้าทำได้อย่างไร ถึงได้เข้าถึงสัจธรรมแห่งความตายได้ยิ่งกว่าข้า?”
เทพแห่งความตายคำรามออกมาด้วยความโกรธ และยังโจมตี’เนี่ยลี่’ด้วยหอกกระดูกราวกับเป็นห่าฝน แต่ในทุกครั้งที่ใกล้จะถึง’เนี่ยลี่ ‘ในอีกไม่กี่เมตร มันก็กลายเป็นฝุ่นผงโดยที่ไม่สามารถถูกตัวเขาได้เลยแม้แต่น้อย
‘เนี่ยลี่’พูดเปรียบเปรยอย่างใจเย็น แล้วพูดออกไปว่า
“เจ้าก็ราวกับจิ้งหรีดที่ถูกจับไว้ในขวด เจ้ามองเห็นโลกภายนอกได้แค่จากในขวดเท่านั้น อย่างไรก็ตามก็มีคนที่อยู่ภายนอกขวดนั้น ก็ย่อมมองเห็นได้มากกว่าเจ้า…”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’เทพแห่งความตายก็ถามด้วยเสียงที่หวั่นไหวว่า
“เจ้าเป็นคนจากดินแดนหลักงั้นเหรอ?”
‘เนี่ยลี่’ไม่รู้ว่า เหตุใดเทพแห่งความตายถึงได้รู้ถึงดินแดนหลัก เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วตอบไปว่า
“ข้าคงเป็นเช่นที่เจ้าพูด”
หลังจากสิ้นคำพูดของ’เนี่ยลี่’เทพแห่งความตายก็รู้สึกสิ้นหวัง หลังจากที่เขาพ่ายแพ้ให้แก่เจ้าแห่งนครใต้พิภพ เจ้าแห่งนครใต้พิภพได้พูดบางสิ่งออกมา
ในดินแดนหลักนั้นเต็มไปด้วยผู้เยี่ยมยุทธที่เก่งกาจ พวกเขาเหล่านั้นเฝ้ามองดูสิ่งต่างๆภายในโลกเล้กๆนี้ ในสายตาพวกเขา เทพวิญญาณนั้นก็ไม่ต่างจากมดตัวหนึ่ง
เทพวิญญาณเช่นเขา เป็นถึงหนึ่งในสัจธธรรมแห่งวิญญาณของโลกนี้ แต่ในโลกอื่นแล้ว กลายเป็นว่าอยู่ในลำดับต่ำสุดของทุกสิ่ง
“ข้ายังไม่ยอมแพ้หรอก! สัจธรรมแห่งความตายนั้น ข้าได้บ่มเพาะมานับหมื่นปี เทียบไม่ได้กับเจ้าที่เพิ่งจะเข้าถึงได้ครั้งแรก เจ้าจะต้องตาย”
เทพแห่งความตายยังไม่ละความพยายามในการสร้างหอกกระดูกจำนวนมาก
แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไร มันก็เป็นเรื่องที่สูญเปล่า เขาจึงตัดสินใจที่จะสังหาร’เซี่ยวหยู่’เป็นอันดับแรก แต่เชื่อที่รัด’เซี่ยวหยู่’ อยู่จู่ๆก็ขาดออกจากกัน
‘เซี่ยวหยู่’ได้ยืนขึ้นและหยิบชุดใหม่มาเปลี่ยนแทนชุดเดิมที่ขาดรุ่งริ่ง และหันไปมองทาง’เนี่ยลี่’ เวลานี้’เนี่ยลี่’ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาไม่เคยคิดเลยว่า ‘เนี่ยลี่’จะสามารถไล่ต้อนเทพแห่งความตายได้
แม้ว่า’เนี่ยลี่’จะยังยู่เพียงแค่ระดับแบล็คโกลด์ แต่สำหรับความรอบรู้นั้น เขาเหนือกว่า’เซี่ยวหยู่’ยิ่งนัก
ความรู้ของ’เนี่ยลี่’จะสูงส่งเท่าไหร่กัน? ‘เซี่ยวหยู่’ไม่สามารถที่จะจินตนาการได้แม้แต่น้อย เขาเคยได้ยินมาจากพ่อของเขาว่า โลกใบเล็กๆนี้ ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังอันยิ่งใหญ่
ซึ่งมีเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่คอยสังเกตุทุกอย่างจากโลกภายนอก แต่ไม่อาจที่จะเข้าถึงได้ มีเพียงผู้คนที่อยู่ในโลกเล็กๆแห่งนี้เท่านั้น ที่มีอิสระทำได้ทุกอย่าง นอกจากนี้ภายในโลกเล็กๆแห่งนี้
พลังสัจธรรมทุกๆอย่าง ล้วนถุกปกปิดด้วยเทคนิคการบ่มเพาะพลัง
และในตอนนี้ ‘เนี่ยลี่’ได้สำเร็จถึงการเทคนิคการบ่มเพาะทั้งสามแล้ว ถ้าหากเขาสามารถที่จะรวบรวมชิ้นส่วนกายาเทพได้ เขาก็สามารถที่จะเป็นเทพวิญญาณได้
ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง การบ่มเพาะพลังของเขาในอนาคตก็ไม่อาจที่จะคาดเดาได้เลย
‘เนี่ยลี่’เคลื่อนที่เข้าไปใกล้หัวใจ ทีละก้าว ทีละก้าว ทุกๆการย่างก้าวของเขา มีคลื่นพลังแผ่ออกมาใต้เท้าของเขา แม้ว่าพลังสัจธรรมแห่งความตายจะถูกใช้โดย’เนี่ยลี่’และเทพแห่งความตายเหมือนๆกัน
แต่’เนี่ยลี่’นั้นเข้าถึงสัจธรรมแห่งความตายได้ลึกซึ้งเกินกว่าเทพแห่งความตาย เนื่องจากพลังสัจธรรมแห่งความตายนั้นอยู่ภายใต้โลกและสวรรค์ และ’เนี่ยลี่’กลายเป็นผู้ควบคุม มิใช่เทพแห่งความตาย
ดังนั้นเทพแห่งความตายจึงไม่อาจที่จะคุกคาม’เนี่ยลี่’ได้อีกต่อไป
ในตอนนั้นเอง ในตัวของ’เนี่ยลี่’ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาด แพนด้าเขี้ยวอสูรได้หลอมรวมเข้ากับสัจธรรมทั้งสองคือสัจธรรมแห่งความมืดและแสงสว่าง แต่มิได้ดูดซับพลังสัจธรรมแห่งความตายเข้าไปแม้แต่น้อย
แต่อสูรเงาพราย กลับหลอมรวมเข้ากับพลังสัจธรรมแห่งความมืดและพลังสัจธรรมความตาย เมื่อพลังสัจธรรมทั้งสองเชื่อมโญงกัน อสูรเงาพราย ก็เติบโตและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงได้เป้นเช่นนี้ ข้าไม่มีทางยอมรับมัน!”
เทพแห่งความตายตะโกนคำรามอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า เขาถูกแย่งพลังสัจธรรมแห่งความตายไปแล้ว
เจ้าควรจะยอมรับมันเสียที ความพยายามของเจ้ามันไร้ประโยชน์
‘เนี้ยหลี่’ค่อยๆเดินไปข้างๆหัวใจสีดำ แล้ววางมือลงไป หัวใจถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว และค่อยๆหายไป
เทพแห่งความตาย คำรามอย่างไม่พอใจ ถึงอย่างไรก็ตามหลักฐานการมีอยู่ของตัวตนเขาในโลกนี้ ค่อยๆหายไป
นอกจากหัวใจสีดำ หลุมศพทั้งหมดค่อย ๆ หายไปเช่นกัน
‘เนี่ยลี่’ถอนหายใจ ถ้าเขาและ’เซี่ยวหยู่’ไม่ได้บังเอิญตกไปในกับดัก ก็คงไม่ต้องมาเสียเวลา กับการกำจัดเทพแห่งความตายหรอก เขามองเทพแห่งความตายหายไปอย่างช้าๆ ความรู้สึกไม่สบายใจก็เกาะกุมใจของเขา
ภายในโลกเล็กๆใบนี้ เทพจิตวิญญาณทั้งหลาย รวมไปถึงเทพแห่งความตาย ท่านพี่ยู่หยาน ต่างก็เป็นเพียงตัวหมากรุกเท่านั้น คนที่แข็งแกร่งที่สุดถึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
ถ้าหากพวกเขาสักคน ไม่สามารถหาทางออกจากโลกใบเล็กนี้ได้ เขาก็จะกลายเป็นเพียงตัวหมากให้ผู้อื่นควบคุมเท่านั้น
ตั้งแต่ที่เจ้าแห่งนครใต้พิภพ ได้รู้วิธีการที่จะเดินทางไปยังอนาจักรซากมังกร และ’เนี่ยลี่’เองก็อยากจะลองเดินทางไปยังอนาจักรซากมังกร ด้วยกความช่วยเหลือของเจ้านครใต้พิภพเช่นกัน
‘เซี่ยวหยู่’ทานยาฟื้นฟูพลังเสร็จก็เดินไปหา’เนี่ยลี่’
‘เนี่ยลี่’รีบเดินไปพยุง’เซี่ยวหยู่’ แล้วเอ่ยปากถาม
“เจ้าเป็นไงบ้าง?”
“ข้าไม่เป็นไร”
‘เซี่ยวหยู่’ส่ายหัว
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า
“ข้าไม่เพียงช่วยเจ้าเท่านั้น ข้าเพียงแค่ช่วยเหลือตัวเองก็เท่านั้น”
หลังคำพูดของ’เนี่ยลี่’ ‘เซี่ยวหยู่’ก็หันมามอง’เนี่ยลี่’ หลังจากนั้นในความคิดของ’เซี่ยวหยู่’เกี่ยวกับเรื่องของ’เนี่ยลี่’
‘เนี่ยลี่’นั้นช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่าต้องการสิ่งใดตอบแทน
“เจ้าน่าจะถอดชุดเก่าที่ขาดรุ่งริ่งออกก่อนที่จะสวใชุดใหม่นะ ? หรือว่าเจ้าชอบใส่แบบนี้เป็นงานอดิเรก”
‘เนี่ยลี่’มอง’เซี่ยวหยู่’ด้วยความประหลาดใจ
เขามักจะรู้สึกว่า’เซี่ยวหยู่’มีอะไรผิดปกติอยู่เล็กน้อย อย่างไรเสีย เขาก็เคยพบเจอกับคนที่แปลกประหลาดมากมาย ในชีวิตที่แล้วของเขา ‘เซี่ยวหยู่’มิได้แปลกประหลาดอยู่คนเดียว
หลังจากการแสดงออกของ’เนี่ยลี่’ ‘เซี่ยวหยู่’ก็กลับไปจัดการเรื่องที่’เนี่ยลี่’บอกมา พร้อมกับพ่นลมหายใจ ตอบกลับไปว่า
“ทำไมเจ้าต้องใส่ใจด้วย ข้าพอใจที่จะทำเช่นนี้”
“ได้เลยตามสบาย”
‘เนี่ยลี่’ผายมือเขาออกมา แม้ว่าเขาจะงุนงงเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่อยากจะคิดมากกับเรื่องไร้สาระเช่นนี้
ในเวลานี้เหล่าผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียน ก็เป็นอิสระจากการจับกุมแล้ว พวกเขาได้เดินมาหา’เนี่ยลี่’ พวกเขายังจดจำกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้
มันเป็นความกลัวฝังลึกอยู่ในใจของพวกเขา แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่อย่างน้อยที่พวกเขารับรู้ได้ว่าคนที่ช่วยเหลือพวกเขาไว้ก็คือ’เนี่ยลี่’
เมื่อนึกถึงมือหินขนาดยักษ์ที่สร้างขึ้นจากพลังสัจธรรมแห่งความตาย แต่กลับไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับ’เนี่ยลี่’ไเลยแม้แต่น้อย
นั่นก็ทำให้พวกเขาเคารพและยอมรับในความแข็งแกร่งของ’เนี่ยลี่’
“ขอขอบคุณนายท่านเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้ความช่วยเหลือ ตระกูลบทสวดมังกรจะไม่มีวันลืมเลย ถ้าหากนายท่านมีสิ่งใดให้พวกเราทำ พวกจะทำอย่างสุดความสามารถ”
“พวกข้าก็เช่นกัน ตระกูลเอลฟ์คะนองศึก ก็ขอขอบคุณนายท่านที่ให้ความช่วยเหลือ ถ้าหากนายท่านประสงค์สิ่งใด พวกเราจะดำเนินการอย่างสุดฝีมือ “
ผู้เยี่ยมยุทธระดับเซียน ล้วนมีประสบการณ์ในการต่อสู้มากมาย ด้วยความจริงที่ว่าเนี่ยลี่เป็นผู้ช่วยเหลือพวกเขา พวกเขาก็มีความตระหนักและความหวาดกลัวและความแข็งแรงที่น่ากลัวของเขา
ในอนาคตอันใกล้ คงไม่มีใครที่จะสามารถจินตนาการถึงการบ่มเพาะพลังของเขาได้ ถ้าหากพวกเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีด้วย ด้วยฝีมือระดับผู้เยี่ยมยุทธ ก็แน่นอนว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์ในอนาคต
แปลโดย นายมะพร้าว
ที่มา: