ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปคืนวันผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ณ จุดชุมนุม ผู้เยี่ยมยุทธ์นับไม่ถ้วนจากนครนรกานต์ต่างเหาะเหินอยู่บนอากาศ
ชั้นเจ็ดแดนมรณะเก้าชั้นจะเปิดออกในไม่ช้า!
เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์อดที่จะระงับความตื่นเต้นที่พลุ่งพลันอย่างขีดสุดมิได้กับโอกาสที่ยากจะเกิดเช่นนี้ หากพวกเขากลายเป็นศิษย์จ้าวนรกานต์ พวกเขาจะมีพลังที่ถึงขั้นเอื้อมแตะสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย แม้ไม่อาจเป็นศิษย์สายตรง สิทธิ์และสภานะของพวกเขาก็ยังถือว่าสูงขึ้นในระดับที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง!
เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับเซียนและระดับตำนานต่างบินฉวัดเฉวียนเตรียมเข้าสู่แดนมรณะเก้าชั้นทันทีที่สบโอกาส
‘เนี่ยหลี่’และพรรคพวกต่างออกมารวมตัวกันอยู่นอกกระโจม เหนือศีรษะห่างไกลออกไปนับพันจั้ง พลังแห่งสัจธรรมถูกปลดปล่อยออกมาโดยรอบ เค้าโครงประตูขนาดมหึมาพลันปรากฏให้เห็นอยู่เลือนราง
นั่นเป็นประตูสู่แดนมรณะเก้าชั้น!
เมื่อสังเกตรอบข้าง พวกเขาพบว่าผู้เยี่ยมยุทธ์นับหมื่นได้ตรงขึ้นสู้ฟากฟ้าพร้อมที่จะพุ่งเข้าไปตลอดเวลา เช่นเดียวกับเบื้องล่าง ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับแบล็คโกลด์นับร้อยพันต่างเตรียมที่จะลองเข้าไปยังชั้นเจ็ดแดนมรณะเก้าชั้นสักตั้ง
การเป็นศิษย์จ้าวนรกานต์ช่างยิ่งใหญ่เกินจะเอ่ยอย่างแท้จริง ยังผลให้ทุกผู้ต่างอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวาย
“เนี่ยหลี่ เราต้องสู้เพื่อเข้าไปเป็นกลุ่มแรกหรือไม่?”
‘ตู่ซือ’และคนอื่นถามขณะที่จับจ้องไปยัง’เนี่ยหลี่’
“ไม่จำเป็น”
‘เนี่ยหลี่’ส่ายหน้าแล้วกล่าวต่อ
“จ้าวนรกานต์จะไม่เลือกศิษย์ของเขาโดยอาศัยว่าใครเข้าไปเป็นคนแรก เราแค่ต้องเข้าไปก่อนมันจะปิดก็พอ”
‘หลัวเซียว’และคณะผู้ติดตามเดินตรงไปยัง’เนี่ยหลี่’
‘หลัวเซียว’ทอดสายตาสำรวจ’เนี่ยหลี่’และพรรคพวกอย่างรวดเร็วขณะกล่าว
“หลานเนี่ยหลี่ เจ้าตั้งใจจะเข้าไปในชั้นเจ็ดแห่งแดนมรณะเก้าชั้นเช่นกันหรือ?”
“จริงแท้ขอรับ”
‘เนี่ยหลี่’ผงกศีรษะรับ
‘หลัวเซียว’ทอดถอนใจ
ตามจริงแล้วเขาไม่อยากให้’เนี่ยหลี่’พาตัวเองเข้าไปเสี่ยงในที่อันตรายพรรค์นั้น ถึงอย่างไร เขาไม่มีสิทธิ์ห้าม’เนี่ยหลี่’ หากพยายามทำเช่นนั้นเกรงว่าเขาจะต้องรับมือกับโทสะของ’เนี่ยหลี่’เป็นแน่ ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเพียงคู่ค้า ไม่มีทางที่’เนี่ยหลี่’จะไม่เข้าร่วมการชิงชัยครั้งใหญ่อย่างการคัดเลือกศิษย์จ้าวนรกานต์
“หากเป็นเช่นนั้นหลานเนี่ยหลี่ต้องดูแลตนเองให้ดี”
‘หลัวเซียว’เตือน
“ภายในแดนมรณะเก้าชั้น เราอาจไม่สามารถระวังหลังให้เจ้าได้!”
‘หลัวเซียว’ก็โอบกอดความหวังที่ตัวเขาจะได้เป็นศิษย์จ้าวนรกานต์เช่นกัน
“โปรดวางใจเถิดท่านลุงหลัว เราจะทำสุดความสามารถ”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มบางๆ
‘เนี่ยหลี่’หันไปรอบๆแล้วเหลือบมอง’เอียจื่ออวิน’และ’เซียวหนิงเอ๋อ’ เหมือนว่าพวกนางก็เตรียมตัวแล้ว
ราวหนึ่งก้านธูปให้หลัง ประตูยักษ์บนฟากฟ้าก็ค่อยๆก่อตัวเป็นรูปร่างอย่างสมบูรณ์ มีกระแสลมลึกลับปรากฏอยู่บนนั้น
“ประตูเปิดแล้ว!”
“ไปกันเถอะ!”
ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับเซียนแถวแรกต่างกู่ร้องแล้วพุ่งตัวเข้าไปในกระแสลมนั้นและหายไปอย่างรวดเร็ว ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับเซียนเหล่านั้นล้วนเป็นประมุขจากตระกูลทรงอิทธิพลในนครนรกานต์
เหล่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาตามติดเข้าไปทันที
*วูม!*
*วูม!* *วูม!*
กลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างเข้าไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า
ผู้คนล้วนหลั่งไหลเข้าไปราวสายนทีที่พาดผ่านท้องนภาอันกว้างใหญ่
‘หลัวเซียว’กล่าวต่อ’เนี่ยหลี่’
“หลานเนี่ยหลี่ เป็นการดีที่สุดถ้าพวกเจ้าไปอยู่ข้างหลังและเข้าไปพร้อมกับผู้เยี่ยมยุทธ์ตระกูลตราหยกประทับของเรา ตอนนี้คณะเราจะเข้าไปแล้ว!”
“ได้เลย เดินทางโดยปลอดภัยนะท่านลุงหลัว!”
‘เนี่ยหลี่’ป้องปากตอบ
หลังอำลา’เนี่ยหลี่’ ‘หลัวเซียว’นำคณะผู้เยี่ยมยุทธ์ตรงเข้าสู่ทิศทางที่ประตูตั้งอยู่
ราวครึ่งชั่วโมงให้หลัง ผู้คนนับหมื่นต่างผ่านประตูเข้าไปแล้ว ‘เนี่ยหลี่’หันไปหา’ตู่ซือ’และพรรคพวก
“เข้าไปกันเถอะ!”
ขณะนั้น ‘ยู่หยาน’ที่ซ่อนตัวอยู่ในแขนเสื้อ’เนี่ยหลี่’ก็ถ่ายทอดเสียงแก่เขา
“เนี่ยหลี่ เมื่อเข้าไปแล้วเจ้าต้องระวังตัวทุกฝีก้าว เรายังไม่มั่นใจว่าจ้าวนรกานต์เป็นมิตรหรือศัตรู พยายามอย่าเผยพลังของเจ้ามากเกินไป แสดงเพียงความสามารถที่เพียงพอต่อการถูกเลือกเท่านั้น!”
ความสามารถของ’เนี่ยหลี่’ชวนให้หวาดผวาเกินไปจริงๆ
บัดนี้’เนี่ยหลี่’ตระหนักรู้ถึงพลังสัจธรรมถึงสามประการ เมื่อเขาควบคุมพวกมันได้อย่างแท้จริง เขาจะกลายเป็นเทพวิญญาณที่ทรงพลังที่สุดในประวัติกาล ซึ่งมีเทพวิญญาณไม่มากที่จะทนยอมให้มันเกิดขึ้น
“ข้าเข้าใจดี”
‘เนี่ยหลี’พยักหน้า เขาดูเหมือนจมอยู่ในห้วงความคิด ที่ผ่านมาจ้าวนรกานต์เคยไปเยือนดินแดนมังกรหายนะมาก่อน สำหรับผู้ที่บ่มเพาะพลังฟ้า พวกเขาจะไม่คิดอะไรเกี่ยวกับผู้ที่สามารถใช้พลังสัจธรรมได้ถึงสามประการเลยหรือ?
แน่นอนว่าทางที่ดีที่สุดคือการซ่อนพลังที่แท้จริงไว้ ครานี้สิ่งที่’เนี่ยหลี่’ต้องการคือการมีสักคนในกลุ่มพวกเขาถูกเลือกเป็นศิษย์จ้าวนรกานต์ สำหรับตัวเขานั้นแค่ไหลไปตามน้ำก็พอใจ
‘เนี่ยหลี่’และพรรคพวกกระโจนตามหลังคณะตระกูลตราหยกประทับผ่านประตูชั้นเจ็ดแห่งแดนมรณะเก้าชั้น
ภาพฉากจากอดีตกาลหลั่งไหลสู่นัยน์ตาพวกเขา ภูมิทัศน์ที่ดูวังเวงไปทั่วและศพจำนวนนับไม่ถ้วนถูกทิ้งไว้ ณ แผ่นดินอันรกร้างว่างเปล่า ‘เนี่ยหลี่’ตระหนักได้ว่าภาพเหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของแดนดินชั้นแรกไปจนถึงชั้นที่หก
ในช่วงมหาสงครามระหว่างเผ่าอสูรและเผ่ามนุษย์ ซากศพที่ไม่อาจประมาณจำนวนได้ถูกทิ้งไว้โดยรอบแดนดินอันเวิ้งว้างว่างเปล่า
‘เนี่ยหลี่’นึกย้อนไปตอนที่เขาเห็นรูปวาดนั้นที่สุสานโบราณเทพมรณะ ตอนนั้นเขารู้สึกว่ามันต้องมีความนัยบางอย่างแฝงอยู่ในรูป ไม่มีทางที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งสองฝ่ายจะปะทะกันจนถึงแก่ความตายถ้าแต่ละฝ่ายไม่มั่นใจในชัยชนะของตน บางทีมันอาจเกี่ยวกับผู้เยี่ยมยุทธ์ในดินแดนมังกรหายนะก็เป็นได้
ในไม่ช้า ‘เนี่ยหลี่’และที่เหลือต่างหยุดพัก
บริเวณนี้เต็มไปด้วยหุบเหวลึก ลวดลายจารึกทรงกลมพลันปรากฏเป็นรูปร่างอยู่ใต้ฝ่าเท้าของแต่ละคน ช่วยให้พวกเขาลอยอยู่บนอากาศได้ ‘เอียจื่ออวิน’ ‘เซียวหนิงเอ๋อ’ ‘ลู่เพียว’ ‘ตู่ซือ’ และคนอื่นในคณะต่างอยู่ไม่ห่าง’เนี่ยหลี่’
ณ เส้นขอบฟ้าเนืองแน่นไปด้วยเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์นับสิบตระกูล กระทั่งตอนนี้ก็ยังปรากฏตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ช่างเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่จนทำให้เนี่ยหลี่ระลึกย้อนถึงดินแดนมังกรหายนะในชีวิตที่แล้ว โดยเฉพาะช่วงที่มีการคัดเลือกศิษย์ของเหล่าสำนักศักดิ์สิทธิ์ เขาชักสงสัยว่าการทดสอบแบบใดที่จ้าวนรกานต์จะเตรียมไว้ให้?
ดวงตาของ’เนี่ยหลี่’ดูเลื่อนลอยขณะที่เขาดำดิ่งอยู่ในห้วงความคิด
ก่อนมุ่งสู่ดินแดนมังกรหายนะ เขามีคัมภีร์จิตอสูรท่องเวลาอยู่ในมือ อาศัยเพียงศักยภาพที่เขามีมาแต่กำเนิดคงไม่มีทางที่จะบ่มเพาะพลังได้จนถึงระดับสูงสุด
ถึงอย่างไร ด้วยคัมภีร์นี้เขาจึงมีโอกาสบรรลุได้ถึงระดับนั้น อำนาจของจอมราชันย์ปราชญ์แผ่ไพศาลในหลายแดนดิน การดำรงอยู่ของเขายิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใดอย่างแท้จริง ไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าเนี่ยหลี่จะปะทะกับเขาโดยปราศจากคัมภีร์จิตอสูรท่องเวลา
ขณะนึกถึงเจ้าคนระยำนั่น หัวใจของ’เนี่ยหลี่’พลันเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ในชีวิตก่อนหน้า หลังจากเขาบรรลุถึงพลังขั้นสูงสุด
เขาได้รวบรวมวิญญาณเหล่าผู้คนที่เขารัก รวมถึง’เอียจื่ออวิน’ หมายจะทำให้พวกเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง แม้กระนั่น ระหว่างที่เขากำลังคืนชีพร่างพวกเขา จอมราชันย์ปราชญ์ใช้กระบวนท่าปริศนา ฟาดฟันจิตวิญญาณของพวกเขาเสียไม่มีชิ้นดีจนแตกสลายเหลือเพียงฝุ่นควันปลิวหายไปกับสายลม
ไม่เพียงเท่านั้น จอมราชันย์ปราชญ์ยังเริ่มตามล้างสังหารเหล่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับ’เนี่ยหลี่’ ทุกผู้ล้วนถูกกำจัดโดยไม่สนว่าแท้จริงแล้วได้มีสัมพันธ์อื่นใดกับ’เนี่ยหลี่’หรือไม่
ทั้งหมดนี้เพียงเพราะเหตุผลเดียว จอมราชันย์ปราชญ์กำลังบรรลุถึงการประมาณการณ์ในสัจธรรมธรรมชาติ เขาจึงระแวงว่า’เนี่ยหลี่’จะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา
ระหว่างการต่อสู้ ระดับของ’เนี่ยหลี่’ได้เพิ่มขึ้นเอาในช่วงวินาทีสุดท้าย เป็นเหตุให้การบ่มเพาะของเขาก้าวล้ำเกินจอมราชันย์ปราชญ์
กระนั้นเขาก็สิ้นชีพในการปะทะกับจอมราชันย์ปราชย์และหกสัตวสูรชั้นเทพชาตินี้ ‘เนี่ยหลี่’ไม่ปรารถนาให้เรื่องพรรค์นั้นเกิดขึ้นอีก
นอกจากการบรรลุระดับการบ่มเพาะพลังก่อนจอมราชันย์ปราชญ์จะตระหนักเข้าถึงการประมาณการณ์ในสัจธรรมแห่งธรรมชาติ
บัดนี้เขามี’ตู่ซือ’ ‘ลู่เพียว’ ‘ต้วนเจี้ยน’ และเหล่าพี่น้องอยู่เคียงข้าง เขาไม่จำเป็นต้องกัดฟันสู้ดั่งหมาป่าเดียวดายอีกต่อไป!
อีกเพียงก้าวเดียวจะเข้าสู่ดินแดนมังกรหายนะ
พลันปรากฏร่างองอาจนับสิบยืนอยู่บนฟากฟ้า ผู้เยี่ยมยุทธ์เหล่านี้ล้วนสูงใหญ่นับสิบเชียะ ทุกผู้ต่างสวมเกราะ บนแผ่นหลังปรากฏปีกสีนิลขนาดมหึมา ยังผลให้คนอื่นรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล
พวกนั้นสมควรเป็นบริวารของจ้าวนรกานต์!
เสียงอันเย็นยะเยือกของหนึ่งในบริวารแพร่กระจายไปทั่ว
“พวกเรามีรับสั่งจากจ้าวนรกานต์ จากการคักเลือกศิษย์ในคราวก่อนเป็นปกติที่จะมีหลายชีวิตสูญเสียไประหว่างการทดสอบ แต่กระนั้น ณ เวลานี้ เราจะจัดการทดสอบพิเศษเตรียมไว้แก่ทุกผู้ที่ผ่านชั้นเจ็ดและชั้นแปดมาได้ พวกเจ้าควรซาบซึ้งและขอบคุณในความกรุณาของจ้าวนรกานต์เสีย!”
จบคำ บนใบหน้าของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์พลันกระจ่างไปด้วยความยินดี การเข้าร่วมคัดเลือกศิษย์จ้าวนรกานต์เต็มไปด้วยความเสี่ยงนัก ประมาทเพียงน้อยพวกเขาคงไม่พ้นต้องเผชิญหน้ากับความตาย อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมคราวนี้อยู่ๆจ้าวนรกานต์ถึงใจดีขึ้นมาเสียได้?
ถึงกระนั้น เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างยังคงถลึงตาจ้องอีกฝ่ายอย่างมุ่งร้าย แม้บางผู้จะมาจากตระกูลเดียวกัน แต่ ณ เวลานี้ พวกเขาล้วนเป็นศัตรู มิไยว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อมีผู้กลายเป็นศิษย์จ้าวนรกานต์ เขาหรือนางผู้นั้นจะกลายเป็นหงส์ที่สยายปีกกลางเวหาอย่างสง่างาม
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางฝูงชน เด็กหนุ่มผู้อวลไปด้วยกลิ่นไอชั่วร้าย บนร่างสวมอาภรณ์สีพิสุทธิ์กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่เงียบๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่บริวารในจ้าวนรกานต์เอ่ยออกมา มุมปากเขาพลันกระตุกและเผยรอยยิ้มเหยียดหยันบนใบหน้า คนผู้นี้ย่อมเป็นจอมมารที่เข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์จ้าวนรกานต์นั่นเอง
“ตั้งแต่เมื่อใดที่จ้าวนรกานต์มีความกรุณาถึงเพียงนี้?”
จอมมารหัวเราะขณะคิดในใจ
เหนือสิ่งอื่นใด บนใบหน้าของเหล่าประมุขล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ที่ผ่านมาพวกเขาก็เคยเข้าร่วมการคัดเลือก และมักเกิดความสูญเสียไม่น้อย พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดคราวนี้จ้าวนรกานต์ถึงเลือกที่จะปราณี แต่อย่างไร สำหรับพวกเขาแล้วก็ไม่นับว่าแย่
“ข้าสงสัยนักว่าบททดสอบที่จ้าวนรกานต์จะมอบให้นั้นคืออะไร?”
“ไม่ว่าบททดสอบจะเป็นเช่นไร ข้าจักเป็นศิษย์จ้าวนรกานต์ให้จงได้!”
สตรีที่ดูยั่วยวนจากต่างชนเผ่าแค่นเสียงปรามาส นางสวมอาภรณ์สีแดงเพลิง ใบหูสีชาดประกายม่วงที่เรียวแหลมนั้นทำให้รูปลักษณ์ของนางต่างไปจากมนุษย์ธรรมดา
ผ้าผ่อนที่แทบปกปิดสะโพกของเธอไม่มิดและส่วนเว้าส่วนโค้งอันน่าอัศจรรย์นั้นไปด้วยกันได้ดีกับต้นขาหนั่นแน่นที่ขาวราวไข่มุกช่างมีพลังทำลายล้างสูงยิ่ง
ขณะเดียวกันเนื้อผ้าส่วนที่เหลือก็เปิดเผยจนชวนให้ระทึกใจเสียเหลือเกิน ไหนจะหน้าอกที่อวบอัดจนเหมือนจะระเบิดในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านั่นเล่า
สตรีต่างเผ่าผู้นี้ดึงความสนใจจากหลายๆผู้ได้อย่างชะงักงั่น
“แม่นางผู้นั้นเป็นใคร? ช่างกล้าหยิ่งผยองได้ถึงเพียงนี้?”
“เจ้าไม่รู้หรือ? นางคือบุตรีในประมุขตระกูลปักษาอเวจี ฮวาฮัว! แม่สาวนั่นมีพลังชวนสะพรึงที่แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับเซียนยังไม่อยากล่วงเกินเชียว นางเป็นหนึ่งในอนุชนรุ่นหลังที่มีแนวโน้มว่าจะเลิศล้ำยิ่งกว่าชางหมิงเสียอีก ว่ากันว่าครั้งหนึ่งเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับเซียนที่ล่วงเกินฮวาฮัวล้วนดับอนาถคาตักของนาง!”
จบตอน
แปลโดย อุฮิอุฮิ พิฆาตเพลี้ยะกระโดดด้วยส้นตึก
ที่มา: