ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลังจากที่’เอียจื้ออวิ้น’มาถึงทะเลทรายไม่สิ้นสุด นางก็ได้พบเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำของชีวิตที่แล้ว นอกจากนี้ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ได้เล่าให้ฟังถึงความฝันของนาง มีภาพที่นางเข้าไปในป่าอสูรทมิฬ
เรื่องเหล่านี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ!
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
‘เนี่ยลี่’รู้สึกได้ว่า การเกิดใหม่ของเขานั้น มันซับซ้อนยิ่งกว่าที่เขาเคยคาดคิดเอาไว้ ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น หรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เกิดจากฝีมือของใครบางคนสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมาหรือเปล่า?
เขามีความรู้สึกว่าในการที่จะเปิดเผยความลึกลับทั้งหมด ต้องเริ่มจากการไปค้นหาหนังสือจิตอสูรท่องเวลา ก่อนที่จะไปอาณาจักรซากมังกร เขาไม่มีทางได้รับคำตอบของถ้าเขาอยู่ในโลกเล็ก ๆ แห่งนี้
เมื่อเขามองเห็นความเจ็บปวดของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘เนี่ยลี่’เข้าใจโดยทันทีว่าการที่ได้พบกับนางไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มีโชคชะตาเช่นเดียวกันกับ’เอียจื้ออวิ้น’ โชคชะตาได้ผูกทั้งหญิงสาวทั้งไว้กับเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาตัดสินใจแล้วว่า จะพา’เอียจื้ออวิ้น’กับ’เซี่ยวเหนิงเอ๋อ’ ไปร่วมหาคำตอบกับเขา
กลุ่มของพวกเขายังคงค้นหาต่อไปอีกหลายวัน ในดินแดนที่แห้งแล้งอันกว้างใหญ่นี้
จากความทรงจำของเขา พระราชวังทะเลทรายน่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่
‘ลู่เพียว’ซึ่งยืนอยู่ถัดจากเขา ถามอย่างหดหู่ว่า
“เนี่ยลี่เจ้าแน่ใจนะว่า พระราชวังทะเลทรายอยู่ใกล้ๆที่นี่? ต้วนเจี้ยนบินหาจากบนท้องฟ้าตั้งนานแล้ว หามาตั้งหลายวัน แต่พวกเราก็ยังไม่เจอพระราชวังทะเลทรายเลย ”
“พระราชวังทะเลทราย น่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ค้นหามันต่อเถอะ!”
‘เนี่ยลี่’พูดอย่างเคร่งขรึมในเวลาสั้น ๆ เมื่อ’ลูเพียว’เห็นว่า’เนี่ยลี่’มั่นใจมาก เขาจึงพูดว่า
“ก็ได้ งั้นเราก็ค้นหากันต่อ!”
กลุ่มของพวกเขาค้นหาจนทั่วแทบไม่ได้พักพักผ่อน
‘เนี่ยลี่’ขมวดคิ้วแน่น จากความทรงจำของเขา พระราชวังทะเลทราย น่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ แต่ทำไมหาไม่เจอแม้กระทั่งเงาของมัน ทั้งๆที่หามาหลายวัน? มันไม่มีเหตุผลที่จะหาไม่พบ สิ่งปลูกสร้างที่ตั้งกระหง่านอยู่ ทั้งๆที่หาเป็นเวลานานแล้ว
‘เนี่ยลี่’เดินผ่านทรายสีเหลืองไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับค่อยๆรื้อฟื้นความทรงจำของเขา เขาค่อยๆขุดคุ้ยในส่วนลึกของความทรงจำออกมา ในขณะที่เดินอยู่นั้น ความทรงจำในชีวิตที่แล้ว ก็พุ่งเข้ามาในหัวของเขา
ในชีวิตที่แล้วของเขา เขาเดินอยู่คนเดียวผ่านดินแดนที่แห้งแล้ง ไม่มีสักคนที่เดินอยู่เคียงข้างเขา เขาเดินเข้าไปในสภาพที่ไร้สติ ราวกับว่าเขากำลังว่ายน้ำอยู่ในความฝัน ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่สว่างจ้าอยู่ไกลๆ พระราชวังอันใหญ่โตก็ปรากฏขึ้นมาบนขอบฟ้า
เขานั้นตกใจมาก จากลักษณะของพระราชวังที่เขาเห็น เขาคิดว่าได้มาถึงพระราชวังบนสรวงสวรรค์ พระราชวังในตำนานของเหล่าทวยเทพ
เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้พระราชวังทะเลทรายทีละก้าว ทีละก้าว ร่างกายของเขาราวกับถูกห่อหุ้มไปด้วยประกายแสงสีทอง จนถึงประตูทางเข้าของพระราชวังทะเลทราย จากนั้นเขาก็ผลักประตูสีทองบานใหญ่ออก มีแสงเรืองรองเจิดจ้าแทบจะทำให้ตาของเขาบอด ทำให้เขาไม่อาจที่จะลืมตาได้เลย
เขาพยายามลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก และเขาได้เห็นรูปปั้นขนาดใหญ่นั่งอยู่ในพระราชวัง รูปปั้นเหล่านี้มีลักษณะแตกต่างกันไปในแต่ละชิ้น มีอสูรในเกราะทองคำ เด็กสาวที่ดูยากจน และสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดอีกมากมาย ใต้ฝ่าเท้าของรูปปั้นขนาดใหญ่เหล่านี้เป็นเส้นทางที่นำไปข้างหน้า
‘เนี่ยลี่’เดินไปตามทางจนมาถึงแทนบูชาที่แปลกประหลาด ที่แห่งนี้มีม้วนตำราอยู่มากมาย ถูกจารึกด้วยอักษรที่ทรงอำนาจ ที่ใจกลางของแท่นบูชานี้มีหนังสือจิตอสูรท่องเวลาวางอยู่
มีพลังงานที่แปลกประหลาดแผ่กระจายออกมาจากหนังสือลึกลับ ‘เนี่ยลี่’เอื้อมมือไปหามัน จากนั้นชีวิตของ’เนี่ยลี่’ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
‘เนี่ยลี่’ตกอยู่ในห้วงภวังค์ เรื่องราวมากมายพุ่งผ่านเข้ามาในความคิดของเขา เขายังคงเดินต่อไปด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
เมื่อรู้สึกว่า’เนี่ยลี่’กำลังทำตัวแปลกๆ ‘ตู่ซื่อ’ และคนอื่นๆ ที่ตามเขามา ก็รู้สึกสับสันกับสิ่งที่เกิดขึ้น‘ลู่เพียว’ตั้งใจจะเอื้อมมือไปเขย่าตัวเพื่อปลุก’เนี่ยลี่’ แต่’ตู่ซื่อ’ก็ได้ห้ามไว้ เพราะเหมือนกับว่า’เนี่ยลี่’กำลังบ่มเพาะพลังอยู่
‘เนี่ยลี่’ยังคงเดินต่อไปอีกราวๆพันเมตร แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะตื่นจากภวังค์ เขาลืมตาขึ้นมาแล้วจ้องมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าตรงหน้าของเขา เขาตกตะลึงจนตัวนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง
ทุกคนหันไปมองทางที่’เนี่ยลี่’กำลังมองอยู่ แต่ก็มองเห็นเพียงทะเลทรายที่ทอดยาวไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด ไม่มีวี่แววของพระราชวังทะเลทรายแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนว่าจะมีเศษซากรูปปั้นที่เสียหายและกระจัดกระจายอยู่ในทรายอยู่เป็นจำนวนมาก
รูปปั้นเหล่านี้เก่าแก่ราวกับว่ามีอายุมานานนับพันปี ไม่สามารถมองออกว่าแต่เดิมมันมีลักษณะเป็นอย่างไรเสียด้วยซ้ำ มีเพียงความรู้สึกของความเปล่าเปลี่ยว ที่สามารถมองเห็นได้ในสายตาของพวกเขา
มีเพียงเสียงสายลมกระซิบพัดผ่านกองทราย ราวกับว่าต้องการจะบอกอะไรแก่พวกเขา
“ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้ ก็เพราะอะไร?”
‘เนี่ยลี่’ยืนตะลึงอยู่กับภาพตรงหน้าของเขา เมื่อเขาเดินทางไปยังพระราชวังทะเลทรายในชีวิตก่อนหน้าของเขา มันเคยเป็นโครงสร้างที่ใหญ่โตและน่าเกรงขาม ราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า ราวกับว่าแม้แต่กาลเวลาก็คงไม่อาจที่จะทำลายมันลงได้ แต่ในตอนนี้ เมื่อเขาได้กลับมาอีกครั้งในชีวิตนี้ สถานที่แห่งนี้กลับกลายเป็นซากปรักหักพังไปเสียแล้ว
‘ลู่เพียว’มอง’เนี่ยลี่’ด้วยความสับสบ
“เนี่ยลี่ มีอะไรที่ผิดพลาดไปหรือเปล่า? นี่คือพระราชวังทะเลทรายที่เจ้าพูดถึงงั้นเหรอ? ไหนเจ้าบอกว่ามันเป็นพระราชวังที่งดงาม ทำไมมันถึงกลายเป็นซากปรักหักพังไปเสียได้หล่ะ?”
‘ตู่ซื่อ’และคนอื่นๆก็สับสนไม่น้อยเช่นกัน ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง เนี่ยลี่พูดตลอดเวลาว่า พระราชวังทะเลทรายนั้ยงดงามมาก ราวกับเป็นพระราชวังของเหล่าเทพในอดีตกาลแต่ในตอนนี้ เมื่อพวกเขามาถึงกลับไม่เหมือนกับที่เนี่ยลี่ได้บอกไว้เลยสักนิด
มันมีความเป็นไปได้อย่างมากที่ เนี่ยลี่เรียนรู้เรื่องราวของพระราชวังทะเลทราย จากแผนที่สมบัติหรือบันทึกโบราณ แต่เมื่อพวกเขามาถึง จากสภาพที่มองเห็นในตอนนี้ พระราชวังทะเลทรายได้ถูกทำลายลงไปแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าถูกทำลายโดยพวกสัตว์อสูร
ใช่ไหม?แต่ในตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้คำตอบ ‘เนี่ยลี่’รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าหัวของเขากำลังหมุนไม่ยอมหยุด เขาเดินไปข้างหน้าตามเส้นทางในความทรงจำของเขา ในเวลาต่อมาเขาจนถึงจุดที่ควรจะมีแท่นบูชาตั้งอยู่ แต่นอกจากเศษซากปรักหักพังก็ไม่มีอะไรอยู่เลย ไม่มีแม้แต่ม้วนตำราสักม้วน หนังสือจิตอสูรท่องเวลาก็เช่นกัน
หนังสือจิตอสูรท่องเวลาอยู่ที่ไหนกัน? มันหายไปงั้นเหรอ?
‘เนี่ยลี่’รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก ราวกับว่าหัวของเขากำลังจะถูกฉีกออกเป็น ๆ ภาพที่เห็นก่อนหน้านี้บิดเบียวในดวงตาของเขา ภาพของ’ลู่เพียว’ ‘ตู่ซื่อ’ และคนอื่น ๆ บิดเบี้ยวจนมองไม่เห็นภาพที่แท้จริง
“อ๊ากกก!”
‘เนี่ยลี่’ ร้องโหยหวนราวกับว่าสมองของเขากำลังถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
“เนี่ยลี่ เกิดอะไรขึ้น?”
“เนี่ยลี่!”
‘เอียจื้ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ และคนอื่น ๆ ต่างก็ตะโกนเรียกชื่อของเขา
แม้ว่าตอนนั้น’เนี่ยลี่’จะได้ยิน แต่สติของเขาค่อยๆเลือนหายไปอย่างช้า ๆ จากนั้นเขาก็ล้มลงไปบนพื้น พระราชวังทะเลทรายก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ หนังสือจิตอสูรท่องเวลาก็หายไป
แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกนะ? จากการที่ต้องเจ็บปวดอย่างรุนแรง สติเนี่ยลี่ก็ค่อยๆดับลงไปในความมืดมิดแ
หนึ่งเดือนต่อมา ในเมืองกลอรี่
ทุกอย่างเจริญรุ่งเรืองและคึกคักเท่าที่มันเคยเป็น ตระกูลต่างๆจากดินแดนนรกจองจำ และที่ราบสูงชะตาสวรรค์ มาตั้งรกรากที่นี่ ก็ทำให้เมืองกลอรี่มีสีสันมายิ่งขึ้น กำแพงเมืองได้ถูกสร้างขึ้นให้สูงกว่าเดิมอีกหลายเมตร มีพลังงานมากมายคละคลุ้งอยู่เหนือเมือง
การป้องกันของเมืองกลอรี่รัดกุมยิ่งกว่าเดิม ด้วยค่ายกลหมื่นอสูร 5 แห่งวางอยู่รอบๆเมือง นอกเหนือจากนั้นยังมีการป้องกันอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ต่อให้มีการบุกโจมตีจากสัตว์อสูรฝูงใหญ่ เมืองกลอรี่ ก็สามารถรับมือได้อย่างแน่นอน
ที่ลานกว้างของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ เหล่าเด็กรุ่นใหม่จำนวนมากกำลังฝึกฝน
เด็กๆเหล่านี้ฝึกฝนกันอย่างแข็งแรง ต้นไม้ยืนตระหง่านอยู่ด้านข้างของสนามถูกลมพัดมีเสียงราวกับสายลมกำลังผิวปากเบาๆ
เด็กหนุ่มสาวเหล่านี้ได้รับการฝึกเทคนิคการบ่มเพาะที่มีประสิทธิภาพ พวกเขาบางคนบรรลุถึงร่างทรงอสูรระดับซิลเวอร์เลยทีเดียว
พวกเขาคืออนาคตของเมืองกลอรี่ วันหนึ่ง เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น พวกเขาจะเป็นกำลังสำคัญในการปกป้องเมืองกลอรี่ ไม่ไกลจากลานฝึกมีเด็กอายุราว 3-4 ขวบ วิ่งเล่นหัวเราะกันสนุกสนาน
ใกล้กับลานฝึก บนยอดไม้ มีนกขนาดใหญ่ที่สร้างจากโลหะ ทุกคนที่ได้เห็นก็แทบจะทนไม่ได้กับรอยยิ้มที่แสนจะพิมพ์ใจ ในขณะที่นกตัวนั้นกำลังเฝ้ามองเหล่ามนุษย์อยู่
หลักจากที่ได้พักในระยะเวลาสั้น ๆ นกตัวนั้นก็บินออกไป ราวกับแสงที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ณ ตำหนักเจ้าเมือง
‘เอียจื้ออวิ้น’กำลังอาบน้ำอยู่ในตำหนัก มองไปจะเห็นความรู้สึกโศกเศร้าแสดงออกมาจากใบหน้าของนางอย่างเห็นได้ชัด ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว แต่’เนี่ยลี่’ยังคงไม่ได้สติ ในช่วงนี้นางกับ’เซี่ยวหนิง’เอ๋อผลัดกันดูแลเขา ในตอนนี้เป็นเวลาที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เป็นคนดูแล นางจึงกลับมาอาบน้ำที่ห้องของนาง
นางอยู่อย่างเงียบๆ กับเงาที่สะท้อนภาพใบหน้าอันงดงามของนาง รูปร่างอันงดงามของนางก็มองเห็นได้ในเงาสะท้อนนี้เช่นกัน
น้ำตารินไหลจากสองตาของนางท่วมเต็มใบหน้า นางอยากจะให้เขาคนนั้นรับรู้ว่า เขาคือคนที่นางต้องการเช่นกัน แต่มันก็สายเกินไปสำหรับคำบางคำที่จะเอ่ยออกมา
ในใจของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นางเฝ้าอธิษฐานต่อสวรรค์ ขอแค่ที่’เนี่ยลี่’ได้สติ นางยินดีที่จะสละทุกสิ่งแต่แม้ชีวิตของนางก็ตาม
ทันใดนั้นก็มีเคียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก พร้อมกับเสียงของ’เซี่ยวซุ่ย’
“เอียจื้ออวิ้น เนี่ยลี่ได้สติเล็กน้อยแล้ว หนิงเอ๋อบอกให้รีบมาเรียกเจ้า เร็วเข้า!”
“เนี่ยลี่ได้สติแล้วงั้นเหรอ?”
‘เอียจื้ออวิ้น’ตกตะลึงไปชั่วครู่ นางรีบลุกขึ้นจากน้ำทันที เธอไม่มีเวลาที่จะใส่ใจเรื่องเล็กน้อย หยดน้ำยังเกาะอยู่บนผิวที่ขาวราวกับหยกของนาง นางรีบสวมชุดของนางอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ออกจากห้องของนาง นางก็รีบวิ่งเข้าไปนสวนของตำหนักเจ้าเมือง
ที่ห้องในสวนของตำหนักเจ้าเมือง ‘เนี่ยลี่’กำลังนอนอยู่บนเตียง ดวงตาของเขายังคงปิดอยู่ บางครั้งบนใบหน้าของเขาก็แสดงออกมาถึงความเจ็บปวด
ตั้งแต่ที่’เอียจื้ออวิ้น’ออกไป ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ยืนเฝ้า’เนี่ยลี่’อยู่ข้าง ๆ
หนึ่งเดือนมานี้นางแทบไม่มีเวลาที่ได้พักหายใจ ใบหน้าของนางซีดเซียวและดวงตาของนางก็แดงก่ำ ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่านางกำลังร้องไห้อยู่ แขนที่ขาวดั่งหยกของนางประสานแน่นกับ’เนี่ยลี่’
นางพยายามที่จะส่งพลังวิญญาณของตัวเองเข้าไปในร่างกายของเขา เมื่อนางรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยในมือของ’เนี่ยลี่’ นางจึงส่ง’เซี่ยวซุ่ย’ให้ไปตาม’เอียจื้ออวิ้น’ทันที
ก่อนหน้านี้ราวกับว่าพลังงานในร่างกายของ’เนี่ยลี่’นั้นถูกดูดจนเหือดแห้งไป ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามทำอย่างไรก็ไร้ผล แต่ตอนนี้ นางรับรู้ได้ว่าความแข็งแกร่งกำลังกลับมาหาเขาอย่างช้าๆ นางจึงเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของนาง จากนั้นก็ส่งพลังวิญญาณเข้าไปในร่างกายของเขามากขึ้น..
จบตอน
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: