ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลังจาก’ท่านอาจารย์ชิหลิง’เดินออกไป ในขณะที่นักเรียนต่างยืนขึ้นเพื่อที่จะแยกย้ายหลังจบคาบเรียน
ทันใดนั้นหญิงสาวสวมชุดสีฟ้าอ่อนเดินตรงเข้ามาหา’เนี่ยหลี่’และ’ลู่เพียว’ นางชำเลืองมองด้วยสายตาดูถูกมายังพวก’เนี่ยหลี่’แล้วพูดขึ้นว่า
“พวกเจ้ามาจากโลกใบเล็กใช่หรือไม่?”
‘เนี่ยหลี่’มองหญิงสาวผู้นั้นแล้วพยักหน้าตอบ
“ใช่”
แม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะมีความรู้เกี่ยวกับตระกูลผนึกมังกร แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่า หญิงสาวผู้นี้เป็นใครมาจากไหน? ทำไมเขารู้สึกคุ้นเคยกับนาง? หรือว่า’เนี่ยหลี่’จะเคยเจอแม่นางผู้มีในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้?
พวกเจ้าคือ ผู้ที่มีรากวิญญาณชั้นฟ้าระดับ 8 และ ระดับ 5 ที่มาจากโลกใบเล็กงั้นรึ หญิงสาวในชุดสีฟ้าอ่อนถามพวกเนี่ยหลี่ ราวกับกว่านางจะสอบสวนพวกเขา
‘เนี่ยหลี่’จึงเอ่ยปากว่า
“เจ้าคงจะไม่ได้มาทำอย่างชายคนก่อนหน้านี่ที่ชื่อจินหยาน หรอกใช่ไหม? ที่จะชักชวนพวกข้าไปเข้าร่วมกับเจ้า?”
หวังว่ามันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะกับการมาของแม่นางผู้นี่ แต่ด้วยท่าทางที่ดูถูกของนางทำให้’ลู่เพียว’รู้สึกไม่พอใจนาง
หญิงสาวชุดฟ้าอ่อนชำเลืองมองมาที่’ลู่เพียว’แล้วพูดว่า
“แม้ว่าพวกเจ้าจะถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ที่สุดในกลุ่มคนที่พึ่งเข้ามาใหม่นี้
แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะได้รับคำเชิญให้เข้าตระกูลผนึกมังกรของข้าหรอกนะ เพราะพรสวรรค์นั้นบอกได้แต่เพียงความเร็วในการบ่มเพาะพลังเท่านั้น จะว่าไปต่อให้เป็นบุคคลธรรมดาไร้ค่าแต่ถ้าเป็นคนที่ตระกูลผนึกมังกรต้องการตัวแล้วละก็ พวกเราสามารถทำให้เขากลายเป็นยอดอิจฉริยะได้เลยหละ”ด้วยคำเสียดสีของนางทำให้’ลู่เพียว’รู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก
สายตาของ’เนี่ยหลี่’ กับหญิงสาวผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขา สายตาของเขายังเยือกเย็น แม้ว่าคนที่ยืนต่อหน้าเขาจะมาจากตระกูลผนึกมังกรก็ตาม
ตระกูลผนึกมังกรนั้นถือเป็นตระกูลใหญ่และมีอิทธิพลเป็นอย่างมากกับนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาถือเป็น 1 ใน 3 ของตระกูลที่จัดว่าใหญ่ที่สุดในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เลยก็ว่าได้
ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ของ’เนี่ยหลี่’ เมื่อ’นี่หลี่’ได้เข้ามายังอาณาจักรซากมังกรแห่งนี้ เขาก็ถือเป็นหนี้บุญคุณกับท่านอาจารย์ที่ช่วยฝึกสอนเขา แต่น่าเสียดายที่อาจารย์ของเขาได้ถูกสังหารโดยคนในตระกูลผนึกมังกร ดังนั้น’เนี่ยหลี่’จึงรู้สึกไม่ค่อยดีกับตระกูลผนึกมังกรสักเท่าไหร่
แต่เนื่องจากตอนนี้อาจารย์ที่เคยฝึกสอนเขาในช่วงชีวิตก่อนยังมีชีวิตอยู่ ‘เนี่ยหลี่’จึงไม่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด
หญิงสาวชุดฟ้าอ่อนนั้น ไม่แม้แต่จะชำเลืองมอง’ลู่เพียว’อีกเป็นครั้งที่สอง แต่ดวงตานางของนางพุ่งตรงไปยัง’เนี่ยหลี่’พร้อมยิ้มด้วยมุมปากอย่างเย้ยหยัน
“ในวันนี้ในคาบเรียนตอนที่เรียนเกี่ยวกับจิตวิณญาณเปลวเพลิง พวกเจ้าก็แค่ทำให้ข้ารู้สึกสนใจก็เท่านั้น หวังว่าพวกเจ้าคงจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังหรอกนะ”
หลังจากที่พูดจบนางก็เดินจากไป หลังจากนี้นางเดินหายไปผ่านทางเข้าตรงสวน
‘ลู่เพียว’มองมายัง’เนี่ยหลี่’อย่างสงสัยและถามขึ้นว่า
“เนี่ยหลี่ แม่นางเมื่อครู่นี้เขาหมายความเช่นไรกัน ทำไมนางจึงเดินตรงมายังพวกเราเพื่อบอกว่า พวกเราทำให้นางสนใจ? หรือว่านางคิดที่จะร่วมเตียงกับเจ้า?”
‘เนี่ยหลี่’ไม่อยากจะพูดอะไร เกี่ยวกับคำพูดของ’ลู่เพียว’ ไม่รู้ว่าหัวสมองของ’ลู่เพียว’มีแต่ขี้เลื่อยหรือไง?
หลังจากที่’ลู่เพียว’พูดจบ ก็มีชายหนุ่มหน้าตาดี เดินตรงเข้ามายังลู่เพียวและบอกว่า
“หลงยู่อินนั้นสนใจพวกเจ้าแต่ดูเหมือนว่าพวกเจ้าทั้งสองจะไม่ได้อยากเข้าร่วมกับตระกูลของนาง หรือว่าเจ้าคิดว่านางสนใจในตัวเพื่อนของเจ้ากันหละ พวกเจ้าไม่รู้หรอว่านางเป็นคนที่เลือดเย็นขนาดไหน”
เลือดเย็นหรอ? ‘ลู่เพียว’ได้แต่พยักหน้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางดูเป็นคนแบบนั้นตลอดเวลา แล้วทำไมกันล่ะ?
“พวกเจ้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ หลงยู่อิน มาก่อนรึ เนื่องจากพวกเจ้ามาจากโลกใบเล็กเลยยังไม่ค่อยรู้อะไร จริงๆแล้วแม่นางหลงยู่อินถือเป็นยอดอัจฉริยะจากตระกูลผนึกมังกรเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่เพียงเท่านั้น ยังมีข่าวลืออีกว่าภายในตัวนางมีสายเลือดมังกรไหลเวียนอยู่ด้วย เลยไม่น่าแปลกใจที่ร่างกายของนางจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ว่ากันว่าถ้าไม่ใช่อาวุธวิเศษระดับ 2 ขึ้นไป ก็ไม่สามารถทำอันตรายกับนางได้เลย เมื่อสองปีก่อน นางได้หมั้นหมายกับชายคนหนึ่ง แต่แล้วนางก็ได้จัดการกับคู่หมั้นคนนั้นอย่างราบคาบ ว่ากันว่า จนป่านนี้แล้วชายหนุ่มผู้นั้นคงจะพิการถึงขั้นไม่สามารถใช้ชีวิตเป็นปกติได้เลยจนถึงตอนนี้”
ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาหาพวกเนี่ยหลี่นั้นเงยหน้าขึ้นและเล่าต่อว่า
“คู่หมั้นของแม่นางหลงยู่อินนั้นมาจากตระกูลที่ถือว่าแข็งแกร่งเลยทีเดียว แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าทำไม แต่คู่หมั้นของนางก็อดทนจนถึงที่สุด แม่นางคนนั้นโหดเหี้ยมราวกับสัตว์ประหลาด ข้าเตือนว่าพวกเจ้าไม่ควรไปทำนางไม่พอใจ”
หลังจากที่ได้ยินดังนั้น ‘ลู่เพียว’ก็ไม่อยากแม้แต่จะยุ่งกับนาง
หญิงสาวในชุดสีฟ้าอ่อน ซึ่งตอนนี้คือแม่นาง’หลงยู่อิน’งั้นหรอ? ‘เนี่ยหลี่’ครุ่นคินพลันหรี่ตาลงนึกถึงช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ คนที่สังหารอาจารย์ที่ช่วยฝึกฝนเขาก็คือ’หลงยู่อิน’!!
ในชาติที่แล้ว หลังจากที่’เนี่ยหลี่’ได้เข้ามาถึงอาณาจักรซากมังกร ‘หลงยู่อิน’ดูเหมือนจะเป็นเพียงหญิงสาวคนนึง แต่เนื่องจากนางอยู่มาเป็นเวลานาน นางจึงบรรลุถึงขั้น เทพสงครามระดับ 3 และเป็นหญิงสาวที่เผด็จการที่สุดในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไม’เนี่ยหลี่’จึงรู้สึกคุ้นเคยกับนาง ‘เนี่ยหลี่’จำได้ว่าเมื่อชาติที่แล้ว ‘หลงยู่อิน’เป็นจอมเผด็จการเป็นผู้คุมกฎที่ถือกฎระเบียบอย่างมากด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ที่อยากยุ่งกับนาง
ในตอนนั้น ‘หลงยู่อิน’ ดูเป็นผู้ใหญ่มาก ถ้าเทียบกับตอนนี้เป็นเพียงแค่สาวน้อยเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นคน คนเดียวกัน แต่ก็ยังดูแตกต่างกันอยู่ที จึงไม่ต้องแปลกใจที่เนี่ยหลี่จะจำนางไม่ได้ในตอนแรกแม้ว่าความเสียใจจากชาติที่แล้วจะไม่ได้ฝังลึกลงไปในใจมากนัก แต่’เนี่ยหลี่’ก็ยังคงมีความเกลียดชังต่อตระกูลผนึกมังกร
‘ลู่เพียว’รู้สึกถูกคอกับชายคนนี้จึงได้เอ่ยปากถาม
“เฮ้ เจ้าชื่อว่าอะไรรึ?”
ชายหนุ่มผู้นั้นยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบว่า
“พวกเจ้าสามารถเรียกข้าว่า อาจารย์เบ่ย”
“ท่านอาจารย์เบ่ยงั้นหรอ?”
‘ลู่เพียว’เหลือบตาขึ้นทันที เด็กคนนี้ช่างหลงตัวเองยิ่งนัก บอกให้คนอื่นเรียกว่า อาจารย์ แต่ว่านับตั้งแต่ที่’ลู่เพียว’ย่างกายเข้ามาในอาณาจักรซากมังกรแห่งนี้
‘ลู่เพียง’ก็มีกริยามารยาทที่ดีขึ้น ถ้าเกิดว่าเจ้าเด็กคนนี้มีพื้นเพมาจากผู้มีอิทธิพลล่ะ คงไม่ดีแน่ที่จะไปมีเรื่องกับเขา
“ท่านพี่เป่ย ข้อขอขอบคุณมากๆที่ท่านเตือนข้าในวันนี้”
หลังจากที่’เนี่ยหลี่’ได้ยินคำว่า “อาจารย์เบ่ย”
‘เนี่ยหลี่’นึกออกทันทีว่า เขาเป็นคนที่รู้จักกันดีในนามจอมขี้เกียจแห่งนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ที่มักปรากฎตัวและก็หายไปอย่างไม่มีใครคาดเดาได้ แม้แต่ความแข็งแกร่งของเราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าแม่นางเสื้อฟ้า’หลงยู่อิน’เลย น่าจะเป็นเพียงผู้เดียวที่กล้าเผชิญหน้ากับแม่นางยูอินเป็นแน่ ทำให้ทุกคนต่างเรียกเขาว่า ‘อาจารย์เบ่ย’ ซึ่งเขาเป็นถึงทายาทสายตรงของตระกูลกู้
แม้ว่าแม่นาง’หลงยู่’อินจะมีสายเลือดมังกรและความแข็งแกร่งของนางนั้นจัดได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของนักสู้ แต่ อาจารย์เบ่ยก็เชื่อมั่นในฝีมือของตนเช่นกัน
พวกเจ้าทั้งสองคน คงจะเป็น ‘เนี่ยหลี่’ กับ ‘ลู่เพียว’ ใช่หรือไม่ ‘อาจารย์เบ่ย’ เอ่ยถามพร้อมทั้งยิ้มมาทาง’เนี่ยหลี่’
ใช่แล้ว ท่านรู้จักพวกข้ามาก่อนรึ?’ลู่เพียว’ถึงกับ งง เล็กน้อย
‘กู้เบ่ย’ยิ้มแล้วตอบว่า
“แน่นอน ก็เจ้าสองคนออกจะเป็นที่รู้จักในดินแดนตะวันตกเลยน่ะสิ นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ปกติก็จะรับบรรดาพวกที่มีพรสวรรค์ที่มีรากวิญญาณชั้นฟ้าไม่ว่าพวกเขาจะมาจากที่ใดก็ตามยิ่งไม่ต้องพูดถึง เนื่องจากพวกเจ้า มีรากวิญญาณชั้นฟ้าระดับ 5 และ 8 จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีหลายคนจับตามองพวกเจ้าสองอยู่”
‘เนี่ยหลี่’คิดอยู่แล้วว่าเรื่องมันเป็นไปดั่งที่เขาเคยคาดคิดไว้ เพราะถ้าพวก’เนี่ยหลี่’ยังไม่ได้เข้าร่วมกับตระกูลใด ก็ไม่มีใครทำอะไรพวกเขาได้ เนื่องจาก อัจฉริยะ ในสถาบันจิตวิญญาณฟ้านี้จะได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวดและไม่มีใครสามารถแตะต้องเหล่าอัจฉริยะได้ ถ้าไม่มีเหตุผลดีพอ
“แล้วเจ้าละ?”
‘ลู่เพียว’หันไปมอง’กู้เบ่ย’ทันทีด้วยความรู้ที่ต้องระมัดระวังตัวจากเขา
‘กู้เบ่ย’ หัวเราะ
“ข้าหรอ? จริงๆแล้วข้ามีความสนใจในตัวแม่นางหลงยู่อิน และข้ารู้มาว่านางกำลังสนใจพวกเจ้าทั้งสองอยู่ ข้าจึงมาดูว่าพวกเจ้าเป็นเช่นไรกัน”
นี่คงจะเป็นแนวทางของ’อาจารย์เบ่ย’จอมขี้เกียจที่มัวแต่เหล่สาวน่ารักๆ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ‘ลู่เพียว’ก็เข้าใจได้ทันทีว่า ‘กู้เบ่ย’สนใจใน’หลงยู่อิน’
‘ลู่เพียว’จึงจ้องไปที่เป้าของ’กู้เบ่ย’
“เจ้าคงไม่รักน้องชายเจ้าสินะกู้เบ่ย? หลงยู่อิน เป็นคนที่ลงมืออย่างเหี้ยมโหดแม้กระทั่งคู่มั้นของตัวเอง เจ้าคงเป็นคนที่ชอบความรุนแรงมากสินะ?”
“เฮ้ นี่เจ้ากำลังมองอะไรอยู่น่ะ?”
‘กู้เบ่ย’รู้สึกขัดใจและพูดต่อว่า
“แม้ว่าข้าจะมีความสนใจในแม่นางยูอินแต่ข้าก็ไม่ใช่พวกชอบความรุนแรงนะ”
“แน่ใจหรอที่ว่าเจ้าไม่ชอบความรุนแรงน่ะ?”
‘ลู่เพียว’เอ่ยถามพร้อมชำเลืองมองไปทางกู้เบ่ย
“ไม่แน่นอน!! เจ้าไม่เคยพบหญิงสาวเหมือนหลงยู่อิน มันน่าตื่นเต้นมากเลยใช่ไหมละที่จะเอาชนะใจคนอย่างนาง”
‘กู้เบ่ย’ พูดพร้อมกับหัวเราะที่แฝงไปด้วยความรู้ทะลึ่งๆ
จากคำพูดของ’กู้เบ่ย’ ‘ลู่เพียว’ก็เข้าไปโอบไหล่ของ’กู้เบ่ย’แล้วพูดว่า
“จริงหรอ? งั้นพวกเราต้องคุยกันสักหน่อยแล้วล่ะ”
“งั้นพวกเราก็เหมือนกันน่ะสิ”
‘กู้เบ่ย’มองไป’ลู่เพียว’และคิดว่านี่หละที่จะมาเป็นเพื่อนสนิทของข้า
“น้องลู่ น่าเสียดายเราน่าจะเจอกันเร็วกว่านี้”
เมื่อ’เนี่ยหลี่’ เห็นทั้งสองหัวเราะด้วยความหื่น เนี่ยหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนๆเพราะเขาไม่คิดว่าลู่เพียวกับกู้เบ่ยจะสนิทกันเร็วขนาดนี้
‘เนี่ยหลี่’หันมองไปรอบๆ มีหลายคนที่มองตรงมายังพวกเขาพร้อมกระซิบกระซากเกี่ยวกับพวกเขา หนึ่งในนั้นคือ ‘หวังหยาง’ คนที่มาจากห้วงสวรรค์น้อย ‘หวังหยาง’ยืนขึ้นพร้อมกับนักเรียนคนอื่นอีก 5 คนที่เข้ามาเรียนพร้อมๆกันกับเขา
‘เนี่ยหลี่’ หรี่ตาลงแล้วพูดว่า
“ลู่เพียว กู้เบ่ย ที่นี่คงไม่เหมาะที่จะคุยกัน ไปกันเถอะ”
‘กู้เบ่ย’ก็รู้สึกบางอย่างได้จึงหัวเราะออกมา พร้อมกับพูดว่า
“ตามนั้น ไปกันเถอะ ข้าคิดว่าข้าคงคุยกับน้องลู่ต่อได้อย่างสนุกแน่นอน”
ทั้งสามคนจึงเดินออกมา เมื่อ’หวังหยาง’เห็นพวกนั้นเดินจากไป เขาก็จ้องตามพวกนั้นไป
“พวกมันออกไปกับกู้เบ่ย ถ้างั้นก็ครบ 5 ตำแหน่งแล้วสิ”
หนึ่งในนั้นพูดพร้อมขมวดคิ้วว่า ถ้านับ’หลงยู่อิน’ ‘จินหยาน’ ‘กู้เบ่ย’ สามคน และรวมกับเจ้าคนที่มีรากวิญญาณชั้นฟ้าระดับ 5 กับ 8 เข้าไป ถือว่าเป็นคู่แข่งที่ไม่เลว และตอนนี้พวกมันอยู่กับ’กู้เบ่ย’ บางทีอาจจะยุ่งยากถ้าจะจัดการกับพวกมัน
กลุ่มของ’หวังหยาง’ทั้ง 6 คนนี้ คนที่แข็งแกร่งที่สุด ก็มีเพียงรากวิญญาณชั้นฟ้า ระดับ 5 เท่านั้น การรวมกลุ่มของคนพวกนี้ หัวหน้าของพวกเขาก็คือ ‘หานจิง’
ทุกๆปี จะมีเพียง 5 คนเท่านั้นที่ถูกเลือกไปยังดินทางฝั่งตะวันออก และตอนนี้การแข่งขันก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว ในการที่จะเข้าไปยังดินแดนตะวันออกได้นั้น พวกเขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งเนี่ยหลี่และลู่เพียวเพื่อไม่ให้แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ เพราะถ้าเนี่ยหลี่และลู่เพียวได้ถูกส่งไปยังดินแดนตะวันออกแล้วละก็ พวกเขาคงต้องเสียโอกาสและต้องรอไปอีกปีเลยทีเดียว ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถรับได้อย่างแน่นอน
แม้ว่า’เนี่ยหลี่’และ’ลู่เพียว’จะมีรากวิญญาณชั้นว่าระดับ 5 และ 8 แต่มันก็ไม่ได้เป็นตัวกำหนดฝีมือของพวกเขาทั้งหมด และในตอนนี้ขณะที่พวกเขายังไม่แข็งแกร่ง มันเป็นการง่ายที่สุดที่จะจัดการกับพวกเขา ไม่เหมือนกับ ‘จินหยาน’ ‘หลงยู่อิน’ หรือ’กู้เบ่ย’ ซึ่งไม่มีใครกล้าแม้แต่ที่จะแตะต้องพวกเขาทั้งสาม
ในการจะเพิ่มขีดความสามารถในการบ่มเพาะพลังนั้น พวกเขาจำเป็นต้องออกไปฝึกในลานฝึกฝน เมื่อตอนที่พวกนั้นแยกจาก’กู้เบ่ย’
นั่นหละคือโอกาสของพวกเรา หวังหยางพูดราวกับว่ามันจะเป็นดังที่เขาคาดการณ์ไว้‘หานจิง’ ขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า
“อันที่จริงแล้ว ภายใน 3 วัน พวกเขาต้องไปฝึกฝนที่ลานฝึกอยู่แล้ว แต่ในเมื่อลานฝึกมีด้วยกันถึง 3 แห่ง แล้วพวกเราก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะไปลานฝึกแห่งไหนกันแน่”
‘หวังหยาง’กล่าวด้วยความมั่นใจว่า
“ไว้ใจข้าได้เลย ข้าจะสืบหาเองว่าพวกมันจะไปที่ใดกัน ทันทีที่ข้ารู้ข้าจะรีบบอกพวกเจ้าทันที”
เหล่าผู้ที่มาจากห้วงสวรรค์น้อยซึ่งดูแลโดย ‘ฮัวหลิง’ ดูเหมือนจะสนใจ’เนี่ยหลี่’และ’ลู่เพียว’เป็นพิเศษอย่างที่สุด…
จบตอน
แปลโดย น้องระมุดส์
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: