I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 273 วางยาพิษ

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ณ หอประชุมการฝึกบ่มเพาะพลัง

หลังจากที่อำลา ‘กู้เบ่ย’ เรียบร้อยแล้ว ‘เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ ได้เดินผ่านเข้ามายังสถาบันวิญญาณฟ้า เข้ามาถึงโถงฝึกการบ่มเพาะ

สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ให้นักเรียนรับภารกิจคำร้องขอต่างๆ เมื่อทำภารกิจหรือคำร้องขอสำเร็จลุล่วงแล้วนักเรียนก็จะได้รับศิลาจิตวิญญาณ อุปกรณ์เวทย์ และรางวัลอื่นๆมากมาย

ด้วยจำนวนศิลาจิตวิญญาณที่ส่งมอบให้ในแต่ละเดือนช่างมีปริมาณที่น้อยนิดเสียเหลือเกิน ‘เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ จึงต้องหาวิธีการอื่นเพื่อให้ได้ศิลาจิตวิญญาณเพิ่มเติม

อาณาจักรซากมังกรนั้นเป็นสถานที่ที่โหดร้ายมากที่เดียวเนื่องจากมีผู้ฝึกตนจำนวนมากมายมหาศาลทำให้เกิดสภาวะขาดแคลนทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังทำให้เกิดการแก่งแย่งกันโดยไม่มีการเลือกวิธีการใดๆทั้งสิ้น

จึงเป็นเรื่องที่ยากมากกับการที่จะยกระดับการบ่มเพาะพลังให้สูงขึ้น หนึ่งในวิธีนั้นคือการสวามิภักดิ์ เข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหลังจากทำการสาบานว่าจะจงรักภักดีเป็นลิ่วล้อกับฝ่ายนั้นแล้ว ก็จะได้รับศิลาจิตวิญญาณเพิ่มมากขึ้นในอีกระดับหนึ่ง

และแน่นอนว่า ‘เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ ไม่ได้เลือกวิธีการนั้น

นอกเหนือจากการสวามิภักดิ์เข้าร่วมสำนักแล้ว การได้รับศิลาจิตวิญญาณจากภารกิจของโถงการบ่มเพาะ ก็เป็นความคิดที่ไม่เลว

โถงการบ่มเพาะคับคั่งไปด้วยนักเรียนในเขตต่างๆของสถาบันวิญญาณฟ้า ที่ผนังของโถงแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยแผ่นป้ายประกาศภารกิจนานับไม่ถ้วน

‘เนี่ยหลี่’ไม่รอช้ารีบตรวจสอบข้อมูลภารกิจชนิดต่างๆอย่างรวดเร็ว หลายภารกิจเป็นการล่าสัตว์อสูร นานาชนิด บรรดาสัตว์อสูรที่ต้องล่ามาแลกกับศิลาจิตวิญญาณเหล่านี้มีระดับไม่ธรรมดาเลย ภารกิจเหล่านี้ช่างยากยิ่งนัก นอกจากนี้ยังมีภารกิจอื่นอีก ไม่ว่าจะเป็นการตีขึ้นรูปอาวุธ ค้นหาวัตถุดิบ และอื่นๆอีกมากมาย อย่างไรก็ตามในบรรดาภารกิจเหล่านี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าง่ายเลยสักชิ้นเดียว

‘หลู่เปียว’ ค้นหาภารกิจอื่นๆมากมายแต่ดูเหมือนว่าจะไม่อยู่ในระดับที่สามารถทำได้เลยแม้ภารกิจเดียว

“เนี่ยหลี่ ดูเหมือนว่าการที่จะได้ศิลาจิตวิญญาณมากจะเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ได้จำกัดจำนวนศิลาจิตวิญญาณในแต่ละเขตเอาไว้ ซึ่งศิลาจิตวิญญาณนับหมื่นก้อนได้ถูกส่งเข้าไปยังส่วนในของนิกาย ทำให้ส่วนแบ่งของส่วนมีไม่มากนัก”

‘เนี่ยหลี่’อธิบาย

“การที่จะได้รับศิลาจิตวิญาณนี่มันช่างยากจริงๆ ! ถ้างั้นตอนนี้เราจะทำเยี่ยงไรดี?”

‘หลี่เปี่ยว’ถาม

‘เนี่ยหลี่’ชี้ไปยังผนังที่มีภารกิจหนึ่งติดอยู่

“ข้าว่าเราควรจะลองทำภารกิจนี้ดู!”

“ภารกิจอะไรกัน?”

‘หลี่เปียว’หันไปยังทิศทางที่’เนี่ยหลี่’ได้ชี้ไป

“ทายาทตระกูลกู้ นายน้อยหญิงกู้หลาน ได้ประสบปัญหาบางอย่างขณะที่ทำการฝึกบ่มเพาะพลังทำให้นางล้มป่วย หากมีผู้ผู้ใดมีความรอบรู้เชี่ยวชาญในการรักษาและสามารถรักษานายน้อยหญิงกู้หลานได้ ตระกูลกู้จะมอบศิลาจิตวิญญาณจำนวน 1000 ก้อนให้เป็นรางวัล”

‘หลู่เปียว’พึมพำขณะที่อ่านข้อมูลภารกิจ

“ศิลาจิตวิญญาณหนึ่งพันก้อน ตระกูลกู้ช่างมั่งคั่งเสียยิ่งนัก กู้เบ่ย ก็ดูเหมือนว่าจะมาจากตระกูลกู้เช่นเดียวกัน แต่เนี่ยหลี่เจ้ามั่นใจรึว่าจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของนายหญิงน้อยตระกูลกู้ได้จริงๆ ?ในแผ่นป้ายนี้ยังบอกอีกด้วยว่าตระกูลกู้ได้นำแพทย์มือดีมารักษานายหญิงน้อยผู้นี้แล้วแต่ทว่าแพทย์พวกนั้นยังมิสามารถรักษานางให้หายขาดได้เลยนะ!”

‘เนี่ยหลี่’กลอกตามองไปที่’หลู่เปียว’

“แน่นอนว่าข้าจะรักษานาง การช่วยหนึ่งชีวิตนั้น ย่อมดีกว่า การสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น* เจ้าเข้าใจรึไม่?”

*สำนวนหมายถึง การช่วยชีวิตผู้คนจะทำให้เป็นที่เคารพน่านับถือและเป็นประโยชน์มากกว่า เฉกเช่นเมื่อราชาได้ปูพื้นฐานโครงสร้างไว้ดีแล้ว สิ่งเหล่านั้นย่อมจักต้องแสดงพลังอำนาจชื่อเสียงออกมาอย่างแน่นอน ง่ายๆก็สกิลหาคนหนุนหลังของพระเอกในนิยายจีนทั่วไป

‘เนี่ยหลี่’ค่อนข้างมั่นใจในเทคนิคการรักษาของเขามาก

“ถ้าเจ้าสามารถช่วยชีวิตนางเอาไว้แถมยังได้ศิลาจิตวิญญาณอีกในเวลาเดียวกัน เป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียวนะ”

‘หลู่เปียว’นำมือขวามาลูบคางอย่างกับคนที่ใช้ความคิดไอ้ขี้เก๊กติดเชื้อไอ่หลี่มาแน่ๆ

“แต่กู้เบ่ยนั่น ก็เป็นคนดีจริงๆเลยนะ ถึงขนาดชวนพวกเราไปร่วมมื้ออาหารด้วย!”

ในชีวิตก่อนนี้ของ’เนี่ยหลี่’ ได้ยินเรื่องราวของ ‘กู้หลาน’มาบ้าง

จ้า!!พ่อสารนุกรมเคลื่อนที่

เหมือนว่านางจะเป็นพี่สาวของ’ผู้นำเป่ย’ แถมนางยังลึกลับมากอีกด้วย ข่าวลือที่แพร่มานั้นได้กล่าวว่าเมื่อยามตอนที่นางเป็นเด็กนั้นนางได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเนื่องมาจากการบ่มเพาะพลังของนางทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวลงไป

นอกจากนี้นางไม่สามารถจะทำการบ่มเพาะพลังต่ออีกได้เนื่องมาจากความบกพร่องทางร่างกายของนาง แต่ถึงอย่างนั้นนางกลับสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง สองร้อยปี ข่าวลือยังบอกต่ออีกว่า ‘กู้หลาน’เป็น คนที่แนะนำให้ ‘ผู้นำเป่ย’ก้าวสู่เส้นทางวิถีแห่งดาบ และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้ผู้นำเป่ยต้องการจะยืนอยู่จุดสุดยอดวิถีแห่งดาบ

ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ ‘เนี่ยหลี่’ได้ยินตำนานเกี่ยวกับ’กู้หลาน’ ตลอดที่อยู่ใน อาณาจักรซากมังกร ตอนนี้บังเอิญได้ทราบข่าวคราวเรื่องนี้ มันไม่น่าจะใช่กับดัก ดังนั้นมันจึงไม่เสี่ยงมากนักที่จะลอง

‘หลู่เปียว’ชี้ไปยังแผ่นป้ายภารกิจอีกมากมาย

“เนียหลี่ถ้าเจ้ามั่นใจในเทคนิคการรักษาของเจ้ามาก ที่บนผนังนี่ยังมีภารกิจอีกเป็นร้อยๆที่เกี่ยวกับการรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็ดจากการบ่มเพาะพลัง หากเจ้าจัดการรักษาพวกนั้นทั้งหมด เราจักมิได้ ศิลาจิตวิญญาณเป็นหมื่นๆเลยหรือ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของ’หลู่เปียว’ช่วยไม่ได้ที่’เนี่ยหลี่’จะยิ้มออกมาเจื่อนๆ

“นี่เจ้ากำลังชี้หนทางให้ข้าไปตายอยู่สินะ? ไม่ต้องกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ที่มีความซับซ้อนกันเป็นอย่างมาก เราจะต้องระวังการกระทำทุกขั้นตอน! หากกู้เบ่ย ไม่ได้ดูเหมือนคนที่ซื่อสัตย์แล้ว ข้าก็ไม่ต้องการที่จะแสดงความสามารถของข้า เพราะมันมีความเสี่ยงที่จะดึงดูดภัยที่ข้าไม่ต้องการจะได้มันมาอีกด้วย”

“เอาน่าค่อยพูดเรื่องนี้หลังจากที่เจ้ารักษานายหญิงน้อยตระกูลกู้ ให้หายดีก่อนเถอะ”

‘หลู่เปียว’พูดไปยิ้มไปพร้อมกันนั้น’เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ ก็ไปยังตำแหน่งที่แจ้งอยู่บนแผ่นป้ายภารกิจ

ในระหว่างทางนั้น ‘เนี่ยหลี่’ได้รวบรวมความทรงจำจากชาติที่แล้ว เกี่ยวกับ นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ภายในนิกาย ประกอบไปด้วย สามเสาหลัก ได้แก่ ตระกูลผนึกมังกร ตระกูลกู้ และตระกูลเพลิงสีเทา ซึ่งตระกูลจิ๋น ที่อยู่สังกัดของ หยานเฮ่า ตระกูลหยาน เอง ก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่สามารถจะเทียบกับสามเสาหลักได้

‘เนี่ยหลี่’ตั้งใจที่จะพยายามรักษา ‘กู้หลาน’ ให้ได้ นอกเหนือจากรางวัลศิลาจิตวิญญาณหนึ่งพันก้อนแล้ว สิ่งนี้ยังจะสามารถช่วยปูทางอนาคตของเขากับ’เนี่ยหลี่’ได้อีกด้วย หากทำการรักษานายหญิงน้อยตระกูลกู้ให้หายเป็นปกติแล้ว พวกเขาก็สามารถที่จะสร้างสัมพันธ์อันดีกับตระกูลกู้ได้ อย่างน้อยที่สุดคงเป็น ‘กู้เบ่ย’

‘เนี่ยหลี่’เดินตามที่อยู่ที่ให้มาบนแผ่นป้ายภารกิจ และได้มาถึงเขตใต้ของสถาบันวิญญาณฟ้าแล้ว

นี่คือสถานที่ ที่’กู้เบ่ย’กับ’กู้หลาน’อาศัยอยู่ แต่นี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตระกูลกู้เท่านั้น ประตูขนาดใหญ่ถูกปิดแน่นสนิทเหลือเพียงประตูขนาดเล็กเท่านั้นที่เปิดเป็นทางเข้าอยู่ มีคนใช้สองคนคอยเฝ้าอยู่ที่ประตูเล็ก

*ในสถาปัตยกรรมโบราณของจีนจะมีประตูหน้าอยู่สองประตูเป็นใหญ่กับเล็ก เล็กใช้เป็นทางเข้า ใหญ่ไว้โชว์ความโอ่อ่า

“ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่า ผู้ใดที่ท่านมาหา?”

หนึ่งในคนรับใช้กล่าวถาม

“คือพวกข้าสองคนบังเอิญไปเห็นป้ายประกาศที่โถงการบ่มเพาะเกี่ยวกับการจ้างวานให้มารักษานายหญิงน้อยตระกูลกู้”

‘เนี่ยหลี่’กล่าว

คนรับใช้ปัดมือพร้อมว่ากล่าว

“ทางที่ดีข้าว่าพวกเจ้ารีบกลับไปโดยเร็วเสียเถอะ”

“นี่เป็นไปได้รึไม่? นายหญิงน้อยของเจ้าได้รับการรักษาจนหายดีเป็นปกติแล้ว?”

‘เนี่ยหลี่’ถามด้วยความสงสัยใคร่รู้

“นายหญิงของข้าได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์มากหลายที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ แม้แต่เหล่าแพทย์ฝีมือดีเหล่านั้นยังรักษานายหญิงข้าไม่ได้ แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถรักษานายหญิงข้าได้งั้นรึ ? รีบไสหัวไปซะ!”

ผู้รับใช้คนหนึ่งกล่าว เมื่อไม่นานมานี้มีแพทย์ที่อายุนับพันปี น้อยสุดก็หลายร้อยปี ไม่มีผู้ใดที่สามารถช่วยนายหญิงได้ แล้วมันผู้นี้เป็นใคร อายุเท่าใด้กัน? คิดว่าฉลาดมีภูมิรู้ทางแพทย์มากงั้นรึ?

‘เนี่ยหลี่’ถึงกับขมวดคิ้ว

“นายหญิงของเจ้าต้องการความช่วยเหลือในการรักษา เจ้ารู้งั้นรึว่าแท้จริงแล้วข้ามีความสามารถรึไม่ ก็ให้ข้าได้ดูสถานการณ์ก่อนเป็นไร หรือเจ้าต้องการขัดขวางการรักษานาง?”

คนรับใช้ไม่คิดว่าเนี่ยหลี่จะมีความดื้อรั้นเช่นนี้ จึงได้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นได้มีผู้หนึ่งได้เดินออกมา ‘กู้เบ่ย’นั่นเอง

“มีเรื่องอันใดกันรึ?”

‘กู้เบ่ย’ ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง แต่ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นกับพบกับ’เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ทำให้ตะลึงไปชั่วครู่

“นี่พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่ ? หรือว่าพวกเจ้ามาหาข้า ?”

‘หลู่เปียว’ที่ยืนอยู่ข้าง’เนี่ยหลี่’ได้หัวเราะขึ้นมา

“พวกข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเจ้าเสียหน่อย พวกข้าได้ยินมาว่า นายหญิงกู้หลานแห่งตระกูลกู้ ล้มป่วยพวกข้ามาดูอาการเผื่อว่าจะสามารถรักษานางได้”

คิ้วของ’กู้เบ่ย’กระตุกขึ้นพร้อมกับมองไปยัง’เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ด้วยความประหลาดใจ

“พวกเจ้ารู้ด้านการแพทย์ด้วยเหรอ?”

‘เนี่ยหลี่’พยักหน้า

“ค่อนข้างจะ”

‘กูเป่ย’ เงียบไปสักครู่ แม้ว่าในใจจะรู้สึกไม่เชื่อ แต่ก็พยักหน้าให้

“ถ้างั้นก็ตามข้ามา”

ด้วยการนำของ ‘กู้เบ่ย’ ทั้งสองก็ได้มาถึงลานกว้างขนาดใหญ่ เมื่อเข้ามาสู่อีกชั้นหนึ่งก็พบกับสวนขนาดใหญ่ มีศาลาตั้งอยู่ มีสะพาน ด้านล่างมีลำธารอยู่ ราวกับอยู่แดนสวรรค์ แม้กระทั่งกลิ่นดอกไม้ ยังส่งกลิ่นหอมราวกับอยู่วิมานสวรรค์โดยแท้จริง

“พี่สาวข้าและข้า เป็นทายาทสายตรงจากตระกูลกู้ พี่สาวข้าได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่ชนรุ่นหลัง อย่างไรก็ตามนางได้รับบาดเจ็บจากการบ่มเพาะพลังของนางส่งผลให้ร่างกายนางเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวลงไป ไม่มีผู้ใดทราบสาเหตุว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้น”

เมื่อพูดจบ ดวงตาของ’กู้เบ่ย’แผ่รังสีอัมหิตเยือกเย็นออกมา

‘เนี่ยหลี่’สัมผัสได้จากคำพูดของ’กู้เบ่ย’ บางที’กู้หลาน’อาจจะเป็นเหยื่อความขัดแย้งภายในตระกูลก็เป็นได้ ‘หลู่เปียว’ครุ่นคิดในใจ หาก’กู้เบ่ย’กับ’กู้หลาน’เป็น ทายาทโดนตรงแล้ว แสดงว่ายังมีคนอื่นอีกสินะ ตระกูลกู้นี่ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ

‘เนี่ยหลี่’และห’ลู่เปียว’เดินตาม’กู้เบ่ย’ไปตามทางขนาดเล็กที่ทอดยาวไปยังสวนขนาดเล็ก ภายในมีหญิงสาวสวมชุดสีขาวนั่งเงียบๆอยู่บนเก้าอี้ ม่านตานางใสราวกับหยาดน้ำค้างฤดูใบไม้ร่วง

ใบหน้าสวยงามละเอียดอ่อนราวกับทำด้วยอัญมณี ด้วยการจ้องมองไปยังดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ตรงโขดหินด้วยใบหน้าเงียบสงบ ริมฝีปากชุ่มฉ่ำอย่างกับเนรมิตมันขึ้นมาจากหยดน้ำ ใต้ชุดสีขาวนั้นเป็นผิวเนียนสดใจประดุจหยกของนาง ร่องรอยจากความเจ็บป่วยแสดงออกมาทางใบหน้า เหมือนกับดอกไม้ที่พร้อมเหี่ยวเฉาตายได้ตลอดเวลา

“ความงามที่ถูกจำกัดให้อยู่ได้เฉพาะฤดูใบไม้ผลิ เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว ดอกไม้และผู้คนอาจจะดับสูญไปโดยไม่ทันรู้ตัว”

หญิงสาวในชุดสีขาวรำพัน ร่องรอยความโศกเศร้าปรากฏให้เห็นระหว่างคิ้วของนาง

“ท่านพี่…”

ดวงตาของ’กู้เบ่ย’เริ่มจะพร่ามัวจะประกายน้ำตา ในขณะที่มองดู ‘กู้หลาน’ พี่สาวของเขาที่ครั้งหนึ่งเคยสดใสร่าเริงและมีชีวิตชีวามากกว่านี้ กลับต้องมาอยู่ในสภาพนี้ ‘กู้เบ่ย’รู้สึกราวกับถูกฉีกหัวใจออกเป็นชิ้นๆ

“กู้เบ่ย เจ้ากลับมาแล้วรึ?”

หญิงสาวในชุดสีขาวเผยรอยยิ้มให้เห็นจางๆ ดวงตาของนางทอดยาวไปยังผู้มาเยือนสองคนด้านหลัง

“สองผู้มาเยือนนี้…?”

“พวกเขาทั้งคู่เป็นเพื่อนของข้าเอง”

‘กู้เบ่ย’ไม่กล้าบอกกู้หลานโดยตรงว่า’เนี่ยหลี่’มาที่นี่เพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บของนาง เวลาใดก็ตามที่มีแพทย์มาทำการตรวจรักษานางจะยิ้มและปฏิเสธแพทย์ผู้นั้นไป

“โอ้”

‘กู้หลาน’พยักหน้าแล้วยิ้มให้กับ ‘หลู่เปียว’และ’เนี่ยหลี่’

‘หลู่เปียว’อดไม่ได้ที่จะสงสัย อาการบาดเจ็บของนางที่ได้รับ สำหรับความงามเหลือล้นของนางแล้วกลับต้องถูกบังคับมาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ บนเก้าอี้ สวรรค์ช่างเล่นตลกกับโชคชะตาผู้คนยิ่งนัก

‘เนี่ยหลี่’จ้องพิจารณา’กู้หลาน’อย่างถี่ถ้วน

‘กู้หลาน’เมื่อเห็นว่า’เนี่ยหลี่’จ้องมองมาที่นาง ทำให้นางเกิดความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่เพราะ’เนี่ยหลี่’เป็นเพื่อนกู้เบ่ยนางจึงไม่ได้พูดอะไร

“เนี่ยหลี่ เจ้าตรวจพบอะไรบ้าง?”

‘หลู่เปียว’ถามเสียงเบา

“นางไม่ได้ได้ป่วย หรือเกิดเหตุสุดวิสัยขณะการบ่มเพาะพลัง นางถูกวางยาพิษ”

‘เนี่ยหลี่’กล่าวด้วยเสียงที่ไม่เบาและไม่ดังเกินไปเพียงพอจะให้ ‘กู้เบ่ย’และ’กู้หลาน’ได้ยินหลังจากที่’กู้เบ่ย’ได้ยินสิ่งที่’เนี่ยหลี่’พูด อารมณ์ที่สะกดกลั้นเอาไว้ก็แทบจะประทุออกมาก ทันที พลางจ้องมองไปที่’เนี่ยหลี่’

“วางยาพิษ? เจ้ากำลังจะบอกว่าพี่สาวข้า โดนวางยาพิษ?”

‘เนี่ยหลี่’พยักหน้า

“ถูกต้อง”

‘กู้เบ่ย’ถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง

“แต่มันเป็นไปไม่ได้! ก่อนหน้านี้มีแพทย์จำนวนมากได้เข้ามาตรวจอาการของพี่สาวข้าแล้ว ถ้าพี่สาวข้าถูกวางยาพิษจริง พวกเขาทำไมถึงไม่สังเกตเห็น?”

‘กู้หลาน’ที่นั่งอยู่ด้านข้าง จ้องมองมาที่’เนี่ยหลี่’ด้วยแววตาที่ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่นัก เด็กคนนี้อายุน้อยกว่า ‘กู้เบ่ย’ เสียอีก เป็นแพทย์จริงงั้นหรือ? ถ้านางถูกวางยาพิษนางต้องรู้สึกได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเพราะเหตุใดนางถึงไม่รู้ว่าตัวเองโดนวางยา?

ปล.หลบไปอู้งานมาเบาๆ ร้อยกว่าตอนเอง โฮ่วๆๆ

คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ….

แปลโดย..สินธุ์นวล

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments