ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปพลังสวรรค์ได้รับผลกระทบและเริ่มหมุนวนอยู่รอบๆ’เนี่ยหลี่’
‘หลงยู่อิน’ สัมผัสได้ถึงบางอย่างนางจึงลืมตาขึ้น และมองไปที่’เนี่ยหลี่’ด้วยความไม่เข้าใจ
นางรู้สึกว่าพลังสวรรค์โดยรอบเกิดความปั่นป่วนขึ้น นี่เป็นฝีมือของ’เนี่ยหลี่’ ?ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ‘เสี่ยวหยู’และคนอื่นๆ ละสายตาจาก’เนี่ยหลี่’ไม่ได้เลย
‘เนี่ยหลี่’จมอยู่ในภาวะอนัตตา ดูเหมือนว่าเขาได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับที่แห่งนั้น แม้กลิ่นอายของเขาก็ไม่อาจสัมผัสได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
‘หลงยู่อิน’ขมวดคิ้ว ใบหน้าสวยงามของนางเต็มไปด้วยความกังวล นางรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆไปกับ’เนี่ยหลี่’
‘เนี่ยหลี่’ ระมัดระวังสถานการณ์โดยรอบมาก
แม้จะยังมีความคิดที่ชั่วร้ายอยู่ภายในจิตใจ แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถเข้าใจพลังสวรรค์ได้เท่าเขาอีกแล้ว ‘เนี่ยหลี่’ลืมตาขึ้นประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในดวงตาเขา ‘เนี่ยหลี่’เงยหน้าเพื่อมอง’หลงยู่อิน’อีกครา และทำการผสานรวมเข้ากับพลังสวรรค์แล้วก้าวขึ้นขั้นต่อไป
*วู้มมม*
พลังอันน่าเกรงขาม แผ่กระจายไปทั่วบริเวณโดยมีต้นกำเนิดมาจากการก้าวเท้าของ’เนี่ยหลี่’
“หลงยู่อินเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของปีนี้ ส่วนที่เหลือก็ทำได้เพียงจ้องมองนางจากเบื้องล่างเท่านั้น!”
“ถูกต้อง! ไม่น่าเชื่อความแข็งแกร่งปัจจุบันของนางอยู่ที่อันดับ 9 จิตวิญญาณแห่งแสงแล้ว!”
“คนที่ชื่อเนี่ยหลี่นั่น ทำการท้าทายนาง ช่างเป็นการกระทำที่โง่เขลาเสียยิ่งนัก!”
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับอันดับจิตวิญญาณแห่งแสง ชื่อของ’เนี่ยหลี่’ก็ได้เลื่อนจากอันดับที่ 16 มาเป็นอันดับที่ 15 แม้ว่าเขาเพียงเลื่อนขึ้นมา 1 อันดับก็พอจะเรียกความสนใจจากมวลชนได้แล้ว
“เด็กนั่นสามารถเลื่อนขั้นได้?”
การแข่งขันกันในยี่สิบอันดับแรกนั้นรุนแรงมาก เพียงแค่จะขยับขึ้นไปหนึ่งขั้น ได้ ก็นับเป็นงานที่ยากเอาการ ‘เนี่ยหลี่’สามารถเลื่อนขึ้นได้หนึ่งอันดับในเวลาหนึ่งวัน
ทุกคนต่างสบตากันทุกอย่างอยู่ในสภาวะเงียบงัน
ไม่ต้องพูดถึงว่า ‘เนี่ยหลี่’จะชนะหรือพ่ายแพ้ในวันนี้ ‘เนี่ยหลี่’ก็ดำรงอยู่ในจุดที่พวกเขาไม่สามารถไปถึงได้ พวกเขายังมีสิทธิ์วิพากวิจารย์’เนี่ยหลี่’อีกหรือ?
ก่อนที่ฝูงชนจะสงบลง อันดับของ’เนี่ยหลี่’ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง จากอันดับที่ 15 เป็นอันดับ
ที่ 14ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นถึงกับตะลึงงัน ต่างคนต่างจ้องมายังศิลาอันดับจิตวิญญาณแห่งแสง พวกเขารู้สึกราวกับหายใจไม่ออก
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงัดที่จะสามารถได้ยินเสียงของเข็มที่หล่นลงพื้นเลยก็ว่าได้นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น? ในช่วงเวลาสั้นๆอันดับของเนี่ยหลี่เพิ่มขึ้นถึง 2 อันดับ หรือว่า’เนี่ยหลี่’จะสามารถชนะ’หลงยู่อิน’ในวันนี้ได้จริงๆ ? จากแรกเริ่มเดิมทีพวกเขาคิดว่าสิ่งนี้ช่างเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่จากนี้พวกเขาเริ่มไม่มั่นใจแล้ว และสงสัยว่าอาจจะมีปาฏิหารย์เกิดขึ้นในวันนี้ก็เป็นได้
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่า การที่’เนี่ยหลี่’ท้าทาย’หลงยู่อิน’เป็นการกระทำที่ช่างโอหังโอ้อวดตนนัก แต่อาศัยเพียงช่วงเวลาสั้นๆ’เนี่ยหลี่’ก็สามารถเพิ่มอันดับตัวเองขึ้นไปได้ถึง 2 อันดับ ความจริงในข้อนี้ได้ปิดปากของผู้คนไปในที่สุด
อย่างน้อยที่สุด’เนี่ยหลี่’ ก็ค่อยๆลดระยะห่างและขยับเข้าไปใกล้’หลงยู่อิน’!
นี่หรือว่า’เนี่ยหลี่’อาจจะทำสำเร็จก็เป็นได้? พวกเขาแทบจะหยุดหายใจกันเลยในเวลานั้น!
ในอีกมุมหนึ่ง หญิงงามนางหนึ่งที่นั่งบนรถเข็น นางสวมชุดสีขาว นางมองไปยังด่านจิตวิญญาณแห่งแสงอย่างเงียบๆ และมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆนาง พวกเขาคือ ‘กู้หลาน’กับ’กู้เบ่ย’นั่นเอง
“ข้าไม่คาดคิดเลยว่าพรสวรรค์ของเนี่ยหลี่จะน่ากลัวมากมายถึงเพียงนี้ นี่เป็นวันแรกที่เขาได้เข้าด่านจิตวิญญาณแห่งแสง และเลื่อนอันดับอยู่ในอันดับที่ 14 ความสามารถของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าหลงยู่อินยามเมื่อนางเข้าด่านจิตวิญญาณหนแรกเลย อันดับของนางก็อยู่ประมาณนั้น”
‘กู้หลาน’พึมพำกับตัวนางเอง ขณะที่จ้องมองด่านจิตวิญญาณแห่งแสง
แม้ว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่รถเข็นจะมีผิวขาดซีดและดูอ่อนแอเป็นอย่างมากนางก็ยังคงความงามของนางไว้อยู่ สร้างความตะลึงให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็น ตราสีทองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ตระกูลกู้ที่ติดอยู่บนอกเสื้อของนาง พวกเขาก็เปลี่ยนทิศในการมองทันที ตระกูลกู้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะล่วงเกินได้
‘กู้เบ่ย’ทอดสายตายาวออกไปและกล่าวว่า
“ในบรรดาผู้คนที่ข้าได้พบมาทั้งหมด เนี่ยหลี่เป็นคนที่คาดเดาไม่ได้เลย ข้ายังรู้สึกอีกว่าเขายังปกปิดพรสวรรค์และความสามารถอีกหลายอย่างของเขาเอาไว้”
เด็กหนุ่มลึกลับวนเวียนอยู่ในความคิดของ’กู้หลาน’ อันที่จริงนางก็สัมผัสได้ว่า’เนี่ยหลี่’ยังซ่อนความสามารถของเขาไว้อีกมาก ทันใดนั้น’กู้หลาน’สังเกตเห็นบางกลุ่มในฝูงชน หลังจากนิ่งไปสักครู่หนึ่งนางกล่าวออกมาว่า
“น้องเล็ก รีบกลับกันเถอะ!”
“พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อรอดูผลการแข่งขันหรือ?”
‘กู้เบ่ย’ถาม’กู้หลาน’ด้วยความงุนงง เนื่องจากตัวเขาเองเต็มไปด้วยความคาดหวังที่มีต่อ’เนี่ยหลี่’ในการท้าทาย’หลงยู่อิน’
‘กู้หลาน’ส่ายหัวของนางพร้อมกับทอดสายตายาวออกไป
“พวกเขากำลังมา”
‘กู้เบ่ย’มองตามสายตากู้หลานไปก็ได้พบบางสิ่งที่อยู่ในสายตาของเขา มันเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมเสื้อผ้าที่ถักทอขึ้นจากไหมชั้นเลิศ บนหัวของเขามีเครื่องประดับสวมอยู่ เขาคือ’กู้เฮง’ ผู้สืบทอด
หมายเลขหนึ่งของตระกูลกู้ในตอนนี้ พรสวรรค์ของ’กู้เฮง’นั้นใกล้เคียงกับ’กู้หลาน’ก่อนที่นางจะล้มป่วยลง เขาเป็นศัตรูคนสำคัญของ’กู้หลาน’ เหล่าคนรุ่นเยาว์ที่ติดตาม’กู้เฮง’อยู่ด้านข้าง พวกเขาคือสมาชิกของตระกูลกู้ทั้งหมด
ตาของ’กู้เบ่ย’ส่อประกายเย็นยะเยือกออกมาในขณะที่กล่าวว่า
“ท่านพี่ข้าจะพาท่านกลับเดี๋ยวนี้!”
ข่าวที่’เนี่ยหลี่’ได้ทำการท้าท้าย’หลงยู่อิน’นั้นได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ‘กู้เฮง’เองก็เป็นหนึ่งคนที่ถูกกระตุ้นให้สนใจการแข่งขันนี้เช่นกัน ‘หลงยู่อิน’เป็นอันดับหนึ่งในคนรุ่นหลังของตระกูลผนึกมังกรอย่างไม่ต้องสงสัย บุคคลที่สามารถท้าทาย’หลงยู่อิน’ทั้งที่ตนเองไม่มีภูมิหลังคอยหนุนนั้น ‘กู้เฮง’จึงพิจารณาว่าเป็นศัตรูที่คู่ควร
‘กู้เฮง’กวาดสายตาผ่านฝูงชนก็สังเกตเห็น ‘กู้หลาน’กับ’กู้เบ่ย’ ที่มุมปากแสยะยิ้มเย็นออกมา
“โอ้ นั่นใช่ พี่น้องกู้หลาน กับพี่น้องกู้เบ่ย หรือไม่? พวกเจ้าสองคนเองก็มาเพื่อดูเรื่องสนุกสนุกด้วยเช่นกันรึนี่?”
‘กู้เบ่ย’จ้องไปที่เขา พร้อมกับหัวเราะ
“ใช่แล้วใช่แล้ว ข้าเองก็ไม่คาดคิดว่าพี่น้องกู้เฮงจะอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ข้าได้ยินว่ามีสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นที่นี่ ข้ากับพี่ของข้าเลยมาที่นี่เพื่อรับชมดู”
‘กู้หลาน’ยังคงเงียบอยู่ นางก้มหัวลงต่ำมือที่ซีดเซียวของนางจับอยู่ที่พักแขนของรถเข็นอย่างสงบ
‘กู้เฮง’เหลือบมองไปยัง’กูหลาน’ ที่ปากปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันในเวลาแค่พริบตา จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสาร
“การเจ็บป่วยของพี่น้องกู้หลานยังคงไม่ได้รับการเยียวยารักษา ? ช่างน่าเสียดายแทนยิ่งนัก แต่เดิมด้วยความสามารถของพี่น้องกู้หลานนั้นจะทำให้ก้าวไปยังจุดสูงสุดของตระกูลกู้ของเราได้อย่างแน่นอน! กู้เบ่ยขณะที่ท่านพี่ของเจ้ากลายเป็นคนพิการไปแล้ว เจ้าควรดูแลนางให้ดี!”
ถีบยอดหน้าแม่*
ตาของ’กู้หลาน’เต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่นางก็ปกปิดมันอย่างรวดเร็ว
ในอดีตที่ผ่านมานางได้รับการกล่าวขานว่าเป็นยอดอัจฉริยะ นางจะไม่ทนแม้แต่เพียงเศษทรายที่มากระทบกับความภาคภูมิใจของนาง แต่นับตั้งแต่วันที่นางล้มลงนางก็เริ่มเรียนรู้ที่จะอดทนอดกลั้น
‘กู้เบ่ย’ทำได้แค่เพียงถอนหายใจออกมา
“ขอบพระคุณท่านพี่ กู้เฮงเป็นอย่างมาก อาการบาดเจ็บของพี่สาวข้าไม่อาจเยียวยารักษาได้เลยแม้แต่นิด ดังนั้นข้าจึงพานางออกมาเพื่อบรรเทาความเบื่อหน่ายให้แก่นาง”
แม้จะโกรธ ‘กู้เฮง’มากแค่ไหน ที่มาดูถูกพี่สาวเขามิหนำซ้ำยังเรียกพี่สาวเขาว่าพิการ เขาก็ยังต้องกล้ำกลืนฝืนมันเอาไว้
‘กู้เฮง’ มอง’กู้หลาน’ ที่ก้มหน้าอยู่โดยไม่โต้ตอบสิ่งใด อันที่จริงนับตั้งแต่นางพิการนางก็คงไม่เหลือใจจะสู้ต่อไปอีกแล้วกระมัง
“ไหนๆพวกเจ้าก็ได้มาถึงสถานที่ที่นี้แล้ว ถ้างั้นก็อยู่รอดูการแสดงนี้ให้จบก่อนกลับเป็นไง!”
‘กู้เฮง’ยิ้มออกมา
“ข้าได้ยินมาว่ามีเด็กหนุ่มมีความสามารถคนหนึ่งได้ท้าทายหลงยู่อิน สิ่งนี้ทำให้ข้าสนใจมาก!”
แม้ว่าเส้นชีพจรของ’กู้หลาน’จะเสียหายและกลายมาเป็นคนพิการ หากพ่อแม่ของนางยังคงมีชีวิตอยู่นางคงไม่ถูกหมิ่นเกียติรถึงเพียงนี้ อีกทั้งผู้อาวุโสหลายคนยังให้การสนับสนุน’กู้เบ่ย’กับ’กู้หลาน’ ถึงแม้ว่าเขาอยากใช้คำพูดทิ่มแทงให้มากกว่านี้ เขาก็ยังต้องยับยั้งใจการกระทำต่อ’กู้หลาน’และ’กู้เบ่ย’เอาไว้บ้าง
กลุ่มผู้คนที่ยืนดูศิลาอันดับวิญญาณด้วยความคิดที่แตกต่างกันไป
นอกเหนือจากตระกูลกู้ ตระกูลผนึกมังกร ตระกูลเพลิงสีเทา ตระกูลอื่นๆแทบทั้งหมดมารวมกันอยู่ที่ศิลาอันดับจิตวิญญาณแห่งแสงเพื่อมาดูผล
‘เนี่ยหลี่’ที่เพิ่งเข้าด่านจิตวิญญาณแห่งแสงเป็นครั้งแรก และขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 14 ในอันดับจิตวิญญาณแห่งแสง
นี่นับว่าเพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ ความสามารถของเขา หากพวกเขาสามารถดึง’เนี่ยหลี่’ให้มาร่วมกลุ่มเขาได้นั่นจะต้องเป็นประโยชน์อย่างมากต่อตระกูลพวกเขาภายในด่านจิตวิญญาณแห่งแสง
‘เนี่ยหลี่’ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เกิดการกระเพื่อมของพลังงานมากมายเช่นนี้ แต่’เนี่ยหลี่’ยังสัมผัสได้ถึงพลังสวรรค์และปฐพีและเริ่มทำการเชื่อมต่อกับพลังสวรรค์และปฐพีต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อเวลาผ่านพ้นไปเขารู้สึกได้ว่า บทแรกของเทคนิค เทพวิถีฟ้า มีประสิทธิภาพและเสถียรมากขึ้น แท้จริงแล้วการปลดปล่อยอานุภาพที่แท้จริงของ เทคนิค เทพวิถีฟ้า ต้องเข้ามายังอาณาจักรซากมังกรเพื่อทำการบ่มเพาะพลัง
‘เนี่ยหลี่’ได้มาถึงขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้าแล้ว
‘หลงยู่อิน’มอง’เนี่ยหลี่’ที่ค่อยๆลดระยะห่างขึ้นมาเรื่อยๆ นางรู้สึกถึงแรงกดดันเป็นครั้งแรกในชีวิตนาง
ครั้งแรกของนางกับ’เนี่ยหลี่’ ในการเข้ามายังด่านจิตวิญญาณแห่งแสงอยู่ในขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้าเท่ากัน นี่เหมือนกับว่าเขากำลังจะทำมันได้ นางกำลังมอบครั้งแรกเอ้ย แข่งครั้งแรกของนางกับหลี่อยู่ 125 เท่ากัน ในครั้งแรก เลยกลัว
นับแต่นางยังเยาว์ นางมักจะบอกกับตัวเองเสมอว่าต้องกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเดียวกัน แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายนางก็สามารถทำให้เขาเหล่านั้นสยบใต้ฝ่าเท้านางได้
การแสดงออกของนางเริ่มหวั่นกลัวบ้างเล็กน้อยเมื่อมอง’เนี่ยหลี่’ ตั้งแต่เกิดมา’เนี่ยหลี่’เป็นฝ่ายตรงข้ามที่ทรงพลังมากที่สุดเท่าที่นางเคยพบ!
แต่นางจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้นี้เด็ดขาด คิดว่านางเป็นใครกัน นางคือ’หลงยู่อิน’จากตระกูลผนึกมังกร !
เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วนางจะไม่ยอมพ่ายแพ้ให้กับผู้ใดก็ตามในวัยเทียบเท่ากัน‘เนี่ยหลี่’หยุดอยู่ที่ขั้นหนึ่งร้อยยี่สิบห้าและมองไปที่’หลงยู่อิน’
“ข้าได้ยินมาว่าในคราแรกที่เจ้าได้เข้ามาด่านจิตวิญญาณแห่งแสง เจ้าก็มาถึงตรงที่ข้ายืนอยู่ตรงนี้ ดูเหมือนว่าอัจฉริยะอย่างเจ้าคงมีความสามารถพอใช้ได้ ขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้า ไม่ง่ายเลยที่จะมาถึง?!”
‘เนี่ยหลี่’ยั่วยุ’หลงยู่อิน’เล็กน้อย
ใบหน้าของ’หลงยู่อิน’โกรธจนขึ้นสี
เสียง แคร๊ก! ดังมาจากการกำหมัดจนแน่นของนาง
นางจ้องไปยัง’เนี่ยหลี่’
“แค่เพียงเจ้าสามารถมาถึงขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้า ไม่ได้หมายความเจ้าชนะข้าได้ในวันนี้ หากเจ้าไม่สามารถเอาชนะข้าได้แล้วก็จงรอรับชะตากรรมการเฆี่ยนตีสามครั้งของข้าคนนี้ได้เลย !”
“เจ้าไม่ต้องมาห่วงข้าหรอก เจ้าควรจะห่วงตัวเจ้าเองเสียดีกว่า หากข้าได้ตีเจ้าถึงสามครั้ง ข้าก็กำลังคิดว่าข้าควรจะตีส่วนไหนของเจ้าดี กับสาวงามเช่นเจ้าเพื่อไม่ให้เสียของ! แต่อย่างไรก็ตามกับผู้ที่งามเพียงรูปแต่จิตใจชั่วร้ายแบบเจ้าข้าจะไม่ผ่อนปรนเด็ดขาด!”
‘เนี่ยหลี่’จ้องมอง’หลงยู่อิน’อย่างกระหาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก ช่วงเอว หรือส่วนอื่นๆ บนร่างกายของนาง เผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อันชั่วร้าย
แปลโดย … สินธุ์นวล
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: