ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘หลงยู่อิน’ก้าวขึ้นต่อไปเรื่อยตรงไปที่’เนี่ยหลี่’ ในขณะที่นางเดินมาถึงระดับที่’เนี่ยหลี่’อยู่นางก้มมองและยิ้มให้เขาอย่างเย็นชา
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาได้ถึงระดับนี้ แต่ด้วยสถานะอันต่ำต้อยของเจ้าแล้ว นี่คงจะเป็นขีดจำกัดของเจ้าแล้วใช่ไหม?”
คำพูดของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยันที่มีต่อ’เนี่ยหลี่’
สิ้นคำพูดของ’หลงยู่อิน’
‘เนี่ยหลี่’ก็ตะคอกออกมา
“หลงยู่อิน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะเก่งกาจมากงั้นรึ? เจ้าคิดว่าเจ้าวิเศษมากงั้นเชียว? หากไม่ได้ทรัพยากรจากตระกูลเจ้าคอยหนุนหลังตัวเจ้ามันก็ไม่มีอะไรเลย! ก็เช่นเดียวกับที่เจ้าได้กล่าวมา ตระกูลผนึกมังกรนี้สามารถเปลี่ยนขยะให้เป็นอัจฉริยะได้โดยแท้ หากปราศจากตระกูลผนึกมังกรแล้ว เจ้ามันก็ไม่แตกต่างอันใดกับขยะ!”
‘หลงยู่อิน’ ไม่คาดคิดเลยว่าเนี่ยหลี่จะกล้าต่อว่านาง!
“เจ้ากล้าเรียกข้าว่าขยะ?!”
ดวงตา’หลงยู่อิน’เต็มไปด้วยความกระหายเลือด ความเย็นชาที่เปล่งออกมาเพื่อต้องการสังหาร’เนี่ยหลี่’ นับตั้งแต่นางยังเด็กไม่มีผู้ใดที่จะหาญกล้าเรียกขานนางว่าขยะ!
‘เนี่ยหลี่’หัวเราะอย่างเย็นชา
“หลงยู่อิน หากไม่มีตระกูลเจ้า เจ้ามันก็แค่เศษของขยะ จะเรียกขยะยังไม่เต็มปาก เจ้าคิดว่าสายเลือดมังกรของเจ้ามันน่ากลัวนักหรือ? ฮ่า ฮ่า ในสายตาของข้าสายเลือดมังกรก็ไม่ได้นับว่าแตกต่างจากขยะ!”
‘เนี่ยหลี่’เต็มไปด้วยความไม่พอใจที่มีต่อ’หลงยู่อิน’
แต่เดิมบุคลิกของ’เนี่ยหลี่’ จะไม่โกรธแค้นได้ง่ายๆ แต่เขายังคงนึกถึงคำพูดของ’หลงยู่อิน’ที่กดดันให้อาจารย์ของเขาให้ไปสู่ความตาย
“เหตุใดข้าจะไม่กล้าตำหนิเจ้า ? คนอื่นอาจจะกลัวเจ้าแต่ข้า เนี่ยหลี่ ไม่เคยเกรงกลัวเจ้า คนชั่วช้าสารเลวอย่างเจ้าที่พูดจาโอ้อวดไปวันๆ สมควรถูกตัดลิ้นแล้วเอามาทอดลงน้ำมันเสีย!”
‘เนี่ยหลี่’กล่าวอย่างเย็นชาสุดขีด
“เจ้ากล้าเรียกข้าว่าสารเลวเช่นนั้นเหรอ”
…ใบหน้าของ’หลงยู่อิน’ซีดผงะไป นางชี้ไปยัง’เนี่ยหลี่’
“นี่เจ้ากล้าเรียกข้าแบบนี้จริงๆใช่มั้ย ?! ข้าจะทำลายเจ้าทำลายครอบครัวของเจ้าไม่ให้เหลือ!”
นางเคยว่ากล่าวโจมตีถึงเพียงนี้มาก่อนหรือ? เมื่อทุกคนมองมายังที่นางก็บังเกิดความกลัวขึ้นในตา นางอยู่เหนือกว่าผู้ใดจะเทียบได้แล้วในช่วงวัยเดียวกัน จะมีใครกล้าตำหนิติเตียนนางว่าสารเลวอย่างที่’เนี่ยหลี่’ได้ทำกัน?
“หลงยู่อิน เจ้ามันก็แข็งแกร่งแค่เพียงภายนอก แต่ภายในนั้นช่างอ่อนแอ คนที่เข้ามาตีสนิทชิดเชื้อกับเจ้าก็แค่หวังจะพึ่งความแข็งแกร่งของตระกูลเจ้าเท่านั้น หากไม่มีตระกูลเจ้า เจ้าไม่ใช่เพียงเศษขยะหรอกหรือ อัจฉริยะบ้าบออะไรกัน ? ช่างน่าขันนัก! หากเจ้าคิดว่าเจ้าแน่จริงก็จงมาแข่งกับข้า เจ้าคิดว่าอันดับที่สิบจิตวิญญาณแห่งแสงเป็นอะไรที่น่ายำเกรง? สักวันข้าจะบอกเจ้าให้รู้ เกี่ยวกับความภาคภูมิใจของเจ้านั้นคืออะไร มันเป็นเพียงสิ่งไร้สาระ!”
‘หลงยู่อิน’โกรธจัดจนถึงจุดที่อกนางจะระเบิดออกมาเพราะความโกรธ นี่นับเป็นครั้งแรงที่นางถูกใครบางคนทำให้โกรธ
‘หลงยู่อิน’กำหมัดแน่นจ้องมายัง’เนี่ยหลี่’
“มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่กล้ากล่าวว่าข้าเช่นนี้ ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้ว่าความห่างชั้นของข้ากับเจ้ามันราวฟ้ากับเหว! การแข่งขันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ฮ่าๆ ช่างปัญญาอ่อน ไม่มีใครกล้าพูดกับข้า หลงยู่อินคนนี้มาก่อน ดี ดี ข้าจะมอบความพ่ายแพ้ให้กับเจ้าให้เจ้าได้สำนึกถึงความต่างระหว่างข้ากับเจ้า! เอาแบบนี้เป็นไง หากเจ้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ข้าจะเฆี่ยนเจ้าแรงๆสามครั้ง หึเจ้ากล้ายอมรับคำท้าข้ารึไม่?”
‘เนี่ยหลี่’ยังไม่ได้บรรลุถึงระดับชะตาสวรรค์ด้วยซ้ำ การเฆี่ยนแรงๆจาก’หลงยู่อิน’สามครั้งก็นับว่าเพียงพอต่อการเอาชีวิตเขาแล้ว!
“เหตุใดข้าจักไม่กล้า? แล้วข้าก็จะขอใช้เงื่อนไขเดียวกับเจ้า ระยะเวลาที่กำหนดก่อนวันนี้จะจบลง หากเจ้าพ่ายแพ้ข้าก็จะเฆี่ยนเจ้าสามครั้งเช่นเดียวกัน!”
‘เนี่ยหลี่’หรี่ตาจ้องหลงยู่อินด้วยแววตาที่เย็นชา
“เจ้ากล้าพอรึไม่?”
‘เนี่ยหลี่’ทราบดีว่า สำหรับ’หลงยู่อิน’ผู้มีสายเลือดมังกรนั้น โดยทั่วไปแล้วการเฆี่ยนตีสามครั้งไม่ได้ส่งผลอันใดกับนางเลย แต่สำหรับบุคคลเช่น’หลงยู่อิน’แล้ว การถูกเฆี่ยนตีสามครั้ง เป็นสิ่งที่ยากจะยอมได้ ให้นางตายเสียยังดีกว่า ‘หลงยู่อิน’หัวเราะอย่างเย็นชา
“เหลวไหล! เข้าพูดว่าข้าจะพ่ายแพ้?”
‘เนี่ยหลี่’ยังจ้อง’หลงยู่อิน’อย่างไม่ละสายตา
“คำถามคือ เจ้ากล้าหรือไม่?”
หลังจากถูกสายตาคมกริบของ’เนี่ยหลี่’จ้องมองมา ‘หลงยู่อิน’มีหรือจะยอมได้? นางพ่นลมหายใจออกมาก่อนพูดว่า
“เรื่องอะไรข้าจะไม่กล้า ? ข้าจะรอเจ้าอยู่ข้างบนนั่น!”
เมื่อพูดจบ ‘หลงยู่อิน’ก็หันหลังไปแล้วก้าวขึ้นขั้นต่อไป ขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบหก ขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ด
‘เซี่ยวหยู่’มองไปที่’เนี่ยหลี่’และ’หลงยู่อิน’ ร่อยรอยความกังวลเผยออกมาจากแววตาของเขา เขาคิดไม่ตกว่าเหตุ ‘เนี่ยหลี่’ต้องไปยั่วยุนางด้วย ถ้า’หลงยู่อิน’เฆี่ยนตีเนี่ยหลี่สามครั้งนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้’เนี่ยหลี่’จบชีวิตแล้ว!
‘เซี่ยวหยู่’ขมวดคิ้วมองไปที่’เนี่ยหลี่’ เขาไม่เคยเห็นคนที่บ้าบิ่นเช่นนี้มาก่อน
รวดเร็วดุจไฟป่า ข่าวได้กระจายออกไปทั่วด่านจิตวิญญาณแห่งแสง ว่าด้วยเรื่องการเดิมพันของ’เนี่ยหลี่’กับ’หลงยู่อิน’
“อะไรนะ?? เจ้าเด็กเนี่ยหลี่นั่นยอมรับคำท้าดังกล่าว?”
“ใช่แล้ว เด็กเนี่ยหลี่นั่นหวังสูงเกินไปจริงๆ ช่างยโสโอหังนัก! แม้ว่าความสามารถของเขาจะแข็งแกร่งกว่าหลงยู่อิน แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะหลงยู่อินภายในเวลาหนึ่งวัน !”
“จากทั้งหมดหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าขั้น เมื่อมาถึงขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบ ขั้นตอนต่อๆไปจะยากขึ้นราวกับปีนขึ้นฟ้า เจ้าเนี่ยหลี่นั่นช่างหยิ่งผยองและหลงตัวเองยิ่งนัก!”
“การเฆี่ยนสามทีของหลงยู่อิน จะฆ่าหมอนั่นแน่นอน!”
จำนวนของผู้ที่มารวมตัวกันอยู่ด้านนอกด่านจิตวิญญาณแห่งแสงมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาทั้งหมดมาเพื่อเหตุผลเดียว นั่นคือการจะได้เห็นผลเดิมพันธ์ระหว่าง’เนี่ยหลี่’กับ’หลงยู่อิน’
เช่นเดียวกับสถานที่อื่นๆในสถาบันวิญญาณฟ้า
‘หนานเหมียน เทียนไห่’ และ ‘หวงอวี้’ ได้สังเกตเหตุการณ์ภายในด่านจิตวิญญาณแห่งแสงอย่างใกล้ชิด เมื่อพวกเขาเห็นการเดิมพันที่เกิดขึ้นนี่ ช่วยไม่ได้ที่การแสดงออกของพวกเขากลายเป็นจริงจังขึ้นมา
‘หนานเหมียน เทียนไห่’ขมวดคิ้วของเขาก่อนกล่าวว่า
“แม้ว่าความสามารถของเด็กเนี่ยหลี่คนนั้น จะดีมากแต่เขาหยิ่งผยองเกินไป! เขาจะเดิมพันกับหลงยู่อินได้อย่างไร? ถ้าเขาแพ้ การเฆี่ยนตีสามครั้งจากหลงยู่อินจะฆ่าเขา! และหากแม้ว่าเขาชนะขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี นั่นมิใช่ว่าเป็นความอัปยศอดสูของหลงยู่อินหรอกหรือ ในทางกลับกันเขาก็จะต้องถูกตระกูลผนึกมังกรจัดการ!”
‘หวงอวี้’ ถอนหายใจออกมาก่อนจะกล่าวว่า
“มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการกระทำอันบ้าบิ่นนี้ หลงยู่อินน่าจะไปพูดบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขาโกรธขึ้นมา”
พวกเขาคิดสภาพไม่ออกเลยถึงผลที่จะตามมาจากเรื่องในเหตุการณ์นี้
หากเรื่องนี้มันเลยเถิดเกินควบคุม พวกเขาคงจะต้องก้าวเข้าไปยุ่งด้วยเสียแล้ว!
กลับมาที่ด่านจิตวิญญาณแห่งแสง
‘หลงยู่อิน’ก้าวขึ้นไปถึงขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบเก้าก่อนจะหยุด เมื่อนางมาถึงขั้นนี้นางก็ไม่สามารถที่จะก้าวไปยังขั้นต่อไปได้อีก นางหันกลับมากวาดตามอง’เนี่ยหลี่’ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะนั่งลงอยู่ที่ขั้นนั้น
จากขั้นตอนที่หนึ่งร้อยยี่สิบขั้นต่อๆไปจะเป็นการก้าวเดินที่ยากลำบากเป็นอย่างมาก อัจฉริยะทุกคนเมื่อมาถึงจุดนี้ก็จะต้องพบกับอุปสรรคในการก้าวเดินขึ้นต่อไปอีกขั้น
‘หลงยู่อิน’รู้สึกว่าหากนางเพิ่มระดับการบ่มเพาะพลังขึ้นอีกเล็กน้อย นางก็จะสามารถก้าวขึ้นไปยังขั้นที่หนึ่งร้อยสามสิบได้ นั่นหมายความว่าในอันดับจิตวิญญาณแห่งแสงนางจะกลายเป็นผู้ที่มีอันดับ 9
‘เนี่ยหลี่’ที่พยายามจะเอาชนะนาง มันเป็นเพียงความฝันลมๆแล้งๆของคนสติฟั่นเฟืองเท่านั้น!
ครั้งแรกที่นางได้เข้ามายังด่านจิตวิญญาณแห่งแสง นางได้ก้าวมาถึงขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้า ก่อนที่จะหยุด และหลังจากทำการบ่มเพาะพลังต่อไปอีก สองถึงสามเดือนนางก็ขยับเพิ่มขึ้นมาได้อีก สี่ ขั้น
ในขณะเดียวกัน’เนี่ยหลี่’ก็ได้ทำการ บ่มเพาะพลังสวรรค์อย่างต่อเนื่อง และในที่สุดเขาก็ได้ขึ้นมายังขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบสองแล้ว
เมื่อได้เห็นเช่นนี้แล้ว ทุกคนก็หันกลับมามองเนี่ยหลี่ด้วยความสนใจ ‘เนี่ยหลี่’สามารถบ่มเพาะพลังได้เร็วจนเหลือเชื่อ แล้วเขาก็กำลังจะก้าวขึ้นขั้นต่อไปแล้ว
การก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าวจากขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบนั้นอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องที่ยากมากเนื่องจากขอบเขตวิญญาณที่มีอยู่อย่างจำกัดของผู้ที่อยู่ตำว่าระดับชะตาสวรรค์
ในบรรดาผู้ที่ยังไม่บรรลุถึงระดับชะตาสวรรค์นั้นสามารถไปขั้นที่ หนึ่งร้อยสามสิบแปดนั่นนับว่าสูงสุดแล้ว! ที่ได้รับการบันทึกในรอบหลายพันปีมานี้!
สายตาทุกคนจับจ้องไปยังพวกเขาทั้งคู่
มุมปากของหลงยู่อินกระตุกขึ้นเล็กน้อย
“ฮึ่ม เขาสามารถก้าวขึ้นมาได้ แล้วยังไง? ครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่ข้าก็ขึ้นมาถึงขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้า”
นางยังคงเงียบและทำการบ่มเพาะพลังของนางต่อไปเพื่อจะสามารถก้าวขึ้นไปยังขั้นที่หนึ่งร้อยสามสิบ
อันดับจิตวิญญาณแห่งแสงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง
ชื่อของ’หลงยู่อิน’ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 9
ผู้ที่ยืนมองศิลาอันดับจิตวิญญาณก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
“โอ้สวรรค์!หลงยู่อินเลื่อนอันดับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 9 แล้ว!”
“ในฐานะที่เป็นเด็กใหม่ นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ดูเหมือนว่าเนี่ยหลี่จะพ่ายแพ้ซะแล้ว ความห่างชั้นระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะก้าวข้ามกันได้ง่ายๆ!”
‘หลงยู่อิน’เป็นอัจฉริยะของหลายปีมานี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย มันเป็นเรื่องยากมากที่ผู้มาใหม่จะเลื่อนขึ้นอยู่ในอันดับสูงภายในเวลาไม่กี่เดือน
‘เนี่ยหลี่’ที่ได้ทำการเดิมพันธ์กับ’หลงยู่อิน’ นั่นเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขา ช่างโง่เขลานักด้วยระดับอย่าง’หลงยู่อิน’ แค่คิดว่าจะชนะก็ทำได้อย่างที่พูดอย่างง่ายดาย?
‘จินหยาน’ยืนอยู่บนขั้นที่ หนึ่งร้อยสิบเก้า มากที่สุดสำหรับเขาแล้ว เขาไม่สามารถจะก้าวขึ้นไปได้อีก เขาได้พยายามลองหลายครั้งแล้ว แต่ขอบเขตวิญญาณเขาดูเหมือนจะได้รับแรงกดดันอย่างน่ากลัว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นพบกับ’เนี่ยหลี่’และ’หลงยู่อิน’ ในตาเขาก็เต็มไปด้วยความริษยา
‘จินหยาน’นั้นไม่เป็นไรหากจะพ่ายแพ้ให้กับ’หลงยู่อิน’ แต่เพราะเหตุใดเขาถึงไม่สามารถจะชนะ’เนี่ยหลี่’ได้ ? หัวใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความไม่พอใจมากมาย
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักแค่ไหน เขาก็ยังทำได้แค่ยืนมอง’เนี่ยหลี่’และ’หลงยู่อิน’จากระยะไกล เขาไม่เชื่ออย่างที่สุดว่า’เนี่ยหลี่’จะสามารถชนะ’หลงยู่อิน’ได้ ตัวตนของ’หลงยู่อิน’ไม่สามารถทำให้พ่ายแพ้ด้วยบุคคลธรรมดาสามัญ ต้องการมีชัยเหนือ’หลงยู่อิน’งั้นรึมันไม่มีวันทำได้!
‘เซี่ยวหยู่’มอง’เนี่ยหลี่’ด้วยความกังวล ไม่มีเหตุผลเลยทำไม’เนี่ยหลี่’ถึงต้องเดิมพันด้วย
‘เนี่ยหลี่’ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเขามาถึงขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบสอง เขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่ส่งมายังเขา
‘เนี่ยหลี่’ครุ่นคิดกับตัวเอง
‘หากเป็นอย่างที่อาจารย์บอกข้าในชีวิตก่อนหน้านี้ แรงอาฆาตในตัวข้านี้นั้นมีมากเกินไป แม้แต่ฟ้าและดินที่คอยรองรับแรงอาฆา แค้นนับหมื่นนับแสนของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ยังไม่ยอมรับ ดังนั้น การเส้นทางสวรรค์จะเปิดทางยอมรับข้าคงเป็นเรื่องที่ยากเกินไป’
อย่างไรก็ตาม ขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบสองนี้ ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา หากเขามาติดอยู่แค่ขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบสอง การที่เขาได้รับชีวิตที่สองมานี้จะไม่เป็นการขายหน้าหรือ ?
‘เนี่ยหลี่’ยืนอยู่บนขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบสอง ดวงตาทั้งสองข้างปิดลงและเริ่มบ่มเพาะ พลังเทพวิถีฟ้า เทคนิคการบ่มเพาะ พลังเทพวิถีฟ้า เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพมากนการสื่อสารพลังฟ้าและดิน
บทแรกของเทคนิค พลังเทพวิถีฟ้า : วิถีฟ้าสาดส่อง ห่อหุ้มสวรรค์แต่ไม่อาจครอบครอง มหาวิถียิ่งใหญ่ไร้ซึ่งการโต้แย้ง รู้แจ้งแต่ไม่อาจคาดเดา โอ้ ชิท มันคืออะไร ?
‘เนี่ยหลี่’ พึมพำบทแรกของ เทคนิคพลังเทพวิถีฟ้า ซ้ำไปซ้ำมา เกิดการหลั่งไหลของกลิ่นอายขนาดใหญ่ออกมาจากร่างของ’เนี่ยหลี่’แผ่กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ
แปลโดย…สินธุ์นวล
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: