ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“แข็งแกร่งมาก !! นี่คือการประจัญหน้าระหว่างยอดอัจฉริยะของทั้งอาณาจักรซินะ”
เมื่อมองดูคลื่นพลังที่แผ่กระจายออกมาราวกับสัตว์ร้ายนั้น ด้วยรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ ‘ชูเฟิง’ สามารถรับรู้ได้ถึงความห่างชั้นของเขากับอัจฉริยะในขั้นแดนสวรรค์
อย่างไรก็ตาม ‘ชูเฟิง’ ยิ่งอยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับตัวตนของบุคคลที่เข้ามาแทรงระหว่างการต่อสู้ของ ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ และ ‘ซู ซ่งหยู’ ที่มียอดอาวุธ เขาจึงขยายรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณของเขาออกไปและเขาพบว่าบุคคลนั้นเป็นชายหนุ่มที่มีอายุรุ่นๆ เดียวกับเขา
ในความเป็นจริงนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ ‘ชูเฟิง’ เท่านั้นที่อยากรู้ ทุกคนทั่วบริเวณนั้นต่างจับจ้องไปที่ชายคนนั้นอย่างตั้งใจ
***** พรึ่บ *****
ในที่สุดนั้น คลื่นพลังที่แผ่กระจายออกมาก็ได้หายไป และเมื่อผู้เชี่ยวชาญปลดการวางรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณออกนั้น ร่างทั้งสามร่างก็ปรากฏสู่สายตาของทุกคน
และบุคคลที่สามนั้น เป็นอย่างที่ ‘ชูเฟิง’ ตรวจสอบได้ นั่นคือเขาเป็น ชายหนุ่ม และจากเสื้อผ้าของเขานั้น ทำให้ทุกคนสามารถรู้ได้ทันทีว่า เขาคือลูกศิษย์อันดับหนึ่งของคฤหาสน์อันทรงเกียรติ ‘หลิว ชีซุน’
“นั่นมัน….หลิว ชีซุน !! เขาสามารถแทรกระหว่างการต่อสู้ ของสองอัจฉริยะที่มียอดอาวุธโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลย เป็นไปได้ว่าเขาเองก็มียอดอาวุธเช่นกัน”
“เป็นไปไม่ได้คฤหาสน์อันทรงเกียรติจะมียอดอาวุธ เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อของ หลิว ชีซุน เช่นนั้นรึ นั่นเขาใช้ทักษะฝ่ามือผสานฟ้า มันเป็นทักษะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของคฤหาสน์อันทรงเกียรตินี้ เขาไม่ได้มียอดอาวุธเสียหน่อย”
“อาจจะเป็นเช่นนั้น ทักษะฝ่ามือผสานฟ้า นั้น เป็นทักษะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของมันเอง อาจจะมีพลังเทียบเท่ากับ ยอดอาวุธก็เป็นได้”
การถกเถียงของผู้คนทั่วบริเวณเริ่มดังขึ้น ‘ชูเฟิง’ เองก็อยากรู้ว่าทักษะอะไรที่สามารถต้านทานพลังของยอดอาวุธได้ เขาจึงกล่าวถาม ‘กู๋โบ่’ ออกไปว่า
“อะไรคือทักษะการต่อสู้ที่พวกเขากำลังพูดถึง แล้วมันจะมีพลังขนาดนั้นเลยเหรอ !?”
“ชูเฟิง ข้าแน่ใจว่าเจ้าต้องรู้ว่า ในเก้าอาณาจักรนั้น ทักษะระดับแปด เป็นทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ทักษะระดับแปดนั้น เป็นทักษะที่หายากมาก แม้แต่นิกายโลกวิญญาณของข้า และตระกลูเจี่ยก็ยังไม่มี”
“ยังไงก็ตาม คฤหาสน์อันทรงเกียรตินั้นมีสมบัติต่างๆ และอำนาจมากมาย ไม่ใช่เพียงแค่ราชวงศ์เจียงเท่านั้นที่มีทักษะระดับแปด อาจกล่าวได้ว่า ทักษะระดับแปดนั้น เป็นสมบัติพื้นฐานของคฤหาสน์อันทรงเกียรติเลยก็ว่าได้”
“แต่ทักษะ ฝ่ามือผสานฟ้า นั้น เป็นทักษะที่ยากมากในการฝึก ภายในคฤหาสน์อันทรงเกียรติเองก็มีคนน้อยมากที่จะฝึกมัน อีกทั้งด้วยความที่การจะใช้ทักษะนี้ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการเรียกใช้ทักษะ เป็นไปไม่ได้เลยว่าจะใช้ทักษะนี้ในการต่อสู้ตัวต่อตัว ขณะที่ใช้ทักษะนี้ยังต้องมีคนที่คอยปกป้องผู้ใช้ทักษะด้วย”
“ยังไงก็ตาม ในตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า ขุมพลังของคฤหาสน์อันทรงเกียรตินั้นน่ากลัวมาก เพราะในตอนนี้มีคนที่สามารถใช้ทักษะนี้ได้ปรากฏออกมา จากการที่ หลิว ชีซุน แสดงพลังของทักษะที่สามารถต้านทานพลังของยอดอาวุธได้นั้น มันเป็นขุมพลังน่ากลัวยิ่งนัก”
“และแน่นอนว่า ที่ หลิว ชีซุน สามารถใช้ทักษะฝ่ามือผสานฟ้าได้นั้น เป็นเพราะเขามีเวลาเพียงพอที่จะเรียกใช้ทักษะ”
‘กู๋โบ่’ กล่าวอธิบายอย่างละเอียด
“ฝ่ามือผสานฟ้า ของคฤหาสน์อันทรงเกีรติช่างแข็งแกร่งจริงๆ น้อง หลิว ชีซุน ในอนาคตหากข้าต้องประมือกับเจ้า และหากว่าข้าไม่ได้มียอดอาวุธในมือ คงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะสามารถเอาชนะท่านได้”
‘ซู ซ่งหยู’ กล่าวชื่นชมมา แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจอย่างมากที่ ‘หลิว ชีซุน’ เข้ามาแทรงระหว่างการต่อสู้ของเขา
“อ่า…พี่ ซู ซ่งหยู ท่านก็กล่าวเกินไป……………แม้ว่าฝ่ามือผสานฟ้านั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันซับซ้อน และยากที่จะใช้ในการต่อสู้ตัวต่อตัว”
‘หลิว ชีซุน’ กล่าวอธิบายพลางยิ้มบาง
“โอ้…..จากที่เจ้ากล่าวมานี่ หากว่าทักษะฝ่ามือผสานฟ้า สามารถใช้ออกมาได้ง่าย ก็แปลว่าพวกเราไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้เลยซินะ”
‘เจี่ย ฉิงหมิง’ กล่าวเยาะเย้ยออกมา
“พี่ชาย เจี่ย ฉิงหมิง ,พี่ชาย ซู ซ่งหยู ท่านอย่าทำให้ข้าต้องตกที่นั่งลำบากเลย ข้ารู้ว่าการที่ข้าเข้ามาแทรกระหว่างการต่อสู้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น มันไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานหมู่”
“เหตุเพราะว่ายอดอาวุธทั้งสองนั้นทรงพลังเกินไป หากสถานที่จัดงานนี้ถูกทำลายลง คง้ป็นเรื่องที่ทำให้ข้าต้องตกที่นั่งลำบาก”
“น้องชาย หลิว ชีซุน ไม่ใช่ว่าข้า เจี่ย ฉิงหมิง จะต้องการต่อสู้ภายใต้อาณาเขตของคฤหาสน์อันทรงเกียรติ แต่เพราะว่ามีคนที่แหกกฏของคฤหาสน์อันน่าเกรงขามแห่งนี้ และทางคฤหาสน์อันทรงเกียรติเงก็ไม่สามารถจัดการได้ ดังนั้น ข้าจึงต้องพึ่งพาตัวข้าเอง”
‘เจี่ย ฉิงหมิง’ กล่าวอธิบายพร้อมยิ้มบางออกมา
“นี่…….!!”
‘หลิว ชีซุน’ นั้น ป็นคนที่สังเกตการณ์มาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนุ่ง ก่อนที่จะเดินมาที่ด้านหน้าของ ชูเฟิง และกล่าวอกมาอย่างสุภาพว่า
“น้องชาย ข้าอยากรู้ว่าเจ้ามีนามวาาอะไร !?”
“ข้า ชูเฟิง”
“อ่า…น้องชาย ชูเฟิง ข้ารู้ว่าเจ้ามีความขัดแย้งระหว่าง น้องชาย เจี่ย ปู้ฟาน และในตอนนี้ น้องชาย เจี่ย ปู้ฟาน ก็ได้รับบาดเจ็บ นั่นเป็นฝีมือเพราะเจ้าถูกต้องไหม”
“เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นในพื้นที่ของคฤหาสน์อันทรงเกียรติของข้า ดังนั้นข้าจะช่วยให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรม”
“เอาอย่างนี้ เราจะเปลี่ยนเรื่องใหญ่นี้ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก โดยที่เพียงแค่เจ้าขอโทษ น้องชาย เจี่ย ปู้ฟาน ต้อหน้า พี่ชาย เจี่ย ฉิงหมิง เพียงเท่านี้เรื่องทึกอย่างก็จะจบ เจ้าคิดว่าเป็นเช่นไร !?”
แม้ว่าต่อหน้าของทุกคนนั้น ‘หลิว ชีซุน’ จะแสดงกิริยาที่สุภาพออกมา แต่จากคำกล่าวของเขานั้น เต็มไปด้วยความหนักแน่น และในบางความหมายยังเป็นการข่มเหง ‘ชูเฟิง’ ให้กล่าวคำขอโทษออกมา
อย่างไรก็ตาม ‘ชูเฟิง’ นั้นเกลียดการถูกข่มขู่และข่มเหงมากที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ยอมขอโทษและรับผิดต่อหน้า ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา และกล่าวว่า
“ช่วยให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรมเช่นนั้นรึ เจ้าเรียกสิ่งนี้ว่าความเป็นธรรมเช่นนั้นรึ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดข้าจะต้องขอโทษด้วย ถ้าเจ้าเป็นคนของคฤหาสน์อันทรงเกียรติ เจ้าควรไปตรวจสอบเรื่องราวนี้ให้แน่ชัดเสียก่อนที่จะมาเรียกร้องความเป็นธรรม การกระทำของเจ้าเช่นนี้ มันไม่ได้เรียกว่าความเป็นธรรม แต่มันเรียกว่าการ ข่มเหง”
ขณะที่ ‘ชูเฟิง’ กล่าวจบนั้น ใบหน้าของทักคนในบริเวณนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั่วทั้งพื้นที่นั้น ทุกคนต่างเงียบลงจนได้ยินแม้แต่เสียงหายใจที่เย็นเยียบ จากการกระทำที่อาจหาญของ ‘ชูเฟิง’
แม้แต่ ‘ซู ซ่งหยู’ ก็ขมวดคิ้วของเขาแน่น เขารู้ดีว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี เขารู้ดีถึงสถานะของ ‘หลิว ชีซุน’ เขาคือศิษย์อันดับหนึ่งของคฤหาสน์อันทรงเกียรติ และยังเป็นบุคคลที่สามารถประมือกับ ‘เจี่ย ฉิงหมิง’และตัวเขาได้
หากมีการเจรจานั้น ทั้ง ‘ซู ซ่งหยู’ และ ‘เจี่ย ฉิงหมิง’ สามารถปฏิเสธได้โดยไม่มีปัญหา แต่สถานะและความแข็งแกร่งของ ‘ชูเฟิง’ และ ‘หลิว ชีซุน’ นั้นแตกต่างกันอย่างมาก พวกเขากันคนละระดับเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การที่ ‘ชูเฟิง’ กล่าวเช่นนั้นออกมาต่อหน้าฝูงชนนี้ เป็นการไม่ไว้หน้าของ ‘หลิว ชีซุน’ แต่อย่างใด อีกทั้งเหมือนการตบหน้าของ ‘หลิว ชีซุน’ อย่างแรงต่อหน้าฝูงชน ถึงแม้ว่าในตอนนี้ ‘หลิว ชีซุน’ จะไม่ได้ตอบโต้อะไรออกมา แต่ในอนาคตนั้น เป็นไปได้อย่างแน่นอนว่า เขาจะต้องหาวิธีจัดการ ‘ชูเฟิง’
‘ชูเฟิง’ นั้นรู้ดีถึงเหตุการณืที่นะตามมา แต่อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนที่หัวแข็ง ดังนั้น เขาจะไม่ยอมลดเกียรติของเขาเพื่อกล่าวคำขอโทษออกมา อาจกล่าวได้ว่า ฆ่าได้ หยามไม่ได้ ‘ชูเฟิง’ เป็นคนที่ยอมตายดีกว่าอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี
“กล่าวได้ดี !!”
ในขณะนั้น ทุกคนรู้ดีว่า ‘ชูเฟิง’ กำลังเข้าใกล้หายนะ จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนชื่นชมดังออกมา
เมื่อมองไปทางต้นเสียงนั้น ก็จะพบกับโขดหินที่อยู่บริเวณใกล้เคียง บนนั้นมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ เขากำลังปรบมืออย่างต่อเนื่อง และกล่าวชื่นชมออกมา เขาคือชายที่สังหารเฒ่าลามก ‘เจียง หวู่ชาง’
แปลโดยคุณ#
ที่มา: